ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC 2PM+GOT7] JYP DOMEITORY หอพักป่วนก๊วนคนแสบ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 GOOD MORNING JYP DOME (BNior)

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 57






    [บทที่ 2   GOOD MORNING JYP DOME] (BNior)]

     



     

    ...PICTURE LOADING...





     

    เช้าวันนี้ของหอพักเจวายพีก็เหมือนเคย ตอนเช้าที่แสนวุ่นวายกำลังจะเริ่มต้น...อีกครั้ง

     

    ------------- JYP DORMEITORY -------------

     

    JR PART TALK

     

    สวัสดีคร๊าบ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ ปาร์ค จินยอง นักเรียน ม.6 โรงเรียนเจวายพีไฮสคูล ที่มีผู้บริหารคนเดียวกับเจ้าของหอพักที่ผมกำลังอาศัยอยู่ที่ชื่อ ปาร์ค จินยอง ครับ......ครับ อย่าตกใจครับ ไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นลุงกอลิลล่าความคิดแปลกๆที่อาศัยอยู่ชั้นหนึ่งของหอพักแห่งนี้ต่างหาก -*- คิดดูนะครับ เป็นผู้บริหารเครือ JYP ที่แสนจะมีอำนาจกว้างขวางแต่กลับมาอยู่ห้องพักในหอพักของตัวเอง แถมห้องนั้นมันเล็กที่สุดไม่ใช่เหรอครับท่านผู้อำนวยการ

     

    เอาเถอะ ผมก็บ่นไปเรื่อย ไม่เข้าใจความคิดอัจฉริยะเขาหรอกครับ อ่า...ผมจะพูดอะไรนะ อ้อ เพราะว่าผมดันชื่อเหมือนตาลุงเจวายเพ่~นั่น เวลาผมแนะนำตัวก็เลยต้องเอ่ยด้วยชื่อจริงตามด้วยกำชับว่าให้เรียก จูเนียร์ ทุกครั้งไป ทำเพื่อป้องกันความสับสนเลยนะครับ (เหตุผลจริงๆคือไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่าผมกับลุงเป็นคนเดียวกัน ไม่ได้รังเกียจนะ พูดจริงๆ)

     

    ถามว่าผมกำลังทำอะไรอยู่น่ะเหรอครับ (คนเขียน – ใครถาม?) มือซ้ายพลิกไข่เจียวมือขวาจับกระทะขนาดนี้ ผมคงไม่ได้สร้างบ้านอยู่หรอกครับ กำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นน้องที่น่ารักของพี่ชายแก้มบวมที่ตอนนี้ยังนอนอุตุอยู่ในห้องนอนต่างหาก

     

    อ้อ กำลังจะนินทาพอดี เดินออกมาซะงั้น แล้วนั่นอะไร -*- นี่ท่านนอนในชุดนักศึกษาอีกแล้วเหรอท่าน ยับยู่ยี่เชียว แล้วท่าทางแบบนั้นนี่ได้นอนจริงป่ะครับ ดูล่องลอยเหลือเกิน

     

    “หาวววววววว มีอะไรกินบ้างอ่ะเนียร์”หาวปากกว้างขนาดนั้นจะสร้างบ้านให้ค้างคาวรึไงครับ

     

    “ไข่เจียว ข้าวอุ่น ต้องการอะไรเพิ่มไหมครับคุณชายยยยย”ผมลากเสียงที่คิดว่ากวน...นที่สุดไปให้พี่ชายที่ยกมือมาเขกมะเหงกกลางอากาศทั้งที่ยังง่วงๆเบลอๆนั่นแหล่ะ

     

    “ขอกาแฟเข้มๆที่นึงครับคุณน้องชายสุดน่ารัก”ว่าจบก็ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ ฟุบตัวนอนบนโต๊ะกินข้าวต่อ

     

