คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 02
ตำหนักร้อนบำเรอรัก
02
จิ๊บๆ
เสียงนกขับขานหยอกล้อกันเป็นท่วงทำนองในยามเช้าปลุกให้เปลือกตาช้ำปรือเปิดขึ้นมาช้าๆ สติที่เลือนรางในยามตื่นนอนมิอาจจะปิดกั้นความปวดร้าวจากทั่วสรรพร่างกายที่พร้อมพุ่งโจมตีให้เจียเอ่อตื่นเต็มตา ครางเจ็บเสียงเบาไร้กำลังจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใด กล้ามเนื้อทุกส่วนตึงแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลมปราณในร่างตีรวนยากที่จะควบคุมได้ ช่องทางด้านหลังร้าวระบม สัมผัสได้ถึงของเหลวที่ยังคั่งค้างอยู่ในร่าง
ไม่น่าเชื่อว่าการร่วมรักกับเพศเดียวกันเพียงครั้งแรกจะสร้างความเจ็บปวดทรมานได้อย่างฉกาจฉกรรจ์แบบนี้ เปลือกตาบางหลับลงถอนหายใจตั้งสติ ใช้แขนค้ำพยุงกายลุกขึ้นช้าๆ ปล่อยให้เสื้อคลุมสีแดงบนแผ่นหลังเลื่อนหลุดไปกองอยู่เหนือบั้นเอว จับหัวเตียงดันแผ่นอกไปวางไว้บนนั้น เคลื่อนไหวเพียงนิดแต่กลับกินพลังงานมากขนาดที่ว่าหอบหายใจหนัก นึกแปลกใจกับร่างกายตนเองอยู่ไม่น้อย
เจียเอ่อคุกเข่าบนเตียงโดยไม่รู้ว่าท่วงท่าแบบนี้จะทำให้สิ่งที่คั่งค้างไหลทะลักล้นออกมาเปรอะเปื้อนเรียวขา ทั้งยังไหลเยิ้มเปื้อนผ้าปูที่นอนสีขาวเป็นด่างดวง นับเป็นรอยตราบาปน่าอับอายจนไม่กล้ามองซ้ำ
“โถ่โว้ย!”
เจ็บใจจนแทบบ้า ศักดิ์ศรีที่ถูกชายผู้นั้นช่วงชิงโดยตนมิอาจจะขัดขืนได้ยิ่งซ้ำเติมให้จิตใจหม่นวูบ จิตตกจนอยากจะฆ่าตัวตายประชดชีวิตไปเสียตอนนั้น แต่ภาพพ่อแม่พี่น้องที่โผล่เข้ามาในมโนสำนึกในชั่ววินาทีหนึ่งก็ทำให้เจียเอ่อตระหนักและยอมกัดฟันทนกับสภาพน่าอดสูเช่นนี้อย่างจำยอม
สัญญากับตัวเองว่าหากมีโอกาส จะแก้แค้นอี๋เอินให้อายเทียบเท่ากันกับที่เขาเจอตอนนี้แน่ๆ
เสียงฝีเท้าหน้าประตูดังแว่วมาเป็นสัญญาณเตือนให้เจียเอ่อทำอะไรสักอย่างกับตนเอง เขารีบคว้าเสื้อขึ้นมาคลุมร่างไว้ลวกๆ ทันคนหน้าประตูเปิดเข้ามาอย่างเฉียดฉิว
แมว?
