ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF- ตำหนักร้อนบำเรอรัก [markson]

    ลำดับตอนที่ #2 : 01

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 58


    ตำหนักร้อนบำเรอรัก

    01

     

     

     

     

     

     

    อี๋ใจดีพอจะปล่อยตัวเจียเอ่อเพื่อไปบอกลาบิดามารดาก่อนหนึ่งคืน ไม่วายขู่สมทบป้องกันไม่ให้หนีด้วยการบอกว่าจะเผาทำลายฆ่ายกครัวตระกูลหวังทั้งโคตรแน่นอนหากเจ้าตัวหนีไป

     

    เมื่อกลับเรือนสิ่งแรกที่ทำคือการคุกเข่ากราบลาพร้อมขอโทษทุกสิ่งที่ผิดพลาด เพราะรู้ตัวดีว่าอาจไม่ได้กลับมาหาบิดามารดาอีก ฝ่ายเจ้าบ้านหวังและคุณนายเมื่อรู้สิ่งที่เกิดขึ้นก็ร้องไห้เสียใจ คุณนายหวังสลบไป ในขณะที่เจ้าบ้านจะไปขอแลกตัวกับเจียเอ่อ แต่เจียเอ่อห้ามไว้เพราะการที่คุณชายอี๋ยอมแลกตัวเขากับเกาลูนก็นับว่ากรุณามากแล้ว จะไปเรียกร้องนั่นนี่บ่อยครั้งจะกลายเป็นการสร้างปัญหาให้เพิ่มขึ้นก็เท่านั้น

     

    ฝ่ายเกาลูนก็รู้สึกผิด ใบหน้างามเศร้าหมอง กล่าวขอโทษพี่ชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเจียเอ่อต้องมาแลกตัวกับนางในการช่วยตระกูลไม่ให้ล่มจม จนเจียเอ่อต้องปลอบว่านางคือสมบัติล้ำค่าของตระกูล หญิงสาวเช่นนางเสื่อมเสียได้ง่าย ชาวบ้านเขาจะนินทาเอาง่ายๆและเขาก็พร้อมใจจะยอมแลกตัวเอง กอดปลอบอย่างที่ทำตอนเด็กๆ ไม่อยากให้น้องสาวของตนรู้สึกโศกเศร้าไปมากกว่านี้

     

    เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีรถม้าพร้อมนายทหารอีกสามถึงสี่คนมาจอดถึงหน้าบ้านตระกูลหวัง เจียเอ่อกล่าวลาบิดามารดาด้วยความเศร้าโศก หันไปกอดน้องสาวผู้เดียวของตน กระชับย่ามใบเล็กในมือหลับตาทำใจให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้

     

    เขาขึ้นรถม้าโดยไม่ต้องให้นายทหารคุมให้ขึ้น ไม่อยากทำให้ตัวเองเป็นเหมือนนักโทษไปมากกว่านี้ รถม้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้าช้าๆ ดวงตากลมหันกลับไปมองบ้านตนเองด้วยความอาวรณ์

     

    ...จะได้กลับมาอีกไหม...

     

    เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจ ความเหน็บหนาวเข้าคลอบคลุมจิตใจ ตอนที่จากไปฝึกฝนวิชาถึงปีสองปีก็คะนึงถึงบ้านเรือนเคยอยู่เหล่าญาติพี่น้องล้อมรอบตัวทุกชั่วคืนวัน แต่ก็มีกำลังใจในการฝึกฝนเพราะรู้อยู่เสมอว่ามีบ้านให้กลับ มีคนที่กำลังรอ เพียงแต่ตอนนี้มันแปลกไป เพราะเจียเอ่อ่ต้องกลายไปเป็น สมบัติ’ ของใครอีกคน มีเจ้าชีวิตคอยบงการ จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ทำได้ง่ายๆ เขาเลยไม่มั่นใจว่าตนเองจะได้กลับมาอีกหรือไม่

     

    ...ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรและกรรม...

