คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 GOOD MORNING JYP DOME (BNior)
[บทที่ 2 GOOD MORNING JYP DOME] (BNior)]
...PICTURE LOADING...
เช้าวันนี้ของหอพักเจวายพีก็เหมือนเคย ตอนเช้าที่แสนวุ่นวายกำลังจะเริ่มต้น...อีกครั้ง
------------- JYP DORMEITORY -------------
JR PART TALK
สวัสดีคร๊าบ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ ปาร์ค จินยอง นักเรียน ม.6 โรงเรียนเจวายพีไฮสคูล ที่มีผู้บริหารคนเดียวกับเจ้าของหอพักที่ผมกำลังอาศัยอยู่ที่ชื่อ ปาร์ค จินยอง ครับ......ครับ อย่าตกใจครับ ไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นลุงกอลิลล่าความคิดแปลกๆที่อาศัยอยู่ชั้นหนึ่งของหอพักแห่งนี้ต่างหาก -*- คิดดูนะครับ เป็นผู้บริหารเครือ JYP ที่แสนจะมีอำนาจกว้างขวางแต่กลับมาอยู่ห้องพักในหอพักของตัวเอง แถมห้องนั้นมันเล็กที่สุดไม่ใช่เหรอครับท่านผู้อำนวยการ
เอาเถอะ ผมก็บ่นไปเรื่อย ไม่เข้าใจความคิดอัจฉริยะเขาหรอกครับ อ่า...ผมจะพูดอะไรนะ อ้อ เพราะว่าผมดันชื่อเหมือนตาลุงเจวายเพ่~นั่น เวลาผมแนะนำตัวก็เลยต้องเอ่ยด้วยชื่อจริงตามด้วยกำชับว่าให้เรียก ‘จูเนียร์’ ทุกครั้งไป ทำเพื่อป้องกันความสับสนเลยนะครับ (เหตุผลจริงๆคือไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่าผมกับลุงเป็นคนเดียวกัน ไม่ได้รังเกียจนะ พูดจริงๆ)
ถามว่าผมกำลังทำอะไรอยู่น่ะเหรอครับ (คนเขียน – ใครถาม?) มือซ้ายพลิกไข่เจียวมือขวาจับกระทะขนาดนี้ ผมคงไม่ได้สร้างบ้านอยู่หรอกครับ กำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นน้องที่น่ารักของพี่ชายแก้มบวมที่ตอนนี้ยังนอนอุตุอยู่ในห้องนอนต่างหาก
อ้อ กำลังจะนินทาพอดี เดินออกมาซะงั้น แล้วนั่นอะไร -*- นี่ท่านนอนในชุดนักศึกษาอีกแล้วเหรอท่าน ยับยู่ยี่เชียว แล้วท่าทางแบบนั้นนี่ได้นอนจริงป่ะครับ ดูล่องลอยเหลือเกิน
“หาวววววววว มีอะไรกินบ้างอ่ะเนียร์”หาวปากกว้างขนาดนั้นจะสร้างบ้านให้ค้างคาวรึไงครับ
“ไข่เจียว ข้าวอุ่น ต้องการอะไรเพิ่มไหมครับคุณชายยยยย”ผมลากเสียงที่คิดว่ากวน...นที่สุดไปให้พี่ชายที่ยกมือมาเขกมะเหงกกลางอากาศทั้งที่ยังง่วงๆเบลอๆนั่นแหล่ะ
“ขอกาแฟเข้มๆที่นึงครับคุณน้องชายสุดน่ารัก”ว่าจบก็ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ ฟุบตัวนอนบนโต๊ะกินข้าวต่อ
ผมลืมแนะนำตัวให้พี่ชายสินะครับ พี่เขาชื่อ จาง อูยองครับ เป็นพี่ผมสองปี ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ ปี 2 คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัย JYP (แน่นอนหลายคนบอกว่าอีกแล้ว จะทำยังไงได้ คนเขียนมันคิดไม่ออก) ตามทางของสถาปัตฯ เขาแหล่ะครับ เรียนน้อย งานเยอะ เวลานอนไม่มี เวลากินไม่เหลือ เวลาส่งงานถ้าเลือดไม่พุ่งก็ห้ามหยุดไปโรง’บาล ฉะนั้นเวลาพี่ผมเดินไปทางไหน กรุณาอย่าจับเขาส่งเอ็กโซซิสหรือหมอผีนะครับ พี่เขายังเป็นคนไม่ใช่ซอมบี้ โอเค๊ (ทำหน้าแอ๊บแบ๊วฉีกยิ้มอ้อนเห็นตีนกาชัดเจน)
