David Miracle Star of Future.
*หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น มิได้เกี่ยวข้องกับอนาคตวิทยาศาสตร์ภายหน้าแต่อย่างใด
หากที่นี่...ในปัจจุบัน ในโลกที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีคุณยืนอยู่ ณ ที่นี้ คุณอาจเห็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เห็นผู้คนมากมายใช้เทคโนโลยี ...แต่หากในอนาคต ในโลกที่มีแต่เทคโนโลยี คุณกลับมายืนอยู่ ณ ที่นี้ คุณอาจเห็นหุ่นยนต์เดินไปมา แทนผู้คนทั้งหลายที่คุณเคยเห็น และแทนที่คุณจะเห็นต้นไม้ คุณอาจเห็น โดมรูปต่างๆมากมาย จากการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พื้นดินสีเขียว อาจกลายเป็นสีเทา
...แล้วเมื่อไรที่จะหยุดพัฒนา เพื่อคืนแผ่นดินสีเขียวแก่ธรรมชาติอีกครั้ง...
คารอยด์..หุ่นยนต์รับใช้มนุษย์ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นจากพลังงานธรรมชาติ จะใช้การได้ด้วยการเติมชื้อเพลิงที่เป็นน้ำมัน คารอยด์ทุกตัวถูกตังโปรแกรมให้รับใช้และซื่อสัตว์ต่อมนุษย์ แต่คารอยด์นั้น มีวิวัฒนาการให้คิดอ่านเป็นมีความรู้สึก จึงทำให้เกิดปัญหาในด้านต่างๆ
มนุษย์ใช้คารอยด์เป็นเครื่องมือ จึงทำอะไรไม่เป็น เอาแต่นั่งๆนอนๆ ทำให้วิวัฒนาการของมนุษย์เชื่องช้า
เกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย
ผลกระทบของการสร้างคารอยด์มีให้เห็นเพิ่มขึ้น และในครั้งล่าสุดมีข่าวเกิดการฆาตกรรมมนุษย์โดยผู้สังหารคือคารอยด์ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำให้เกิดปัญหาอย่างร้ายแรงต่อมาเมื่อคารอยด์ตัวอื่นๆก็เอาตามด้วย
จึงเกิดมาตรการ...สังหารคารอยด์ทุกตัวในโลก....
..............นี่คือจุดเริ่มต้นของนวนิยายเรื่องนี้...............
หยาดน้ำฝนไหลลงมาตามทางเดินสีเขียวที่หาดูได้ยากในยุคนั้น เป็นทางเดินของสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ที่นั่นปราศจากผู้คน มีเพียงเสียงของนกมากมายที่ก้องกังวาน
“แกร็บ”
เรือนผมสีเงินสั้นสะบัดหันไปทางต้นเสียงที่ได้ยิน เมื่อพบว่าไม่มีอะไรก็ถอนหายใจแล้วเดินต่อไป เด็กสาวหยุดเดินเมื่อพบคราบเลือดของอะไรสักอย่างอยู่เบื้องหน้า เธอก้มมองดูแล้วถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนไม่สนใจราวกับเป็นเรื่องปกติในการพบเห็นเลือดมนุษย์
เด็กสาวเรือนผมสั้นสีเงินออกขาว นัยน์ตาสีแดงเพลิงสุกสกาวอยู่บนใบหน้าขาวงดงาม ร่างบางสวยในชุดเด็กผู้หญิงธรรมดา แต่มันจะไม่สำคัญเลยหากว่าเธอเป็นมนุษย์ ....แต่เธอเป็น คารอยด์
สาวน้อยร่างประดิษฐ์ที่เริ่มจะมีวิวัฒนาการ มีอารมณ์และความรู้สึก สาวเท้าต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ เดินผ่านร่างไร้วิญญาณของมนุษย์เจ้าของคราบเลือดโดยไม่คิดจะเหลียวกลับไปมอง สาวน้อยเดินผ่านสวนเข้าไปในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง เป็นบ้านทรงเอเชียที่หาได้ยากในลอนดอน
“เพเรีย...กลับมาแล้วหรอ”
เสียงของสตรีร่างสูงของดวงตาสีอะเมทิสที่นั่งอยู่ที่โซฟาใจกลางบ้านทักเด็กสาวผู้มาเยือน นัยน์ตาของเด็กสาวตวัดมองอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ศพข้างล่างนั่น....ฝีมือเอพริลใช่มั้ย”เด็กสาวเอ่ยเรียบๆ ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้
“อืม ทำอย่างกับมันร้ายแรงอย่างงั้นแหละ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“มันไม่สนุกนะเรฟิล ทำไมต้องฆ่าพวกเรา พวกเราไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย อีกอย่าง แล้วเราทำไมต้องฆ่ามนุษย์ด้วย”
“พูดอย่างกับเธอไม่เคยฆ่ามนุษย์อย่างนั้นแหละเพเรีย” ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสอง
“เธอน่ะ ไม่เหมือนพวกเราหรอก ใครๆก็พากันอิจฉาเธอ...แล”
“นั่นมันไม่สำคัญ!!!”เสียงตวาดจากเด็กสาวเป็นการตัดบทพูดของสตรีเบื้องหน้า
เพเรีย อามีเดียร์ II คารอยด์รุ่นใหม่ล่าสุด มีความคล้ายมนุษย์มากจนไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นมนุษย์หรือคารอยด์หากไม่ดูละเอียดจริงๆ มีอารมณ์ ความรู้สึกพัฒนาคล้ายมนุษย์ทุกประการ เพราะเหตุผลนี้ เพเรียจึงสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างเปิดเผยโดยไม่ถูกเรียกไปทำลาย
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังต้องฆ่ามนุษย์....
