ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Hermes

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ป่าแฟนตาซีกับเสียงเพลงอันเศร้าสร้อย

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 55


     ตอนที่ 1 ป่าแฟนตาซีกับเสียงเพลงอันเศร้าสร้อย

    เขาลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อพบว่าภาพที่ปรากฏตรงหน้าเป็นภาพต้นไม้สูงที่ขึ้นสะกระจัดกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ มันเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นสูงชะลูดแต่กิ่งก้านสาขากลับโน้มลงมาจนเกือบระดับสายตา พร้อมๆกับใบดกหนาที่งอกออกมาตามกิ่งก้านเหล่านั้น ไม่เพียงแต่ใบที่มีสีเขียวเท่านั้น มันยังมีใบที่มีสีสันหลากสี ทั้งสีแดง ส้ม ฟ้า ชมพูหรือแม้แต่สีเหลืองสว่างตา ราวกับเป็นต้นไม้จากภาพวาดในโลกแฟนตาซี

    ภาพตรงหน้าพิลึกพิลั่นจนทำให้ เชเรียส งุนงงกับสิ่งที่ปรากฏต่อสายตา เขาเผลอถามตัวเอง ในโลกนี้มีต้นไม้แบบนี้ด้วยเหรอ

    เด็กหนุ่มก้าวเดินตรงไปข้างหน้าพลางหันซ้ายหันขวามองหาความผิดปรกติ แต่ก็ไม่พบอะไรที่พอจะทำให้เขาจำได้ว่าป่าพิลึกนี้คือที่ไหน หูทั้งสองของเขาไม่ได้ยินเสียงของสรรพสิ่งรอบกาย ทั้งเสียงของแมลงตัวเล็กๆหรือแม้แต่เสียงนกร้องตามต้นไม้ ไปจนถึงเสียงลมพัดแผ่วเบา มันเงียบจนเขาอาจจะได้ยินเสียงเลือดสูบฉีดในร่างกายซะด้วยซ้ำ สองเท้าพาเขาเดินต่อไปบนทางเดินที่เริ่มสูงชันขึ้นเรื่อยๆราวกับมันทอดตัวขึ้นสูงเนินดิน เขาเดินผ่านต้นไม้ที่มีใบหลากสีไป เชเรียสถามตัวเองในใจ...นี่เขากำลังเดินไปที่ไหนกัน ปราศจากคำตอบที่คืนกลับมา มีเพียงแรงผลักบางอย่างที่ทำให้เขาต้องเดินไปข้างหน้า

    ผ่านมาได้ไม่กี่นาที เสียงหนึ่งทำให้สองขาของเขาหยุดชะงัก เชเรียสเงี่ยหูฟังเสียงแปลกๆที่ดังมาจากที่ใดที่หนึ่งตรงเนินเบื้องหน้า มันเป็นเสียงบทเพลงที่บรรเลงออกมาเป็นท่วงทำนองที่เศร้าสร้อยและโหยหวน

    ขนที่แขนของเด็กหนุ่มตั้งชันขึ้นในทันที เขารู้สึกกลัวที่จะเดินต่อ การหันหลังกลับไปที่จุดเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่คำถามหนึ่งเกิดขึ้น จุดเริ่มต้นที่ว่ามันอยู่ที่ไหนกัน เขาจำได้ว่า ทุกสิ่งเริ่มจากการลืมตาขึ้นแล้วก็พบกับต้นไม้แฟนตาซี ก่อนที่มีอำนาจบางอย่างทำให้เข้าเดินมาถึงที่นี่

    ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะความกลัวได้สำเร็จ เชเรียสเดินต่อไป มุ่งหน้าไปที่ต้นกำเนิดของเสียงเพลงบรรเลงอันเศร้าสร้อย ระยะทางหดสั้นลงพร้อมๆกับเสียงเพลงบรรเลงก็เริ่มดังฟังชัดขึ้นทุกที

    เด็กหนุ่มวัย 18 ชะงักเป็นครั้งที่สองเมื่อเสียงเพลงที่ได้ยินคุ้นหูยิ่งนัก ในตอนนั้นมันก็กระตุ้นเอาเรื่องราวที่ฝังเอาไว้ในความทรงจำให้แว่บเข้ามาในความคิด มันคือบทเพลงที่ลืมไปนานแล้วแม้แต่ชื่อของมัน แต่ตอนนี้เขากลับจำได้แม่นเพราะมันถูกเล่นโดยใครคนหนึ่งหรืออะไรก็ตาม ณ จุดที่ห่างออกไปจากที่เขายืนอยู่นี้ไม่ไกลนัก...

    The Long Distance of death คือชื่อเพลงอันเศร้าสร้อยดังกล่าว... แม่เคยเล่นเพลงนี้ผ่านเปียโนให้เขาฟังเมื่อตอนเขาอายุได้สี่ขวบ

    ตอนนั้นเขาถามแม่ “แม่ครับ ทำไมแม่ชอบเล่นเปียโนเพลงนี้ครับ ผมว่ามันฟังดูแล้วเศร้าจัง”

    ผู้เป็นมารดาหยุดพรมนิ้วไปชั่วขณะ หันไปทางลูกชายมองเขาด้วยแววตาเศร้าสร้อย “เพลงนี้ทำให้แม่คิดถึงพ่อของลูก ทุกครั้งที่แม่เล่นเพลงนี้ แม่รู้สึกว่า แม่กำลังสื่อสารกับพ่อของลูก บทเพลงนี้นำพาเอาความคิดถึง ความเศร้าและความรัก ส่งไปหาพ่อของลูก”

    ใช่...เด็กหนุ่มรู้ดีว่าพ่อของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขาเกิดได้เพียงหนึ่งเดือน เขารู้แค่นั้น...ปราศจากความทรงจำเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับพ่อ ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงแค่ทารก

    “ผมกับแม่จะไม่มีวันพบพ่ออีกใช่มั้ยครับ” เชเรียสถาม

    มารดาของเชเรียสยิ้มก่อนจะตอบ “ถ้าลูกอยากพบพ่อ ลูกต้องไปที่เฮอมีส พ่อของลูกอยู่ที่นั่น”

    “เฮอมีส..มันคืออะไรครับ”

    หญิงวัยกลางคนไม่ตอบทันที แต่หันไปพรมนิ้วลงบนแป้นเปียโนเพื่อจบท่อนสุดท้ายของ The Long Distance of death แล้วหล่อนก็หันไปยิ้มให้ลูกชาย “เฮอมีสคือโลกที่ถูกลืมเลือนของมนุษยชาติ”

                                                    -----------------------

    เชเรียสสะดุ้งเบาๆ บทเพลง The Long Distance of death เดินทางมาถึงจังหวะกระแทกกระทั้น และปลุกเขาให้หลุดออกจากความทรงจำในอดีต เขาพบว่าภาพตรงหน้ายังคงเหมือนเดิม ป่าไม้หลากสีสัน เนินเดินที่เป็นทางเดินทอดยาวไปเบื้องหน้า

    เขาหรี่ตาอย่างมุ่งมั่นก่อนที่จะเดินเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หวาดกลัว เสียงเพลงทำให้เขานึกถึงแม่และแม่ของเขาอาจจะรออยู่ที่ไหนสักที่หนึ่งหลังเนินแห่งนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×