คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : A normal day
The Strangest Case
Chapter 7 : A normal day
ฉันกำลังนวดแป้งพิซซา หรือถ้าจะให้ตรงๆชัดๆก็คือ พยายามนวดแป้งพิซซ่าโดยใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มี ฉันทำไปทำไมหรือ หลายคนอาจสงสัย เพราะวันนี้ว่างน่ะสิ ไม่มีใครร้องเรียนอะไรเข้ามาในบล็อก ด็อกเตอร์ก็ไม่มีงานให้ทำ ฉันจึงออกไปซุปเปอร์แต่เช้า ซื้อแป้งและของสดหลายอย่างสำหรับทำพิซซ่ากินเอง ของที่ทำกินเอง ยังไงก็อร่อยกว่าอยู่แล้ว แต่หลังจากนวดแป้งไปซักพัก ฉันก็เริ่มท้อ นวดเท่าไหร่ก็ไม่นุ่มเหมือนมาร์ชเมลโลว์อย่างที่บรรยายไว้ในตำราทำอาหารเสียที ถึงอย่างนั้น ฉันก็พยายามต่อไป
นอกจากฉันจะชอบเขียน
ชอบสังเกต และใช้เวลาว่างหมดไปกับการหาอะไรแปลกๆแล้ว
สิ่งที่ฉันชอบทำเป็นอันดับต่อมาก็คือ ทำอาหาร มีสุภาษิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บอกว่า
เสน่ห์ปลายจวัก มัดใจสามี ฉันเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวมาหลายปีแล้วนะ
แต่ก็อย่างที่รู้กัน คู่หมั้นประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่เนปาล
ซึ่งจะได้ผลหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ด็อกเตอร์บอกว่ามันไม่อาจไม่ได้ผลสำหรับทุกคน
เหมือนอย่างที่ไม่ใช่ทุกคนจะใช้เวทมนตร์ได้
ฉันได้แต่ภาวนาให้เขากลับมาเดินได้เหมือนเดิม ถ้าถึงตอนนั้นและเรายังรักกันอยู่
ก็คงดีหรอก
บอกตามตรง แผลบางอย่างก็รักษาให้หายไม่ได้
เขาไล่ฉัน ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากฉัน คนอย่างไอลีน
อาร์เจนต์ไม่ชอบถูกใครปฏิเสธและไล่เหมือนหมูหมา
ฉันเข้าใจว่าเขาคงไม่อยากให้ฉันไปจมปลักอยู่กับคนไร้อนาคต
แต่เขาได้ถามความเห็นของฉันบ้างหรือเปล่าว่าฉันต้องการอะไร และฉันรักเขามากแค่ไหน
ฉันไม่ชอบที่เขาทำตัวแบบนั้นในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ
และเขาทำให้ฉันเสียการงาน เสียความเป็นตัวตนไปถึงสองปีเต็มๆ ฉันทำงานไม่ได้
เขียนไม่ได้ ก็เพราะเขา มันมาถึงจุดที่ฉันเรียกว่า การทบทวนใหม่ ถ้าแต่งงานกันไป
วันหนึ่งเกิดเหตุที่คล้ายกัน แล้วเขาผลักไสไล่สงฉันอีกล่ะ เขาเป็นคนใจแข็งมาก
มากเหลือเกิน มากเสียจนไม่เคยโอนอ่อน ฉันไม่แน่ใจว่าจะรับมือไหว