    ผมลืมแนะนำตัวให้พี่ชายสินะครับ พี่เขาชื่อ จาง อูยองครับ เป็นพี่ผมสองปี ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ ปี 2 คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัย JYP (แน่นอนหลายคนบอกว่าอีกแล้ว จะทำยังไงได้ คนเขียนมันคิดไม่ออก) ตามทางของสถาปัตฯ เขาแหล่ะครับ เรียนน้อย งานเยอะ เวลานอนไม่มี เวลากินไม่เหลือ เวลาส่งงานถ้าเลือดไม่พุ่งก็ห้ามหยุดไปโรงบาล ฉะนั้นเวลาพี่ผมเดินไปทางไหน กรุณาอย่าจับเขาส่งเอ็กโซซิสหรือหมอผีนะครับ พี่เขายังเป็นคนไม่ใช่ซอมบี้ โอเค๊ (ทำหน้าแอ๊บแบ๊วฉีกยิ้มอ้อนเห็นตีนกาชัดเจน)

     

    “ไหวไหมเนี่ยพี่ วันนี้หยุดพักไหม”

     

    “ม่ายยยอ่ะ หยุดไม่ได้มีโปรเจคส่งอาจารย์”

     

    “คร๊าบๆ”ผมตอบเสียงยานคาง ขณะที่มือก็กำลังชงกาแฟเข้มๆตามสั่งให้พี่ชาย ตาก็เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงสิบนาที

     

    ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูเรียกให้ผมรีบชงกาแฟให้มันเข้ากันส่งให้พี่ชายที่รีบรับเอาไว้แล้วเดินไปเปิดประตูแบบรู้หน้าที่

     

    คนที่มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องผมทุกเช้าก็ไม่มีใครนอกจากเพื่อนห้องตรงข้ามอย่างพี่น้องตระกูลคิมหรอกครับ ผู้ชายคนแรกที่ยิ้มกว้างเป็นมิตรน่ารักน่าแกล้งอยู่หน้าผมตรงนี้ ชื่อ พี่จุนเคครับ เรียนปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ ปีนี้ก็จะจบแล้วแต่ไม่รู้จะมีแพลนเรียนต่อโทรึเปล่า ไม่อยากบอกว่าพี่แกแต่งตัวแนวมากครับ เสื้อกล้ามสีดำในเสื้อนักศึกษาตัวบางเป็นสิ่งที่ผมเห็นทุกเช้า กำไลข้อแขนข้อมือสร้อยโซ่เข็มขัดสุดแนวที่พอพี่คนนี้จับมาใส่กลับดูดีได้ทั้งที่ไม่น่าจะเข้ากัน ส่วนอีกคนคือผู้ชายที่ผมไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุด คนอะไรขี้แกล้ง!

     

    “จินยองอ่า วันนี้มีอะไรกินไหม พี่หิวจังเลยยย”พี่ชายข้างห้องอ้อนเอามือมากอดไหล่ผมเขย่าเบาๆสองสามครั้ง นิสัยพี่เขาละครับ ถึงเนื้อถึงตัวนักเชียว แถมขี้อ้อนอีกต่างหาก แน่ใจเหรอครับว่าพี่ปีสี่แล้วน่ะ...

     

    ...แต่ผมก็ว่าน่ารักดีนะ ไม่งั้นพี่ชายผมจะแอบชอบเป็นปีสองปีได้ไง อุ๊บ! นี่ผมเผลอพูดอะไรไปรึเปล่านะ โฮะๆ...

