คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [ Wren ] : Never let go.
Psyche
Chapter 8 : Never let go.
[ Wren ]
เครื่องบินลำเล็กหอบเอาฝุ่นฟุ้งตลบเมื่อเคลื่อนตัวลงจอดบนลาน
แสงอาทิตย์เจิดจ้ายามเที่ยงแผดเผา อากาศแห้งจัด ราวกับไม่มีความชื้นหลงเหลือ
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มลงจากเครื่องบิน เส้นผมสีดำและชายเสื้อคลุมสีเดียวกันสะบัดขึ้นตามแรงลม
เขาเดินเร็วเหมือนพายุพัดเข้าไปในตัวอาคารที่สร้างขึ้นแบบชั่วคราวกลางทะเลทรายชีวาวาบนแผ่นดินแม็กซิโก
รกร้าง ว่างเปล่า ไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีอะไรเลย นอกจากทราย กระบองเพชรที่แสนโดดเดี่ยว
และท้องฟ้าไร้เมฆ ภายในอาคาร อากาศเย็นเฉียบ แตกต่างจากด้านนอกราวนรกกับสวรรค์
ทหารเดินกันเป็นกองผ่านไป เพื่อเปลี่ยนเวรยามเฝ้าตามจุดต่างๆ
เร็นมาที่นี่ด้วยเหตุผลหนึ่งเดียว
คือ ขออนุญาตและความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชา จากนั้นเขาจะบินกลับไปแล็ปในวอชิงตันดีซี
จัดการเรื่องผู้หญิงคนนั้นให้เรียบร้อย
โบลิเวีย
เจนกินส์ คือชื่อที่เขาค้นเจอในระบบ หลังจากอ่านประวัติแล้ว เขารู้ทันทีว่ามันคือข้อมูลปลอม
ชื่อก็น่าจะปลอมเช่นกัน ข้อแรก เธอไม่ได้อายุยี่สิบเจ็ดแน่ๆ หน้าตาแบบนั้น ดูแล้วไม่ถึงยี่สิบดี
ข้อสอง ในประวัติบอกว่าเธอจบการศึกษามัธยมปลาย และทำงานเป็นคนขับรถ เท่าที่เขาดู
สภาพของเธอเหมือนพวกนอนข้างถนน พวกไร้บ้านและไร้งานทำ ข้อสาม
ในประวัติบอกว่าเธอมีครอบครัวอาศัยอยู่ที่โตรอนโต
เขาสอบประวัติชื่อพ่อแม่ที่ระบุเอาไว้ พบว่าเป็นของปลอมทั้งหมด ทุกอย่างเป็นเท็จ
แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว
ทักษะของเธอน่าสนใจ
และคงน่าเสียดายถ้าจะต้องฆ่าทิ้งแค่เพราะว่าร่างกายเธอปฏิเสธสปิริท เขาอาจจะต้องพิถีพิถันในการเลือกมากกว่านั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเลือกผิดพลาดและการปฏิเสธของร่างกาย เขาทำหน้าที่นี้มานับครั้งไม่ถ้วน
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับซีเลคเตอร์ที่ทำพลาด ตัวเขาไม่เคยพลาดมาก่อน
จึงยังอยู่ในระดับที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องถูกลงโทษหรือพักงาน แต่เขาต้องแก้ไขความผิดพลาด
มีสองทาง ฆ่าเธอ หรือ หาสปิริทที่จะเข้ากับร่างของเธอได้และควบคุมโดยสมบูรณ์
เร็นเลือกหนทางที่สอง เขาไม่ชอบที่จะปล่อยอะไรไปง่ายๆ และเกลียดการยอมแพ้
เธอมีร่างกายที่แข็งแรง สมองที่ฉลาดเฉลียว การเคลื่อนไหวว่องไว