สองปีก่อนเธอถูกซื้อจากร้านค้าหุ่นยนต์ในราคาสูงลิบเพื่อมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งที่ผู้ปกครองไม่อาจเลี้ยงดูด้วยตัวเองได้ ส่วนเหตุผลนั้นก็คือ มนุษย์มีวิวัฒนาการตกต่ำลงมากจนไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ เพเรียมีชีวิตที่ปกติตามแบบฉบับคารอยด์เรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ลงมือฆ่าเด็กสาวผู้นั้นไปโดยไม่รู้ตัวไม่ใช่แค่เด็กสาว แต่เป็นคนทั้งครอบครัวของเด็กสาว.....เจ้านายของเธอ
คารอยด์ไม่มีโปรแกรมยับยั้งความรู้สึกตัวเอง คิดอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น ซึ้งร่างประดิษฐ์อย่างเพเรีย ก็ไม่ได้ยกเว้น
“แล้วจะเอายังไงกันต่อไปล่ะ”เพเรียถามหญิงสาวเบื้องหน้า หญิงสาวไหวไหล่น้อยๆก่อนตอบว่า
“ก็คงต้องฆ่าต่อไป ส่วนเหตุผล หากเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ต้องฆ่าเรา รึไม่จริง” สตรีเบื้องหน้าแสยะยิ้มอย่างมีชัย เพเรียทอดสายตามองอย่างประมาทไม่ได้ ก่อนตอบว่า
“ก็แล้วแต่”
“อีกอย่าง พรุ่งนี้มีประชุมสภาคารอยด์ เธอก็ต้องไปด้วย อย่าลืมล่ะ”เพเรียผยักหน้าช้าๆเป็นเชิงตกลง
สตรีเดินจากไปจากบ้านหลังนั้น
ทำไมต้องฆ่าคน เรามีชีวิตจิตใจกันจริงหรือ ฉันไม่เข้าใจ พวกเราเป็นตัวอะไรกันแน่....
ฝนตกลงมาปรอยๆ เพเรียเดินออกมาจากบ้านร้างหลังนั้น หลังที่เคยเป็นของเจ้านายของเธอ เธอก้าวเท้าฉับๆมาตามทางเดินสีเทาไร้ผู้คน โดยไร้เป้าหมาย
บางครั้งเพเรียก็อยากจะเป็นอิสระ เพเรียก็อยากตายให้จบๆไป ชีวิตของเพเรียถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้ว เธอต้องเดินตามเส้นชีวิตของเธอ มันเป็นชะตากรรม
“พี่คะ”
เสียงเด็กสาวคนหนึ่งร้องเรียกเธอ ทำให้เพเรียหยุดกึก หันไปทางต้นเสียงอย่างระวังตัว
เด็กสาวผมสีเพลิงยาวจนถึงกลางหลัง ตากลมโตสีทองใส ผิวขาวน้ำนมน่า ทะนุถนอม ประเมินจากสายตา
แล้วน่าจะอายุ 6-7 ปี เด็กสาวจ้องหน้าเธออย่างขอความช่วยเหลือ มือเล็กขาวที่กอดตุ๊กตาหมีนั่นชุ่มไปด้วยคราบเลือด เรือนผมสีแดงเปียกโชกไปด้วยฝน
เพเรียหันไปหาเด็กสาวเบื้องหน้า เธอเข้าไปประคองร่างของเด็กสาวผู้นั้นที่ทำท่าจะล้มลง เพเรียอุ้มเด็กสาวไปยังที่ๆพอจะหลบฝนได้
“น้อง...เป็นอะไร”
“พี่คะ แม่...แม่”
“แม่...?”
“แม่ถูกคุณหุ่นยนต์ฆ่าตาย แม่ถูกคุณหุ่นยนต์ฆ่าตาย พี่จ๋า...ฮือๆๆ”เด็กสาวโผกอดร่างบางให้ล้มลง เด็กน้อยเอาใบหน้าซบเธออย่างหาที่พึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่คิดว่าเป็นฝีมือพวกของเธอ เธอเอาวางมือลงบนผมเด็กสาว แล้วลูบไล้เป็นเชิงปลอบ ปล่อยให้เด็กสาวร้องไห้ไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไป
“พี่คะ พี่ชื่ออะไร”
“เพเรีย”
“หรอคะ น้องชื่อ เคท พีเทล ค่ะ พี่สาวคะ”
“หือ”เพเรียมองหน้าเด็กสาวเปลี่ยนอารมณ์อย่างงงๆ
“พี่สวยจังเลยค่ะ”เด็กสาวหยุดร้องไห้ยิ้มกว้างไห้เธอ จนเธอแปลกใจเป็นเท่าทวีคูณ
มนุษย์นี่แปลกอย่างนี้นี่เองนะ
..