“ไหวไหมเนี่ยพี่ วันนี้หยุดพักไหม”
“ม่ายยยอ่ะ หยุดไม่ได้มีโปรเจคส่งอาจารย์”
“คร๊าบๆ”ผมตอบเสียงยานคาง ขณะที่มือก็กำลังชงกาแฟเข้มๆตามสั่งให้พี่ชาย ตาก็เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงสิบนาที
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูเรียกให้ผมรีบชงกาแฟให้มันเข้ากันส่งให้พี่ชายที่รีบรับเอาไว้แล้วเดินไปเปิดประตูแบบรู้หน้าที่
คนที่มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องผมทุกเช้าก็ไม่มีใครนอกจากเพื่อนห้องตรงข้ามอย่างพี่น้องตระกูลคิมหรอกครับ ผู้ชายคนแรกที่ยิ้มกว้างเป็นมิตรน่ารักน่าแกล้งอยู่หน้าผมตรงนี้ ชื่อ พี่จุนเคครับ เรียนปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ ปีนี้ก็จะจบแล้วแต่ไม่รู้จะมีแพลนเรียนต่อโทรึเปล่า ไม่อยากบอกว่าพี่แกแต่งตัวแนวมากครับ เสื้อกล้ามสีดำในเสื้อนักศึกษาตัวบางเป็นสิ่งที่ผมเห็นทุกเช้า กำไลข้อแขนข้อมือสร้อยโซ่เข็มขัดสุดแนวที่พอพี่คนนี้จับมาใส่กลับดูดีได้ทั้งที่ไม่น่าจะเข้ากัน ส่วนอีกคนคือผู้ชายที่ผมไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุด คนอะไรขี้แกล้ง!
“จินยองอ่า วันนี้มีอะไรกินไหม พี่หิวจังเลยยย”พี่ชายข้างห้องอ้อนเอามือมากอดไหล่ผมเขย่าเบาๆสองสามครั้ง นิสัยพี่เขาละครับ ถึงเนื้อถึงตัวนักเชียว แถมขี้อ้อนอีกต่างหาก แน่ใจเหรอครับว่าพี่ปีสี่แล้วน่ะ...
...แต่ผมก็ว่าน่ารักดีนะ ไม่งั้นพี่ชายผมจะแอบชอบเป็นปีสองปีได้ไง อุ๊บ! นี่ผมเผลอพูดอะไรไปรึเปล่านะ โฮะๆ...
“เข้ามาเลยพี่ ผมทำเผื่อให้แล้ว”
มันเป็นปกติครับ ทุกเช้าผมต้องทำอาหารเผื่อคนสี่คนเพราะสงสารเพื่อนข้างห้องที่ทำอาหารไม่เป็น จะไปหาอะไรกินข้างนอกทุกวันก็ไม่ไหว สุดท้ายผมที่ทำกับข้าวเป็นเลยต้องเป็นคนทำกับข้าวเช้าให้ทุกวัน
พี่จุนเคยิ้มตาหยี เอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วเดินลิ่วเข้าห้องไป เหลือเพียงชายหนุ่มอีกคนที่ยืนเงียบมองหน้าผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
“มีอะไร มองทำไม”
“มองแม่...”เสียงทุ้มของอีกคนเอ่ย ทำเอาผมขมวดคิ้วใส่
“เฮ้! ถึงผมจะถูกเรียกบ่อยๆว่าออมม่า แต่ผมก็ไม่ชอบโดนเรียกว่าแม่หรอกนะ”ผมเหวใส่คนตัวสูงที่เริ่มฉีกยิ้มเห็นเงิงชัดเจน อย่ายิ้มมากครับพี่ กูกลัวฟันเฉาะหน้ากู
“แม่ทูนหัวน่ะ”พูดจบก็เดินละลิ่วเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมอ้าปากค้างกับมุขเสี่ยวๆนั่น หน้าผมร้อน...ไม่ได้เขินหรอก โกรธต่างหาก ไม่อยากเก็บฟันไว้กินข้าวใช่ไหมฮะ คิม แจบอม ! เอามุขจีบสาวพื้นๆแบบนั้นมาจีบฉันได้ไงฮะ (ตกลงว่าที่โกรธเพราะมุขมันเสี่ยว ถ้าไม่เสี่ยวก็โอใช่ป่ะ?)