เสียดายถ้าจะต้องกำจัด และไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์
เขาเลือกไว้ในใจแล้ว
แต่การจะขอสปิริทที่เล็งไว้มาใช้ ต้องผ่านความเห็นชอบของคอมมานเดอร์ จึงเป็นเหตุผลที่เขามาอยู่ที่นี่
ทั้งที่อยากจะดูผลของการเจาะไขสันหลังและสแกนสมองของผู้หญิงคนนั้นมากกว่า
เธอมีอะไรบางอย่าง บางสิ่งที่มากกว่าทักษะหรือสมองที่น่าสนใจ
เร็นสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นตุบก้องดังในหู
เขาอธิบายไม่ได้ ไม่รู้ว่าคืออะไร มันน่าหงุดหงิด รำคาญใจ
เหมือนมีอะไรไม่รู้ค้างคา เหมือนเป็นปริศนาที่แก้ไม่ได้
ไม่ควรมีความรู้สึกแบบนั้น
เขาไม่ควรจะรู้สึกอะไรทั้งสิ้น พวกเขาอยู่บนโลกใบนี้มานานเกินไป
เห็นอะไรมานักต่อนัก ชินชากับทุกสรรพสิ่ง พวกเขาละทิ้งซึ่งความโลภ โกรธ หลงใหล
รักใคร่ สงสาร ดังนั้นความหงุดหงิด รำคาญ ไม่พอใจที่เขากำลังรู้สึกเกี่ยวกับเธอ
จึงเป็นเรื่องแปลกที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว เร็นสูดลมหายใจเข้า และผ่อนออก
ก่อนจะเดินทางมาถึง เขาส่งรายละเอียดคร่าวๆมาให้คอมมานเดอร์แล้ว
ท่านรออยู่ในห้องทำงานตามเวลานัด โซลเยอร์คนหนึ่งเดินเข้าไปในห้อง
บอกการมาถึงของเขา ครู่หนึ่งก็เดินออกมาและบอกว่าให้เขาเข้าไปได้
เอ็ดวาโด
แจ็คสัน
คอมมานเดอร์ประจำฐานแม็กซิโกและผู้มีอำนาจบังคับกองกำลังทหารทั้งทวีปอเมริกาเหนือ
เป็นชายร่างสูงใหญ่ ผิวสีน้ำตาล ผมตัดสั้นเกรียน เครื่องหน้าเคร่งเครียด
แววตาดุดันเหมือนเหยี่ยว บ่งบอกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนเล่นของใคร
และไม่ใช่คนที่จะยอมลงให้ใครง่ายๆ
เร็นยังไม่เคยพูดคุยกับชายคนนี้เป็นการส่วนตัวมาก่อน เพราะไม่เคยมีเหตุจำเป็นที่จะต้องปรึกษาหารือ
“โดนัทหน่อยไหม?”
คำทักนั้นทำเอาผู้มาเยือนเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
เอ็ดวาโดยื่นจานที่ใส่โดนัทน้ำตาลมาตรงหน้า และวางไว้บนโต๊ะ “นั่งก่อนสิ
คุณกริฟฟิธ ทำตัวสบายๆเหมือนอยู่บ้านเถอะ” เขาบอกอย่างนั้น แต่ตัวเองไม่ได้นั่ง
เขาเดินไปทางหน้าต่าง หยิบแฟ้มเอกสารไปด้วย เร็นจึงไม่ได้นั่งลง
ท่าทางคงเป็นการพูดคุยที่จะไม่กินเวลานาน
ชายหนุ่มมองคอมมานเดอร์ที่เปิดแฟ้มเอกสารอย่างใจจดจ่อ
“ผลงานที่ผ่านมาของคุณนับว่ายอดเยี่ยม คุณไม่เคยพลาด ไม่ว่าจะยุคไหน
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่คุณกลับคิดว่าควรลองต่อไป ทั้งที่ซีเลคเตอร์อีกคนมีความเห็นว่าควรกำจัดเธอทิ้ง”
“ซีเลคเตอร์อีกคนหรือครับ?”
