คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : A burning skin
Notorious [Tom
Riddle & OC]
Chapter 9 : A
burning skin
ทอมกับจูปิเตอร์ก้าวไปข้างหน้า
เขาผายมือเชิญให้เธอเข้าไปก่อน กระซิบเบาๆว่าเลดี้เฟิร์ส จูปิเตอร์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ขณะเขาผลักประตูเปิดทางให้ ภายในห้องถูกปกคลุมไว้ด้วยเวทมนตร์
คงสภาพเครื่องเรือนทุกชิ้นเหมือนไม่เคยผ่านการใช้งาน หรือเคลื่อนผ่านเวลาเป็นพันปี
เตียงตั้งไว้มุมหนึ่ง เป็นเตียงไม้แบบโบราณมีสี่เสาคล้ายกับในหอนอน ผ้าม่านสีขาวบางเบาถูกผูกเก็บเรียบไว้ข้างเสา
ถัดไปเป็นเตาผิงที่ไม่ได้ใช้งาน โต๊ะเขียนหนังสือไม้ตั้งริมหน้าต่าง
มีโต๊ะเล็กอีกตัวที่ว่างเปล่าและไม่รู้ว่ามีไว้ทำอะไร
ม่านบังตาสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งอยู่ด้านในสุด พวกเขาแยกกันเดินสำรวจ
ทอมมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือตามหารัดเกล้าให้เจอ
เขาสนใจรัดเกล้าของเรเวนคลอมากกว่าคำทำนายพันปีที่อาจหายสูญไม่มีการบันทึกไว้
แต่หลังจากเดินสำรวจได้สักพัก ทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน ต่างรู้ว่าไม่มีทรัพย์สินใดๆถูกทิ้งไว้ในห้องนี้เลย
“นี่หมายความว่ายังไง”
ทอมพูดกัดฟัน ความอดทนของเขาวันนี้ค่อนข้างจะอยู่ในระดับต่ำ
จูปิเตอร์อยากจะพูดแบบเดียวกัน
เธอมั่นใจว่ารัดเกล้าเรเวนคลอจะต้องอยู่ที่นี่
ไม่อย่างนั้นจะอยู่ที่ไหนได้อีกในปราสาทนี้
ทรัพย์สินของเรเวนคลอก็ต้องอยู่ในห้องลับของเรเวนคลอสิ แต่ที่นี่ไม่มีอะไรเลย
เป็นเพียงห้องนอนห้องหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างมานาน
แต่มีผู้ร่ายเวทมนตร์เก่าแก่ดูแลให้คงเดิม
เธอคิดว่าจะได้ปลดพันธะระหว่างเธอกับริดเดิ้ลจบสิ้นไปในคืนนี้แล้วแท้ๆ
เด็กสาวกัดริมฝีปากล่าง เดินไปยังโต๊ะตัวเล็กที่ตั้งไว้ข้างโต๊ะเขียนหนังสือ นิ้วมือลูบไปบนเนื้อไม้
แล้วทันใด เธอก็เข้าใจ
“รัดเกล้าเรเวนคลอเคยอยู่ที่นี่”
เธอหันกลับไปสบตาริดเดิ้ล “อย่างน้อยก็เคยถูกซ่อนไว้ที่นี่ วางไว้บนโต๊ะตัวนี้
ดูรอยบนพื้นผิวสิ เคยมีหีบหนักใบหนึ่งวางไว้...”