     

    “เข้ามาเลยพี่ ผมทำเผื่อให้แล้ว”

     

    มันเป็นปกติครับ ทุกเช้าผมต้องทำอาหารเผื่อคนสี่คนเพราะสงสารเพื่อนข้างห้องที่ทำอาหารไม่เป็น จะไปหาอะไรกินข้างนอกทุกวันก็ไม่ไหว สุดท้ายผมที่ทำกับข้าวเป็นเลยต้องเป็นคนทำกับข้าวเช้าให้ทุกวัน

     

    พี่จุนเคยิ้มตาหยี เอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วเดินลิ่วเข้าห้องไป เหลือเพียงชายหนุ่มอีกคนที่ยืนเงียบมองหน้าผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

     

    “มีอะไร มองทำไม”

     

    “มองแม่...”เสียงทุ้มของอีกคนเอ่ย ทำเอาผมขมวดคิ้วใส่

     

    “เฮ้! ถึงผมจะถูกเรียกบ่อยๆว่าออมม่า แต่ผมก็ไม่ชอบโดนเรียกว่าแม่หรอกนะ”ผมเหวใส่คนตัวสูงที่เริ่มฉีกยิ้มเห็นเงิงชัดเจน อย่ายิ้มมากครับพี่ กูกลัวฟันเฉาะหน้ากู

     

    “แม่ทูนหัวน่ะ”พูดจบก็เดินละลิ่วเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมอ้าปากค้างกับมุขเสี่ยวๆนั่น หน้าผมร้อน...ไม่ได้เขินหรอก โกรธต่างหาก ไม่อยากเก็บฟันไว้กินข้าวใช่ไหมฮะ คิม แจบอม ! เอามุขจีบสาวพื้นๆแบบนั้นมาจีบฉันได้ไงฮะ (ตกลงว่าที่โกรธเพราะมุขมันเสี่ยว ถ้าไม่เสี่ยวก็โอใช่ป่ะ?)

     

    โอเค เย็นไว้เนียร์ เย็นไว้ อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนมีเงิง (แทค – ฮัดจิ้ว!) คนที่เพิ่งโยนมุขเสี่ยวให้ผมเมื่อกี้คือ คิม แจบอมครับ เป็นรุ่นพี่ผมปีนึงและเป็นน้องของพี่จุนเคเขาล่ะ ตอนนี้เรียนปีหนึ่ง คณะบริหารธุรกิจ เห็นมีเงิงโดดเด่นแบบนั้น แต่นายคนนี้เดือนคณะเลยนะครับ เห็นว่ามีสาวๆตอมหน้าตอมหลังเชียวล่ะ แต่แปลก เสน่ห์แรงขนาดนั้นแต่กลับมาหยอดมุขเสี่ยวใส่ผมแบบนี้ทุกเช้า แถมยังขี้แกล้ง (เฉพาะผม) อีกต่างหาก โอ๊ย! พอเถอะไม่อยากพูดถึงคนนิสัยไม่ดีแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า เหมือนได้ยินเสียงพี่จุนเคโวยวายจากในห้อง สงสัยพี่อูยองคงหยอดแกล้งอะไรพี่จุนเคอีกแล้วสินะ

     

    บางครั้งผมก็อยากตะโกนกรอกหูพี่ตัวเองเหลือเกินว่า แกล้งเพราะว่าชอบน่ะ มันโครตนิสัยเด็กอนุบาลหัดจีบเลยครับทั่น!

     

    ------------- JYP DORMEITORY -------------

     

     

    หลังข้าวเช้าที่แสนวุ่นวายผมก็ขอตัวออกมาก่อนเพราะต้องเข้าเรียนก่อนแปดโมง ไปสายเดี๋ยวเสียชื่อหัวหน้ากรรมการนักเรียนหมด

     

    แต่ตอนที่ตวัดขาควบเจ้าเหลืองเพื่อนยาก...อย่าคิดมากครับ ไอ้เหลืองคือจักรยานรุ่นคุณยายสีเหลืองจ๋อยลายดอกไม้สีชมพูแหว๋วซึ่งเป็นของตกทอดจากพี่ชาย เสียงบีบแตรก็ดังขึ้นมา ผมเหลือบไปมองออดี้สีเงินวาววับคุ้นหน้าคุ้นตาที่มาจอดเลียบจักรยานผม กระจกตรงฝั่งข้างคนขับถูกกดลงเผยให้เห็นคนขี้แกล้งที่นั่งอยู่ด้านคนขับ

     

    “ไปด้วยกันไหม?”