แต่เพเรียก็ยังคงยิ้มให้กับเคท ยิ้มจริงใจจากร่างประดิษฐ์
“ขอบใจนะ เคท”
ฝนซาลงหลังจากจบการสนทนาทำความรู้จักกันระหว่างเด็กสาวชาวมนุษย์กับสาวน้อยร่างประดิษฐ์ซึ่งเรียกว่าคารอยด์ ขณะนี้เริ่มมืดลงแล้ว ตัวเมืองไร้ผู้คนก็ยังคงไร้ผู้คน
“เคท ไปบ้านพี่มั้ย”
“บ้าน พี่สาวหรอ”
“อืม ไปมั้ย นี่ก็มืดแล้ว แม่น้องก็ เอ่อ ไปอยู่ด้วยกันกับพี่มั้ย” เพเรียเผลอหลุดปากไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเกี่ยวกับแม่ของเด็กสาว เด็กสาวเงียบไปเล็กน้อยแต่......
“พี่คะ หนู ขอเป็นน้องสาวของพี่จริงๆได้มั้ยคะ”
เพเรียลังเลเด็กน้อย แต่เมื่อสบตากับเด็กสาว
“ก็..ได้” เด็กสาวยิ้ม...แล้วจับมือกับเพเรีย
“พี่คะ หนูหิวข้าว”
“ข้าว”เพเรียงงเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจว่ามันคืออาหารสำหรับมนุษย์
คารอยด์ไม่ได้กินข้าว แต่กินน้ำมัน และไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้สิ้นเปลืองทั้งสิ้น...
ณ ร้านขายของแห่งหนึ่ง
“9 เหรียญค่ะ”
“พี่ค่ะ เอ่อ หนูไม่มีเงิน”เคทสบตาของพนักงานในร้านอย่างอ้อนวอน
5....
“ไม่มีเงินก็ไม่ต้องซื้อสิ”พนักงานในร้านสบตาเด็กสาวอย่างเหยียดหยาม น้ำเสียงบ่งบอกถึงความรำคาญ
4......
“แต่ พี่คะ”
3.........
“อะไรเนี่ยตกลงจะจ่ายไม่จ่าย”
2..........
“เอ่อ”
1.........
นัยน์ตาสีเพลิงช้อนขึ้นไปสบกับพนักงานอีกครั้ง แต่ไม่ใช่อ้อนวอน แต่เป็นสมเพศ...
0....................
“โครม!!!” “กรี้ดดดดดดดดด”
กึกๆๆๆๆๆ
เสียงสาวเท้าของเพเรียดังไปทั่วลานหินอ่อนที่เริ่มจะมีผู้คนเมื่อเข้าใกล้ตัวเมือง
“ขโมยค่ะ ขโมยๆๆๆๆๆ”
เสียงกรีดร้องจากที่ต่างๆเมื่อได้ยินคำกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิด เพเรียไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รู้แต่เพิ่งต้องวิ่งๆๆต่อไป
“พี่คะ พี่ทำอะไรคะ หนูเหนื่อยนะ” เด็กสาวข้างหลังที่เธอคว้าข้อมือเอาไว้ก่อนวิ่งตะโกนไล่หลังมา
“เคท อดทนไว้นะ”
กับๆๆๆๆๆๆ
เสียงหุ่นยนต์ที่ไล่ตามหลังมาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆแสดงถึงระยะทางที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ หัวใจของเธอเต้นระทึก รอลุ้นกับวิถีชีวิตเบื้องหน้า
หากเขาจับได้ว่าเราเป็นคารอยด์ เราก็ไม่เหลือซาก..........
คารอยด์สาววิ่งเข้ามาในที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง เธอฉุดร่างเด็กสาวข้างกายมากอดไว้
“พี่คะ...พี่เป็นอะไรคะ”
“ไม่เป็นไร......เคท”
“พี่คะ พี่ ขโมยของพวกนี้ให้หนูหรอคะ”เด็กสาวสบตาเธออย่างจริงใจ
เพเรียยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนแต่เธอก็ยังคงตั้งใจยิ้ม
เธอยิ้มเมื่อมีความรู้สึกดี...ฉันรู้สึกดีเพื่อคนที่ฉันรัก
ฉันจะปกป้องเธอ....เคท
“กินสิ เคท...” เพเรียยื่นขนมปังให้เด็กสาว เด็กสาวยิ้มแล้วคว้ามากัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว
“แล้วพี่ละคะไม่กินหยอ”
“เอ่อ พี่ไม่หิว”กินได้ซะที่ไหนล่ะ.....
“แล้วไม่กลับบ้านแล้วหยอคะ”
“กลับได้ซะที่ไหน ออกไปตอนนี้ก็มีแต่โดนจับน่ะสิ” เพเรียกล่าวก่อนจะลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ติดตามตัวเอง
“พี่จะไปไหนคะ”
“เดินเล่น”
เพเรียเดินเข้าไปในซอยเปลี่ยวมืดนั้น...ปล่อยให้เด็กสาวอยู่คนเดียว
แพเรียเดินลึกเข้าไปในความมืด รอบกายไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ รอบการสัมพัสได้แค่เพียงอากาศย่ำแย่ในเมืองหลวง คารอยด์ไม่รับรู้บรรยากาศเหล่านี้ว่ามันย่ำแย่แค่ไหน
..