“เธอจะบอกว่ามีนักเรียนฮอกวอตส์สักคนหนึ่งไขปริศนาได้ก่อนเรา”
ทอมพูดด้วยน้ำเสียงน่าอันตราย ราวกับเขาจะบุกตะลุยตามหานักเรียนคนนั้น
และทำลายทิ้ง
เด็กสาวขมวดคิ้ว
“แปลก ถ้ารัดเกล้าถูกนำออกไปแล้ว ทำไมเฮเลน่ายังต้องการให้ฉันเจอห้องนี้อีก”
“รัดเกล้ายังอยู่ที่นี่
ซ่อนใต้ปริศนาอีกชิ้นงั้นหรือ?” ทอมมองไปรอบๆอย่างไม่ชอบใจ
“จะมีปริศนาที่ไหนอีกเล่า”
จูปิเตอร์กระซิบ พึมพำกับตนเอง
“ยัยเฮเลน่า
เรเวนคลอนั่น ไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด” ทอมพ่นลมทางจมูกอย่างขึ้งโกรธ
“เธอเคยได้ยินเรื่องเล่าใช่ไหมว่าคนที่ขโมยรัดเกล้าไปจากโรวีน่าคือใคร”
“เคย”
เธอพยักหน้า “ว่ากันว่าเฮเลน่าเป็นคนขโมยไปเพราะความอิจฉาสติปัญญาของแม่ เธอหนีไป
แล้วรัดเกล้าก็สาบสูญ... อืม จะเป็นไปได้ไหมว่า
โรวีน่าเป็นคนนำรัดเกล้ามาซ่อนไว้ที่นี่ ผนึกห้องนี้ไว้ ไม่ให้ใครตามหาเจอ
แต่เฮเลน่าหาพบ ขโมยรัดเกล้าไป และยังไม่ได้นำกลับมาคืน
ทั้งหมดนี้พาเราวนกลับมาที่ทางตัน และสุดท้ายก็ต้องไปเค้นถามจากเฮเลน่าอีก
ทั้งที่ฉันบอกเธอไปแล้วว่าอยากให้ช่วย ฉัน...” เธอหยุดพูดไปกลางคัน “ให้ตายสิ!”
“อะไรอีกล่ะ?”
ทอมถามอย่างเย็นชา
“ฉันพลาดเอง”
จูปิเตอร์พูดอย่างหัวเสีย “ตอนที่ฉันได้กลอนสคิปโค้ดจากเฮเลน่า
ฉันไม่ได้บอกเธอว่าฉันกำลังตามหารัดเกล้าเรเวนคลอ ฉันพยายามตะล่อมเธอ
และเธอตะล่อมฉันกลับ พาออกนอกเรื่อง จนฉันลืมประเด็นสำคัญไป”
“ฉันนึกว่าเธอจะฉลาดกว่านี้เสียอีก”
ทอมพูดอย่างเหยียดหยาม
จูปิเตอร์เห็นท่าทางของเขาแล้วบังเกิดความหมั่นไส้อย่างสุดจะทน
“ถ้านายฉลาดนัก ทำไมไม่ไปถามเฮเลน่าด้วยตัวเองเล่า? จะลากฉันร่วมเล่นเกมนี้ทำไม
เฮเลน่าไม่ยอมคุยกับนายใช่ไหม แค่เห็นนายเดินเฉียดเข้าไปใกล้
เธอก็คงหายแวบไปในกำแพงแล้ว อยากรู้ไหมล่ะว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ยอมคุยด้วย”
คำถามประชดประชันนั้นกระเด็นพุ่งตรงใส่ใจของเขาอย่างรุนแรง
ดวงตาของทอม ริดเดิ้ลมีเพลิงปะทุหลบซ่อนด้านใน
แสงจากไม้กายสิทธิ์ที่เขาถืออยู่วูบวาบ
กระทบกับแสงนัยน์ตาเกิดเป็นสีเขียวประกายแวบหนึ่ง ในชั่วอึดใจ
จูปิเตอร์เตรียมจะร่ายคาถาป้องกันคำแช่งหรือปลดอาวุธอีกฝ่าย เขากลับยืนนิ่ง
ไม่แสดงออก กักเก็บอารมณ์ได้ดี ทอมสูดลมหายใจเข้าปอด ไม่อาจปฏิเสธคำพูดของเธอได้
เฮเลน่าไม่ยอมคุยกับเขาจริงๆ โดยที่เขาไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร
หรือเจ้าหล่อนจะกลัวซัลลาซาร์ สลิธีรินมากจนขึ้นสมอง พอรู้ว่าเขาเป็นทายาท
จึงเอาแต่หลบหน้า
“เอาล่ะ”
จูปิเตอร์ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง ต่อให้เธอบอกเหตุผลของเฮเลน่าไป เขาคงไม่เชื่อ “ในเมื่อไม่มีอะไรในห้องนี้เลย
เราก็แยกย้ายกันกลับเถอะ”
“หือ?”