     

    ที่จริงก็อยากนั่งรถสบายๆนะ แต่ออมม่าของน้องเนียร์สอนเอาไว้ว่าเป็นกุลสตรี (?) ต้องมีจริตนิดนึง เลยต้องบังคับใบหน้าน่ารักที่ท่านแม่เสกสรรมาให้ส่ายหน้าเบาๆ

     

    “ไม่ล่ะ ผมขี่ไปเองได้ มีขาครับ”

     

    “รถยนต์เร็วกว่านะ”คนมีเงิงผมเทายังตื้อครับ ตื้อด้วยใบหน้าไร้อารมณ์นะ

     

    “จักรยานผมก็เร็วนะ...นี่พูดยังกับว่าโรงเรียนผมอยู่ไกล เดินไปก็ยังถึงเลย”

     

    “ไม่ไปจริงเหรอ”

     

    “ไม่ครับขอบคุณ วุ้ย! แล้วพี่จะมากวนผมทำไมเนี่ย ผมจะสายละเนี่ย”บ่นแล้วก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืดออกแรงปั่นเจ้าเหลืองออกไปจากใต้หอพักทันที ไม่สนคนเงิงงามที่ป่านนี้คงเอ๋อไปแล้วเพราะโดนผมตัดบทเอาดื้อๆ

     

    ...

     

    ...

     

    ...

     

    “แม่ง ซวยชิบ”โอเค น้องเนียร์ที่น่ารักขอสบถคำหยาบนิดนึงครับ ไอ้เห้! มึงจะขยันมาทำถนนอะไรตอนนี้ฟระ! ผมมีปัญหาแล้วล่ะครับ ก็ไอ้ถนนทางจะไปโรงเรียนผมโดนปิดทำถนนใหม่ แล้วไอ้ถนนอีกสายที่จะพาผมเข้าโรงเรียนได้คือต้องอ้อม แล้วอ้อมไม่ธรรมดานะครับ ห้ากิโลได้มั้ง เวลาแค่สิบนาที เนียร์ปั่นเจ้าเหลืองไปไม่ทันโรงเรียนแน่ครับ โดนอาจารย์แขวะอกแน่ TT

     

    ในขณะที่กำลังพร่ำเพ้อต่อว่าโชคชะตาน้ำตาไหลพรากๆอยู่นั้น (เวอร์ไปแล้วเนียร์) เสียงบีบแตรที่ผมว่าคุ้นๆเมื่อสิบนาทีก่อนก็ดังขึ้นมาอีกรอบ ตอนแรกไม่หันหรอกคิดว่าประสาทหลอน โดนอิพี่บีแกล้งมากไป

     

    แตร๊นนนนนนน!

     

    โอเค รอบนี้เนียร์หูไม่หลอนครับ...

     

    แต่หูกูจับหนวกแล้วครับ! บีบแตรเสียงดังหาพ่อง! (เนียร์ใจเย็นลูก กุลสตรีๆ)

     

    สะบัดหน้าน่ารักเสริมด้วยรอยตีนกาไปหาคนที่คุณก็รู้ว่าใครที่ขับออดี้เลียบชายถนนเปิดกระจกท้าวแขนเอียงหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาราวกับเป็นผู้ชนะ

     

    “นี่แหล่ะที่จะบอกตอนเช้า ถนนเส้นนั้นมันปิดต้องอ้อมไกล แต่นายไม่ฟังฉันเลย”

     

    “ผมจะรู้ไหมล่ะ... ก็คนมันรีบนี่”

     

    ไม่ยอมครับ จูเนียร์คนน่ารักไม่เคยผิด เคยได้ยินไหมครับ

     

    “ตอนนี้ก็รู้แล้ว ขึ้นรถมาสักที”

     