โอเค เย็นไว้เนียร์ เย็นไว้ อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนมีเงิง (แทค – ฮัดจิ้ว!) คนที่เพิ่งโยนมุขเสี่ยวให้ผมเมื่อกี้คือ คิม แจบอมครับ เป็นรุ่นพี่ผมปีนึงและเป็นน้องของพี่จุนเคเขาล่ะ ตอนนี้เรียนปีหนึ่ง คณะบริหารธุรกิจ เห็นมีเงิงโดดเด่นแบบนั้น แต่นายคนนี้เดือนคณะเลยนะครับ เห็นว่ามีสาวๆตอมหน้าตอมหลังเชียวล่ะ แต่แปลก เสน่ห์แรงขนาดนั้นแต่กลับมาหยอดมุขเสี่ยวใส่ผมแบบนี้ทุกเช้า แถมยังขี้แกล้ง (เฉพาะผม) อีกต่างหาก โอ๊ย! พอเถอะไม่อยากพูดถึงคนนิสัยไม่ดีแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า เหมือนได้ยินเสียงพี่จุนเคโวยวายจากในห้อง สงสัยพี่อูยองคงหยอดแกล้งอะไรพี่จุนเคอีกแล้วสินะ
บางครั้งผมก็อยากตะโกนกรอกหูพี่ตัวเองเหลือเกินว่า แกล้งเพราะว่าชอบน่ะ มันโครตนิสัยเด็กอนุบาลหัดจีบเลยครับทั่น!
------------- JYP DORMEITORY -------------
หลังข้าวเช้าที่แสนวุ่นวายผมก็ขอตัวออกมาก่อนเพราะต้องเข้าเรียนก่อนแปดโมง ไปสายเดี๋ยวเสียชื่อหัวหน้ากรรมการนักเรียนหมด
แต่ตอนที่ตวัดขาควบเจ้าเหลืองเพื่อนยาก...อย่าคิดมากครับ ไอ้เหลืองคือจักรยานรุ่นคุณยายสีเหลืองจ๋อยลายดอกไม้สีชมพูแหว๋วซึ่งเป็นของตกทอดจากพี่ชาย เสียงบีบแตรก็ดังขึ้นมา ผมเหลือบไปมองออดี้สีเงินวาววับคุ้นหน้าคุ้นตาที่มาจอดเลียบจักรยานผม กระจกตรงฝั่งข้างคนขับถูกกดลงเผยให้เห็นคนขี้แกล้งที่นั่งอยู่ด้านคนขับ
“ไปด้วยกันไหม?”
ที่จริงก็อยากนั่งรถสบายๆนะ แต่ออมม่าของน้องเนียร์สอนเอาไว้ว่าเป็นกุลสตรี (?) ต้องมีจริตนิดนึง เลยต้องบังคับใบหน้าน่ารักที่ท่านแม่เสกสรรมาให้ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ล่ะ ผมขี่ไปเองได้ มีขาครับ”
“รถยนต์เร็วกว่านะ”คนมีเงิงผมเทายังตื้อครับ ตื้อด้วยใบหน้าไร้อารมณ์นะ
“จักรยานผมก็เร็วนะ...นี่พูดยังกับว่าโรงเรียนผมอยู่ไกล เดินไปก็ยังถึงเลย”
“ไม่ไปจริงเหรอ”
“ไม่ครับขอบคุณ วุ้ย! แล้วพี่จะมากวนผมทำไมเนี่ย ผมจะสายละเนี่ย”บ่นแล้วก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืดออกแรงปั่นเจ้าเหลืองออกไปจากใต้หอพักทันที ไม่สนคนเงิงงามที่ป่านนี้คงเอ๋อไปแล้วเพราะโดนผมตัดบทเอาดื้อๆ
...
...
...
