คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Conversation
Northern Lights
Chapter 7 : Conversation
......
......
ผมสีดำของหญิงสาวเกล้าเป็นก้อนกลมไว้ด้านหลัง
ผ้ากันเปื้อนสีเหลืองคล้องรอบคอทับบนเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนตัวโคร่งสีซีด
มือขวาถือพู่กัน มือซ้ายถือจานสี ปลายพู่กันจรดลงบนผนังปูนเปลือย แต้มสีลายดอกกุหลาบ
เธอกำลังจดจ่อกับงานตรงหน้า ไม่ได้สนใจสิ่งอื่น กระทั่งได้ยินเสียงดังแชะจากกล้องถ่ายรูป
มโนราห์หันไปมองทางต้นเสียง เจ้าของร้านกาแฟลดกล้องในมือลง แล้วยิ้มให้
มโนราห์ยิ้มตอบตามมารยาทแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“รอให้รูปเสร็จก่อน
แล้วค่อยถ่ายดีกว่าค่ะ” มโนราห์บอก
“ไม่ได้ถ่ายรูปวาดอย่างเดียว
แต่ถ่ายรูปคุณด้วย เผื่อเอาไว้โปรโมทงานบนทวิตเตอร์ไง” ชายหนุ่มชี้แจง
เธอไม่รู้จะพูดอย่างไร
ได้แค่ยิ้มซื่อๆแล้วหันกลับไปทำงานต่อ
ต้องวาดรูปลงสีในร้านกาแฟที่เปิดบริการตามปกติ มีคนเข้าออกทุกชั่วโมง
ลูกค้ามากหน้าหลายตามองมาอย่างสนใจ แค่นี้เธอก็เกร็งจะแย่แล้ว
คุณเจ้าของร้านไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเลยสักนิด มโนราห์พยายามบอกตัวเองว่าเธออยู่ตามลำพัง
ไม่มีใครมองเลยสักคน หลังจากทำงานชิ้นแรก
วาดรูปบนผนังในร้านสาขาสองของคุณมิวไปเมื่อเดือนก่อน
ตอนนี้กลายเป็นมุมถ่ายรูปชิคๆประจำร้านไปแล้ว เขาบังเกิดไอเดียอยากจ้างเธออีกครั้ง
วาดรูปไว้ในสาขาที่หนึ่งด้วย แต่เปิดให้ลูกค้ามาซื้อกาแฟได้ตามปกติ
มโนราห์รับงานนี้เพราะค่าจ้างสูงใช้ได้
เธอต้องกินต้องใช้ต้องเก็บเงินเข้ากองทุนไปเที่ยวในอนาคต
จึงรับงานโดยลืมนึกไปเลยว่าตัวเองต้องวาดรูปในที่เปิดโล่ง ใครต่อใครเดินผ่านมาดูได้ตลอด
ทำให้เธอรู้สึกประหม่า
ด้วยเหตุนี้
เธอพาเพื่อนสนิทคนหนึ่งสมัยมหาวิทยาลัยมาด้วย ในวันที่เพื่อนว่าง
ไม่มีงานอื่นต้องทำ เพื่อนสาวของเธอคนนี้ชื่อแก้ว พื้นเพเป็นคนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
รูปร่างผอมสูง ผมยาวตรง ผิวสีเข้ม พูดเสียงเหน่อน่ารัก หล่อนเดินออกมาจากบริเวณเคาน์เตอร์
ถือจานขนมเค้กและแก้วกาแฟกับชอคโกแลตปั่น เต็มไม้เต็มมือไปหมด
“ชอคโกแลตปั่นมาแล้วจ้า” แก้วร้องบอก
วางทุกอย่างลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยม “คุณมิวคะ
แน่ใจนะว่าเราไม่ต้องจ่ายค่าขนมพวกนี้จริงๆ”
“ตามสบายเลยครับ” มิวบอกอย่างใจดี
“ผมขอตัวไปดูในครัวก่อนนะ”
“โอเคค่ะ ขอบคุณมากเลย” แก้วฉีกยิ้ม