เร็นพูดทวนคำ
“อเลสเตอร์
ไวล์ด” เอ็ดวาโดตอบ หันหน้ากลับมามอง
ริมฝีปากของเร็นเครียดขึงขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น
เขารู้จักไวล์ดเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ใช้ร่างหรือใช้ชื่อของใคร
พวกเขาเป็นคู่แข่งกัน มักเลือกทำงานคนละภาคพื้นที่ อยู่ห่างเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงแรงปะทะและไม่ต้องเล็งเป้าหมายเป็นคนเดียวกัน
แต่กระนั้น อดไม่ได้ที่จะแอบดูผลงานของอีกฝ่าย
เร็นเดาว่าไวล์ดคงแอบยิ้มกระหยิ่มแล้วที่ได้ข่าวว่าเขาทำพลาด
รายนั้นเป็นอีกคนที่ไม่เคยพลาด ทุกอย่างสมบูรณ์แบบจนน่าหมั่นไส้
“ผมเป็นคนติดต่อเขาไปเอง”
เอ็ดวาโดบอก และถ้าเร็นตาไม่ฝาด
เขามั่นใจว่าเห็นริมฝีปากของคอมมานเดอร์ยกขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะยิ้มเยาะ “เขาเป็นซีเลคเตอร์ที่เชี่ยวชาญมากที่สุดคนหนึ่ง
และเขาฝากคำแนะนำมาถึงคุณว่า ควรฆ่าผู้หญิงคนนี้เสียเถอะ เพราะอาจสร้างปัญหาให้คุณได้ในภายหลัง
ถ้ามีแนวโน้มว่าจะต่อต้าน หรือได้กระทำการต่อต้านไปแล้ว
แสดงว่าร่างกายของเธอมีบางอย่าง หรือในสมองของเธอมีบางสิ่งที่ทำให้เราควบคุมไม่ได้
คุณควรยอมรับมันและกำจัดให้เรียบร้อย การดึงดันต่อไป ไม่มีประโยชน์เลย”
“พวกเราเชื่อมั่นว่าควบคุมได้ทุกสิ่งไม่ใช่หรือ?”
เร็นเอ่ยถาม แววตาเย็นชา
“ก็จริง”
เอ็ดวาโดพยักหน้า ปิดแฟ้มเอกสาร “แต่คำขอของคุณคือสปิริทระดับสูงและอันตรายเกินไป
ให้กับผู้หญิงข้างถนนแบบนั้น” เขาส่ายหน้า แสดงความไม่เห็นด้วย
“ผมอนุมัติให้ไม่ได้”
“คุณพอใจร่างของตัวเองไหม
คอมมานเดอร์” เร็นหรี่ตาลง น้ำเสียงเรียบเฉยอย่างน่ากลัว
คอมมานเดอร์จ้องซีเลคเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง
แต่ในที่สุดก็ยอมตอบ “เอ็ดวาโด แจ็คสัน เป็นทหารระดับสูงอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
เขาออกกำลังกายทุกวัน ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นยา ประวัติขาวสะอาด
แข็งแรง ผมพึงพอใจกับร่างนี้มากทีเดียว คุณกริฟฟิธ”
“ผมเป็นคนเลือกร่างนี้ให้คุณ”
เร็นบอกอย่างเหนือกว่า อีกฝ่ายรู้ดีว่าใครเป็นคนจัดการเลือกร่างที่ดีที่สุดให้
“จักรพรรดิเล็งเห็นความสำคัญของซีเลคเตอร์มาก คุณก็รู้
ในทุกครั้งพวกเราคือกลุ่มแรกที่เริ่มปฏิบัติการเสมอ คุณอาจเป็นคอมมานเดอร์
ควบคุมกองกำลังทหาร เป็นผู้บังคับบัญชาของผม ทักษะ ไหวพริบ สัญชาตญาณของคุณอาจใช้ได้อย่างเต็มเปี่ยมในสนามรบ
และการจู่โจม แต่เรื่องละเอียดอ่อนกว่านั้น เป็นหน้าที่ของซีเลคเตอร์
สัญชาตญาณของผมบอกว่า เธอ โบลิเวีย เจนกินส์ หรือจะชื่ออะไรก็ช่าง เหมาะกับสปิริทระดับพรีเดเตอร์”
“เรายังไม่จำเป็นต้อง...”
“แน่ใจหรือว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้พรีเดเตอร์?”