‘คารอยด์ก็คือคารอยด์ ไม่มีวันเป็นมนุษย์ได้’
‘คารอยด์ก็เป็นมนุษย์ได้นะคะท่าน’
‘หึ...เธอลองพิสูจน์ดูสิ ยัยเพเรีย เธอมันก็แค่เบี้ยเดินของมนุษย์เท่านั้นแหละ ฉันอยากรู้นักว่าคารอยด์อย่างเธอน่ะ จะดีเลิศประเสริฐศรีไปกว่ามนุษย์ได้ยังไง’
‘ตะ....แต่ท่านคะ’
‘พิสูจน์สิ เพเรีย พิสูจน์สิ หึ...ฉันจะคอยดู’
คอยดู คอยดูงั้นหรือคะท่าน......
ท่านจะไม่มีโอกาสให้ได้ดูอีกค่ะ
‘ฉัวะ......’‘กรี้ดดดด!!!!’
หยาดเลือดไหลมาตามพื้นหินอ่อน ทางเดินในบ้านเปื้อนคราบเลือดมนุษย์กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
มือเด็กสาวร่างประดิษฐ์เต็มไปด้วยคราบเลือด มีดสั้นในมือยังคงมีกลิ่นเลือดสดๆสีแดงฉานน่ากลัว
‘ท่านคะ นี่ไงคะ คารอยด์ทำลายมนุษย์ได้ ทำลายมนุษย์ได้ ท่านเห็นรึยังคะท่าน ท่านเห็นรึยังคะ .หึ’
เด็กสาวหัวเราะอย่างมีชัย เลยคราบเลือดที่ติดมีด ชวนสยดสยอง
‘ท่านแพ้แล้วค่ะ เพเรียชนะ เพเรียชนะนะคะท่าน’
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันดับวูบไป
..
.................................................................
ภาพตอนที่เธอฆ่าเจ้านาย เธอยังจำได้ดีไม่เปลี่ยนแปลง
“เจ้านายคะ เพเรียขอโทษ......” น้ำเสียงในลำคือของเพเรียนั้นมีน้ำเสียงครางเบาๆ เธอกำลังร้องไห้ ร้องแบบไร้น้ำตา
“เอายัยเด็กนั่นมาไว้ให้เกะกะทำไม เพเรีย”
“นั่นใคร!”
เพเรียหยุดความคิดรีบหันมามองต้นเสียง ปรากฏร่างชายผู้หนึ่งผิวขาวสูง ใบหน้ารูปสลักคมคายสวยงาม ผมสีรัตติกาลต้องแสงจันทร์งดงามราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย
“เอพริล”
“ไงไม่ได้เจอตั้งนาน....ไอเด็กนั่นน่ะ จะฆ่ามั้ย เอามาทำไมเกะกะเปล่าๆ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องฆ่า”
“หากเธอไม่ฆ่าเขา เขาก็ต้องฆ่าเรา”
“ให้เขาฆ่าเราไปสิ”
“หากเธอไม่ฆ่า ฉันก็ต้องฆ่า”ความเงียบเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั้งสอง
“หากนายฆ่าเคท ฉันจะฆ่านาย
”คำขาดของเธอกลั่นเป็นน้ำเสียงน่ากลัว แต่ไม่มีทีท่าว่าบุรุษตรงหน้าจะกลัวสักน้อย
“ก็ลองดู...”
“สมปรารถนา....” ควับ....... ร่างของเพเรียกระโจนเข้าหาบุรุษตรงหน้า มีดในมือกระชับให้แน่นขึ้นสายตาเปลี่ยนเป็นเย็นชาคล้ายตอนที่เธอฆ่าเจ้านาย คมมีดพร้อมแทงเข้าใจกลางตัวบุรุษตรงหน้า
“ฉันมาแค่บอกว่า พรุ่งนี้อย่าลืม ...แค่นั้น”บุรุษตรงหน้าคว้าข้อมือเพเรียล็อคไว้
“อีกอย่าง ไม่จำเป็นต้องเอาเด็กนั่นมาด้วยหรอกนะ ........”
เพเรียไม่อาจเถียงอะไรบุรุษตรงหน้าได้ เพียงแค่แรงที่เก็บไว้ก็แทบไม่มีเหลือ จึงได้แต่กัดฟันกรอดๆภายในอย่างช่วยไม่ได้
“จำไว้ หากฆ่าได้ ก็ฆ่าซะ”
ดวงตะวันของเช้าวันใหม่เริ่มโผล่ขึ้นมา ณ ขอบฟ้า ทอแสงสีทองอร่ามชวนมอง เป็นสัญญาณบอกผู้คนว่าเริ่มเช้าวันใหม่แล้ว บรรยากาศหนาวเย็นยามเช้าเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กสาวตื่นจากความฝัน ร่างเล็กบิดขี้เกียจไปมา ปรือตาลงมองหญิงสาวอีกคนตรงหน้า
“ตื่นแล้วหรอ เคท”เสียงใสของหญิงสาวตรงหน้าก้องกังวานสำหรับเด็กสาว เด็กสาวยิ้มกว้าง พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงตอบรับ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เพเรีย”เพเรียยิ้มน้อยๆให้เด็กสาว
“เราจะไปกันแล้วนะ เร็วเข้า เคท”เพเรียเริ่งเด็กสาวแล้วลุกขึ้นจัดการกับตัวเองจนสะอาด
“เราจะไปไหนกันคะพี่”
“ตามพี่มา ไปที่ๆไม่นาไปที่สุดไงล่ะ เคท...”
...............................................................................................