    “ไม่เป็นไร ผมขี่ไปองก็ได้ ไม่ไกล”

     

    ...แม่งไกลโครตๆ น่องน้องเนียร์จะโป่งไหม ขอโป่งใส่สกินนี่ไม่สวยนะ ฮรืออออ T-T... ปากอย่างใจอย่างมากครับผม แต่ด้วยเผลอพูดไปแล้วก็ต้องไม่คืนคำครับ ออกแรงถีบเจ้าเหลืองที่ออกแนวงอแงเข้าทุกวัน เบรกทีนี่เสียงอี๊ดอ๊อดน่ารำคาญสุดๆ อยากเอาไปเทิร์นขายใหม่แต่ดูท่าร้านคงไม่รับ คงได้ใช้ต่อไปจนกลายเป็นเศษเหล็กเข้าสักวันนั่นแหล่ะ เหอะๆ ทำไงได้ ไม่ได้รวยเหมือนคนบางคนนี้ (แบะปากเหลือบตาค้อนใส่คนในออดี้)  

     

    “ไม่ไปจริงเหรอ”เสียงนั้นยังคอยหลอกหลอน~ พอหันไปดูก็เห็นออดี้คันงามขับด้วยความเร็วไม่น่าจะถึง 20 กิโมเตรต่อชั่วโมง ตามมาช้าๆ คนบนรถแม่งก็ตื้ออยู่นั่น ดีที่ถนนตรงนี้ไม่ค่อยมีรถ ไม่งั้นป่านนี้โดนรถคันอื่นบีบแตรไล่ส่งไปนานแล้ว

     

    “อีกสิบนาทีถึงเวลาเช็คสายแล้วนะ คุณหัวหน้ากรรมการนักเรียน ไม่ขึ้นรถผมตอนนี้จะเสียใจนะครับ”

     

    “อีกเก้านาที ป่านนี้เจ้บอมยืนหน้าเหี้ยมเตรียมขู่กันหน้าประตูแล้วมั้ง”

     

    “อีกแปดนาที เจ้บอมโหดมาก นายก็รู้ดี โดยเฉพาะคนมีตำแหน่งแบบนาย ได้โดนเสียบหัวประจานแน่”

     

    บลาๆๆ นานาสารพันประโยคที่จะพูดหว่านล้อมให้ผมขึ้นรถสุดหรูของเจ้าตัว ตอนแรกก็พอจะทำหน้าหนาปั่นเจ้าเหลืองต่อได้อยู่หรอก แต่พอเข้าเขตการค้านี่สิ อื้อหือ คนมองกันเพียบ แล้วอีพี่บีคนโง่ก็แม่มเปลี่ยนจากประโยคเร่งบอกเวลาเป็นมุขจีบหนุ่มเสี่ยวๆแทนซะงั้น เช่น...

     

    “จินยองระวัง!

     

    “ฮะ!”หลังจากที่เบรกจนหน้าแทบทิ่มและเผชิญกับเสียงหวีดร้องขอองไอ้เหลืองจนเส้นประสาทสั่นแล้วก็หันปากมองรอบๆข้างว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่นั่งอยู่ในออดี้คันหรูต้องเตือนเสียงดังลั่น แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

     

    “อะไรพี่เจบี?”

     

    “ระวังนะ ข้างหน้านั่นมีหลุม”เจบีเอ่ยหน้าตาย

     

    “หลุมอะไรของพี่ ไม่มีแต่แต่ตีนหมาเหอะ”หงุดหงิดนะครับ คนจะสายแล้วยังมากวนอีก

     

    “หลุมรักที่พี่ขุดเอาไว้ไง ถ้าตกลงไประวังขึ้นไม่ได้นะครับคนสวย”หน้าตายอีกครั้ง

     

    “เสี่ยว!