เร็นถาม เลิกคิ้วน้อยๆ “ปัญหาเรื้อรังที่แคลิฟอร์เนีย คุณไม่อยากให้มันจบเร็วๆหรือ
คุณมีสายข่าวของคุณ ผมก็มีสายข่าวของผม
และผมรู้มาว่าทางยุโรปปล่อยพรีเดเตอร์ออกไปแล้ว โดยฝีมือของไวล์ด
ผู้ชายที่แนะนำว่าคุณไม่ควรอนุมัติคำขอของผม
ลองทบทวนอีกครั้งดีไหมว่าทางนั้นกำลังเล่นเกมอะไร
จักรพรรดิอยากให้ทวีปอเมริกาเหนือขาวสะอาดโดยเร็ว แต่เราล่าช้ามากแล้ว
คุณน่าจะรู้ว่า สัตว์ประหลาดบ้าคลั่งทำงานได้รวดเร็วขนาดไหน”
เงียบกันไปพักใหญ่
เร็นสังเกตเห็นความสองจิตสองใจในแววตาของผู้บังคับบัญชา
การปล่อยพรีเดเตอร์มีความเสี่ยงสูง มันเป็นสัตว์ประหลาดบ้าคลั่ง
เป็นผู้ล่าที่ฆ่าไม่เลือกหน้า ยากที่จะควบคุม ไม่กลัวตาย ไม่กลัวเจ็บ
เหมือนเครื่องจักรกล ถ้าปล่อยมันออกมากวาดล้างอะไรบางอย่าง รับประกันได้เลยว่าจะไม่มีอะไรเหลืออยู่
ชีวิตมนุษย์ที่อาจมีประโยชน์ อาจถูกฆ่ากำจัดทิ้งหมด
และมันไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่มันฆ่า จะเป็นพวกเดียวกับมันหรือเปล่า
มันไม่มีความคิดที่จะปกป้องพวกเดียวกันเหมือนสปิริทในระดับอื่นๆ
มันไม่ต่างจากปีศาจร้าย สัตว์เดรัจฉานที่ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณและความสะใจส่วนตัวเท่านั้น
“อนุมัติให้ผม
คอมมานเดอร์” เร็นพูดขึ้นอีกครั้ง
“ผมรับรองว่าเสี้ยนหนามในแคลิฟอร์เนียของคุณจะปลิวหายไปภายในสองสัปดาห์”
เร็นมองคอมมานเดอร์
และชายหนุ่มรู้ทันทีว่าการเดินทางมาแม็กซิโกครั้งนี้ไม่สูญเปล่า ไม่กี่นาทีต่อมา
เขาได้รับอนุมัติให้เข้าไปในห้องเย็น อุณหภูมิภายในต่ำกว่าขั้วโลกใต้เสียอีก
เร็นจำเป็นต้องสวมเสื้อเพิ่มอีกตัวก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั้น หลอดแก้วใสวางเรียงรายอยู่บนชั้น
มีตัวเลขบอกกำกับ ซึ่งสามารถนำตัวเลขเหล่านั้นไปดูในฐานข้อมูล
เพื่อตรวจสอบประวัติการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมดได้ เมื่อโลกมีคอมพิวเตอร์ การทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
จากที่เคยเก็บข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรในสมุดนับหมื่นเล่ม
มีเจ้าหน้าที่อาลักษณ์คอยดูแล
ตอนนี้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นผันตัวไปทำงานด้านจัดการระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดแล้ว
เขาเดินผ่านไปจนถึงด้านในสุดของห้อง
ชั้นวางสีดำขนาดเล็กบรรจุหลอดแก้วประมาณห้าสิบหลอด
เร็นไล่สายตาไปบนตัวเลขที่ติดอยู่ด้านหน้าทีละหลอดอย่างใจเย็น
ประกอบกับเปิดข้อมูลดูในจอไอแพดด้วย นัยน์ตาสีดำฉายแววจริงจัง
ขณะไล่อ่านทุกสิ่งอย่างละเอียด เมื่อพบพรีเดเตอร์ที่เหมาะสม เขาปิดไอแพด เก็บไว้ในสื้อ