     

    นั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่นาน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถม้าหยุดลง เสียงเคาะประตูด้านนอกเรียกให้ชายหนุ่มรีบกระโดดลงจากรถ สะบัดแขนที่เข้ามาจับเหมือนพยายามไม่ให้เขาหนีอย่างไม่ชอบใจ

     

    “ข้าไม่หนีหรอก”

     

    “พวกข้าไม่เชื่อใจเจ้า”หนึ่งในนั้นบอกกับเขา ทำหน้าถมึงทึงน่ากลัวใช้ปลายหอกดันเขาเข้าไปในประตูเหล็กที่เปิดอ้าออก เจียเอ่อสบถเสียงเบาเดินเข้าไปในนั้นอย่างจำยอม มองไปรอบๆก็เห็นว่าคงมิใช่ประตูหลักเพราะเดินเข้ามาก็เจอกับทางเดินยาวเหยียดด้านหนึ่งติดกำแพงหินยาว ส่วนอีกด้านเปิดโล่งจัดเป็นสวนสวย มีนางสนมกำนัลกำลังนั่งเล่นชมสวนอย่างเพลิดเพลิน

     

    เจียเอ่อก้มหน้ากลัวว่าการจ้องมองพวกนางจะเป็นการเสียมรรยาท เดินตามพวกทหารเงียบๆ ในระหว่างนั้นก็สำรวจดูที่แห่งนี้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ

     

    เขาไม่ได้รู้จักว่าคุณชายอี๋คือใคร แต่คงจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงมากแน่ๆ ดูจากบ้านเรือนที่ใหญ่โต กำแพงชิดรอบขอชิดแน่นหนา ทางเดินยาวค้ำเสาไม้อย่างดี ห้องที่เดินผ่านมาก็นับจนแทบไม่หวาดไม่ไหว

     

    พวกทหารนำเขาไปรายงานตัวต่อใครคนหนึ่งบนทางเดิน เธอผู้นั้นพยักหน้าผายมือให้พวกเขาออกไป ทิ้งเธอและเจียเอ่อไว้เพียงลำพัง

     

    สิ่งแรกที่เจียเอ่อให้ความจำกัดความของหญิงผู้นี้คือ...น่าเคารพ...แม้ใบหน้างดงามจะไม่ปรากฏรอยยิ้มแต่ก็แลดูอ่อนโยน ท่วงท่ากิริยาอ่อนช้อยงดงาม ดูจากเครื่องแต่งกายของนางแสดงให้เห็นว่านางเป็นนางกำนัลชั้นสูง

     

    รู้สึกไม่ดีนักยามนางใช้ดวงตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า นิ้วมือบอบบางแตะเข้าที่ใบหน้าเขา นั่นทำให้เจียเอ่อสะดุ้งถอยหลังกะทันหันเพราะไม่ชินกับการแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาวแบบนี้ เธอหัวเราะ

     

    "เจ้านี่ดูอ่อนต่อโลกเสียจริง ไม่ผิดที่ท่านอี๋ถูกใจเจ้า”

     

    ...ถูกใจ...คำหนึ่งที่นางพูดมาสะกิดความสงสัยในใจของเจียเอ่อ

     

    “ข้าชื่อ ซูหนิง (ความงามที่เงียบสงบเป็นหัวหน้านางกำนัลของตำหนักเลี่ยงหรง (เกียรติยศที่ส่องสว่าง) แห่งนี้ ท่านต้วนอี๋เอินให้คำสั่งข้ามาดูแลเจ้าในวันนี้ ก่อนที่เจ้าจะต้องถวายตัวในตอนเย็น...เจ้าดูมีคำถามนะ”ซูหนิงเปิดทางให้ถามเมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอวนไม่เข้าใจในคำที่เธอพูดมาทั้งหมด

     

    “แล้วท่านอี๋...เอ่อ อี๋เอินจะให้ข้าทำอะไรที่นี่ มีงานอะไรที่ข้าต้องทำหรือ? ตัดไม้แบกน้ำ ข้าทำได้หมดนะ... แล้ว ถวายตัว..."ประเด็นที่ชายหนุ่มพล่ามมาทั้งหมดคือคำสุดท้ายนั่นต่างหาก เขารู้สึกแปลกๆกับศัพท์ที่หญิงสาวใช้ นั่นใช้กับหญิงสาวมิใช่หรือ?...

