ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF- ตำหนักร้อนบำเรอรัก [markson]

    ลำดับตอนที่ #6 : 05

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 58


    ตำหนักร้อนบำเรอรัก

    05

     

     

     

     

    https://drive.google.com/file/d/0B_EYv72jW9nXUElkWjdtaXpTcWs/view?usp=sharing 
     童話(Fairy Tale)










     

     

    เจียเอ่อลดมือลงวางขลุ่ยลงบนตัก ถอนหายใจพรูใหญ่เบื่อหน่าย ขยับคอเสื้อสีอ่อนแหวกออกเล็กน้อยเพราะอากาศร้อนอบอ้าวในตอนเที่ยงวัน เส้นผมสีเข้มถูกรวบเป็นมวยยุ่งๆพอให้อยู่ได้ด้านหลังคอ ใช้อุ้งมือปาดหยดเหงื่อใสตรงข้างขมับ เกี่ยวเส้นผมบนหน้าผากชื้นเหงื่อขึ้นทัดหู

     

    อากาศร้อนขนาดนี้ ไม่มีอารมณ์สุนทรีพอจะเป่าขลุ่ยได้เลยจริงๆ...

     

    ที่จริงเจียเอ๋อก็มิได้ชอบในทางดนตรีมากเท่าใดนักหรอก ก็แค่หยิบมาเล่นบ้างเวลาเงียบๆแล้วไม่มีอะไรทำ แต่ไหนแต่ไรก็ถนัดแนวต่อยตีหมัดมวยเสียมากกว่า โดยเฉพาะพวกเพลงดาบที่เขานิยมโปรดปรานมากๆ เป็นไปได้ก็อยากไปเข้าร่วมกับพวกก๊กหมู่ชาวยุทธ์หมู่ใดหมู่หนึ่งอยู่เหมือนกัน แต่เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลหวังที่บิดามอบจะมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้จึงทำให้ทำตามที่หวังมิได้

     

    พอคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าก็พลันสลดลง ครอบครัวเขาจะอับอายขายหน้าขนาดไหนหากรู้ว่าลูกชายที่ตนเคยคาดหวังต้องกลายมาเป็นสนมของเจ้าเมือง โดนกระทำไม่ต่างจากนักโทษในหอนางโลม ไม่มีอิสระแม้แต่จะก้าวเดินออกจากห้องเล็กๆนี่ ตกกลางคืนยังต้องโดนชายคนนั้นรังแกแทบไม่เว้นวัน

     

    ...แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นอี๋มาหลายวันแล้วนะ...

     

    ตั้งแต่วันที่เขาได้ขลุ่ยมา อี๋เอินก็ไม่ได้เข้ามาหาเขาเป็นวันที่ห้าแล้ว

     

    เจียเอ๋อดันกระพุ้งแก้ม เขาไม่ได้คิดถึงหรืออยากให้มาหาอะไรเทือกนั้นหรอก ดีด้วยซ้ำที่ไม่โดนทำเรื่องน่าอาย แค่คิดว่ามันแปลกๆที่ไม่เห็นชายหนุ่มเลย แล้วตำหนักก็ดูเงียบเหงามาหลายวันแล้วด้วย ถามใครก็ไม่ได้ แม้แต่พวกนางกำนัลที่ยกข้าวยกเสื้อผ้ามาให้ทุกวันก็ยังโดนคำสั่งให้ปิดปากเงียบไม่ให้คุยกับเขา จนบางทีเจียเอ๋อก็คิดว่านี่คิดว่าเขาเป็นตัวเชื้อโรคหรือไร ถึงได้กีดกันกันนัก...

     

    “โว้ย!!!”ร้องก้องห้องหงุดหงิด คันปากอยากคุยกับคนอื่นจะบ้า วางขลุ่ยลงในกล่องปิดมินชิด ยกมันไปไว้บนหัวเตียงด้วยความทะนุถนอม อย่างน้อยมันก็เป็นเพื่อนคลายเหงาเพียงอย่างเดียวในห้องแคบๆแห่งนี้ เขาจึงอยากรักษามันไว้ให้ดี ไม่ใช่เพราะมันเป็นของที่อี๋มอบให้หรอกนะ...

     

    ตวัดปลายเสื้อ คลานกลับขึ้นไปบนเตียง ผ้าม่านรอบเตียงบังแสงจากด้านนอกพร้อมกักเก็บความเย็นเอาไว้ บนนี้เลยอยู่สบายกว่าบนพื้นห้อง เจียเอ๋อนั่งหันหน้าเข้าหากำแพงเปล่าๆไม่น่าโสภา มองไปมองมาก็ชักอยากผูกมิตรด้วย

     

    “ว่าไง กำแพง เจ้าร้อนไหม ข้าร้อนจะตายอยู่แล้ว”

     

    ไม่มีเสียงใดตอบรีบกลับมา ซึ่งมันก็ถูกแล้ว เพราะถ้ากำแพงตอบจริงๆ เขาคงวิ่งหนีป่าราบ...ไม่สิ เขาออกจากห้องนี้ไม่ได้นี่นะ...