เขาส่งเสียงจากลำคออย่างร้ายกาจ ขายาวทั้งสองก้าวเข้ามาใกล้
“เธอรู้ไหมว่าฉันมีบทลงโทษยังไงกับคนที่ทำงานพลาด” เขาตั้งใจจะยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นอย่างข่มขู่
แต่จูปิเตอร์รวดเร็วกว่านั้น เธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอีก
ปลายไม้กายสิทธ์จากต้นมะฮอกกานีของเธอ จ่ออยู่ที่ปลายคางของทอม ริดเดิ้ล
แม้ร่างของพวกเขาจะใกล้มากจนแทบสนิทแนบ ห่างเพียงหนึ่งคืบมือ
จูปิเตอร์กลับไม่กลัวเขาสักนิด
“นายคงไม่อยากให้หน้าตาหล่อเหลาต้องเสียโฉมนะ”
เด็กสาวยิ้มมุมปาก “ฉันอาจทำพลาด แต่ข้อตกลงที่คุยกันไว้ไม่ได้กำหนดระยะเวลา เพราะฉะนั้นนายไม่มีสิทธิ์คุกคามฉัน
ไม่ว่ากรณีใดๆ”
แทนที่เขาจะกลัว
ทายาทสลิธีรินส่งเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่ขยับหนี แต่ก็ยอมลดไม้กายสิทธิ์ลงเสียบไว้ในกระเป๋ากางเกง
มืออีกข้างของเขาเลื่อนขึ้น นิ้วมือเขี่ยเส้นผมของเธอออกจากหลังใบหู
จูปิเตอร์กดไม้กายสิทธิ์จิ้มลึกลงไปใต้คางของเขา จนเขาน่าจะรู้สึกเจ็บ
ทอมใช้มือขวาจับข้อมือของเธอที่ถือไม้กายสิทธิ์ ง้างออกห่างจากตัวเขา เด็กสาวดิ้นขลุกขลัก
กำปั้นซ้ายยกสูง แต่เขารวบมือเธอได้อีก และดันร่างเธอจนชนกับขอบโต๊ะเขียนหนังสือ
เธอหายใจแรงด้วยความกลัว ไม่มีทางให้ดิ้นหลุด เขาแรงเยอะกว่า เธอต้องยอมรับ
ทั้งที่ใจสู้ แต่แรงกลับสู้ไม่ได้ ช่างน่าเจ็บใจ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอคิดเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นด้วย”
เขากระซิบเสียงทุ้มต่ำ ช้อนตาขึ้นมอง “ฉันดูดีในสายตาเธอเหมือนกัน น่าปลื้มใจจัง
จูปิเตอร์” แววตาของเขาเป็นประกายเหมือนคนหิวกระหาย ขณะโน้มใบหน้าลงมาช้าๆ
เธอยังดิ้นสุดแรง แต่เขาตรึงเธอไว้ได้ทั้งตัว จนในที่สุด เธอเลิกดิ้น
จ้องกลับด้วยความท้าทาย ไม่ต้องการให้เขารู้สึกสะใจไปมากกว่านี้
ร่างของพวกเขาสนิทแนบจนน่าหวาดเสียว เธอหอบหายใจ
ริมฝีปากแยกจากกันเพราะต้องการอากาศเพิ่ม ทอมเลื่อนใบหน้าลง ปลายจมูกปัดชนกัน
กระแสไฟฟ้าแลบแปลบบนผิวหนัง เขาเอี้ยวศีรษะไปด้านข้าง
ริมฝีปากอยู่ห่างจากใบหูเธอเพียงหนึ่งนิ้ว
จูปิเตอร์รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนและกลิ่นเฉพาะตัวของเขาที่เหมือนกับฟ้าหลังฝน
กลิ่นที่เหมือนกับทะเลสาบอันเย็นจัด เขาฝังจมูกที่ด้านหลังใบหู
สูดกลิ่นจากเส้นผมของเธอ
“เธอโกหกฉัน”
ทอมกระซิบ “ห้องนี้ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่ตาเห็น
เฮเลน่าไม่ได้ลวงเธอมาโดยไร้เจตนาแอบแฝง” เขาดึงร่างเธอออกห่างจากโต๊ะเขียนหนังสือ
ผลักกระเด็นไปข้างหลัง และกระชากลิ้นชักโต๊ะเปิดออกดู
ม้วนกระดาษสีน้ำตาลเก่าเขื่องอยู่ในลิ้นชักนั่นเอง
“สตูเปฟาย”
“อิมเปดิแมนต้า!”