     

    “สำหรับคำถามนี้ท่านอี๋จะตอบเจ้าเอง ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเตรียมตัวให้พร้อมกับข้า”

     

    หญิงสาวทิ้งรอยยิ้มปริศนาให้กับเจียเอ่อที่ขนอ่อนลุกทั้งร่างอย่างไม่มีสาเหตุ รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีแต่ก็เดินตามหญิงสาวไปเงียบๆ

     

    “ตำหนักแห่งนี้แบ่งเป็นสามส่วน คือส่วนหน้า ส่วนกลาง และส่วนใน ส่วนที่เจ้าถูกจัดให้ไปอยู่คือส่วนกลาง เป็นส่วนของพวกนางสนม นางกำนัลและพวกคนใช้อื่นๆ แต่ก็มีเขตแบ่งกั้นไว้ชัดเจน เจ้าไม่ต้องห่วง อีกเรื่องคือกฎของที่นี่ สิ่งสำคัญคือคำสั่งของท่านอี๋ถือเป็นสิ้นสุด ทางที่ดีอย่าทำให้ท่านระเคืองใจแต่ก็นั่นแหละ...หากเจ้าทำได้ก็ยอดคน เพราท่านอี๋โกรธคนยากมากจริงๆ”

     

    ...นั่นถือเป็นสิ่งที่ดี...เจียเอ่อคิด เพราะเขาต้องกวนประสาทท่านอี๋คนนั้นกลับหนสองหนเพราะความหมั่นไส้แน่ๆ

     

    “เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปภายนอก ไม่ว่าจะกรณีใด ส่วนที่เจ้ารับอนุญาตให้อยู่คือห้องของเจ้า ซึ่งเดี๋ยวข้าจะพาไป”

     

    “ท่านซูหนิง...”

     

    “มรรยาทที่ควรทำคือรอให้ผู้อื่นพูดจบก่อนจึงถาม”คำตักเตือนมาพร้อมดวงตาสวยที่เหลือบมาจิก ชายหนุ่มย่นคอลงเพราะความเกรงใจ ช้อนตามองหญิงสาวที่พยักหน้าอนุญาตให้ถาม

     

    “แล้ว...ถ้าข้าอยู่ได้แค่ในห้องพัก แล้วข้าจะออกมาทำงานอย่างไรกัน”

     

    “งานของเจ้าก็อยู่ในห้องนั่นแหละ...เฮ้อ ตามข้ามาเงียบๆก็พอ นี่ข้าหลุดคำสั่งท่านอี๋เอินหลายอย่างเพราะคำถามของเจ้า”

     

    เจียเอ่อยิ้มเพราะความใจดีในความปากร้ายของหญิงสาว เธอมีเสน่ห์และน่าเข้าใกล้ แม้จะวางตัวดูสูงสง่าน่าเกรงขนาดไหนก็ตาม

     

    ห้องที่ซูหนิงพามาคือห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงพาเขามาในที่มิดชิดแบบนี้ เธอเรียกบรรดาเหล่านางกำนัลสี่ถึงห้าคนเข้ามาในห้อง นั่นทำให้เจียเอ่อเกร็งเข้าไปใหญ่

     

    “จัดการเขาด้วย...แล้วเดี๋ยวข้าจะมาตรวจดูผลงาน”

     

     

    ซูหนิงเยื่องย้ายร่างตนเองออกจากห้องน้ำ ทิ้งให้เจียเอ่ออยู่กับนางกำนัลที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ

     

    “เดี๋ยวๆ พวกเจ้าจะทำอะไรข้า”

     

    “อาบน้ำขัดผิวตามปกตินั่นแหละท่าน มันเป็นจารีตก่อนที่ท่านจะถวายตัว ไม่ต้องกลัวไม่ต้องอาย นี่เป็นหน้าที่ของพวกข้า พวกข้าไม่ถือ”

     