     

    “ถึงพี่จะเสี่ยวแต่ก็มีแรงเกี่ยวเธอมาซบอกนะจ๊ะ”หน้าตายได้อีก

     

    “ -*- ”

     

    ถึงจินยองจูเนียร์คนนี้จะชินกับสายตาที่ผู้คนมองมาเพราะใบหน้าที่น่ารักตั้งแต่เกิดก็เถอะ แต่เจอสายตาแปลกๆที่ชาวบ้านเขามองผมกับไอ้พี่เงิงแล้วรู้สึกความหนาบนใบหน้าเริ่มจะร้าว นึกสภาพผู้ชายหน้าตาดีผมเทาในชุดนักศึกษาขับรถออดี้เปิดกระจกพล่ามมุขเสี่ยวตามรถจักรยานสีเหลืองลายดอกไม้สีชมพูดูมุ้งมิ้งที่มีเด็กผู้ชายมอปลายหน้าตาน่ารักปั่นอยู่ข้างถนนสิครับ เอ้อเหอ โครตอาย

     

    เอี๊ยด!

     

    จินยองเบรกจักรยานรุ่นคุณยายของตัวเอง ขณะที่ออดี้สีเทาแล่นขึ้นมาจอดข้างๆกัน

     

    “ว่ายังไง ยอมรึยัง”อย่ามาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยๆแบบนั้นนะเว้ย มีตบ!

     

    “...แล้วจักรยานผมล่ะ”

     

    “ยัดข้างหลังเลย”ผมเบิกตาโตใส่ พูดง่ายนะเฮีย เบาะเบอะเปื้อนหมดสีครับท่าน ถ้าสีไอ้เหลืองมันไปติดเบอะรถอย่างมาถามหาค่าเสียหายจากผมนะครับ ขนาดค่ากินค่าอยู่ผมยังต้องเจียดตังค์ซื้อกินเลย โถ่ววว

     

    “พูดจริงนะ เอ้า ทำหน้าเอ๋ออยู่นั่นแหล่ะ”

     

    คงเห็นว่าผมไม่ทำอะไรสักที เจบีก็เลยเปิดประตูลงมา จับไอ้เหลืองลูกรักผมยัดเข้าเบาะหลังปิดประตู ลากข้อมือผมไปฝั่งข้างคนขับ ยัดผมเข้ารถแล้วกลับมานั่งปรำจำที่คนขับด้วยเวลาไม่ถึงนาที

     

    ...เร็วขนาดนี้ ไปแข่งโอลิมปิคความเร็วเถอะท่าน ว่าแต่ มันมีไหมอ่ะ?...

     

    “คาดสายนิรภัยด้วย”

     

    “ฮะ?”

     

    “นายจะเอ๋ออีกนานไหม”

     

    โดยไม่ทันตั้งตัวคนตัวสูงกว่าก็ขยับตัวจากฝั่งคนขับมาคร่อมผมเอาไว้ครึ่งตัว มือก็ควานหาสายนิรภัยไปต่สายตานี่ช่วยมองที่อื่นได้ไหมครับ จินยองรู้ว่าจินยองเป็นคนน่ารักแต่อย่าจ้องมากจินยองเขิน โดยเฉพาะคนหล่อมีเงิงตรงหน้าผมนี่ (กูก็แซะจัง //โดนพี่บีเอาฟันเฉาะ) เพราะด้วยความใกล้จนแทบจะเบียดร่างเข้าหากันแล้วด้วยซ้ำทำให้ผมได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อนๆที่มาจากตัวของอีกฝ่าย ใบหน้าที่เห็นในระยะประชิดทำให้ผมเพิ่งจะสังเกตว่าคนตรงหน้านี้หล่อจริงๆนั่นแหล่ะ ใบหน้าที่ให้อารมณ์เย็นชานิดๆ แบดบอยหน่อยๆ ดวงตาคมเหมือนมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้คนมองหลงใหล ริมฝีปากบางเวลายิ้มบางๆนี่หล่อจริงๆน้า (เพราะเงิงไม่ออก)

     