“แม่ง ซวยชิบ”โอเค น้องเนียร์ที่น่ารักขอสบถคำหยาบนิดนึงครับ ไอ้เห้! มึงจะขยันมาทำถนนอะไรตอนนี้ฟระ! ผมมีปัญหาแล้วล่ะครับ ก็ไอ้ถนนทางจะไปโรงเรียนผมโดนปิดทำถนนใหม่ แล้วไอ้ถนนอีกสายที่จะพาผมเข้าโรงเรียนได้คือต้องอ้อม แล้วอ้อมไม่ธรรมดานะครับ ห้ากิโลได้มั้ง เวลาแค่สิบนาที เนียร์ปั่นเจ้าเหลืองไปไม่ทันโรงเรียนแน่ครับ โดนอาจารย์แขวะอกแน่ TT
ในขณะที่กำลังพร่ำเพ้อต่อว่าโชคชะตาน้ำตาไหลพรากๆอยู่นั้น (เวอร์ไปแล้วเนียร์) เสียงบีบแตรที่ผมว่าคุ้นๆเมื่อสิบนาทีก่อนก็ดังขึ้นมาอีกรอบ ตอนแรกไม่หันหรอกคิดว่าประสาทหลอน โดนอิพี่บีแกล้งมากไป
แตร๊นนนนนนน!
โอเค รอบนี้เนียร์หูไม่หลอนครับ...
แต่หูกูจับหนวกแล้วครับ! บีบแตรเสียงดังหาพ่อง! (เนียร์ใจเย็นลูก กุลสตรีๆ)
สะบัดหน้าน่ารักเสริมด้วยรอยตีนกาไปหาคนที่คุณก็รู้ว่าใครที่ขับออดี้เลียบชายถนนเปิดกระจกท้าวแขนเอียงหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาราวกับเป็นผู้ชนะ
“นี่แหล่ะที่จะบอกตอนเช้า ถนนเส้นนั้นมันปิดต้องอ้อมไกล แต่นายไม่ฟังฉันเลย”
“ผมจะรู้ไหมล่ะ... ก็คนมันรีบนี่”
ไม่ยอมครับ จูเนียร์คนน่ารักไม่เคยผิด เคยได้ยินไหมครับ
“ตอนนี้ก็รู้แล้ว ขึ้นรถมาสักที”
“ไม่เป็นไร ผมขี่ไปองก็ได้ ไม่ไกล”
...แม่งไกลโครตๆ น่องน้องเนียร์จะโป่งไหม ขอโป่งใส่สกินนี่ไม่สวยนะ ฮรืออออ T-T... ปากอย่างใจอย่างมากครับผม แต่ด้วยเผลอพูดไปแล้วก็ต้องไม่คืนคำครับ ออกแรงถีบเจ้าเหลืองที่ออกแนวงอแงเข้าทุกวัน เบรกทีนี่เสียงอี๊ดอ๊อดน่ารำคาญสุดๆ อยากเอาไปเทิร์นขายใหม่แต่ดูท่าร้านคงไม่รับ คงได้ใช้ต่อไปจนกลายเป็นเศษเหล็กเข้าสักวันนั่นแหล่ะ เหอะๆ ทำไงได้ ไม่ได้รวยเหมือนคนบางคนนี้ (แบะปากเหลือบตาค้อนใส่คนในออดี้)
“ไม่ไปจริงเหรอ”เสียงนั้นยังคอยหลอกหลอน~ พอหันไปดูก็เห็นออดี้คันงามขับด้วยความเร็วไม่น่าจะถึง 20 กิโมเตรต่อชั่วโมง ตามมาช้าๆ คนบนรถแม่งก็ตื้ออยู่นั่น ดีที่ถนนตรงนี้ไม่ค่อยมีรถ ไม่งั้นป่านนี้โดนรถคันอื่นบีบแตรไล่ส่งไปนานแล้ว
“อีกสิบนาทีถึงเวลาเช็คสายแล้วนะ คุณหัวหน้ากรรมการนักเรียน ไม่ขึ้นรถผมตอนนี้จะเสียใจนะครับ”
“อีกเก้านาที ป่านนี้เจ้บอมยืนหน้าเหี้ยมเตรียมขู่กันหน้าประตูแล้วมั้ง”
“อีกแปดนาที เจ้บอมโหดมาก นายก็รู้ดี โดยเฉพาะคนมีตำแหน่งแบบนาย ได้โดนเสียบหัวประจานแน่”
บลาๆๆ นานาสารพันประโยคที่จะพูดหว่านล้อมให้ผมขึ้นรถสุดหรูของเจ้าตัว ตอนแรกก็พอจะทำหน้าหนาปั่นเจ้าเหลืองต่อได้อยู่หรอก แต่พอเข้าเขตการค้านี่สิ อื้อหือ คนมองกันเพียบ แล้วอีพี่บีคนโง่ก็แม่มเปลี่ยนจากประโยคเร่งบอกเวลาเป็นมุขจีบหนุ่มเสี่ยวๆแทนซะงั้น เช่น...