     

    “ข้าเหงาจังกำแพง นี่ ข้าอยากออกไปจากห้องนี้จะแย่ แต่เหมือนว่าข้าจะออกไปไม่ได้”

     

    “ทำไมเจ้าจะออกไปไม่ได้ล่ะ”

     

    “ก็ข้าโดนขังนี่...” เจียเอ๋อชะงัก นึกขึ้นได้ว่ากำแพงพูดไม่ได้ แล้วใคร... ขนแขนลุกซู่ หันขวับไปมองด้านหลัง ถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งอกเมื่อเห็นร่างมนุษย์เต็มตัวชื่อ เฟิงจียืนอยู่กลางห้อง ประตูถูกเปิดทิ้งไว้น่าจะเป็นหลักฐานที่แสดงว่าชายคนนี้เดินเข้ามาทางประตูจริงๆไม่ใช่ลอยเข้ามา

     

    “ข้าควรเพิ่มยาระงับประสาทให้เข้าด้วยรึเปล่า เจ้าจะได้ไม่ต้องหลอนไปคุยกับกำแพงอีก”

     

    “ข้ากำลังผูกมิตรกับกำแพงห้องต่างหาก”เจียเอ๋อเถียงพลางหมุนตัวกลับมานั่งหน้าคุยกับหมอประจำตำหนักดีๆ “มีอะไรถึงได้เข้ามาหานักโทษอย่างข้าล่ะ”

     

    “นักโทษที่ไหนมีห้องส่วนตัวแบบนี้บ้าง”เฟิงจีเอ่ยกลั้วหัวเราะ แต่เจียเอ๋อไม่ขำด้วย

     

    “ล่ามข้าไว้ด้านนอกยังดีกว่าให้อุดอู้อยู่ในห้องแคบๆนี่”

     

    หมอประจำตำหนักกระแอมแก้เก้อเมื่อรู้ว่าตนทำให้เสียบรรยากาศ ยิ้มกว้างจนเห็นรอยยับข้างตา ยื่นเอาเสื้อคลุมผ้าแพรสีแดงส่งให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง เจียเอ๋อรับมันมา ไม่เข้าใจว่าจะเอามาทำอะไร

     

    “ท่านอี๋เอินอนุญาตให้เจ้าไปเดินเล่นในสวนได้”

     

    “...”

     

    “ไม่ดีใจหรือ?”

     

    “เจ้าล้อเล่นเหรอ?”

     

    “พูดจริงสิ

    เจียเอ๋อกระพริบตาปริบๆอย่างไม่อยากเชื่อ อ้าปากค้างอึ้งๆ ง่ายๆเช่นนี้เลยรึ!

     

    “ข้าไม่ได้โกหกเจ้านะ ท่านอี๋เอินฝากข้ามาว่าวันนี้ให้พอเจ้าออกไปเดินเล่นในสวนจริงๆ”เฟิงจีย้ำอีกรอบกลัวว่าเจียเอ๋อจะไม่เชื่อกัน “ข้าไม่กล้าพาเจ้าออกไปโดยพละกาลหรอก ข้าก็ยังห่วงชีวิตตัวเองอยู่นะ”

     

    “เดินเล่น...จริงๆน่ะเหรอ?”เจียเอ๋อยังคงตะขิดตะขวงใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าอี๋เอินจะใจดีให้ตนออกไปนอกห้องด้วย

     

    “เดินเล่นจริงๆ ท่านอี๋บอกว่าถ้าให้เจ้าอยู่ในห้องนี่นานๆกลัวจะได้เป็นบ้าเอาสักวัน”

     

    “นักโทษขังลืมในวังหลวงยังไม่บ้า ทำไมข้าต้องเสียจริตเพราะแค่โดนขังด้วย”

     

    ด้วยทิฐิทำให้เจียเอ๋อเอ่ยประชดประชันออกไป เฟิงจีถอนหายใจกับความดื้อดึงนั่น

     

    “รักศักดิ์ศรีมันก็ดีหรอกนะเจียเอ๋อ แต่ข้าว่าเจ้าควรออกไปด้านนอกบ้างก่อนที่เจ้าจะได้สหายเป็นกำแพงจริงๆ”

     

    เจียเอ๋อเหลือบกลับมามองหมอประจำตำหนัก ลดไหล่ลง...มันก็จริงอย่างที่เฟิงจีว่าจริงๆ มันอาจเป็นความปราณีครั้งแรกและครั้งเดียวของอี๋เอินก็ได้ เขาไม่ควรเอาทิฐิเป็นที่ตั้งจนเสียโอกาสดีๆไป...ใช่ไหม