เอื้อมมือหยิบหลอดแก้ว BT001866 ที่มีสสารลอยวนอยู่ภายใน
เขาเห็นควันสีดำหมุน ม้วนตัว กระสับกระส่าย กระฟัดกระเฟียด เหมือนม้าพยศ
เหมือนสัตว์ร้ายที่ต้องการกระโจนออกสู่ป่า
เมื่อได้ของที่ต้องการ
เร็นไม่อ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ต่อ เขากลับไปที่เครื่องบิน สั่งนักบินให้ออกเดินทางทันที
ใจเหมือนจะบินไปได้เร็วกว่าตัว
เขาอยากเห็นพรีเดเตอร์เข้าไปอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนั้น มั่นใจว่ายังไงเธอก็ต้องแพ้
ต่อให้มีใจนักสู้ขนาดไหน ไม่มีทางรับมือกับสปิริทระดับนี้ได้
เขาเลือกตัวที่อันตรายที่สุด ร้ายที่สุด ตัวที่เคยทำให้เมืองคอนสแตนติโนเปิลพังพินาศล่มสลาย
ในสมัยสงครามระหว่างพวกออตโตมันและไบเซนไทน์ พรีเดเตอร์ตัวนี้เป็นผู้ลอบสังหารจักรพรรดิของเมือง
ประวัติการทำงานของมันไม่ธรรมดา มันเก่งเรื่องตีสองหน้า การลักลอบ
มันโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้หัวใจ และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะทำงานสำเร็จลุล่วง มันเหมาะที่จะสยบเธอ
การเดินทางกินเวลายาวนานเกือบเจ็ดชั่วโมง
แต่ด้วยเวลาที่แตกต่างกันสองชั่วโมงกับแม็กซิโก ทำให้วอชิงตันดีซีเพิ่งจะเป็นเวลาหกโมงเย็น
เมื่อลงจากเครื่องบิน ต้องต่อด้วยรถยนต์อีก
เขามาทันเห็นดวงอาทิตย์กลมโตหายลับไปในหมู่เมฆ ทำเนียบขาวมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีส้มแดง
ทั้งที่ควรตรงไปยังกระทรวงพลังงานทันที ไม่ต้องอ้อมมาทางนี้ จะถึงเร็วกว่า
แต่เขาชอบที่จะมองดูทำเนียบขาว ในเวลาที่มันไม่ได้มีอำนาจอีกต่อไป
กลายเป็นแค่สิ่งปลูกสร้างธรรมดาที่ไม่มีผู้นำอันทรงอิทธิพลนั่งประจำอยู่อีกแล้ว มนุษย์ที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่
เป็นส่วนบนสุดของห่วงโซ่อาหาร เป็นผู้กุมชะตากรรมทุกอย่างบนโลก
ไม่ได้รู้เลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดมา ความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
มีอะไรอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้พวกมันคงได้รู้และตระหนักแล้ว
พวกมันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า ฝุ่นธุลี เศษเสี้ยวเล็กจ้อย
อาคารที่พวกเขาเลือกใช้เป็นห้องทดลองอยู่ภายในกระทรวงพลังงาน
เครื่องมือครบครัน มีการดัดแปลงเป็นห้องพักของพวกโซลเยอร์ และศูนย์พยาบาล
มันจึงกลายเป็นป้อมปราการขนาดย่อมสำหรับกองกำลังทหารไปด้วย การเฝ้ายามแน่นหนา
ยากที่จะมีผู้ใดเล็ดลอดเข้ามา หรือแอบหนีออกไป
ศูนย์พยาบาลเป็นสถานที่แรกที่เร็นเดินตรงไปหา
เขาไม่รู้ว่าเธอจะตื่นหรือยัง อาการบาดเจ็บของเธอค่อนข้างสาหัส
ถูกยิงทั้งหมดสามจุด สองจุดเป็นฝีมือของเขาเอง