นั่นคือสิ่งแรกที่เขานึกถึง... ใบหน้าละมุนตา ผิวขาวสะอาด ดวงตาเรียวชี้เหมือนแมวเจ้าเล่ห์ไม่มีผิด การแต่งกายเหมือนพวกนักปราชญ์หรือไม่ก็พวกหมอยา ที่สำคัญ...คือเขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร
“โดนหนักเหมือนกันนะ”
เจียเอ่อหน้าแดงก่ำอับอาย รู้ว่าสภาพตนคงไม่น่าดูนักแต่พอได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่
ในสายตาของผู้มาใหม่กลับไม่ได้คิดว่าน่าอายเท่าใดนัก ออกจะดูยั่วยวนอย่างที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัว ด้วยเจียเอ่อไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่อย่างชายทั่วไปแต่ก็ไม่ได้แลดูบอบบางอย่างเช่นอิสตรี ร่างเปลือยเปล่าปกปิดไว้แค่เสื้อแพรผืนบาง สีแดงของมันตัดกับผิวกายขาวราวกับหิมะที่โดนแต่งแต้มรอยสีกุหลาบกระจายไปทั้งลำคอและเนินไหปลาร้า เส้นผมสีดำยาวสยายเคลียใบหน้าคมหวานแลไปก็ดูงดงามไม่แพ้ภาพจิตรกรในราชสำนักนัก
“ข้าเป็นหมอหลวงของตำหนักชื่อ เฟิงจี ท่านอี๋เอินส่งให้ข้ามาตรวจอาการเจ้าน่ะ”
“ข้าไม่เป็นไร”เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกด้วยความดื้อดึง
“ถ้าเจ้าสบายดี หน้าเจ้าคงไม่ซีดเผือกและบนเตียงนั่นก็คงไม่มีน้ำกามผสมเลือดแน่ๆ...ถอดเสื้อออก”
เจียเอ่อก้มหน้านิ่ง ไม่อาจโต้เถียงสิ่งใดได้ ถอดเสื้อคลุมออกไปวางไว้ข้างๆ คิดในใจว่าคนในตำหนักนี้ชอบออกคำสั่งกันเสียจริง บ้าอำนาจกันจนเป็นนิสัยแล้วหรือไร
แยกขาออกให้หมอหลวงตรวจดูอาการ แม้จะน่าอายตอนถูกเฟิงจีใช้ดวงตาเรียวมองส่วนที่โดนทารุนด้านล่าง แต่ก็ไม่รู้สึกแย่เท่าตอนโดนอี้เอินกระทำ อาจเป็นเพราะเฟิงจีเป็นหมอ จึงใช้สายตาอย่างหมอที่กำลังตรวจโรค ไม่เหมือนอี้เอินที่มองเขาด้วยความใคร่และสนุกสนานในการกลั่นแกล้งให้ทรมาน
“หืม...ตรานี่”เฟิงจีขมวดคิ้วแตะลงบนรอยนูนเป็นตราประจำตัวของอี๋เอินบนโคนขาใกล้ส่วนอ่อนไหว
“แตะตรงไหนของเจ้าน่ะ!!!”เจียเอ่อตวาดกร้าว หุบขาลงมองหมอหลวงที่ถอยหลังออกมายิ้มแปลกประหลาดให้เขา ลุกขึ้นนั่งกระชับเสื้อคลุมตัวเดิมสวมใส่ให้เรียบร้อย
“เจ้าเป็นคนโปรดของเขาสินะ”
“เจ้าพูดอะไร...”
…มาอีกแล้ว ไอ้คำน่าสงสัยพวกนั้นมาอีกแล้ว...
...ทั้ง ‘ถูกใจ’ หรือ ‘คนโปรด’…
“ไม่มีอะไรหรอก...ข้าจะไปปรุงยาให้ ตอนนี้หน้าที่เจ้าคือไปทำความสะอาดร่างกายแล้วมาพักผ่อนเสีย ข้าจะให้พวกนางกำนัลยกยามาให้”
“เดี๋ยว...ตอนนี้ร่างกายข้าเหนื่อยอ่อนง่ายผิดปกติ มันเกี่ยวกับที่ข้า...เอ่อ...”เจียเอ่อกระดากปากเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเมื่อคืน ได้แต่อ้ำอึ้งใบ้เบี้ยจนเฟิงจีเข้าใจ
“จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว...”เฟิงจีไม่ค่อยมั่นใจนัก “เหมือนว่าเจ้าจะโดนกดปิดจุดเสวียะย่ายกับจุดต้าเหิง เส้นลมปราณม้ามติดขัด เลยเกิดอาการอ่อนเพลียง่าย”
ทันทีที่ได้ยินเจียเอ่อก็รีบแหวกเสื้อออกมองดูรอยช้ำเล็กๆเหนือกระดูกเชิงกรานด้านซ้ายระดับเดียวกับสะดือหรือจุดต้าเหิง และยังมีอีกจุดที่ข้างหัวเข่าหรือตรงจุดเสวียะย่ายจริงๆ
“แล้วเจ้า...”