    ...แต่ข้าถือไง...สบถในใจ เดินก้าวถอยหลังหนีหญิงสาวพวกนั้น ไม่ทันมองให้ระวังพลาดขาชนขอบอ่างลื่นไถลลงไปทั้งร่าง ดำผุดดำว่ายขึ้นมาไอโขลกหน้าแดงเพราะโดนหัวเราะ เสื้อผ้าเปียกโชกแนบเนื้อ เจียเอ่อสบถลั่น ร้องตกใจเมื่อโดนนางกำนัลรุมเข้ามาถอดเสื้อผ้าออกจากร่างจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าในอ่างน้ำไม้

     

    ชายหนุ่มที่ไม่เคยผ่านหญิงใดค่อนข้างกระดากอายที่จะต้องเปลือยกายต่อหน้าหญิงสาวหลายคน ถึงพวกนางจะทำตามหน้าที่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกเขินน้อยลง

     

    “ไม่ต้องอายหรอกท่าน อยู่นิ่งๆให้พวกข้าทำก็พอ ถ้าข้าไม่ทำเดี๋ยวข้าก็โดนท่านซูหนิงทำโทษอีก ถือว่าเห็นแก่พวกข้าเถอะนะ”

     

    พอได้ยินว่าความดื้อรั้นของตนอาจทำให้พวกนางเดือดร้อน ชายหนุ่มก็เย็นลง จำใจยอมให้พวกนางทำอะไรก็ได้กับร่างกายเขา

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

     

    ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาซูหนิงก็เข้ามาในห้องอีกครั้ง นางมองร่างชายหนุ่มที่เหล่านางกำนัลพามาให้ตรวจความเรียบร้อยด้วยความพอใจ ริมฝีปากเคลือบสีแดงโปรยยิ้มงดงามขณะเดินรอบตัวเจียเอ่อที่สวมเพียงผ้าคลุมผืนบาง

     

    “ดีกว่าที่คิดภาพไว้เสียอีก...”เธอกล่าวชม พลางหันไปทางนางกำนัลที่ยืนยิ้มแป้นภาคภูมิใจ “พวกเจ้าทำดีมาก ท่านอี๋เอินคงชอบใจถ้าได้เห็น”

     

    “แน่นอนค่ะ ท่านซูหนิง”

     

    “เอาล่ะ เจียเอ่อ...ถึงเวลาแล้ว”

     

     

     

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของตำหนักเอนกายนอนอ่านหนังสืออู่บนเตียงทรงจีนโบราณ เสื้อคลุมสีดำปักลายมังกรสีขาวดูน่าเกรงขามและงดงาม เส้นผมยาวมัดรวบไว้ด้านหลัง

     

    ...อี๋กำลังรอใครบางคน...

     

    ดวงตาสวยมองผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดเอาไว้มองฟ้าที่กลายเป็นสีมืดมัวลงทุกที แสดงไฟด้านนอกส่องสว่างทุกที่ นางกำนัลในห้องจุดเทียนข้างโต๊ะเพิ่มความสว่างในห้องเล็กๆนี่

     

    “ท่านอี๋เอิน ซูหนิงนำเขามาถวายตัวค่ะ”

     

    อี๋มองไปตามเสียงเรียก โบกมือให้นางกำนัลออกไปจากห้องไป ไม่นานนักประตูก็เปิดออกอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ได้สนใจร่างที่เข้ามาคุกเข่าลงบนพื้นมากกว่าหนังสือในมือ แต่สีแดงที่เห็นเพียงหางตาก็เรียกร้องความสนใจให้เขากลับไปมอง

     

    ดวงตาสวยเบิกขึ้นทั้งตกตะลึงและฉงนสนเท่ วางหนังสือลงลุกขึ้นมานั่งมองร่างตรงหน้าอย่างเต็มตา

     

    อาจเป็นเพราะแสงเทียน เลยทำให้ร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูงดงามจนไม่อยากเชื่อสายตา ดวงหน้าที่เคยคิดว่ามันคร้ามดุอ่อนละมุนลงจนได้เห็นมุมหวานสวย ดวงตากลมโตหางตกน่าเอ็นดู คิ้วเรียวสวย จมูกรั้น ริมฝีปากอิ่มได้รูปแดงสดเพราะชาดที่บรรดานางกำนัลแต่งแต้มให้ เส้นผมสีดำสนิทเรียบลื่นปล่อยยาวสยาย เสื้อคลุมแพรสีแดงผืนบางซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายอย่างเดียวบนร่างขาวแหวกไหล่ลู่ลงเผยให้เห็นผิวขาวนวลใสบริเวณต้นคอและเนินอกแบนราบ ดูหลวมมากเสียจนหากปลดเชือกรัดเอวนั้นออกเสื้อตัวนั้นคงลงไปกองกับพื้น