    ...อ่า วันนี้พี่เจบีกรีดตาด้วยแฮะ แบดบอยสุดๆอ่ะ จินยองเขิน -///- อุ้ย นี่ผมคิดอะไรออกไปเหรอ แหม คุณครับ หินโดนน้ำหยดทุกวันหินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับหัวใจจินยองตัวน้อยๆที่โดนบีฮยองหยอดทุกวันจะไม่หวั่นไหวบ้าง จริงไหมอ่าครับ แต่ของอย่างนี้อย่าให้เขารู้เชียว ไม่งั้นล่ะฝั่งนั้นหลงตัวเองแย่ เก็บไว้เป็นความลับระหว่างผมกับคนอ่านนะครับ อิอิ...

     

     

    JR PART END

     

    ------------- JYP DORMEITORY -------------

     

    JB PART TALK

     

    ...ในที่สุดน้องจินยองคนน่ารักของพี่บีก็ใจอ่อนยอมขึ้นรถจนได้...

     

    ...ฟิน -.,-…

     

    มีคนอ่านถามว่าผมไม่เขินบ้างเหรอ เอาตรงๆป่ะครับ แม่งโครตเขิน -////////////////////////-

     

    ต้องรวมพลังลมปราณมาเก็บกักไว้บนหน้าเกือบหมดตัวเลยนะครับถึงกล้าหยอดเต๊าะเด็กในที่สาธารณะแบบนั้นได้ ปกติเจบีผู้นี้ไม่ทำนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะจินยองของพี่บีคนนี้ เค้าไม่ทำหรอกนะตัวเอ๊ง (แบ๊วลืมตาย)

     

    หลังจากที่แอบแต๊ะอั๋งคนตัวบางด้วยการจับมือมาขึ้นรถนี้ตระหนักได้อย่างนึง มือจินยองไม่ได้นุ่มมากอย่างที่คิดแต่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีมากเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกขนาดมือของจินยองนี่เหมาะมือชะมัด อยากจับไว้ตลอดไปเลย

     

    “คาดสายนิรภัยด้วย”ผมกำชับ

     

    “ฮะ?”จะออกไปแตะขอบฟ้า แต่เหมือนว่าจินยองนั้นไม่เข้าใจ...(ทำนองเรือเล็กควรออกจากฝั่ง)

     

    “นายจะเอ๋ออีกนานไหม”

     

    ผมบ่นก่อนจะลุกขึ้นไปเอี้ยวตัวไปดึงสายคาดนิรภัยมาใส่ให้จินยอง ตอนลุกมันไม่คิดหรอกแต่พอจมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากคนตัวบางที่นั่งเกร็งอยู่นั่นแหล่ะ ถึงรู้ว่าตัวเองแย่แล้ว... ผมเงยหน้าไปจ้องคนใต้ร่าง ใบหน้าน่ารักมองผมตาแป๋ว ริมฝีปากอ้าน้อยๆเหมือนยังไม่ค่อยมีสติ แต่หน้าน้องแดงไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วนะครับ โอ๊ย~ น่ารักสัดๆ

     

    ...หัวใจครับ! มึงอย่าเต้นดังครับ! อันตรายครับ!...

     

    ผมค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากตัวจินยอง ขณะที่มือก็ล็อกสายคาดให้แต่ตามองนกมองไม้ไปเรื่อยครับ เขินจริงเขินจัง เหลือบมองดูนาฬิกาก็อีกไม่ถึงห้านาทีน้องจะสาย

     

    “จินยองครับ จับเบาะดีๆนะ”

     

    “ฮะ”พูดไม่ทันขาดคำผมก็เข้าเกียร์เดินหน้าเท้าเหยียบคันเร่งแทบมิด ออดี้คันงามพุ่งตัวฉิวออกไปบนถนนโล่ง แอบเห็นว่าจินยองผวาจนมือบางจิกเบาะแน่นเลยครับ ผมเลยผ่อนแรงลงมาอีกหน่อยเดี๋ยวน้องจะช็อคตายก่อนได้ไปโรงเรียน

     

    เอี๊ยด!