เสียงร่ายคาถาดังขึ้นพร้อมกัน
กระแสเวทมนตร์สองสายปะทะกันตรงกลางและดีดออก
ส่งผลให้ร่างของทั้งคู่ต่างกระเด็นไปคนละฝั่ง ทอมตะเกียกตะกายลุกขึ้นได้ก่อน
กำลังจะคว้าหยิบม้วนกระดาษนั้น
“แอ็กซีโอ”
จูปิเตอร์ชี้ไม้กายสิทธิ์ออกไปข้างหน้า ม้วนกระดาษสีน้ำตาลลอยหวือ
“เวนตัส” ทอมเปล่งเสียง
เกิดกระแสลมแรงเกินต้านทานพัดเข้าใส่ร่างเธอ ม้วนกระดาษลอยไปอีกทาง
และทอมใช้คาถาเรียกของดึงม้วนกระดาษกลับไปอีกครั้ง
“โลโคมอเตอร์มอร์ติส” จูปิเตอร์ตะโกน คาถามัดเท้าชนทอมอย่างจังและรุนแรง เขาเซถลาไปด้านข้าง “รีแลชชิโอ” เธอเสกคาถาอีก เพื่อดึงม้วนกระดาษออกจากมือของเขา และใช้คาถาเรียกของอีกครั้ง เธอวิ่งเข้าไปคว้าม้วนกระดาษ ขณะที่เขาปลดคำสาปมัดขาได้สำเร็จ ต่างยืนประจันหน้าในระยะห่างสิบก้าว ไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่อีกฝ่าย “เอ็กซ์เปลลิอาร์มัส” จูปิเตอร์ยิ้ม เมื่อเธอจัดการได้ไวกว่า และไม้กายสิทธิ์ของเขาหลุดจากมือ กลายเป็นของเธอ
“นายควรจดจำฉันไว้ตลอดชีวิตของนาย
ทอม ริดเดิ้ล ในฐานะของผู้หญิงที่เอาชนะนายได้”
“ใช่ เธอชนะ
แต่หลังจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับมาร์ส เบิร์กล่ะ จูปิเตอร์”
เขาจำเป็นต้องงัดไม้นี้ออกมาใช้ ตลอดชีวิตที่ดำเนินมาถึงปีที่สิบห้า
จนใกล้จะอายุครบสิบหกในอีกไม่กี่เดือน ทอมไม่เคยพ่ายแพ้ใคร
ความโกรธที่ผสมปนเปกับความอับอายในครั้งนี้ เกินจะบรรยาย เกินจะรับไหว
เขาไม่เคยปล่อยให้ใครปลดอาวุธเขาได้มาก่อน ไม่เคยสักครั้ง
เขารู้สึกเหมือนผิวหนังกำลังมอดไหม้ด้วยความอาย
เด็กสาวบ้านเรเวนคลอกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย
“นายควรจะสังเกตได้แล้ว ฉันไม่สนใจว่ามาร์สจะเป็นตายร้ายดียังไง
และฉันพูดความจริง”
“อาร์ทิมิส
มักมิลลันก็ไม่เลวนะ ว่าไหม?”