“จินยองระวัง!”
“ฮะ!”หลังจากที่เบรกจนหน้าแทบทิ่มและเผชิญกับเสียงหวีดร้องขอองไอ้เหลืองจนเส้นประสาทสั่นแล้วก็หันปากมองรอบๆข้างว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่นั่งอยู่ในออดี้คันหรูต้องเตือนเสียงดังลั่น แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“อะไรพี่เจบี?”
“ระวังนะ ข้างหน้านั่นมีหลุม”เจบีเอ่ยหน้าตาย
“หลุมอะไรของพี่ ไม่มีแต่แต่ตีนหมาเหอะ”หงุดหงิดนะครับ คนจะสายแล้วยังมากวนอีก
“หลุมรักที่พี่ขุดเอาไว้ไง ถ้าตกลงไประวังขึ้นไม่ได้นะครับคนสวย”หน้าตายอีกครั้ง
“เสี่ยว!”
“ถึงพี่จะเสี่ยวแต่ก็มีแรงเกี่ยวเธอมาซบอกนะจ๊ะ”หน้าตายได้อีก
“ -*- ”
ถึงจินยองจูเนียร์คนนี้จะชินกับสายตาที่ผู้คนมองมาเพราะใบหน้าที่น่ารักตั้งแต่เกิดก็เถอะ แต่เจอสายตาแปลกๆที่ชาวบ้านเขามองผมกับไอ้พี่เงิงแล้วรู้สึกความหนาบนใบหน้าเริ่มจะร้าว นึกสภาพผู้ชายหน้าตาดีผมเทาในชุดนักศึกษาขับรถออดี้เปิดกระจกพล่ามมุขเสี่ยวตามรถจักรยานสีเหลืองลายดอกไม้สีชมพูดูมุ้งมิ้งที่มีเด็กผู้ชายมอปลายหน้าตาน่ารักปั่นอยู่ข้างถนนสิครับ เอ้อเหอ โครตอาย
เอี๊ยด!
จินยองเบรกจักรยานรุ่นคุณยายของตัวเอง ขณะที่ออดี้สีเทาแล่นขึ้นมาจอดข้างๆกัน
“ว่ายังไง ยอมรึยัง”อย่ามาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยๆแบบนั้นนะเว้ย มีตบ!
“...แล้วจักรยานผมล่ะ”
“ยัดข้างหลังเลย”ผมเบิกตาโตใส่ พูดง่ายนะเฮีย เบาะเบอะเปื้อนหมดสีครับท่าน ถ้าสีไอ้เหลืองมันไปติดเบอะรถอย่างมาถามหาค่าเสียหายจากผมนะครับ ขนาดค่ากินค่าอยู่ผมยังต้องเจียดตังค์ซื้อกินเลย โถ่ววว
“พูดจริงนะ เอ้า ทำหน้าเอ๋ออยู่นั่นแหล่ะ”
คงเห็นว่าผมไม่ทำอะไรสักที เจบีก็เลยเปิดประตูลงมา จับไอ้เหลืองลูกรักผมยัดเข้าเบาะหลังปิดประตู ลากข้อมือผมไปฝั่งข้างคนขับ ยัดผมเข้ารถแล้วกลับมานั่งปรำจำที่คนขับด้วยเวลาไม่ถึงนาที
...เร็วขนาดนี้ ไปแข่งโอลิมปิคความเร็วเถอะท่าน ว่าแต่ มันมีไหมอ่ะ?...
“คาดสายนิรภัยด้วย”
“ฮะ?”