     

    ที่แปลกไปมากที่สุดก็คือกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างตรงหน้า มันหอมหวานและยั่วยวนมากกว่าใครที่เคยประสบมา

     

    ...นี่ใช่ชายหนุ่มห้าวหาญผู้นั้นจริงหรือ?...

     

    “มีอะไรจะถามข้าไหมล่ะ?”

     

    “ท่าน...จะให้ข้าทำอะไรกันแน่”เสียงแหบทุ้มนิดๆเอ่ยถามสิ่งที่ตนค้างคาใจมากที่สุดโดยไม่ลังเลใจ “ข้าถามใครก็ไม่ยอมตอบ แต่บอกให้มาถามที่ท่านเอง”

     

    “ขนาดนี้ยังไม่รู้อีกหรือว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร?”อี๋เอินยิ้มขำ

     

    ...จะเรียกว่าไร้เดียวสาหรือโง่เง่าดีล่ะ...

     

    “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรถ้าท่านไม่บอก แต่ข้าไม่เกี่ยงงานหรอก จะให้ข้าไปยกน้ำแบกฟืนข้าก็ทำได้ทั้งนั้น”

     

    “ทำอย่างนั้นมือเจ้าก็หยาบหมด”ชายหนุ่มส่ายหน้า

     

    “หน้าที่เจ้าก็แค่รอข้ามาหาในห้อง...แล้วนอนอ้าขาครางให้ข้าฟังก็พอ”

     

    เจียเอ่อเบิกตาโพล่งตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ใจร้อนแล่นทั้งโกรธเคืองที่อีกคนดูถูกศักดิ์ศรีตนเองขนาดนี้

     

    “เจ้าเป็นพวกตัดแขนเสื้อหรอกรึ!

     

     “แต่ก่อนหน้าที่นี้ก็เป็นของน้องสาวเจ้าอยู่แล้ว ถ้าเจ้าบอกว่าอยากแลกตัว เจ้าก็ต้องมาอยู่ในฐานะเดียวกับน้องเจ้า...ฐานะ...นางสนม

     

    “ข้าเป็นชาย เจ้าก็เป็นชาย จะให้ข้าทำแบบนั้นได้อย่างไร!!!

     

    “ไม่ลองแล้วจะรู้รึ?”อี๋เอินยังยียวนตอบ หมุนนิ้วมือเรียวกับผ้าห่มแพรสีเลือดหมูบนเตียงเล่น

     

    “ข้าไม่ทำ!!! ให้เจ้าฆ่าข้ายังง่ายซะกว่า ฆ่าข้าเลยสิ!

     

    เจียเอ่อยอมตายเสียดีกว่าจะยอมขายศักดิ์ศรีความเป็นชายนอนทำตัวเยี่ยงอิสตรีในหอกรรนิกากับชายตำแหน่งสูงผู้นี้แน่ๆ

     

    “จะให้ฆ่าเจ้ามันง่ายยิ่งกว่าขึ้นขี่ม้าเสียอีก แต่จะบอกให้ว่าตระกูลของเจ้าก็จะตายยกโคตรเหมือนกัน”ถ้อยคำน่าหวาดหวั่นจากชายผู้มีน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องอยู่กิน เจียเอ่อที่ทั้งโกรธทั้งหวาดหวั่นยันเข่าด้านหนึ่งขึ้นเอ่ยตะคอกเสียงสั่น

     

    “เจ้าปีศาจ!!! เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้นนะ!

     

    “สิทธิ์นี่น่ะหรือ?”