ทั้งสองเดินมาเรื่อยๆจนพบสิ่งปลูกสร้างค่อนข้างใหญ่ในแห่งหนึ่งใจกลางเมืองที่มีผู้คนมากมาย
แต่ไม่รู้เพราะอะไรคนเหล่านั้นถึงมองไม่เห็นสิ่งปลูกสร้างนี้
เพเรียเดินจูงมือเคทมาเรื่อยๆจนถึงหน้าประตูทางเข้า เด็กสาวเดินเข้าไปในประตูนี้
*นั่นใคร*เสียงเครื่องตอบกลับอัตโนมัติที่ดังจากที่ใดสักที่หนึ่งบริเวณทางเข้าดังขึ้น
“เพเรีย อามีเดียร์ II รีเฟรย์มานอล คาร์รีสเอล”
*อีกคนล่ะ*
“เรื่องของฉัน”
*ให้เข้าไม่ได้ กรุณาบอกชื่อด้วย*
“บอกว่าให้เปิด”
*ไม่ กรุณาเอ่ยชื่อ*
“พี่คะ ทำไมหรอคะ”
“เงียบน่า เคท”
*กรุ.....ณ* เพล้ง! มีดสั้นประจำตัวของเธอลอยตัดอากาศไปยังเป้าหมายที่ว่างเปล่า แต่ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว เพเรียเดินผ่านเข้าไปผายในอย่างที่ไม่คิดจะสนใจเครื่องจักรตรงหน้าที่ตัวเองเพิ่งทำเสียไปเลยสักนิด
“พี่คะ เมื่อกี๊มันอะไร”
“อย่างสนใจเลยเคท อีกอย่าง หากไม่จำเป็นอย่าพูดอะไรออกมา ปิดปากเงียบสนิทเอาไว้เป็นดี”คำพูดตัดบทของเพเรียทำเอาเด็กสาวเงียบกริบไปด้วยความงอนไม่รู้ที่ แต่เพเรียก็ใช่จะสนใจ ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆไม่สนใจอะไร
เดินกันมานานพอสมควร ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากทั้งสองคน ไม่มีคำถามใดๆออกมาจากเคท ไม่มีคำพูดใดๆจากปากของเพเรีย มีแต่เสียงลมหายใจของทั้งสองคนที่ดูจะดังที่สุดในขณะนี้
เพเรียหยุดเดินตรงหน้าประตูสีดำใหญ่บานหนึ่ง มันใหญ่มากจนหน้าเกรงขาม สีดำทะมึนเข้ากับบรรยากาศรอบข้างทำให้ร่างเด็กสาวสั่นสะท้านด้วยความกลัว แต่ก็มิได้เอ่ยคำใดๆออกมาแสดงความคิดเห็น
“มาแล้วหรอเพเรีย”เสียงทุ้มนุ่มของชายร่างสูงคนเก่าที่จับมือเธอล็อคไว้เมื่อคืน เพเรียใช้หางตามองบุรุษหนุ่มผู้นั้นก่อนตวัดขึ้นไปมองประตูอีกครั้ง
“ในที่สุดก็เอามาจนได้นะยัยเด็กนี่”
“ใครเด็กยะ ฉันโตแล้วนะ” เสียงแหลมเล็กของผู้ไม่ยอมรับว่าเป็นเด็กดังกังวานท่ามกลางความเงียบสงัด สร้างสีสันให้บรรยากาศอึมครึมรอบนอก
“เพเรีย ฉันบอกแล้วนะว่าไม่ให้เอาเด็กนี่มาด้วย”
“มันเรื่องของฉัน ฉันจะเอาใครมามันก็เรื่องของฉัน”
“หึ.... ฉันไม่รู้ด้วยนะหากเกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“ใครจะกล้าทำร้ายเคทล่ะ หากมีฉันอยู่”สายตาอาฆาตจากสาวรุ่นส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจริงจัง แต่ชายหนุ่มก็มิได้รู้สึกเคืองใจอะไรมากนัก
“คร้าบๆ เชิญคร้าบ อืม อีกอย่าง จ่ายชดใช้ค่าประตูด้วยล่ะเพเรีย”น้ำเสียกลั้วหัวเราะของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ทำให้สาวรุ่นตรงหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
สิ้นเสียงชายหนุ่ม ประตูใหญ่บานนั้นก็ปรากฏเป็นรูปดาวหกแฉก(David) สีม่วงอะเมทิสงดงาม ประตูใหญ่ค่อยๆเปิดออกช้าๆ
หลังบานประตูเป็นห้องประชุมสภาขนาดใหญ่ บรรจุได้ประมาณแสนๆที่นั่ง ในแต่ละที่มีคารอยด์นั่งอยู่เต็ม ส่งเสียงดังเอะอะวุ่นวายจนแยกไม่ออกว่าที่มาของเสียงอยู่ที่ใด
เพเรียเข้ามานั่งในที่ของตัวเอง ที่ๆเขียนว่า ‘หัวหน้าฝ่ายค้าน’ แล้วให้เคทซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ
“ปังๆๆๆ” เสียงทุบโต๊ะของคารอยด์หนุ่มผู้หนึ่งที่อยู่ใจกลางสภาที่ทำให้หอประชุมทั้งหอเงียบกริบ ชายหนุ่มคนเดิม.......