ถ้าต้องเจ็บปวดอย่างที่เคยเจ็บมาแล้วตลอดสองปี
อีกอย่าง
เป็นโสดก็สบายดี
แป้งพิซซ่าได้ที่พอดี
ฉันจัดการขั้นตอนต่อไป นำเครื่องมาวาง ทั้งกุ้ง แฮม พริกหวาน หอมหัวใหญ่
ตบท้ายด้วยชีสโปะหน้าเยอะๆ เอาให้อ้วนตายกันไปข้างหนึ่งเลย จากนั้นก็เอาเข้าเตาอบ
พิซซ่าถ้าอบด้วยเตาดินดั้งเดิมแบบของอิตาลีแท้ คงจะเยี่ยมยิ่งกว่านี้
แต่ฉันไม่มีปัญญาไปหาเตาดิน ใช้เตาอบขนมธรรมดาก็พอแล้ว ระหว่างรอพิซซ่า
ฉันก็ทำน้ำพันซ์ด้วย โดยวัตถุดิบของฉันมี ส้ม มะนาว น้ำหวาน
ไม่มีจะดื่มแล้วชื่นใจคู่ควรกับการกินพิซซ่า เท่ากับน้ำพันซ์ผลไม้อีกแล้ว อา
ช่างเป็นวันที่ดีอะไรอย่างนี้หนอ
หลังจากทำน้ำพันซ์เรียบร้อยเทใส่เหยือกเก็บไว้ในตู้เย็นแล้ว ฉันก็คิดว่าน่าจะมีขนมหวานสักหน่อย ในตู้เย็นยังมีชอคโกแลตแท่งเหลืออยู่ ขนมเค้กกล้วยหอมที่ซื้อมาและยังไม่ได้กิน ปิ๊งเมนูขึ้นทันทีเลย ฉันใช้เตาอบเล็กในการละลายชอคโกแลตแท่งจนกลายเป็นชอคโกแลตเหลว นำเค้กกล้วยหอมมายีๆขยำๆเป็นก้อนกลมหลายก้อน แล้วก็คลุกกับชอคโกแลตเหลว ปล่อยทิ้งไว้สักพักชอคโกแลตก็จะแข็งและเกาะกับเนื้อเค้ก กลายเป็นชอคบอลไปเรียบร้อย
ฉันกำลังมีความสุขกับครัวของฉันอย่างยิ่งตอนที่ด็อกเตอร์เดินเข้ามา
ท่าทางคงจะไม่มีแผนไปไหนเหมือนกันเพราะเขาสวมชุดสบายๆแบบที่ฉันไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น
ผมสีดำเหมือนเพิ่งจะแห้งหมาดๆ ฉันชอบผมของเขานะ โดยเฉพาะเส้นผมสีขาวที่อยู่ตรงขมับ
แฟชั่นมากเลย แฟชั่นแบบรุ่นคุณลุงน่ะ
“ทำอะไรอยู่”
นัยน์ตาสีเทาของเขากวาดมองไปทั่วครัว
“ทำอาหารสิคะ”
ฉันตอบด้วยเสียงอันดัง
“คุณรู้จัก รี้ด ริชาร์ด กับซูซาน สตอร์มไหม?” เขาเอ่ยถามขึ้น
“รู้จักค่ะ
ใครจะไม่รู้จักล่ะ แฟนทาสทิก โฟร์เชียวนะ” ฉันพูด ขณะมือยังไม่หยุดทำ
ชอคบอลควรมีถั่วโรยสักหน่อย ฉันจำได้ว่ามีถั่วเก็บไว้บนชั้นวาง
ก็เลยนำลงมาตำให้กลายเป็นเกล็ดเล็กๆ
“พวกเขาส่งบัตรเชิญงานแต่งมา”
ด็อกเตอร์ยื่นบัตรให้ดู
“จริงหรอ?” ฉันร้องอย่างตื่นเต้น “แล้วด็อกเตอร์ไปรู้จักมักคุ้นกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เลย”
“ผมรู้จักกับพวกเขาก่อนเจอคุณอีก
น้องชายของซูซานเคยเข้าโรงพยาบาลเพราะรถล้ม” ด็อกเตอร์บอก ดึงเก้าอี้ทรงสูงมานั่ง
จะได้คุยกับฉันสะดวก “จะไปไหม?”