     

    เฟิงจียิ้มพอใจเมื่อเห็นเจียเอ๋อยอมคลี่เสื้อคลุมสีแดงออกคลุมร่าง ผ้าแพรเลื่อมปักลายดอกท้องดงาม แม้จะเป็นเสื้อคลุมของผู้หญิงที่ปกติปลายจะต้องลากพื้น แต่อาจจะเป็นเพราะเจียเอ๋อก็ไม่ได้มีรูปร่างสูงอย่างชายหนุ่มทั่วไป แทนที่เสื้อจะลอยเหนือพื้นเลยกลายเป็นยาวกรอมเท้าพอดี

     

    เฟิงจีเรียกนางกำนัลด้านนอกเข้ามาแต่งตัวช่วย เจียเอ๋อมีท่าทีเก้ๆกังๆไม่ชินกับการที่ต้องมีคนช่วยแต่งตัว หวีผมหรือซับเหงื่อ

     

    “นี่ๆ ไม่ต้องหรอก”รีบห้าม พลางเบี่ยงหน้าหนีนางกำนัลที่กำลังจะทาแป้งทาปากให้เขา

     

    “แต่ว่า...”

     

    “ข้าเป็นผู้ชายน่า ไม่ใช่ผู้หญิง”

     

    นางกำนัลมีท่าทีลังเลใจ สงสัยจะได้คำสั่งมาว่าให้มาแต่งตัวให้สนมท่านอี๋ เลยทำให้พวกนางเข้าใจว่าต้องทำเหมือนอย่างนางสนมคนอื่นๆ

     

    “แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ”เฟิงจีต้องเป็นคนออกปากเอง พวกนางถึงยอมถอยออกไป เจียเอ๋อลูบเส้นผมยาวสยายเรียบนุ่มไปไว้ด้านหลัง ลุกขึ้นจากโต๊ะ ขยับผ้าคาดสะเอวให้แน่น

    “แล้ว มีอะไรที่ข้าต้องรู้ก่อนออกไปรึเปล่า?”

     

    เฟิงจีเลิกคิ้วมองยิ้มๆ คิดในใจว่าเจียเอ๋อเฉลียวกว่าที่คิด

     

    “อนุญาตให้อยู่แค่ในสวน จะทำอะไรก็ได้ แค่ไม่ไปทำลายข้าวของหรือดอกไม้ก็พอ”

     

    “คิดว่าข้าจะเผาตำหนักรึยังไง?”เลิกคิ้วถามหมอประจำตำหนักที่หัวเราะเสียงดัง

     

    “ข้าว่าเจ้าคิดจะทำแน่ๆถ้ามีโอกาส”

     

    ...รู้ทัน...เจียเอ๋อคิด เดินตามชายหนุ่มออกไปจากห้อง

     

    มือขาววางมือบนอก รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ออกไปจากห้องเสียทีหลังจากไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมานานกว่าสองสัปดาห์ ตากลมเปล่งประกายมองสวนสวยที่เขาเคยเห็นแว๊บๆตอนถูกนำตัวมาถวาย

     

    มันเป็นสวนกว้างกลางตำหนัก ดอกไม้พรรณไม้งดงามหลากหลายสีสันแย้มบานเป็นสัดเป็นส่วนถูกตัดแต่งดูแลสวยงามน่าดูชม ต้นท้อยืนต้นบิดเป็นเส้นสายราวกับภาพวาดกลางสวนเป็นจุดเด่นที่ทำให้ละสายตาออกได้ยาก พื้นทางเดินหินกรวดขาวตัดกับดินสีเข้มปูลาดยาวเชื่อมต่อกันยาวทั้งสวน ถ้าเป็นฤดูหวานที่ต้นท้ออกดอกจะต้องดงามมากแน่ๆ

     

    น่าเสียดายว่าตอนนี้เป็นฤดูร้อน

     

    “ตามสบายเลย ข้าต้องไปแล้ว เตือนเจ้าว่าอย่ากลับห้องหลังตะวันตกดินก็แล้วกัน”

     

    “ทำไม?”

     

    “มันเป็นกฎของตำหนักนี้ หลังพระอาทิตย์ตกดินห้ามใครนอกจากท่านอี๋ พระญาติและพวกนายทหารยามออกมาเดินนอกที่พัก”

     

    เจียเอ๋อพยักหน้าเข้าใจ เอ่ยขอบคุณเฟิงจีที่ยิ้มรับบางๆแล้วเดินจากไป

     

    เขาหันกลับไปมองสวนสวยตรงหน้า หลับตาลงสูดกลิ่นหอมจรุงจากบรรดาดอกไม้รอบด้าน อากาศสดชื่น แสงแดด และสายลมเย็นๆพัดผ่านร่าง

     

    ...คิดถึงเหลือเกิน...