“นายจะเอ๋ออีกนานไหม”
โดยไม่ทันตั้งตัวคนตัวสูงกว่าก็ขยับตัวจากฝั่งคนขับมาคร่อมผมเอาไว้ครึ่งตัว มือก็ควานหาสายนิรภัยไปต่สายตานี่ช่วยมองที่อื่นได้ไหมครับ จินยองรู้ว่าจินยองเป็นคนน่ารักแต่อย่าจ้องมากจินยองเขิน โดยเฉพาะคนหล่อมีเงิงตรงหน้าผมนี่ (กูก็แซะจัง //โดนพี่บีเอาฟันเฉาะ) เพราะด้วยความใกล้จนแทบจะเบียดร่างเข้าหากันแล้วด้วยซ้ำทำให้ผมได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อนๆที่มาจากตัวของอีกฝ่าย ใบหน้าที่เห็นในระยะประชิดทำให้ผมเพิ่งจะสังเกตว่าคนตรงหน้านี้หล่อจริงๆนั่นแหล่ะ ใบหน้าที่ให้อารมณ์เย็นชานิดๆ แบดบอยหน่อยๆ ดวงตาคมเหมือนมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้คนมองหลงใหล ริมฝีปากบางเวลายิ้มบางๆนี่หล่อจริงๆน้า (เพราะเงิงไม่ออก)
...อ่า วันนี้พี่เจบีกรีดตาด้วยแฮะ แบดบอยสุดๆอ่ะ จินยองเขิน -///- อุ้ย นี่ผมคิดอะไรออกไปเหรอ แหม คุณครับ หินโดนน้ำหยดทุกวันหินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับหัวใจจินยองตัวน้อยๆที่โดนบีฮยองหยอดทุกวันจะไม่หวั่นไหวบ้าง จริงไหมอ่าครับ แต่ของอย่างนี้อย่าให้เขารู้เชียว ไม่งั้นล่ะฝั่งนั้นหลงตัวเองแย่ เก็บไว้เป็นความลับระหว่างผมกับคนอ่านนะครับ อิอิ...
JR PART END
------------- JYP DORMEITORY -------------
JB PART TALK
...ในที่สุดน้องจินยองคนน่ารักของพี่บีก็ใจอ่อนยอมขึ้นรถจนได้...
...ฟิน -.,-…
มีคนอ่านถามว่าผมไม่เขินบ้างเหรอ เอาตรงๆป่ะครับ แม่งโครตเขิน -////////////////////////-
ต้องรวมพลังลมปราณมาเก็บกักไว้บนหน้าเกือบหมดตัวเลยนะครับถึงกล้าหยอดเต๊าะเด็กในที่สาธารณะแบบนั้นได้ ปกติเจบีผู้นี้ไม่ทำนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะจินยองของพี่บีคนนี้ เค้าไม่ทำหรอกนะตัวเอ๊ง (แบ๊วลืมตาย)
หลังจากที่แอบแต๊ะอั๋งคนตัวบางด้วยการจับมือมาขึ้นรถนี้ตระหนักได้อย่างนึง มือจินยองไม่ได้นุ่มมากอย่างที่คิดแต่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีมากเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกขนาดมือของจินยองนี่เหมาะมือชะมัด อยากจับไว้ตลอดไปเลย
“คาดสายนิรภัยด้วย”ผมกำชับ
“ฮะ?”…จะออกไปแตะขอบฟ้า แต่เหมือนว่าจินยองนั้นไม่เข้าใจ...(ทำนองเรือเล็กควรออกจากฝั่ง)
“นายจะเอ๋ออีกนานไหม”
ผมบ่นก่อนจะลุกขึ้นไปเอี้ยวตัวไปดึงสายคาดนิรภัยมาใส่ให้จินยอง ตอนลุกมันไม่คิดหรอกแต่พอจมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากคนตัวบางที่นั่งเกร็งอยู่นั่นแหล่ะ ถึงรู้ว่าตัวเองแย่แล้ว... ผมเงยหน้าไปจ้องคนใต้ร่าง ใบหน้าน่ารักมองผมตาแป๋ว ริมฝีปากอ้าน้อยๆเหมือนยังไม่ค่อยมีสติ แต่หน้าน้องแดงไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วนะครับ โอ๊ย~ น่ารักสัดๆ
...หัวใจครับ! มึงอย่าเต้นดังครับ! อันตรายครับ!...