“เขาเชิญด็อกเตอร์
ไม่ได้เชิญฉันซะหน่อย” ฉันจัดการโรยถั่วลงบนชอคบอลอย่างขะมักเขม้น
“ผมควรจะควงใครสักคนไปงาน” เขาบอกอย่างนั้น
“คริสทีนล่ะคะ” อุ้ย มันหลุดปาก มือที่กำลังโรยถั่วค้างอยู่อย่างนั้น เรื่องคริสทีนกับนาฬิกาเรือนนั้นยังฝังแน่นในสมองฉันมาตลอดจริงๆด้วย ฉันเงยหน้าขึ้นมอง แววตาของด็อกเตอร์เย็นชาจนน่ากลัว “เอ่อ ฉันว่าพิซซ่าฉันได้ที่แล้วล่ะ”
“ยังไม่ได้ยินเสียงเตาอบเลย” ด็อกเตอร์หรี่ตาลงอย่างจับผิด รู้ทันว่าฉันตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันรู้สึกได้ค่ะ ด็อกเตอร์” ฉันยกมือขึ้นวาดในอากาศ ทำสีหน้าเลื่อนลอยอย่างลี้ลับ ฉันหันขวับไปหาเตาอบใหญ่และเปิดฝาออก กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก “เห็นไหม อย่างที่ฉันบอกเลย ฉันรู้สึกได้ ดูสิ” ฉันหยิบถุงมือกันร้อนมาใส่ทั้งสองข้างและดึงถาดพิซซ่าออกมาจากเตา วางบนเคาน์เตอร์ครัว สูดกลิ่นหอมจนฉ่ำปอด “เราโทรเรียกหว่องดีไหมคะ จะได้กินด้วยกันไง แล้วก็สไปเดอร์แมนด้วย หมอนั่นกินจุ ฉันอาจต้องทำอะไรเพิ่มอีกสักอย่างสองอย่าง เรียกมาดีกว่า จะได้สนุก” ฉันถอดถุงมือออกอย่างรวดเร็ว หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าด้านหน้าผ้ากันเปื้อน กำลังกดหาเบอร์ของสไปเดอร์แมน แต่แล้วมือที่ใหญ่กว่า และนิ้วที่ยาวกว่าก็คว้าหมับ หยิบโทรศัพท์ไปจากมือฉัน
“ไม่ต้องเรียก” ด็อกเตอร์บอก เสียงเรียบ
“ทำไมล่ะ”
ฉันร้องเหมือนเด็กถูกขัดใจ
“ผมอยากอยู่เงียบๆในวันหยุด”
ด็อกเตอร์บอกเหตุผล ไม่เข้าท่าเลย วันหยุดก็ต้องเฮฮาสิถึงจะถูกต้อง “เอาน่า
อาร์เจนต์ กินเสร็จแล้ว ไปเดินเล่นข้างนอกกันไหม ผมต้องมีชุดใส่ไปงานแต่ง
คุณก็เหมือนกัน”
“ฉันไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย”
อารมณ์เสียแล้ว ฉันอยากให้สไปเดอร์แมนได้กินพิซซ่าของฉันนี่ น้ำพันซ์ด้วย
ชอคบอลนี่อีก มีแต่ด็อกเตอร์กินอาหารที่ฉันทำอยู่คนเดียว
แถมไม่ค่อยจะชมให้ฟังด้วยว่าทำอร่อย กินเสร็จแล้วก็จบ ล้างจานก็ไม่เคยล้าง จะว่าไป
ฉันชักจะเหมือนแม่บ้านเข้าไปทุกทีแล้วนะ
“ผมจะพาไปชอปปิ้งที่ปารีสนะ”
เขาชำเลืองมอง ริมฝีปากเหมือนจะกระตุกยิ้มนิดๆ ไม่ตกหลุมพรางง่ายๆหรอก
ปารีสจะไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ “ไม่อยากขึ้นหอไอเฟล หรือไปพิพิธภัณฑ์ลูฟร์หรอ”
ตารางทัวร์คนแก่หรือไง ไม่ไปหรอก “แล้วก็กินกลางวันที่โรม เดินเล่นโคลอสเซียม
หรือจะไปกินกลางวันที่อียิปต์ยังได้เลย แน่ใจนะว่าไม่อยากไป” ไม่ไป ยังไงก็ไม่ไป
“ไปพิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อค โฮล์มสช่วงบ่าย หรือไปบ้านเกิดเชคสเปียร์ที่สแตรทฟอร์ด
อะพอน เอวอน” หูฉันชักเริ่มผึ่ง โฮล์มส์กับเชคสเปียร์เป็นจุดอ่อนข้อใหญ่ แต่ไม่ล่ะ
ไม่ไปหรอก ไม่ ฉันกัดฟันกรอดๆ “ไม่ไป ก็เฝ้าบ้านละกัน บัดดี้”
เดี๋ยว
นั่นมันชื่อหมาในภาพยนตร์แอร์บัดปีเก้าเจ็ด
“ฉันไปก็ได้!!”