     

    พอผมจอดปุ๊บจินยองก็รีบปลดสายคาดนิรภัยคว้ากระเป๋าเอ่ยขอบคุณเร็วๆแล้วรีบวิ่งฉิวลงจากรถ ไม่ปล่อยโอกาสให้ผมได้พูดอะไรสักคำเลยอ่ะ T^T เจบีเสียใจ (อย่ามาแบ๊วค่ะพี่บี พี่เป็นเมะนะ)

     

    แต่เอ๊ะ จินยองลืมจักรยานเอาไว้นี่หว่า

     

    จินยองลืมจักรยาน ---> จินยองไม่มีรถกลับ ----> จินยองกลับบ้านไม่ได้ ---> ผมมารับจินยอง

     

    ...โว๊ะ! วันนี้วันของไอ้บีครับท่าน หึๆๆๆ...

     

    ควักเอาสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดขึ้นมาเปิดโปรแกรมสนทนาออนไลน์ชื่อดัง ค้นรายชื่อสักพักก็กดจึ๊กๆส่งถึงคนปลายทาง

     

    ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???

    ลืมอะไรไว้รถพี่รึเปล่า 08.02

    น้องเนียร์บอกให้เรียกจูเนียร์ไม่ใช่เรียกเหี่ยวออมม่า!!!

    จักรยาน...............  08.03

    ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???

    เย็นนี้จะไปรับ 08.03

    น้องเนียร์บอกให้เรียกจูเนียร์ไม่ใช่เรียกเหี่ยวออมม่า!!!

    ไม่ต้องก็ได้ ขอยูคกลับด้วยก็ได้  08.04

    ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???

    เย็นนี้จะไปรับ 08.04

    น้องเนียร์บอกให้เรียกจูเนียร์ไม่ใช่เรียกเหี่ยวออมม่า!!!

    นี่ไลน์ดีเลย์ป่ะ???  08.04

    ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???

    เย็นนี้จะไปรับ 08.05

    น้องเนียร์บอกให้เรียกจูเนียร์ไม่ใช่เรียกเหี่ยวออมม่า!!!

    ................................................... 08.05

    ตอนเย็นมีประชุมสภา  08.05

    ไม่รู้จะเลิกเมื่อไหร่  08.06

    ไม่ต้องมาหรอก...  08.06

     

     

    ...ที่ปฏิเสธนี่เพราะเป็นห่วงผมจะรอนานใช่ไหม? โอ๊ยยย น่ารัก

     

     

    ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???

    เย็นนี้จะไปรับ 08.07

    รออยู่หน้าโรงเรียนนะ 08.07

    ห้ามหนีกลับก่อนล่ะ 08.07

     

     

    ข้อความสุดท้ายต่อด้วยคำว่า read แสดงว่าเนียร์อ่านแล้ว แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา ผมว่าเนียร์คงไปเข้าแถวแล้วแหล่ะ แต่ไม่ปฏิเสธแสดงว่าให้ผมมารับได้ใช่ไหม อ่า วันนี้วันนี้เป็นวันของเจบีครับ ฟิน

     

    ...บอกแล้วว่าวันนี้เป็นวันเจบีน่ะ คึคึคึ...

     

    ------------- JYP DORMEITORY -------------

     

     

    พาร์ท บีเนียร์ ยาวเกิ๊น ขอตัดเป็นสองตอนนะคะ ^_^ อยากให้แต่งคู่ไหนก่อนบอกกันได้น้า
    ส่วน FANART ขอค้างไว้ก่อนนะ คนเขียนเพิ่งกลับจากงานแต่งงาน ยังไม่วาด 555555
    ใครมีทวิตเตอร์ เข้าไปทักได้นะคะ
    @silverfeather_29
    #ฟิคโดม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×