ผมค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากตัวจินยอง ขณะที่มือก็ล็อกสายคาดให้แต่ตามองนกมองไม้ไปเรื่อยครับ เขินจริงเขินจัง เหลือบมองดูนาฬิกาก็อีกไม่ถึงห้านาทีน้องจะสาย
“จินยองครับ จับเบาะดีๆนะ”
“ฮะ”พูดไม่ทันขาดคำผมก็เข้าเกียร์เดินหน้าเท้าเหยียบคันเร่งแทบมิด ออดี้คันงามพุ่งตัวฉิวออกไปบนถนนโล่ง แอบเห็นว่าจินยองผวาจนมือบางจิกเบาะแน่นเลยครับ ผมเลยผ่อนแรงลงมาอีกหน่อยเดี๋ยวน้องจะช็อคตายก่อนได้ไปโรงเรียน
เอี๊ยด!
พอผมจอดปุ๊บจินยองก็รีบปลดสายคาดนิรภัยคว้ากระเป๋าเอ่ยขอบคุณเร็วๆแล้วรีบวิ่งฉิวลงจากรถ ไม่ปล่อยโอกาสให้ผมได้พูดอะไรสักคำเลยอ่ะ T^T เจบีเสียใจ (อย่ามาแบ๊วค่ะพี่บี พี่เป็นเมะนะ)
แต่เอ๊ะ จินยองลืมจักรยานเอาไว้นี่หว่า
จินยองลืมจักรยาน ---> จินยองไม่มีรถกลับ ----> จินยองกลับบ้านไม่ได้ ---> ผมมารับจินยอง
...โว๊ะ! วันนี้วันของไอ้บีครับท่าน หึๆๆๆ...
ควักเอาสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดขึ้นมาเปิดโปรแกรมสนทนาออนไลน์ชื่อดัง ค้นรายชื่อสักพักก็กดจึ๊กๆส่งถึงคนปลายทาง
ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???
ลืมอะไรไว้รถพี่รึเปล่า 08.02
น้องเนียร์บอกให้เรียกจูเนียร์ไม่ใช่เรียกเหี่ยวออมม่า!!!
จักรยาน............... 08.03
ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???
เย็นนี้จะไปรับ 08.03
น้องเนียร์บอกให้เรียกจูเนียร์ไม่ใช่เรียกเหี่ยวออมม่า!!!
ไม่ต้องก็ได้ ขอยูคกลับด้วยก็ได้ 08.04
ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???
เย็นนี้จะไปรับ 08.04
น้องเนียร์บอกให้เรียกจูเนียร์ไม่ใช่เรียกเหี่ยวออมม่า!!!
นี่ไลน์ดีเลย์ป่ะ??? 08.04
ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???
เย็นนี้จะไปรับ 08.05
น้องเนียร์บอกให้เรียกจูเนียร์ไม่ใช่เรียกเหี่ยวออมม่า!!!
................................................... 08.05
ตอนเย็นมีประชุมสภา 08.05
ไม่รู้จะเลิกเมื่อไหร่ 08.06
ไม่ต้องมาหรอก... 08.06
...ที่ปฏิเสธนี่เพราะเป็นห่วงผมจะรอนานใช่ไหม? โอ๊ยยย น่ารัก…
ทำไมต้องบอกผมไปหาหมอฟัน เจบีไม่เข้าใจ???
เย็นนี้จะไปรับ 08.07
รออยู่หน้าโรงเรียนนะ 08.07
ห้ามหนีกลับก่อนล่ะ 08.07
ข้อความสุดท้ายต่อด้วยคำว่า read แสดงว่าเนียร์อ่านแล้ว แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา ผมว่าเนียร์คงไปเข้าแถวแล้วแหล่ะ แต่ไม่ปฏิเสธแสดงว่าให้ผมมารับได้ใช่ไหม อ่า วันนี้วันนี้เป็นวันของเจบีครับ ฟิน
...บอกแล้วว่าวันนี้เป็นวันเจบีน่ะ คึคึคึ...
------------- JYP DORMEITORY -------------
พาร์ท บีเนียร์ ยาวเกิ๊น ขอตัดเป็นสองตอนนะคะ ^_^ อยากให้แต่งคู่ไหนก่อนบอกกันได้น้า
ส่วน FANART ขอค้างไว้ก่อนนะ คนเขียนเพิ่งกลับจากงานแต่งงาน ยังไม่วาด 555555
ใครมีทวิตเตอร์ เข้าไปทักได้นะคะ
@silverfeather_29
#ฟิคโดม
ความคิดเห็น