รอจนชายหนุ่มคนนั้นเดินไปถึงเคาน์เตอร์ก่อน จึงหันมาถามมโนราห์ “ไปถึงไหนแล้ว แก”
“เหลือลงสีตรงนี้อีกนิดเดียว
ยังไงก็ต้องเสร็จวันนี้ พรุ่งนี้ฉันบินไปเชียงใหม่แล้วนะเว้ย” มโนราห์ตอบ
ยัยเพื่อนตัวดีกลอกตามองบน
แล้วเข้ามายืนกระแซะข้างตัว กระซิบเสียงเบาลง
“ฉันหมายถึงคุณมิวใกล้จีบแกติดหรือยัง ไปถึงไหนแล้ว”
“เพ้อเจ้อ” มโนราห์ขมวดคิ้วมุ่น
“ถ้าไม่สนใจแก
เขาไม่ตามคอมเมนต์แกทุกทวิตหรอก ข้าเห็นนะเว้ยเอ็ง” แก้วกระซิบอย่างตื่นเต้น
มโนราห์ได้แต่ส่ายหน้าลูกเดียว “ถามจริงนะ” แก้วพูดอย่างระมัดระวัง
สำรวจสีหน้าของเพื่อนไปด้วย “ยังไม่ลืมไอ้เวรนั่นอีกหรอ”
“ไม่ได้เศร้าแล้ว ใครจะบ้าเศร้าเป็นปีๆ”
มโนราห์หัวเราะ คำว่าไอ้เวรเป็นคำที่ใช้เรียกแฟนเก่าเฮงซวยทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอและชีวิตของแก้วด้วย
ถ้าพูดคำนี้ พวกเธอจะเข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงแฟนเก่าคนล่าสุดที่เพิ่งจบกันไป
อย่างในกรณีของแก้ว แฟนคนล่าสุดคือก่อนเรียนจบมหาวิทยาลัย ยื้อยุดกันเป็นนานหลายปี
เพราะฝ่ายชายตัดสินใจไม่ได้ว่าตกลงแล้วชอบแก้วหรือชอบเพื่อนชายของเขากันแน่ แก้วเจ็บกว่าเยอะเลย
และไม่คบใครอีกเลยหลังจากนั้น ซึ่งผ่านมาสามปีแล้ว
“จริงของแก ตอนฉันเศร้าเรื่องไอ้เวร
ประมาณสามเดือนก็ถมถืดแล้ว” แก้วพยักหน้า “แกไม่คิดจะลองเริ่มใหม่หรอ
คราวนี้มีคนมาชอบก่อน แกเคยพูดนี่ว่าไม่อยากชอบใครก่อนแล้ว จะอยู่เฉยๆ
รอคนมาชอบบ้าง”
“ใจเย็นนะเพื่อน”
มโนราห์หัวเราะเสียงดังกว่าเดิม แล้วลดเสียงลงเป็นกระซิบ “แกเห็นจำนวนสาวๆที่คุณมิวคุยด้วยหรือเปล่า?”
เธอไม่อยากนินทาระยะเผาขนเลย ทำได้แค่ส่งสายตาเป็นนัยบอกเพื่อนว่าไม่โอเค มโนราห์เป็นนักส่อง
ถ้าเธอเล่นพันทิป คงกลายเป็นนักสืบพันทิปได้เลย
เธอคัดกรองคนที่กดติดตามทวิตเตอร์ของเธอเสมอ คนประหลาดพิลึกหรืออยู่ด้านมืดของทวิตเตอร์
เธอจะไม่ข้องเกี่ยวด้วยหากไม่มีเรื่องจำเป็นเกี่ยวกับงานจริงๆ
คุณมิวไม่มีปัญหาอะไร เขาเป็นนักธุรกิจเจ้าของร้านกาแฟที่ประสบความสำเร็จ
แต่เท่าที่มโนราห์เห็นคอมเมนต์ของเขาบนยูทูปหรือทวิตของเธอ
เธอคิดว่าเขากำลังหยอดเล่นเผื่อเลือกไปอย่างนั้น ไม่ได้หยอดแค่เธอคนเดียวด้วย
มีสาวๆอีกเพียบทั้งบนทวิตเตอร์และอินสตาแกรม โดยปกติทั่วไป หากถูกหยอดแบบนี้
เธอจะเพิกเฉย ไม่ตอบ ไม่ทักกลับ แต่คุณมิวเป็นลูกค้า ผู้ว่าจ้างเธอ
ดังนั้นเธอจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้ก่อน เพื่อธุรกิจ
มโนราห์มีประสบการณ์มามากพอแล้วกับผู้ชายประเภทนี้