“เสียใจ ข้ารักษาให้ไม่ได้...”เฟิงจีส่ายหน้าปฏิเสธทันทีที่เหมือนจะโดนขอร้องให้รักษา “ข้ามีคำสั่งมาให้รักษาแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว เรื่องอื่นข้าโดนสั่งว่าห้ามยุ่ง”
“เจ้าบ้านั่น!!!”โกรธแค้นจนแทบบ้า กล้าทำเรื่องน่าอายอย่างนั้นกับเขายังจะมารังแกกันอีก ตัวเจียเอ่อเองสามารถควบคุมพลังลมปราณของตนได้ก็จริง แต่ก็ยังไม่เคยได้รับการฝึกฝนเรื่องการกดจุด ลำพังตัวเองเลยแก้จุดไม่ได้
“อย่าให้ท่านอี๋ได้ยินล่ะ จากแค่ทำให้อ่อนเพลียหนีไม่ได้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะได้แต่นอนอยู่บนเตียง”
เจียเอ่อหากลัวคำขู่นั้นไม่...ไม่มีสิ่งใดที่ชายตระกูลหวังต้องหวาดกลัวอยู่แล้ว...
หลังจากกล่าวขอบคุณเฟิงจีที่เดินออกไปแล้ว เจียเอ่อก็พยุงกายเดินเข้าห้องน้ำไป
เสื้อคลุมสีแดงหลุดลงกองบนพื้นปูนหยาบ เส้นผมสีดำยาวสยายปิดสะโพกมน ดวงตากลมหลุบลงมองร่างกายตัวเอง นึกรังเกียจรอยสีแดงช้ำบนร่าง โดยเฉพาะรอยประทับตรงโคนขาด้านในที่เปรียบเป็นรอยตำหนิรอยใหญ่ในชีวิต
ยกมือจับต้นคอ หลับตาลงคุมสติ ผ่อนลมหายใจสงบ เคลื่อนมือไปตามลมปราณในร่างช้าๆ คิ้วเรียวกระตุกแน่นกดนิ้วลงบนรอยช้ำเหนือกระดูกเชิงกรานระดับเดียวกับสะดือ มันคือจุดที่โดนอี๋กดสกัดเอาไว้ ตั้งแต่จุดนี้เป็นต้นไปทำให้ลมปราณในส่วนอื่นของเขาเบาบางไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนได้อย่างเป็นปกติ แถมยังซ้ำเติมด้วยจุดตรงเข่าที่ยิ่งทำให้แข้งขาเขาอ่อนแรง แค่เดินเร็วๆได้ก็ดีมากเกินไปแล้วสำหรับเจียเอ่อในตอนนี้
...ไม่ให้หนีจริงๆสินะ...
นึกเจ็บใจที่อีกฝ่ายนำเอาความอ่อนด้อยในด้านการกดจุดของเขามาสร้างเครื่องพันธนการทรงประสิทธิภาพ หากร่างกายไม่สามารถ ใยเลยจะหนีจากกำแพงสูงได้...
ถอนหายใจเลิกคิด หย่อนขาลงในอ่างน้ำอุ่น ย่อตัวลงไปช้าๆ ปากแดงช้ำร้องซี๊ดเสียงเบาเพราะแสบรอยถลอกบนแผ่นหลัง น้ำอุ่นร้อนในถังอาบน้ำช่วยคลายกล้ามเนื้อส่วนที่เกร็งแน่นให้ผ่อนคลายลง หลับตาเอนกายแช่น้ำอยู่อย่างนั้นสักพักถึงเริ่มลงมือทำความสะอาดร่างกาย
ร่างในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเดินออกมามองสภาพห้องเล็กๆของตนด้วยความฉงนสนเท่..
...นี่นางกำนัลตำหนักนี้เรียนวิชาย่องเบาหรือไร ถึงได้เข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับเอาเสื้อผ้าตัวใหม่มาให้เขาได้เงียบเสียเขาที่อาบน้ำอยู่ห้องข้างๆก็ยังไม่ได้ยิน...
แบะปากใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ของตน เสื้อสีแดงเลือดนกปักลายนกยูงตรงกลางหลังยาวลากพื้น แถมยังเป็นผ้าบางๆแทบจะแนบเนื้อไปหมด มองหากางเกงแต่ก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าพวกนางกำนัลลืมหรือไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายกันแน่ แต่พอใส่ทั้งหมดนั่นก็ยังรู้สึกโล่งด้านล่างอยู่ดี...
เจียเอ่อเพิ่งจะแต่งตัวเสร็จตอนที่นางกำนัลนำยามาให้ เขาเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มกว้าง เดินไปมองยาที่ตนต้องกิน ขณะจับเส้นผมขึ้นมัดให้เรียบร้อย
ยกน้ำยาสีเขียวอื๋อแค่ได้กลิ่นยังรู้สึกขม กลั้นลมหายใจซดกรอกเข้าปากพรวดเดียว รีบยกชาร้อนซดล้างความคมปร่าในคอตามกันถึงสามถ้วยติด
กลับไปนั่งบนเตียง มองสำรวจสภาพห้องโดยรวม ห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่ใหญ่มากนัก มีแค่เตียงไม้ที่เขานั่งอยู่กับชุดโต๊ะเก้าอี้ติดหน้าต่างอีกหนึ่งชุดเท่านั้น หน้าต่างบานใหญ่บานเดียวในห้องแสดงให้เห็นแค่ส่วนของผนังสีชืดกำแพงสีเข้มและท้องฟ้าด้านบนเล็กน้อยราวกับเป็นเครื่องเตือนเวลา เป็นห้องที่ไร้สีสันหรือสิ่งบันเทิงใจบันเทิงตาเลยสักนิด แม้แต่กระดาษสักพักแผ่นให้เขียนเล่นก็ยังไม่มี
หันกลับมามองประตูบานพับตรงหน้าห่างจากเตียงไม่ถึงห้าก้าวดี
เพียงแค่เปิดมันออก เขาก็จะออกจากห้องนี้ได้
แค่เปิดออก...
ยิ้มมุมปากอย่างนึกสมเพชตนเองกับความคิดในหัว ลุกขึ้นเดินไปแตะกลอนประตูค้างไว้ ลองขยับเบาๆก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันด้านนอก...
ถอยหลังไปนั่งลงกับเตียง มองห้องอีกครั้งแล้วได้ข้อสรุปอยู่ในใจ
นางสนม?...อย่าล้อเล่นเลย นางสนมจริงๆยังมีอิสระจะร้องเล่นเต้นรำได้ออกไปเดินเล่นเฉิดฉายข้างนอกนั่น แล้วเขาล่ะ...
...แค่จะเปิดประตูก็ยังไม่มีสิทธิ์เลย...
เสียงปลดกลอนประตูเรียกให้คนที่ยังนอนอยู่สะดุ้งงัวเงียตื่นขึ้นมามอง พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ภายในห้องมืดสลัว มีแค่แสงจันทร์ด้านนอกสาดส่องเข้ามาผ่านช่องหน้าต่าง
เจียเอ่อจับสาบเสื้อกระชับเข้า กำลังจะขยับตัวลุกขึ้น ประตูก็เปิดออกพอดี
“ตั้งใจจะยั่วยวนข้าหรือไร...”
อี้เอินกระเซ้าถามคนที่คงไม่รู้ตัวว่ากำลังมีท่าทางแบบไหนอยู่
อาจเป็นองค์ประกอบที่เหมาะสมเลยทำให้ช่องแสงกระทบร่างบนเตียงเกิดแสงเงางดงาม สีแดงสดของเสื้อคลุมยาวเด่นแม้อยู่ในความมืดแบ่งแยกกับผิวขาวนวลตา เรียวขาด้านหนึ่งแหวกออกจนเห็นต้นขาอ่อน เส้นผมสีดำกลืนสนิทไปกับความมืดของรัตติกาล
“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน”
เจียเอ่อขมวดคิ้วไม่พอใจ รู้สึกขนลุกเพราะสายตาอีกคน
อี๋ยิ้มบางเรียกพวกนางกำนัลมาจุดเทียนในห้อง เจียเอ่อลุกขึ้นยืนอย่างไม่รู้จะทำอะไรในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเข้ามาหาตนอีกทำไม
นางกำนัลออกไปแล้ว...ประตูปิดลง...ชายหนุ่มก้าวพรวดเดียวเข้าไปใกล้นางสนมใหม่ของตน จับท่อนแขนใต้เสื้อตัวโคร่งทำท่าเหมือนจะดึงเข้าไปใกล้
“เฮ้ย! "
/ตัดฉับ/
“ใบหน้ายามร้องไห้ของเจ้ามันชวนหมดอารมณ์นัก”
“...”