ฉันโพล่งออกมาในที่สุด ด็อกเตอร์ยิ้มอย่างพอใจที่เอาชนะฉันได้
“ดีมาก บัดดี้”
มือใหญ่ขยี้ผมฉันแรงๆ เหมือนลูบหัวสุนัข
อะไรของเขาเนี่ย ชักจะโมโหแล้วนะ เอาแต่ใจเกินไปแล้ว จะเรียกเพื่อนมากินด้วยก็ไม่ได้ อยากใช้เวลาวันว่างแบบนี้นอนสบายๆ ทำอาหาร หรืออ่านหนังสือเล่นๆสักหน่อย ดันต้องออกไปตะลอนเลือกเสื้อผ้าอีก ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปงานแต่งของริชาร์ดกับสตอร์มนะ เพียงแต่ว่าฉันไม่รู้จักใครเลย เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ฉันไม่ชอบไปงานแบบถูกพ่วงเอาไปด้วย เพราะสุดท้ายจะถูกทิ้งให้ยืนหง่าวอยู่คนเดียว แล้วไปงานเลี้ยงกับด็อกเตอร์ไม่เห็นจะน่าสนุกเลย สู้หาเรื่องแปลกๆมาให้ฉันขบคิดเล่นจะดีซะกว่า
เมื่อจัดการพิซซ่า
น้ำพันซ์ และชอคบอลกันคนละนิดละหน่อยแล้ว ฉันก็แยกออกมาแต่งตัว
ไม่รู้ว่าอากาศปารีสจะเป็นอย่างไร แต่เพื่อความปลอดภัย ใส่เสื้อหนาแขนยาวไว้ก่อน
พร้อมกับผ้าพันคอไหมพรมถักสีชมพูเข้ม พกเสื้อสเวตเตอร์ไปด้วยอีกตัวน่าจะดี
ฉันเอามาพับใส่กระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ นี่ล่ะคือถุงชอปปิ้งของฉัน
ไม่ต้องขอถุงของร้าน พับๆใส่กระเป๋ามาได้เลย
ฉันออกมารอด็อกเตอร์ที่บันไดด้านล่าง
ยืนกอดอก นี่ถ้ากระดิกนิ้วเท้าได้ ทำไปแล้ว แต่เผอิญใส่รองเท้าหุ้มหมด
ไม่ใช่รองเท้าแตะแบบใส่ในบ้านอย่างทุกที คุณชายท่านแต่งตัวนานกว่าผู้หญิงอีกค่ะ
ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าก็เลยเงยหน้าขึ้นมอง ทำไมมีความรู้สึกแปลกๆเหมือนตัวเองเป็นเจ้าชายรอเจ้าหญิง
ฉันกระพริบตาไล่ความคิดไร้สาระออกไป แล้วก็อดสำรวจไม่ได้ตามนิสัยเฉพาะตัว
เขาเป็นคนตัวสูงและผอม กระนั้นก็ไม่ได้ดูแห้งแล้งหรือทำให้ดูดีน้อยลง
มันกลับเหมาะกับเขาอย่างมากเสียอีก เส้นผมสีดำสนิทของเขาหยักศกน้อยๆและวันนี้ก็ไม่ได้รวบเสยไปด้านหลังทั้งหมดอย่างทุกที
ใช่ เขาดูดี หล่ออย่างร้าย แต่ติดปัญหานิดเดียว ชอบไว้หนวดเหมือนคุณลุง
และกวนประสาท