     

    ไม่รู้ว่าโดนขังอยู่ในห้องนั้นนานเกินไปรึเปล่า แต่ตอนนี้เจียเอ่อกระปรี้กระเปร่ามาก หากมีดาบเขาคงฝึกซ้อมดาบอย่างที่ชอบไปแล้ว แต่เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวเลยเปลี่ยนมาเดินชมธรรมชาติ ซึมซับกลิ่นอายดินและลมให้ชุ่มปอดแทน

     

    เดินเล่นในสวนจนแทบจะจำทุกส่วนของพื้นที่แห่งนี้ได้แล้วก็เริ่มเบื่อ เดินไปหยุดยืนเงยหน้ามองลำแสงอาทิตย์อ่อนๆที่ลอดใบต้นท้อลงมาบนพื้นดิน มองประกายแสงที่เปลี่ยนรูปร่างไปทุกครั้งที่ลมผัดผ่านและใบไม้เอนไหว

     

    “อย่าเดินเอื่อยแบบนั้นสิพี่อี๋”เสียงหวานใสดังก้องเข้ามาในโสตประสาท เจียเอ๋อสะดุ้งไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ใกล้ๆนี้ด้วย ก้มมองชุดตนเองก็เกิดกระดากอายเล็กน้อย มันดูไม่สุภาพนักหากจะออกไปพบใครตอนนี้ ชายหนุ่มเลยเลือกแฝงเร้นตนหลังต้นท้อ ฟังเสียงหญิงสาวผู้มาใหม่พูดคุยกับใครอีกคน

     

    “เจ้ารีบเกินไปต่างหาก”

     

    หัวใจเต้นผิดจังหวะเพราะเสียงทุ้มต่ำแสนคุ้นเคย เจียเอ๋อลอบมองหลังต้นไม้ด้วยความสงสัย

     

    หญิงสาวอายุน้อยในชุดสีชมพูปักลวดลายสลักเสลาประณีตเดินลงมาจากระเบียงทางเดิน ท่าทางของนางทั้งสง่าและงดงาม งามยิ่งกว่าคือใบหน้าของนางที่ราวกับถูกสลักเสลาเลียนแบบเทพยดาบนสวรรค์ ผิวพรรณขาวผ่องเป็นยองใย

     

    อี๋เอินปรากฏออกมาจากเงาระเบียงตำหนัก เขาขยับยิ้มแสนเอ็นดูเมื่อมองหญิงสาวที่เดินอยู่ด้านหน้าตน มือของทั้งสองเกี่ยวกันแน่น หญิงสาวลากพาชายหนุ่มเดินไปชมดอกไม้นั่นนี่

     

    “เดี๋ยว”ชายหนุ่มหยุดหญิงสาวที่กำลังร่าเริงให้หยุดนิ่ง นิ้วเรียวปัดใบไม้แห้งออกจากเรือนผมดำขลับ หญิงสาวแย้มยิ้มขอบคุณ

     

    ...นางสนมคนอื่นสินะ...เจียเอ๋อคิดในใจ

     

    ไม่แปลกใจสักนิด อี๋เอินก็เป็นถึงเจ้าเมือง ก็ต้องมีนางสนมเยอะอยู่แล้ว จากทั้งพวกที่โดนคัดสรรมาหรือพวกที่โดนตระกูลประทานให้แลกกับพวกยศถาบรรดาศักดิ์และเงินทอง แต่...

     

    รู้สึกแปลกๆ...

     

    มันแปลบๆยังไงบอกไม่ถูก...

     

    มือขาววางลงบนหน้าอกส่วนที่รู้สึกเจ็บเมื่อครู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นอะไร ละสายตาจากคนทั้งคู่แล้วเดินกลับห้องที่ตนเคยเกลียดชัง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีกว่าถ้าจะอยู่ในนั้นทั้งวัน

     

    ...นี่ข้าป่วยเป็นอะไรอีกแล้วล่ะ... 


















     

    พระอาทิตย์ใกล้ลับฟ้า... เจียเอ๋อนั่งกอดเข่าวางคางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบนเตียงหลังเดิม แก้วตาสะท้อนภาพแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าไป แขนสองข้างกอดขาตัวเองหลวมๆ เสื้อคลุมสีแดงคลุมอยู่บนไหล่ลาดนวล เส้นผมสีดำสนิทปล่อยสยายอย่างไม่ใส่ใจนัก

     

    ...
    ...
    ...
    ...
    .
    .
    .

    ที่เหลืออยู่ในบล็อก...ค่ะ [CUT] อีกแล้ว 5555555555








     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×