...เอพริล อามีเดียร์ I คาเซเตอร์ เจมินอส....หัวหน้าฝ่ายเสนอ ใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่สะดุดตามากกว่าคารอยด์ทั่วไปกำลังแสยะยิ้มที่ดูเหมือนจะปั้นให้ดูดีแต่ดูยังไงก็น่ากลัวน่าเกรงขาม
“ขอให้อยู่ในความสงบด้วย”เสียงใสของเพเรียดังกังวานขึ้นเป็นเสียงแรกเมื่อความเงียบปกคลุมหอประชุม เสียงของเธอฟังดูหน้าเกรงขามไม่แพ้เขา นัยน์ตาของเธอดูจริงจังมาก ผิดกับตอนปกติลิบลับ
“เปิดประชุม”
......................................................................................................
“มนุษย์ต้องการฆ่าเรา เราจึงจำเป็นต้องฆ่ามนุษย์”
“เราก็อยู่กับมนุษย์ได้อย่างปกติเช่นกัน หากเราพูดดีๆกับเขา”
“เขาไม่มีทางฟังเราค่ะคุณเพเรีย”
“เคยมั้ยที่จะพยายาม”
“..........”สตรีผู้นั้นหยุดกล่าวก่อนจะนั่งลงที่เดิม
“คนต่อไป”
บรรยากาศดำเนินอย่างนี้ไปเรื่อยๆตั้งแต่เปิดประชุม เอพริลปล่อยให้ลูกทีมตัวเองต่อกรกับเธอ โดยที่ตัวเองเลือกที่จะนั่งมองอยู่อย่างเดียว ส่วนทางด้านเพเรียมีผู้สนับสนุนน้อยกว่า จึงรับมือด้วยตัวเองโดยไม่คิดที่จะบ่นอะไร
จนกระทั่งคนสุดท้ายของฝ่ายค้านหมดไป .....
“ปังๆๆๆ”เสียงทุบโต๊ะดังกังวานขึ้นมาอีกจากต้นเสียงที่เดิม
“คราวนี้ตาฉันบ้าง เพเรีย”เสียงของเอพริลดังขึ้น เขาลุกขึ้นมาจากที่นั่งของตัวเองมายืนอยู่ที่ใจกลางหอประชุม
ในที่สุดก็มาถึง...เอพริล คนที่รับมือยากที่สุด
เพเรียแสยะยิ้มอย่างดูถูกให้เมื่อเขามองตรงมาที่เธอ เขาก็ส่งสายตาท้าทายมาให้เธอ
...หาเรื่อง.....
เธอแยกเขี้ยวให้เขา ท่าทางเขม่นลึกๆ
“เพเรียได้ตอบของพวกเราไปหมดแล้ว......”เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มองตรงมาที่เธอ
“ยังไงผมก็คิดว่า ต้องฆ่ามนุษย์ ยังไงก็ไม่มีทางเจรจาได้หรอก ยิ่งสถานภาพของเราตอนนี้ที่มนุษย์มองพวกเรา....”เขามองลึกเข้าไปถึงจิตใจของเธอ
“มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเศษขยะเหล็กอันตรายสำหรับพวกเขา
.”สายตาทุกคู่ในที่ประชุมมองตรงมายังหัวหน้าสองคนเบื้องหน้าที่ประชุมที่เคยเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบเอะอะมากมายกำลังเงียบกริบราวกับไม่ใช่ความจริง
“เอพริล นายลองเชื่อใจมนุษย์ดูสักครั้งสิ - - แล้วนายจะรู้ว่ามนุษย์ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่นายคิดเลยสักนิด”เธอแกล้งเว้นช่วงอย่างเขาบ้าง
“มนุษย์เลี้ยงเรามา มนุษย์สร้างเรามา เราอกตัญญู เราก็ควรได้รับโทษ เขาสร้างเรา เขาก็ต้องทำลายเราเป็นเรื่องธรรมดา”
“พวกเรามีชีวิตจิตใจ พวกเราต้องป้องกันตัวเอง พวกเราต้องคงอยู่ พวกเขาต้องไป พวกเราจะอยู่ได้อย่างเดียวเท่านั้น”
“ไม่จริง พวกเราอยู่ด้วยกันได้”เธอขึ้นเสียงด้วยความโกรธ สายตาสีแดงเพลิงนั้นยิ่งน่ากลัวในยามนี้
“หึ....เธอนี่ชอบท้าทายจริงๆเพเรีย”เพเรียเงียบไป เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำเกินกำลัง
“ยังไงฉันก็จะยืนยันคำเดิม เพเรีย ...หากเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ต้องฆ่าเรา”
ทันใดนั้น รอบตัวเพเรียก็มีคารอยด์ตัวใหญ่หลายตัวรุมล้อมอยู่
“นี่นาย
”เธอกัดฟันกรอดๆอย่างช่วยไม่ได้
“เพเรีย ฉันจะแสดงอะไรให้เธอดู”คารอยด์เหล่านั้นล็อคแขนของเธอไว้ทำให้เธอขยับไม่ได้
“ปล่อยฉันนะ”
“ช่วยไม่ได้เพเรีย สถานะของเธอในตอนนี้คือ กบฏ”เอพริลหัวเราะเสียงดังอย่างสนุกสนาน
เขาคว้าตัวเคทออกมาจากที่ซ่อนโชว์ให้ทุกคนดู
“กรี้ดดดด............ด พี่เพเรียคะ”
“เคท! นาย ปล่อยเคทเดี๋ยวนี้นะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ เธอนี่ช่างโง่เขลาจริงเพเรีย ฉันจะเชือดยัยนี่ให้ดูเป็นขวัญตา เพเรีย!”เอพริลจับแขนของ
เคทยกขึ้น มืออีกข้างหนึ่งถือมีด เสียงเชียร์ดังสนั่นหอประชุม
“เอพริล!!” เขาง้างมีดสุดมือเป็นท่าเตรียมพร้อม......