“นายนี่มันหมาจนตรอกของแท้
ริดเดิ้ล” จูปิเตอร์พูดอย่างใจร้าย “อยากอ่านสิ่งที่อยู่ในนี้มากเลยหรือ”
เธอโบกม้วนกระดาษในมือไปมา เหมือนเป็นตัวประกันชิ้นงาม ทอมไม่ตอบ ได้แต่มองเธอราวกับจะกินเลือดเนื้อ
ถ้าสายตาของเขาฆ่าคนได้ เธอคงตายไปหลายรอบแล้ว “ฉันจะบอกอะไรให้นะ
นายอาจคิดว่าตัวเองเป็นทายาทสลิธีริน แล้วจะทำกร่างยังไงก็ได้ คิดว่าฉันอ่อนแอ
มีจุดอ่อนเยอะแยะไปหมด แล้วจะย่ำยีรังแกได้ง่าย นายอาจคิดว่านายเก่งที่สุด
นายกำลังเจริญรอยตามซัลลาซาร์ สลิธีรินผู้ยิ่งใหญ่ แต่นายคิดผิด
สิ่งที่นายเข้าใจมันผิดหมด ก็อย่างที่นายพูด ผ่านมาพันปีแล้ว จะรู้ได้อย่างไร
นายแน่ใจหรือว่าสิ่งที่นายเข้าใจเกี่ยวกับผู้ก่อตั้งบ้านสลิธีรินนั้นถูกต้อง”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปซะทุกอย่าง
จูปิเตอร์!” เขาตวาดเสียงดังลั่น
“นายไม่มีวันจะยิ่งใหญ่ได้อย่างซัลลาซาร์
สลิธีริน”
เธอทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ แล้วสะบัดหน้าหันหนี เดินเร็วเหมือนวิ่งออกจากห้อง ข้ามฝั่งไปยังประตูทางเข้าหอเรเวนคลอ ตอบปริศนาและรีบผลุบหายเข้าไปด้านใน ไม่เหลียวหลังกลับไปมอง จนนึกขึ้นได้ไม้กายสิทธิ์ของทอมยังอยู่ในมือ เด็กสาวจึงแง้มประตูอย่างระมัดระวังและปาไม้กายสิทธิ์ออกไปบนทางเดิน ถ้านี่ไม่การหยามหมิ่นเกียรติอย่างถึงขีดสุด เธอไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเช่นกัน เด็กสาวยืนพิงประตู สงบสติอารมณ์จนการหายใจเป็นปกติ เธอเดินข้ามห้องไปยังเก้าอี้หน้าเตาผิง ล้มตัวลงนั่ง หยิบม้วนกระดาษเก่าบอบบางมาคลี่ออก บางทีบันทึกนี้อาจจะมีคำตอบว่าเธอจะเปลี่ยนปัจจุบัน ได้อย่างไร
……………………………………………………………..
แอแบรกซัส
มัลฟอยสัมผัสได้ว่ามีบรรยากาศแปลกๆรอบตัวหัวหน้าของเขา บรรยากาศมาคุตึงเครียดกินเวลายาวนานกว่าสองอาทิตย์
แม้แต่การแข่งขันควิดดิช เขาผู้นั้นไม่ยอมไปดู
มีงานเลี้ยงฉลองที่สลิธีรินได้รับชัยชนะ เขาผู้นั้นก็ไม่ยอมร่วมงาน
จนอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคมมาถึง
การไปเที่ยวฮอกส์มี้ดก่อนวันฮาโลวีนเคยเป็นกิจกรรมที่ทอม ริดเดิ้ลชอบทำ
เขาชอบชอคโกแลตของร้านฮันนี่ดุกส์ ไม่มีทางพลาดโอกาสไปซื้อ ยังมีเหล้ารัมที่ร้านไม้กวาดสามอันอีกเล่า
การปั่นหัวมาดามคนสวยให้ยอมขายเหล้าให้ เป็นสิ่งที่ทำชอบเสมอ
แม้แอแบรกซัสจะคิดว่าเหล้ารัมเหมาะสำหรับคนแก่มากกว่าวัยรุ่น
แต่เขาไม่เคยแสดงความคิดเห็นออกไป ใครจะไปกล้า
มัลฟอยหนุ่มไม่เพียงสังเกตยัวร์ไฮเนสของเขาเท่านั้น
เขาพาลไปสังเกตถึงแม่สาวบ้านเรเวนคลอ
ผู้หญิงที่บรรดาเพื่อนในกลุ่มของเขาต่างพูดจาแทะโลมลับหลังไว้เยอะแยะ
เธอมีความสุขมากขึ้น แต่ยังระแวดระวังตลอดเวลา เหมือนกระต่ายน้อยระวังภัย
เขาคิดว่าความเครียดตึงเปรี๊ยะของทอม เป็นเพราะจูปิเตอร์อย่างแน่นอน
หลายวันที่เขาสังเกต เวลาที่ทอมไม่รู้ตัว ทายาทสลิธีรินชอบเผลอมองไปทางโต๊ะกินอาหารของเรเวนคลอ
บีบแก้วน้ำแน่นจนข้อนิ้วกลายเป็นสีขาว ทอมจะกินอาหารน้อยลงกว่าทุกที
ถ้าจูปิเตอร์นั่งกับอาร์ทิมิสแค่สองต่อสอง เขาคิดว่ามาถึงขั้นนี้
ถ้าเกลียดหน้าไอ้มักมิลลันมากนัก ทอมน่าจะสั่งให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งไปจัดการอย่างแสบสันต์
ทว่า ไม่มีคำสั่งในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ในชั่วโมงเรียนนับว่าเด็ดสุด
หลังจากเหตุจับถ่วงทะเลสาบ จูปิเตอร์มักจะนั่งคนเดียว คนละฟากห้องกับโรซาลินด์
นี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในช่วงหลัง โดยเฉพาะวิชาอักษรรูนโบราณ
หรือตัวเลขมหัศจรรย์ ที่สลิธีรินกับเรเวนคลอเรียนด้วยกัน จูปิเตอร์นั่งกับอาร์ทิมิส
ท่าทางสนิทสนมและมีความสุขด้วยกันมากทีเดียว แอแบรกซัสนั่งอยู่ข้างทอม
ด้านหลังมีฟินิกซ์กับแอตลาสนั่งอยู่ พวกเขาต่างมองเห็นเหมือนกันหมด
ทอมใช้เวลาเกือบทั้งชั่วโมงส่งสายตาพิฆาตไปยังคนคู่นั้น
อาการอย่างนี้จะให้เรียกว่าอย่างไร?