และอีกหนึ่งจุดเป็นฝีมือของคนโรคจิตที่จับตัวเธอไป ลำคอและแขนมีรอยถูกมีดเฉือน
ข้อเท้าแพลง จากการรายงานของแพทย์ บาดแผลมีการติดเชื้อ และเธอไม่ได้กินอาหารมาสองวันแล้ว
เมื่อนึกย้อนกลับไป เขาโมโหจัด ไอ้ฆาตกรนั่นแอบลักพาตัวเธอ
คลาดจากสายตาเขาเพียงเส้นยาแดง มันใช้ทางหลบหนีในท่อระบายน้ำ ลากตัวเธอจุ่มน้ำสกปรกในสภาพที่ยังมีแผลสด
ทำแผลให้เธออย่างลวกๆและไม่สะอาดมากพอ มันไม่จำเป็นต้องดูแล
เพราะมันตั้งใจจะฆ่าและชำแหละเธอเป็นชิ้นๆ
แค่คิดก็รู้สึกคลื่นเหียน
ขยะแขยง รังเกียจ พวกมนุษย์มีสภาพจิตใจที่เปราะบาง มีแนวโน้มจะดำดิ่งลงสู่ความโสมม
มากกว่าทะยานสู่ความดีงาม พวกมันสมควรที่จะถูกกำจัด
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าห้องพยาบาล
เขาได้ยินเสียงความวุ่นวายก่อนจะเห็นตัวเธอเสียอีก ทหารยืนคุมเชิง
ถือปืนสั้นไว้ในมือ ตะโกนบอกให้เธอวางอาวุธลง
หญิงสาวในชุดคนไข้จับตัวนางพยาบาลคนหนึ่งล็อคคอไว้
มือข้างหนึ่งถือเข็มฉีดยาเป็นเชิงขู่ เขาสังเกตเห็นว่าเป็นเข็มฉีดยาเปล่าๆ
ไม่มีตัวยาในหลอด หมายความว่าถ้าเธอฉีดลมเข้าไปในเส้นเลือด มีโอกาสที่นางพยาบาลคนนั้นจะถึงแก่ความตาย
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ นางพยาบาลไม่กล้าขยับตัวแม้เพียงนิด เมื่อเขาเดินเข้าไป เธอเงยหน้าขึ้นมอง
ความหวั่นไหวผ่านวูบในดวงตา มือกำรอบเข็มฉีดยาแน่นกว่าเดิม
“ทำสิ
ฆ่าหล่อนซะ” เร็นบอกเธออย่างท้าทาย “แต่ยังไงเธอก็หนีไม่พ้นอยู่ดี”
เขาเห็นทรวงอกของเธอขยับขึ้นลงอย่างรุนแรงเหมือนเธอหายใจแทบไม่ทัน
เสียงหัวใจเธอเต้นดังชัดเจนกว่าหัวใจดวงอื่นในห้องนี้
โดดเด่นชนิดที่ว่าเขาจะต้องได้ยินเสียงของเธอก่อน นัยน์ตาของเธอแดงก่ำ สีหน้าแสดงความหวาดหวั่น
ทำอะไรไม่ถูก เขาเดาออกว่าภายในสมองของเธอกำลังคิดคำนวณหาทางหนี
ลูกตาหลุกหลิกมองไปทางนั้นทีทางนี้ที โดยเฉพาะประตูที่อยู่ด้านหลังเขา
เธอจ้องนานที่สุด
เธอผลักนางพยาบาลมาข้างหน้าอย่างแรง
ใช้จังหวะชุลมุนออกตัววิ่ง แต่เขาเดาไว้อยู่แล้วว่าเธอจะไปทางไหน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะคว้าตัวเธอไว้ได้
เรี่ยวแรงของเธอน้อยกว่าครั้งแรกที่พวกเขาปะทะกัน คงเพราะเธอบาดเจ็บและเหนื่อย
แต่ฤทธิ์เดชไม่ได้น้อยลงเลย เธอดิ้นพรวดพราดสุดแรงเหมือนม้าป่าพยศ
ขาทั้งสองออกแรงถีบ มือสองข้างกำหมัดและชูเหวี่ยงในอากาศ
แหกปากร้องเหมือนสัตว์ที่กำลังจะถูกเชือด พยาบาลกำลังตรงดิ่งเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาสลบในมือ
“ไม่ต้อง”
เร็นบอกเสียงเฉียบขาด เขาจับตัวเธอลอยขึ้นในอากาศ เอาตัวพาดบ่า
เธอดูช่างเล็กจ้อยถ้าเทียบกับเขา แต่สัตว์ป่าก็ยังคงเป็นสัตว์ป่า