เขาพาฉันไปปารีสจริงๆอย่างที่บอกไว้เลย ภารกิจแรกคือเลือกซื้อทักซิโดสำหรับใส่ในงานแต่ง สำหรับฉัน เสื้อผ้าผู้ชายก็ดูเหมือนๆกันไปหมดนั่นแหละ ฉันก็เห็นพวกผู้ชายใส่สีดำกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะใส่แล้วดูดีสุด เซฟสุด ไม่ฉูดฉาด สุภาพเรียบร้อย ใส่ได้ทุกงาน ฉันจำได้ว่าฉันเห็นชุดออกงานแบบนี้อยู่ในตู้เสื้อผ้าเขาอยู่แล้ว จะซื้อใหม่เพิ่มทำไมก็ไม่รู้ แล้วอย่างเขา เสกเอาไม่ได้หรือไง เป็นจอมเวทนี่น่า มาเดินเลือกซื้อ ยุ่งยาก ฉันนั่งเท้าคางมองเขาเลือกเสื้อเชิ้ต มันก็สีขาวเหมือนๆกันหมด ทำไมต้องวุ่นวายด้วยนะ หยิบตัวไหนมาก็เหมือนกัน ไม่เข้าใจเลยแฮะ
“คุณผู้ชายลองถามความเห็นภรรยาดูสิคะว่าสีไหนดี”
พนักงานสาวบอกกับด็อกเตอร์
“ฉันเป็นเพื่อนค่ะ
ไม่ใช่ภรรยา” ฉันบอกด้วยเสียงดังลั่นร้าน พนักงานหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เฮ้อ ฉันเบื่อง่า
โทรศัพท์อยู่ไหนนะ ฉันเริ่มรื้อในกระเป๋า คุ้ยๆ เอ๋ โทรศัพท์ไปไหน ลืมไว้บ้านเรอะ?
ไม่นะ ฉันรอดจากความน่าเบื่อสุดกู่นี้ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีโทรศัพท์ อ้อ นึกได้ละ
ด็อกเตอร์เอาไปแล้วยังไม่ได้คืน มันอาจจะวางอยู่ในครัว
“คุณว่าเป็นยังไงบ้าง”
ด็อกเตอร์ถามขึ้น เดินก้าวออกจากห้องลองเสื้อในชุดทักซิโดเต็มยศ
“ดิฉันจัดหูกระต่ายให้นะคะ”
พนักงานเตรียมจะปาดเข้าไป แก้มของเธอเป็นสีชมพูน้อยๆอย่างเขินอาย แต่ฉันไวกว่า
กระโดดลุกจากเก้าอี้ ทำเป็นเดินไปแล้วจับด็อกเตอร์หมุนๆ
“ดูดีแล้ว จ่ายเงินเลยไหม” ฉันเร่ง ชักจะตะหงิดกับสายตาของพนักงานสาวที่มองด็อกเตอร์เสียหวานเยิ้มทันทีที่รู้ว่าด็อกเตอร์ยังโสด และฉันเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
ต่อไป
เป็นทีของฉันบ้างล่ะ ฉันจะเลือกเสื้อผ้าให้นานๆเลย ยังไงเสื้อผ้าผู้หญิงมันก็ยุ่งยากกว่าตั้งเยอะ
ฉันเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ โดยมีด็อกเตอร์เดินตามเหมือนสุนัขบ้างแล้ว
แต่ฉันก็มาหยุดอยู่ที่ร้านหนึ่ง เพราะเห็นเดรสสีแดงบาดตาน่าสนใจ
ฉันคว้ามือด็อกเตอร์แล้วลากให้เดินตามเข้าร้าน