.................................................................................................................
“หยุด เอนติคารอยด์ขอสั่งคารอยด์ทุกตัวให้ยอมจับกุมเดี๋ยวนี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ล้อมสถานที่นี้ไว้หมดแล้ว หนีไม่รอดหรอกเจ้าพวกคารอยด์”เสียงฉะฉานดังจากทางเข้าหอประชุม ปรากฏภาพตำรวจคารอยด์ในเครื่องแบบมากมาย
คารอยด์ทุกตัวกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว และพยายามจะหนีการจับกุม แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรอดออกไปได้
“เอพริล” เพเรียหลุดออกจาพันธะที่พันธนาการตัวเองอยู่ เธอหันไปดูเจ้าตัวดีที่เกือบจะฆ่าเคทก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ส่วนตัวเคทนั้น ก็ล้มกลิ้งหมดสติไปกับพื้น
“เคท”เธอรีบวิ่งไปอุ้มเคทวิ่งหนีออกไป อาศัยความคล้ายมนุษย์ของตัวเองในการเอาตัวรอด
..............................................................................................................................................
โลกนี้ มีอะไรดีนัก........ทำไม ต้องเกิดเป็นแบบนี้ด้วย.........
............................................................................................................................
ตี..2
แพขนตาหนาปรือขึ้นช้าๆ แสงไฟที่ลอดผ่านเข้ามานั้นทำให้แสบตาด้วยความไม่เคยชิน ทำให้ต้องกระพริบตาอีกหลายครั้งกว่าจะปรับสายตาได้
ไม่เคยเป็นแบบนี้นี่.......นี่ไม่ใช่อาการของคารอยด์แล้ว.....
มนุษย์ชัดๆ.....แต่ เราเป็นคารอยด์นี่...
สงสัยไม่ได้ชาร์ตแบ็ตเตอรี่นาน.............
...ตลก ตลกแล้วเพเรีย
เธอหลุดจากความคิดของตัวเอง ลุกขึ้นมาเผชิญกับเด็กสาวเบื้องหน้า
เคท.................
“เคท”
“พี่ เป็นหุ่นยนต์”
“.....................”
“พี่สาว.....เป็นหุ่นยนต์”
“....................”
“พี่เพเรีย ฆ่าแม่น้อง”
“พี่ เปล่านะ”
“พี่เป็นหุ่นยนต์”
“จะไปก็ไปเถอะ....”เสียงเด็กสาวหยุดไปครู่หนึ่ง เด็กสาวชาวมนุษย์น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
“กลับไปสิ ไปอยู่กับมนุษย์อย่างที่เคทต้องการ”
“พี่คะ แต่หนูอยากอยู่กับพี่เพเรีย หนูจะอยู่กับพี่ พี่บอกพี่จะอยู่กับหนู”
“เคท เธอเป็นมนุษย์”
“แล้วทำไมคะ หนูจะเป็นคารอยด์ หนูจะเป็นคารอยด์”
“เคท มันเป็นไปไม่ได้ กลับไปเถอะ”
“พี่เพเรียไล่หนู...”เพเรียนิ่งไปครู่หนึ่ง
เคท...อย่าจากฉันไปนะ หัวใจมันต้องการเช่นนั้น
“แต่...ไม่กลัว พี่หรอ”
“ไม่คะ เคทไม่กลัวพี่เพเรีย เคทไม่กลัว เคทจะอยู่กับพี่เพเรีย”เคทโถมเข้ากอดเธอ แล้วสะอึกสะอื้น
“ก็ได้...เคท”
ฉันจะปกป้องเธอ ฉันจะปกป้องเธอ
.....................................................................................................
“พอรึยังนั่นน่ะหา เพเรีย”เสียงทุ้มต่ำปนความอาฆาตในจิตดังกังวานขึ้นมากลางความมืดมิด
“เอพริล นายออกไปจากชีวิตฉันเสียทีเถอะ”เพเรียกอดเคทแน่นขึ้น ทอดสายตาอาฆาตให้บุรุษตรงหน้าอย่างไม่เกรงสิ่งใด
“หึ...เธอทำงานฉันพังหมด เพเรีย”
“ฉันไปทำอะไรให้นาย”
“เครื่องบังตาที่เธอทำลายไปนั่นไง”
“ไอเครื่องกิ๊กก๊อกนั่นน่ะหรอเอพริล น่าขำ”
“คารอยด์ถูกจับหมดเหลือไว้ตอนนี้ก็หนีกันให้ทั่ว ไอพวกนั่นติดเครื่องติดตามพวกเรา”
“พวกเรา หึ... พวกไหน”เพเรียทวนอีกครั้ง สายตาเหยียดหยามแสดงออกมาอย่างเปิดเผย
“ฉันจำไม่ได้ว่าไอคำว่าพวกเราฉันไปตกลงใช้ตอนไหนกัน”
“เพเรีย ฉันรำคาญยัยเด็กนั่น ช่วยฆ่ามันทีเถอะ”เอพริลชี้ไปที่เคท เคทตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
“อยากฆ่านักหรอเอพริล”เพเรียลุกขึ้นยืน เธอส่งสายตาท้าทายให้เขา
“หากนายฆ่าเคท นายต้องฆ่าฉัน และหากนายฆ่าฉันไม่ได้ นายก็ต้องตาย - - นายคงรู้นะว่าตัวนายน่ะมีค่ามากเท่าไรเอพริล นายสร้างคารอยด์ขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ นายยกพวกฆ่ามนุษย์ได้สบายๆตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่นายไม่คิดจะบุกเท่านั้น”
“เธอก็ทำได้”เอพริลเถียง แต่ไม่มีแววว่าจะโกรธ เขากำลังทบทวนตัวเอง
“นายก็รู้ว่าฉันไม่มีวันทำ”เพเรียตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ผิดกับเอพริล
“นายน่ะ เคยรับใช้ เคทใช่มั้ย”เงียบเป็นคำตอบ
“ใช่ ...ฉันจึงต้องฆ่าเคท ต้องฆ่า เพราะมันคือ ตราบาป”ร่างทั้งร่างของเอพริลประโจนเข้าหาเคททันที
หมับ......