ทั้งที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ เธอก็ยังดิ้นรน กำปั้นทุบหลังเขาหลายหมัด อ้าปากงับลงไปบนบ่าของเขา
ฟันของเธอไม่ได้คมมากมาย เร็นไม่ได้แสดงอาการสะดุ้งสะเทือนให้ใครเห็น
“เรายังไม่ได้ตัวอย่างน้ำไขสันหลังจากเธอค่ะ”
นางพยาบาลร้องบอก พลางวิ่งกระหืดกระหอบตามมา “ให้ฉันฉีดยาสลบก่อนดีกว่าไหมคะ”
“ไม่จำเป็น”
เขาบอกเสียงเย็น อยากดิ้นมากนัก ร้ายกาจนักใช่ไหม
เขาจะทำให้เธอกลายเป็นหมาเชื่องๆในกำมือ “ไปทางไหน?” เร็นถามกับพยาบาล
เธอรีบเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเพื่อนำทางไปยังห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
เขาทิ้งตัวเธอลงบนเตียงพยาบาล
ทหารรีบเข้ามาช่วยกันจัดการมัดมือและเท้าของเธอโดยไม่ต้องรอให้บอก
นางพยาบาลสองคนจับเธอนอนหงายอย่างทุลักทุเล เพราะเธอยังดิ้นขลุกขลักต่อต้าน
เร็นนั่งลงบนเตียงจับตัวเธอไว้อีกแรง ดึงขาสองข้างของเธอให้ชันขึ้น
หัวเข่างอจนชิดหน้าอก ดวงตาของเธอรื้นน้ำอย่างหวาดกลัว
“จัดการเลย”
เร็นออกคำสั่ง
แพทย์หญิงพยักหน้า
สวมถุงมือเตรียมพร้อม นางพยาบาลขยับเข้ามาแกะเชือกที่ชุดคนไข้
เปิดแผ่นหลังของเธอให้ว่างโล่ง เร็นได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นกระแทกซี่โครง
ระหว่างที่เขาจับขาเธอเอาไว้แน่น
เขารู้สึกได้แม้กระทั่งขนบนผิวหนังของเธอที่ลุกชัน
นางพยาบาลกำลังเตรียมยาฆ่าเชื้อบริเวณที่จะใช้เข็มเจาะ
ซึ่งเป็นบริเวณรอยต่อของกระดูกสันหลังระดับเอว ลูกนัยน์ตาของเธอเลื่อนขึ้นมอง
ริมฝีปากสั่น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อยาฆ่าเชื้อเย็นจัดสัมผัสผิวหนัง
นางพยาบาลอีกคนเตรียมยาชาใส่ในเข็มฉีดและยื่นให้แพทย์หญิง
“นั่นอะไร?”
เร็นถาม ทั้งที่เขารู้อยู่แล้ว แต่เขาอยากให้เธอได้ยิน
“ยาชาค่ะ” แพทย์หญิงตอบ
“ไม่ต้องใช้”
เขาสั่งอย่างเย็นชา
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องใช้ยาชา”
เร็นสั่งอีกครั้ง เสียงเรียบเย็นกว่าเดิม ไม่ได้มองหน้าแพทย์
แต่เลื่อนสายตาไปที่ใบหน้าของหญิงสาว เธอมองเขา เป็นสายตาที่เขาคงไม่มีวันลืม มันทั้งแค้นเคือง
รังเกียจ โกรธจัด ไม่น่าจะส่งผลอะไรต่อเขาได้ แต่มันกลับทำให้เขาหยุดนิ่ง
มองอย่างไม่ละสายตา เมื่อแพทย์ใช้เข็มขนาดใหญ่กว่าเข็มฉีดยาปกติเจาะทิ่มเข้าไปในเนื้อ
ทะลุไปถึงกระดูก เธอแหกปากร้อง มือกำแน่น ตัวเกร็งไปทั้งร่าง
หยาดน้ำตารินหยดลงบนแก้ม เขาต้องออกแรงกดร่างเธอไว้ ไม่ให้ดิ้น
ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวว่าเธอจะเจ็บมากกว่าเดิม
แต่กังวลว่าจะทำให้แพทย์ทำงานลำบากต่างหาก เธอจะรู้สึกยังไง จะเจ็บแค่ไหน
ไม่ใช่ธุระของเขาที่จะต้องใส่ใจ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