แฟนคนล่าสุดของเธอเป็นพวกขี้เหงา เรียกร้องความสนใจ ต้องการความเอาใจใส่ตลอดเวลา
เมื่อไม่ได้ดังใจ ก็แอบไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นลับหลัง ตอนจีบกันใหม่ๆ
ก็หยอดเล่นกันแบบที่คุณมิวมาหยอดเธอนี่แหละ ไม่แตกต่างสักนิด มโนราห์เป็นผู้หญิงหัวโบราณ
เธอไม่ใช่คนช่างเอาใจ ไม่ใช่คนไวไฟที่จะให้กอดหมับได้ทันที ต้องเข้าใจด้วย
เธอโตมากับพี่ชายสามคนจอมขี้หวง
กับผู้หญิงแกร่งอีกสามคนที่ด่าผู้ชายให้เธอฟังทุกวันตั้งแต่เด็ก
เธอมีความหวาดระแวง ถือเนื้อถือตัว แต่ถ้าเธอไว้วางใจ
ถ้าผู้ชายทำให้เธอเชื่อใจได้เต็มร้อย เธอไม่มีปัญหาที่จะปล่อยตัวปล่อยใจหรอกนะ
ทว่าที่ผ่านมา ไม่เคยคบใครจนไปไกลถึงขั้นนั้นเลย ไม่เคยได้จูบแรกด้วยซ้ำ
พวกเขามักจะเลิกรอเสียก่อน และแสดงด้านมืดออกมา จนเธอค่อยๆปลีกตัวหนี
สุดท้ายก็เป็นฝ่ายถูกบอกเลิกไปตามระเบียบ
ชีวิตรักของแก้วก็เหมือนกับเธอ
พื้นฐานครอบครัวคล้ายๆกัน ความคิดในเรื่องต่างๆเหมือนกันเปี๊ยบ
พวกเธอจึงเข้าใจกันดี เมื่อนึกย้อนถึงสมัยมหาวิทยาลัย มโนราห์อยากจะขอบคุณแก้วสักล้านครั้งที่เดินเข้ามานั่งด้วยที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะในวันนั้น
ช่วงเรียนปีหนึ่งเดือนแรก ชีวิตโดดเดี่ยว เศร้าซึม มโนราห์คิดตั้งหลายครั้งว่าเธอคงไม่มีวันปรับตัวกับชีวิตมหาวิทยาลัยได้
ต้องอยู่หอพักนักศึกษา ไกลบ้าน ไกลครอบครัว พี่รหัสของเธอดันซิ่วไปหมด
ไม่มีใครมาดูแลเธอสักคน เพื่อนในเอกเดียวกันจับกลุ่มได้อย่างง่ายดาย
และคนที่ดูจืดๆไม่โดดเด่นอย่างเธอมักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่อย่างที่ใครเคยพูดไว้ จักรวาลจะนำพาคนที่เหมือนกันมาเจอกันจนได้
และจักรวาลเหวี่ยงให้มโนราห์ได้นั่งข้างแก้วในวิชาเรียนเอก
พวกเธอช่วยกันทำงานในชั่วโมงเรียนนั้นผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อหมดเวลา
มโนราห์ออกมาซื้อขนมหน้าคณะกินตามปกติ และแก้วเดินมาขอนั่งกินขนมด้วย ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา
การเรียนมหาวิทยาลัยของเธอสนุกขึ้นเป็นเท่าตัว
พวกเธอผ่านกิจกรรมรับน้องบ้าบอคอแตกมาด้วยกัน
ผ่านวิชาโหดหินและข้อสอบมฤตยูมาพร้อมกัน เมื่อคนหนึ่งป่วย
อีกคนก็ขี่จักรยานพาไปหาหมอ วันรับปริญญา พวกเธอนั่งอยู่คนละแถว
แอบเอาห่อหมากฝรั่งยัดไว้ในรองเท้า และส่งให้กันอย่างไม่กลัวหัวจะหลุดจากบ่า
เมื่อแก้วได้ยินว่าคุณมิวมีสาวๆคุยด้วยอีกเพียบ
เธอเลิกคะยั้นคะยอเชียร์เพื่อนทันที แล้วเปลี่ยนไปชวนคุยเรื่องอื่น