เพเรียจับข้อแขนเขาไว้ได้อย่างสบายๆ
“นายกับฉัน มันคนละชั้นกันรู้มั้ยเอพริล”
เอพริลหมุนข้อแขนเธออีกที
“ฉันจะต้องชนะเธอให้ได้ จะได้ไม่มีสิ่งมาขวางงานของฉันอีก เพเรีย”
ทันใดนั้นมีคารอยด์โผล่มาอีก 5-6 ตัว
“คิดจะรุมหมู่หรอเอพริล”
“ครั้งนี้ไม่มีกติกา”
คารอยด์ทั้ง 6 ตัว พุ่งเข้าหาเธอพร้อมๆกัน แต่เธอก็รับมือไว้ได้ แม้จะไม่ง่ายดายนัก
...รอดมือผู้คุมคารอยด์มาได้ถือว่าไม่ธรรมดา......
ต้องใช้เวลาพอสมควรในหารจัดการคารอยด์ทั้ง 5 ตัวนั้น เหลืออีกตัวเดียว
...เรฟิล กิลโดส.....เอ็กโซนาร์ด .....
“ไม่ได้เจอกันนานนะเรฟิล”
“ค่ะ เจ้านาย....ในที่สุด ฉันก็ต้องมีสู้กับคุณ”
...................................
อาจไม่นาน แต่นาน.......
กว่าร่างของเรฟิลจะล้มลงได้ต้องใช้กำลังกายไม่น้อย
พลังงานใกล้หมดแล้ว
หากหมด ก็คือตาย
อีกคนเดียวเท่านั้น..............
.....เอพริล...............
“ไง...รู้สึกดีมั้ยเพเรีย”เขาหัวเราะต้อนรับเธอ
“ใช่รู้สึกดีมากเลยสิ”เขายิ้มเยาะเธอ เธอหัวเราะ
ทุกอย่าง เริ่มขึ้น...................
เขาพุ่งเข้าปะทะเธอ แต่เพราะแรงพลังงานหมด ทำให้พลาดโดนจุดสำคัญ
..............แบตเตอรี่........
ต้องจัดการ ก่อนจะสาย ก่อนจะไม่มีทางได้แก้ไขมัน
..ต้องพยายาม
.......ผ่านไปหลายชั่วโมงจนเกือบเช้า ผลที่ออกมาไม่ดีนัก เอพริลอ่อนแรงลงบ้าง
แต่ไม่เท่าเธอ...............
คารอยด์สองตัวสุดท้ายในโลกกำลังสู้กัน
หากฝ่ายหนึ่งชนะคือหายนะ หากอีกฝ่ายชนะคือปาติหาร
เสี้ยววินาที............เอพพริลใช้มีดกดทับท้องของเพเรียทำให้วงจรหลุดออกมาหมด
ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว
“เคท หนี.......ไป”
“พี่คะ”
“หนีไปสิ”เคททำอะไรไม่ถูกแต่ก็ตัดสินใจหนีไป
“เพเรีย เธอแพ้แล้ว มันจบแล้วล่ะ”...เขาล้วงเอาวงจรของเธอออกมาจนสิ้น เพเรียไม่มีแรงเหลือ
“ไม่ใช่ มันยังไม่จบ......” กริ้ก กริ้ก กริ้ก กริ้ก.............
“นี่มัน...!!!!”
“นายแพ้แล้ว เอพริล..” รอยยิ้มสุดท้ายฉายบนใบหน้าของเธอ
“บึ้ม!!!!!!!!!”
โปรแกรมระเบิดตัวเองของเพเรียทำให้เอพริลจบชีวิตลง..................
............................................................
หมดสิ้นแล้ว คารอยด์ มนุษยชาติ
และในที่สุด มนุษย์ก็กลับมาเริ่มต้นที่ 0 อีกครั้ง.......
เธอตายเพื่อจะปลุกคนให้ตื่น เธอตายเพื่อผู้อื่นอีกหมื่นแสน
เธอเป็นก้อนดินเดียวในดินแดน แต่จะหนักและแน่นเต็มแผ่นดิน
(จากใบงานภาษาไทยโดย ครูวิรยา ดวงประภา)
.....................................David miracle star of future.................................
Story by Reweara
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น