แพทย์หญิงรายงาน ตัวอย่างน้ำไขสันหลังอยู่ในกระปุกเล็กทรงเตี้ย
“จะรู้ผลเมื่อไหร่”
เร็นถาม
“พรุ่งนี้เช้าค่ะ”
“ดี”
เขาพยักหน้าอย่างพอใจ นางพยาบาลกำลังผูกเชือกชุดคนไข้ให้เรียบร้อย
เร็นหันสายตากลับลงมามองสำรวจใบหน้าของเธอ แก้มมีแต่คราบน้ำตา ดวงตาแดงช้ำ จมูกแดงก่ำ
นอนนิ่ง สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ เชื่องเหมือนหมาอย่างที่เขาต้องการ เร็นขยับลุกขึ้นยืน
ดึงผ้าที่มัดข้อมือและข้อเท้าของเธอออกเพราะมันไม่จำเป็นแล้ว เขามองเธอ
ไม่ขยับเขยื้อนไปจากจุดเดิม
ขณะที่บุรุษพยาบาลเลื่อนเตียงเคลื่อนที่เพื่อจะย้ายเธอออกไปยังห้องพักฟื้น พวกเขากำลังจะเดินเข้ามาอุ้มตัวเธอไป
เร็นไม่ได้ออกคำสั่งหรือพูดอะไรกับบุรุษพยาบาล
เขาก้มลงสอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปใต้ตัวเธอ ข้างหนึ่งบริเวณหัวไหล่
อีกข้างใต้ข้อพับหัวเข่า เธอไม่ใช่คนตัวผอมบาง ออกจะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
แต่ไม่ได้หนักจนทำให้เขาต้องรู้สึกเมื่อย เธอเบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากมองเขา
แต่ไม่ดิ้นอย่างดื้อรั้นอีก เหมือนเธอจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเดินไม่ไหวแน่ๆ
อย่างน้อยก็สงบลงได้สักที เธออาจจะเหนื่อย แต่ไม่ใช่ยอมแพ้
แววตาของเธอยังไม่ใช่แววตาของคนที่กำลังยอมแพ้ ระหว่างนี้ เธออาจวางแผนอยู่ก็ได้ เขาเดาไม่ถูกว่าเธอคิดอะไร
โดยเฉพาะเวลาที่เธอนิ่งเงียบขนาดนี้
เมื่อไปถึงห้องพักฟื้นขนาดเล็ก
เขาจัดการให้เธอนอนตะแคงบนเตียง หญิงสาวงอตัวเข้าหากันเหมือนกุ้ง หันหลังให้เขา
หัวไหล่สั่นเทา เขาได้ยินเสียงสูดน้ำมูก แต่ไม่รู้ว่าเธอกำลังร้องไห้อีกหรือเปล่า
เร็นนึกถึงสิ่งที่เขาดั้นด้นไปเอามาจากแม็กซิโก
สิ่งที่เขาตั้งใจจะมอบให้เธอทันทีที่กลับมาถึง แต่วันนี้เธอเหนื่อยมาพอแล้ว
แผลเก่าเต็มตัวยังหายไม่สนิท แผลใหม่ก็เกิดอีก เธออ่อนแอจนถึงขีดสุด
ถ้าปล่อยพรีเดเตอร์เข้าร่างไปตอนนี้ เมื่อมันตื่นขึ้นมา มันอาจอาละวาดใส่ซีเลคเตอร์อย่างเขาก็ได้ที่มอบร่างกะรุ่งกะริ่งให้แก่มัน
เขาควรจะปล่อยให้เธอพักไปก่อน
“ทำไม?”
เสียงของเธอไม่ดังเกินเสียงกระซิบ “ทำไมต้องทำแบบนี้กับพวกเรา”
เธอไม่ได้หันมามอง
ถามลอยๆอย่างไม่คิดว่าตัวเองจะได้คำตอบ เร็นยืนนิ่งอยู่กับที่
มองศีรษะด้านหลังของเธอ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงกระจายอยู่บนหมอน
“เพื่อจัดระเบียบ”
นั่นเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว
Writer's Talk
เร็น เป็นคนโรแมนติกค่ะ ! ดูสิคะ ถ่อไปแม็กซิโกเพื่อหา "ของขวัญ" ล้ำค่ามาให้ ??
กลับมาถึงก็เป็นคนพาเข้านอนอี๊ก หวานแหววจะตายไป :P
ความคิดเห็น