แอแบรกซัสต้องปรึกษากับโอไรออน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงมากที่สุด โอไรออนยักไหล่
บอกว่าให้ปล่อยไป เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทั้งคู่
โอไรออนยังบอกอีกว่า หรือจูปิเตอร์จะปฏิเสธทอมอย่างเด็ดขาด
และตอนนี้หัวหน้าของพวกเขาทุกคนกำลังอยู่ในอาการที่เรียกว่า อกหัก
ไม่มีทาง
แอแบรกซัสไม่เชื่อเด็ดขาด ให้ตายก็ไม่เชื่อ ในที่สุด เขาขอความร่วมมือจากฟีนิกซ์
แลสแตรงก์ พวกเขาสองคนควรจะไปคุย ไปถามว่ามีอะไรกวนใจกันแน่ ดังนั้น
คืนวันพฤหัสบดี หลังเรียนวิชาดาราศาสตร์จบประมาณตีหนึ่งครึ่ง
ฟีนิกซ์บอกกับทอมว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย ขอให้เขารั้งอยู่ก่อน เมื่อพวกเขาแน่ใจแล้วว่าเด็กบ้านเรเวนคลอและสลิธีรินลงจากหอดูดาวหมดแล้ว
พวกเขาจึงเริ่มพูด
“เกิดอะไรขึ้นคืนที่นายไม่กลับมานอนที่ห้อง”
ฟีนิกซ์ปล่อยหมัดเข้าประเด็น แบบไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว
“คืนไหน”
ทอมถามกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นใช้กล้องดูดาวขนาดเล็ก ส่องขึ้นไปบนฟ้า
“เมื่อต้นเดือนตุลา
วันจันทร์ ที่ไอ้พวกบ้านี่พูดเรื่องใต้กระโปรงของจูปิเตอร์”
ฟีนิกซ์ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แอแบรกซัสยืนข้างเพื่อน พร้อมช่วยสนับสนุนเต็มที่
หรือในอีกความหมายหนึ่ง ถ้าทอมพยายามจะจับฟีนิกซ์ทุ่มลงจากหอดูดาว
เขาจะคอยช่วยไม่ให้เกิดการฆาตกรรมเอง
“ไม่มีอะไร” ทอมตอบ
ลดกล้องดูดวงลงจากดวงตา “นายมีสิทธิ์ถามซอกแซกฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เปล่า
ฉันไม่มีสิทธิ์” ฟีนิกซ์ส่ายหน้า “แค่สงสัยว่าทำไมช่วงนี้นายดูเนือยๆ
แถมยังปล่อยให้คนอื่นเอาตุ๊กตาของนายไปเชิญชมหน้าตาเฉย”
“ฉันไม่ได้ปล่อย”
ทอมพูดกัดฟัน ส่งสายตาเตือนฟีนิกซ์ ถ้าเขาขืนพูดมากกว่านี้
จะมีคนร่วงจากหอดูดาวจริงๆ
“อา”
แอแบรกซัสยิ้มขึ้นมาทันที “จะทำอย่างไรกับไอ้หน้าจืดเรเวนคลอล่ะ”
“ก่อนจะจัดการไอ้เวรนั่น
ฉันต้องได้ของบางอย่างจากจูปิเตอร์ก่อน” ทอมบอก พลางยกมือขึ้นกอดอก
“เธอเจอห้องลับเรเวนคลอแล้ว คำทำนายที่ซัลลาซาร์ สลิธีรินพูดถึงในบันทึก