     

    ตราประทับทองคำสลักเสลาเป็นถ้อยคำที่คนทั่วแผ่นดินรู้ถูกยกขึ้นมาแสดงต่อหน้าเจียเอ่อที่ตัวอ่อนยวบลงไปนั่งคุกเข่าตามเดิม ดวงตากลมไหววูบสิ้นหวังจะต่อกร เขาไม่มีทางสู้ชายตรงหน้าได้เลยจริง...

     

    ...ตรานั่น คือ ตราเจ้าเมืองฉี ผู้มอบคำสั่งทุกอย่างให้กับเมืองฉี มีสิทธิ์เด็ดขาดอย่างที่ใครก็ไม่สามารถห้ามได้ยกเว้นจักรพรรดิ...

     

    “ระหว่างคิดถึงแต่ตนเองแล้วหนีหรือตายไปโดยครอบครัวเจ้าโดนฆ่ายกตระกูล กับเป็นนางสนมให้ข้าแล้วครอบครัวเจ้ายังอยู่ดี ข้าให้สิทธิ์เจ้าเลือก หวังเจียเอ่อ”

     

    จะเลือกตนเองหรือจะเลือกครอบครัวอย่างนั้นหรือ?

     

    หึ... กับปีศาจที่รู้จุดอ่อนเขาดี ยังกล้าตั้งข้อเสนอแบบนี้ได้

     

    ทั้งที่รู้ว่าเขาจะเลือกอย่างไหนยังกล้าจะถาม...

     

    “...เรื่องของเจ้า”

     

    “หืม?”

     

    “จะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า!

     

























     

    [ตัดสินาย ช้าอะไรล่ะนาย เข้าบ้านใหญ่สินาย]





















     

    ได้ยินเสียงกุกกักบางอย่างใกล้หู เงยหน้าไปมองก็เห็นอี๋เอินกำลังลนอะไรบางอย่างกับเทียนข้างเตียง ดวงตาสวยหันกลับมามองเขา ยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาว เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จับต้นขาอวบแหวกให้เห็นเนินโคนขาด้านใน

     

    “เกลี้ยงไปทั้งตัวแบบนี้ก็เสียดายแย่”

     

    ตาโตเบิกกว้างมองของในมือชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว สะบัดดิ้นตัวหนีอย่างสุดกำลัง

     

    “อย่าเจ้าจะทำอะไรน่ะอ อ๊ากกกกกกกกกกก!!!

     

    เสียงซู่เบาๆดังขึ้นด้านล่าง ความแสบร้อนจากฤทธิ์เผาไหม้ตรงเนินเนื้อใกล้ส่วนอ่อนไหวกระตุ้นให้เจียเอ่อดิ้นเร่าจะเป็นจะตาย เส้นผมสีดำสยายยุ่งเหยิง ดวงตาเบิกกว้างหายใจหอบ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน

     

    นานกว่าสิบนาทีกว่าความเจ็บปวดจะทุเลาลง แต่มันก็ลิดรอนพลังกายของเจียเอ่อไปเสียหมด ไม่มีแรงแม้แต่จะต่อต้านริมฝีปากร้อนที่แตะตรงหลังคอดูดดึงแสดงรอบความเป็นเจ้าของซ้ำ

     

    อี๋เอินลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง เก็บตรา หยิบเสื้อคลุมสีแดงตวัดคลุมร่างอ่อนปวกเปียกนอนคว่ำหมดแรงจะต่อกรใดๆอยู่บนเตียง

     

    “แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาอีก”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    อี๋เอินจากไปแล้ว ทิ้งร่างที่โดนกระทำเสียไม่เหลือดีนอนร้องไห้นิ่งๆอยู่บนเตียงนอน นิ้วอวบสั่นระริกค่อยๆเข้าไปลูบลายเนื้อนูนร้อนตรงโคนขาด้านในใกล้ส่วนลับ มืออีกด้านกำเสื้อคลุมสีแดงไว้แน่น หลับตาลงร้องไห้ปล่อยเสียงสะอื้นเต็มที่

     

    ...ร้องไห้ให้กับศักดิ์ศรีที่ถูกทำลายจนย่อยยับ...

     

     






















     

     

    ตราประจำตัวท่านอี๋













    เปลี่ยน Tag เป็น #ตำหนักอี๋เจีย นะคะ ^_^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×