เช่นเรื่องที่เพื่อนกำลังจะไปเที่ยวเชียงใหม่ และแผนการวันหยุดปีใหม่ของเธอเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
งานของมโนราห์เสร็จเรียบร้อย เธอเดินไปตามเจ้าของร้านให้ออกมาดูรูปวาด
เผื่อมีจุดใดที่เขาอยากให้สีเข้มขึ้นหรืออ่อนลง มิวเห็นแล้วพอใจในผลงาน
ไม่มีตรงไหนต้องแก้แล้ว มโนราห์คุยกับเขาต่อเรื่องค่าจ้าง ขณะที่แก้วอาสาช่วยเก็บล้างอุปกรณ์ไปพลางๆ
มโนราห์เองก็พอใจกับค่าจ้างส่วนที่จ่ายหลังงานจบ เธอเผลอยิ้มกว้างแบบไม่ปิดบัง
“ผมอยากได้รูปคล้ายๆอย่างนี้บนผนังที่บ้านด้วย
คุณโมจะว่างรับงานอีกชิ้นเมื่อไหร่ครับ” คุณเจ้าของร้านพูด พร้อมยิ้มพราวเสน่ห์
“เอ่อ”
มโนราห์อ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง “ต้องขอดูคิวก่อนค่ะ”
“ผมดีเอ็มไปถามได้ใช่ไหมครับ”
เขาถาม
“ได้ค่ะ
ฉันดูตารางงานแล้วจะบอกว่าว่างช่วงไหนบ้าง” สักเดือนมิถุนายนปีหน้าเลยแล้วกัน
ไม่ว่างแม้แต่วันหยุดนักขัตฤกษ์ ใครจะไปบ้านนายตามลำพังวะ ถ้ารับงานจริง
เธอจะหิ้วเพื่อนที่ทำงานเก่าไปด้วยจนจัดปาร์ตี้ได้เลย คอยดูสิ
ไม่เข้าใจสุดๆเลย
มโนราห์คิดมากมายในหัวสมอง เมื่อพาแก้วเดินออกมานอกร้าน
ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่อยู่ไม่ไกล พวกเธอจะไปเดินเล่นกันต่อ
เธอไม่เข้าใจว่าเธอน่าสะดุดตาตรงไหน
ถ้าเทียบกับบรรดาผู้หญิงในไอจีที่เขาคุยหยอกล้อด้วย
ไม่ใช่ว่าเธอไม่พอใจกับรูปลักษณ์ของตัวเอง เธอยินดีกับทุกสิ่งที่เธอมีและไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงที่ตรงใด
เท่าที่สืบไลฟ์สไตล์ของอีกฝ่าย เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณมิวจะสนใจ
หรือเขาเห็นเธอแปลก ไม่แสดงอาการเขินอาย ไม่โต้ตอบไปในทางเล่นหูเล่นตา
จึงคิดว่าน่าท้าทายหรือไง ข้อนี้เธอไม่รู้ และไม่สนใจอยากจะรู้แล้วด้วย
งานวาดเสร็จสิ้น รับเงินแล้ว เธอไม่ควรคิดให้รกสมองอีก
เธอใช้เวลาเดินเล่นกับแก้วอีกสองชั่วโมง
ก่อนจะไปส่งเพื่อนขึ้นรถไฟฟ้าตอนหกโมงเย็น และแยกกันกลับบ้านคนละทาง
วันนี้วันที่ยี่สิบสี่ ธันวาคมแล้ว
ลานหน้าห้างสรรพสินค้าจัดต้นคริสมาสต์อย่างสวยงาม
มโนราห์เดินย้อนกลับมาเพื่อรอรถเมล์ เมื่อได้ขึ้นไปยืนโหนเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างที่ไม่มีอะไรทำนอกจากเกาะเสาให้มั่นๆ
เธอมองสำรวจผู้คนบนรถเมล์อย่างที่ชอบทำประจำ
บางครั้งเธอจะพยายามเดาว่าคนนี้ทำอาชีพอะไร อายุเท่าไหร่
เรื่องราวของพวกเขาเป็นอย่างไร ทั้งหมดเพื่อฆ่าเวลาอันน่าเบื่อหน่ายบนถนนกรุงเทพ
รถติดเหลือเกิน คนแน่น เบียดสุด แม้จะเป็นรถปรับอากาศ แต่ไม่ได้ช่วยให้สบายตัวขึ้น