ตอนนี้น่าจะอยู่กับเธอ และเธอกำลังเล่นแง่ เล่นตัว ไม่ยอมให้ฉันได้ของนั่นมา”
“แล้วรัดเกล้าเรเวนคลอ
เธอหาเจอไหม” แอแบรกซัสถามอย่างตื่นเต้น
“ยังไม่เจอ”
ทอมบอกอย่างไม่สบอารมณ์ “ยัยเฮเลน่าขโมยรัดเกล้าและหนีไปตั้งแต่สมัยนั้น
ฉันรู้จากบารอนเลือดว่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่
เขาได้รับคำสั่งจากโรวีน่าให้ตามไปถึงแอลเบเนีย
สถานที่สุดท้ายก่อนเฮเลน่ากับบารอนจะตาย พวกเขามีรัดเกล้าอยู่ที่แอลเบเนีย
ฉันว่ารัดเกล้ายังอยู่ที่นั่น กลางป่าตรงไหนสักแห่ง”
เด็กหนุ่มมองเลยออกไปยังป่าต้องห้าม
“เท่ากับว่าจูปิเตอร์ไม่สามารถหารัดเกล้าเจอ”
ฟีนิกซ์สรุป
“อืม ไม่ได้”
ทอมยืนยัน
“แล้วยังปล่อยให้เธอลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนั้นหรือ?”
ฟีนิกซ์ถาม
“ฉันจะทำอะไรได้ในโรงเรียนล่ะ”
ทอมพูดอย่างรำคาญ
“ไม่เคยเห็นสนนี่
ยัวร์ไฮเนส” แอแบรกซัสพูดอย่างแปลกใจ “ตอนทำอย่างนั้นกับแม่คนงามผมบลอนด์ปีเจ็ดน่าจะในหอนอนชาย
อ้อ หรือเพราะอยู่คนละบ้านเลยไม่สะดวก เข้าใจละ
แต่จะลากไปทำในห้องน้ำพรีเฟ็คตอนเที่ยงคืนก็ไม่เลวนะ” ทอมได้ยินวาจาอุกอาจนั่นแล้วโบกไม้กายสิทธิ์
ใช้คาถาไร้เสียง มองแอแบรกซัสอย่างเย็นชา ทันใดนั้น ริมฝีปากของมัลฟอยก็หายไป
เขาทำหน้าตาเลิกลั่กมองยัวร์ไฮเนสของเขา และหันไปทางฟีนิกซ์
โบกมือโบกไม้ขอความช่วยเหลือ
“กล่อมบารอนเลือดให้เปิดปากพูดได้
นายไม่ธรรมดาจริงๆ ไปคุยกับเขามาตอนไหน” ฟีนิกซ์ชวนทอมคุยต่อ
โดยไม่สนใจคนน่าสมเพชอย่างมัลฟอยที่ล่าถอยไปนั่งรออยู่กับพื้น
เหมือนสุนัขงอนเจ้าของ
“คืนที่ฉันไม่กลับหอ”
เขาตอบอย่างคลุมเครือ
“คืนเดียวกับที่รู้ว่าจูปิเตอร์หาห้องลับเจอไหม?”
ฟีนิกซ์หรี่มองตาอย่างรู้ทัน “ได้ไปช่วยเธอไขปริศนาเข้าห้อง แล้วทำไมตึงๆกันเล่า?”
ทอมชำเลืองมองไปทางมัลฟอยที่ยังหาทางแก้คำสาปไม่ได้
“นายอยากจะเสียอวัยวะส่วนไหน ฟีนิกซ์”
TALK
“นายควรจดจำฉันไว้ตลอดชีวิตของนาย ทอม ริดเดิ้ล ในฐานะของผู้หญิงที่เอาชนะนายได้”
จูปิเตอร์ไม่ได้มาเล่นๆค่ะ มาจริงจัง
แต่หลังจากนี้ ทอมจะทำยังไงต่อนะ
คิดถึงลีโอนาเหมือนกันเนอะ
ความคิดเห็น