“พรุ่งนี้เฟิงจีน่าจะมาตั้งแต่เช้า... ทำตามที่เขาสั่งล่ะ ข้าไม่อยากให้มีใครตายในตำหนักข้าโดยไม่จำเป็น”
ประตูถูกเปิดและปิดลง ภายในห้องเหลือเพียงร่างบอบช้ำบนเตียงยับยู่ยี่ ปากแดงหลุดเสียงสะอื้นยกเสื้อคลุมอีกด้านมากดซับน้ำตา
“แต่ข้าอยากตาย ฮึก...ตายจากคนใจร้ายอย่างท่าน”
“ใบหน้ายามร้องไห้ของเจ้ามันชวนหมดอารมณ์นัก”
หวังเจียเอ่อ...ชายหนุ่มผู้ดูแข็งกร้าวตลอดเวลา กลับดูอ่อนแอและบอบบางราวกับจะแตกหักไปได้ในชั่วพริบตายามที่มีน้ำตาใสๆอาบหน้า เปลือกตาบางจะช้ำชอก จมูกรั้นจะแดงก่ำ ริมฝีปากอวบอิ่มจะขบกัดกลั้นเสียงสะอื้นเสียจนแตกระบม
...เจียเอ่อเป็นผู้ที่มีใบหน้าร้องไห้ได้น่าสงสารมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา...
“...”
เขายอมรับว่าค่อนข้างรู้สึกใจหายยามไม่ได้รับคำด่าว่าจากน้ำเสียงแตกพร่า เจียเอ่อนอนนิ่งไม่แม้แต่จะไหวติง แผ่นหลังขาวถูกหันมาหาเขาแทนใบหน้าที่ตอนนี้คงเต็มไปด้วยน้ำตาและสีหน้าเจ็บปวด โลหิตสดๆยังคงไหลจากปากทางร่วมรักไม่หยุด นั่นยิ่งทำให้เขากังวลมากกว่าเดิม...
“พรุ่งนี้เฟิงจีน่าจะมาตั้งแต่เช้า... ทำตามที่เขาสั่งล่ะ ข้าไม่อยากให้มีใครตายในตำหนักข้าโดยไม่จำเป็น”
อี๋ปิดประตู เดินอย่างรีบเร่งไปเคาะประตูห้องนอนของหมอประจำตำหนัก ใบหน้าแมวๆของเฟิงจีไม่ทำให้เขาอารมณ์เย็นขึ้น
“ไปดูเจียเอ่อให้ข้าด้วย ข้าอนุญาตให้เบิกยาชั้นสูงได้ รักษาเขาได้ทุกอย่าง ยกเว้นการสะกดจุด”
เฟิงจีรับคำอย่างมึนงง เดินกลับไปแต่งตัวแล้วผุดออกมาพร้อมกล่องเครื่องมือ เดินก้าวฉับๆไปทางห้องเล็กท้ายตำหนัก
อี๋เอินไม่เคยรู้สึกสงสารใครเพราะน้ำตามาก่อน...ยกเว้นเจียเอ่อ
อี๋เอินไม่เคยรู้สึกกังวลกับใครที่ไม่ตอบคำถามเขา...อย่างเจียเอ่อ
อี๋เอินไม่เคยรู้สึกห่วงใครจนต้องไปตามหมอไปดูให้ทันทีทันใด...เหมือนเจียเอ่อ
“เจ้าเล่นกลอะไรกับข้า...เจียเอ่อ”
***เพิ่มเติม***
*จุดเสวียะย่าย จุดนี้อยู่เหนือขอบด้านหลังลูกสะบ้าขึ้นไปต้นขาด้านใน 2 นิ้ว
*จุดต้าเหิง จุดนี้อยู่ห่างจากด้านข้างสะดือ 4 นิ้ว ระดับเดียวกับสะดือ
*ขนมหยวนเซียว
ความคิดเห็น