มโนราห์หอบของพะรุงพะรัง ค่อนข้างลำบาก
เธอถึงบ้านตอนสองทุ่มตรง
แม่เปิดประตูรั้วให้และช่วยหิ้วอุปกรณ์เข้าบ้าน ถามไถ่ว่างานเป็นอย่างไร
กินข้าวหรือยัง แม่ถามถึงแก้วด้วยว่าสบายดีไหม ตอนนี้ยังทำงานที่เก่า
หรือออกมาเป็นฟรีแลนซ์แล้ว
หลังจากนั้นแม่ก็ไล่เธอขึ้นไปจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางเช้าพรุ่งนี้
เมื่อมโนราห์โพล่งขึ้นมาว่าเธอลืมจัดของไปเสียสนิท
มโนราห์ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงในการจัดของสำหรับไปเที่ยว
เธอใส่แต่เสื้อยืดกับกางเกงยีนเป็นประจำอยู่แล้ว
เตรียมคาร์ดิแกนแขนยาวกับฮู้ดไปด้วยอย่างละตัว เพราะต้องขึ้นดอยหนึ่งวัน
อากาศน่าจะเย็น เธอยิ่งไม่ถูกโรคกับอากาศเปลี่ยนแปลง หญิงสาวอาบน้ำ
ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น นอนเหยียดคว่ำหน้าใช้หมอนหนุน และหยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่น
เธอไม่ได้เข้าทวิตเตอร์มาทั้งวัน เพิ่งจะมีโอกาสตอนนี้
คุณมิวลงรูปและเมนชั่นเธอมาด้วย
มโนราห์กดรีทวิตตามมารยาท อย่างไรนั่นก็เป็นรูปเธอขณะทำงาน มันช่วยโฆษณาให้เธอได้
มีข้อความดีเอ็มส่งมาหนึ่งข้อความ เธอกดเข้าไปดู อ้อ คุณสวีดิชบอยคนนั้นนั่นเอง
พวกเขาส่งข้อความให้กันมาตั้งแต่เดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องหนังสือมูมิน
ไม่มีเรื่องอื่นเลย และแต่ละครั้งเป็นประโยคถามตอบสั้นๆ
กว่าอีกคนจะตอบก็ผ่านไปห้าหรือหกชั่วโมง ไม่ค่อยออนไลน์เวลาเดียวกัน
เขาไม่มีท่าทีคุกคามเหมือนพวกฝรั่งประหลาดๆที่เคยดีเอ็มมาหาเพราะคิดว่าผู้หญิงไทยอยากได้สามีฝรั่งกันทั้งประเทศ
ตอนนี้เธออ่านดาวหางในเมืองมูมินจบไปแล้วตามคำแนะนำของเขา
กำลังเริ่มอ่านเมืองมูมินกลางฤดูหนาว
“อ่าน
Moominland Midwinter ถึงไหนแล้ว?”
มโนราห์เอื้อมมือหยิบหนังสือที่วางทิ้งไว้หัวเตียงลงมาเปิดดู
เธออ่านทิ้งไว้กลางบทที่สอง ถือว่าอ่านได้ช้ามาก ไม่รู้ทำไม แต่เวลาอ่าน
เธอจะหยุดคิดจินตนาการบ่อยทีเดียว จินตนาการถึงแลปแลนด์ หุบเขาของมูมิน
ชีวิตเรียบง่าย สงบ และใสซื่อของตัวการ์ตูน
เธอกวาดสายตาอ่านสองสามประโยคในหน้าที่ค้างไว้ เพื่อทวนความจำ ก่อนจะพิมพ์ตอบ
“ฉันอ่านถึงมูมินพบทูทิกกี้กลางป่าค่ะ”
เธอแปลกใจเมื่อเห็นจุดสามจุดเด้งขึ้นมา
หลังจากส่งข้อความไปได้ไม่ถึงสิบห้าวินาที เขากำลังตอบกลับ
“ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับแสงเหนือ
เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันมีอยู่จริงๆ หรือว่ามันแค่ดูเหมือนมีอยู่...”
ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้มอย่างนุ่มนวล
ตอนอ่านประโยคนั้น ภาพความทรงจำแสงเหนือบนท้องฟ้าที่อุทยานอะบิสโก
น่านฟ้าสวีเดนพร่างดาว วนกลับเข้ามาเด่นชัด เหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน
“ฉันคิดว่ามันมีอยู่จริงนะ”
เธอพิมพ์ตอบไป ด้วยคำพูดของมูมินที่ตอบทูทิกกี้ในฉากนั้น แล้วตัดสินใจพิมพ์ถามต่อ
“คุณเป็นคนสวีเดน แสดงว่าต้องได้เห็นแสงเหนือบ่อยมากใช่ไหมคะ?”
“บ่อยจนเป็นเรื่องปกติ
แต่ที่สตลอกโฮล์มเห็นไม่ชัด เพราะแสงในเมืองสว่างเกินไป” เขาตอบ
จุดสามจุดเด้งขึ้นมาอีกแล้ว กำลังพิมพ์อีกประโยค
“คุณคิดว่าจะมาเที่ยวสวีเดนอีกไหม?”
มโนราห์ม้วนตัวนอนหงาย
ถือโทรศัพท์ไว้ระดับหน้าอก และพิมพ์ตอบ “ไม่รู้เลยค่ะ ไปสวีเดน ใช้เงินเยอะมาก
ยังมีอีกหลายที่ ที่ฉันอยากไป”
“ที่ไหนบ้าง?”
เขาถามอีก
“อังกฤษ
สกอตแลนด์ เปรู ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฉันอยากกินสตรีทฟู้ดที่สิงคโปร์” เธอตอบ
พร้อมส่งอิโมจิหน้าหัวเราะ
เขาเงียบไปพักใหญ่
ก่อนจะตอบอีกครั้ง “ขอโทษนะ ผมต้องไปก่อน กำลังจะขึ้นเครื่องบิน”
“โอเคค่ะ
เดินทางปลอดภัยนะคะ” เธอพิมพ์อวยพร แม้จะไม่รู้ว่าเขาขึ้นเครื่องบินไปไหนก็ตาม
....................................................................
จากอเมริกาถึงเชียงใหม่
ต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบชั่วโมง บวกเวลาแวะเปลี่ยนเครื่องบินอีกต่างหาก บิล
สการ์สการ์ดเดินทางคนเดียว ขณะที่อเล็กซานเดอร์กับวอลเตอร์จะบินมาจากสวีเดน
และไปพบกันที่สนามบินเชียงใหม่
พวกเขาตัดสินใจจะเที่ยวประเทศไทยให้คุ้มกับเวลาที่ต้องนั่งเครื่องบินยาวนาน
นั่นหมายความว่าพวกเขาจะอยู่เชียงใหม่เจ็ดวัน และไปเที่ยวจังหวัดอื่นๆด้วยอีกเก้าวัน
บิลจะฆ่าเวลาด้วยการดูหนังบนเครื่องบินสักห้าหรือหกเรื่อง นอนฟังเพลงให้ลืมเวลา
หรืออ่านหนังสือที่พกมาด้วย
บิลนั่งลงบนเบาะชั้นเฟิร์สคลาสข้างหน้าต่าง เขาพอมีเวลาครู่หนึ่งก่อนกัปตันจะเปิดสัญญาณห้ามใช้โทรศัพท์ เขาหยิบออกมาเปิดดูอีกครั้ง หลังจากพิมพ์ประโยคสุดท้าย เขาไม่ได้ดูว่าเธอพิมพ์ตอบกลับมาหรือไม่ เพราะต้องเดินขึ้นเครื่องแล้ว บิลอ่านข้อความล่าสุดของเธอสองรอบ ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ไม่ได้รู้จักกันมากมาย คุยแค่ไม่กี่ครั้งเรื่องหนังสือ แต่ก็อวยพรให้ปลอดภัย เขายิ้มกับข้อความนั้นแล้วปิดหน้าจอโทรศัพท์
แล้วพบกัน โมเนต์
......
ความคิดเห็น