บอกพนักงานว่าจะขอลองเดรสสีแดงตัวนั้นทันที
“ไปงานแต่ง
ไม่ใช่ปาร์ตี้กลางคืน” ด็อกเตอร์เตือนสติ
“สวยจะตายไป”
ฉันบอก ยืนส่องอยู่หน้ากระจก หันซ้ายหันขวา ฉันดูเซ็กซี่ร้อนแรง สวยบาดใจสุดๆ
ฉันหันหลังกลับไปหาด็อกเตอร์ แต่เขาเหมือนจะมองอย่างไม่ค่อยพอใจ ไม่ถูกใจ
หรือหงุดหงิดยังไงไม่รู้
“ลองสีขาวตัวนั้น” ด็อกเตอร์สั่ง เดินไปหยิบเดรสสีขาวออกจากราวแขวน และยื่นมาให้
“ด็อกเตอร์” ฉันทำเสียงยานคาง “ฉันไปเป็นแขกร่วมงาน ไม่ใช่เจ้าสาว”
“ไปลอง”
ทำไมวันนี้เขาจู้จี้จุกจิกกับฉันจังเลย
ริชาร์ดกับสตอร์มเป็นแฟนทาสทิกโฟร์นะ ไม่ใช่พระราชาพระราชินี ถึงอย่างนั้น
ฉันก็ลองใส่เดรสสีขาวออกมาส่องกระจกดู โอ้โห ไม่เลวแฮะ ฉันตะลึงมองตัวเองตาค้าง
สวยอย่างกับนางฟ้าเลยแหละ ไม่อยากจะคุย เดรสสีขาวเข้ารูปรับกับทุกสัดส่วนเหมาะเจาะ
ฉันมองผมสีน้ำตาลของตัวเองที่หยักเป็นลอนทิ้งตัวลงมาทั้งสองข้าง
ดูเข้ากับชุดราวจับวาง วันงาน ไม่ต้องเสียเวลาทำผมเลย
ปล่อยสยายนี่แหละเข้ากันที่สุด ถ้าได้รองเท้าที่สีตัดเสียหน่อย
กับเครื่องประดับเล็กๆ จะดูหรูโดยไม่ต้องพยายามเลย
ด็อกเตอร์กดมือหนักๆลงมาบนบ่าฉัน
“จ่ายเงินเลยไหม?” จ่ายสิคะ จ่ายเลย จ่ายทันที วันนี้ช่างแฮปปี้มีสุขอะไรเช่นนี้หนอ
ฉันว่าฉันยิ้มได้ทั้งวันเลยล่ะ ต่อจากนั้นก็ไปเลือกรองเท้า
“เลือกเร็วๆ ผมหิวแล้ว” ด็อกเตอร์สั่ง พลางมองนาฬิกาข้อมือ
“เร็วๆหรือคะ?” ฉันร้องอุทานเหมือนสิ่งที่เขาพูดนั้นหยาบคายมาก “คุณบอกให้ผู้หญิงเลือกรองเท้าเร็วๆงั้นหรอ อืม ใช้ไม่ได้ๆ ด็อกเตอร์” ฉันส่ายหน้า ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “คุณรู้ไหมว่ามันคือศิลปะชั้นสูงขนาดไหน ก็เหมือนเวทมนตร์นั่นแหละ คุณเรียนเวทมนตร์ได้ในห้านาทีเรอะ ไม่! คุณเรียนอนาโตมีมนุษย์ได้ภายในสิบนาทีหรือ ก็เปล่า รองเท้าเป็นศาสตร์ชั้นสูงค่ะ ด็อกเตอร์ ถ้าเลือกได้ถูก มันจะเพื่อนคู่ใจของเรา” ฉันตรงรี่เข้าไปหยิบรองเท้ามาคู่หนึ่ง “ดูอย่างคู่นี้ พิเศษยังไงรู้ไหมคะ ดูหนังของมันสิ นี่เป็นหนังแกะแท้ ใส่แล้วนุ่มสบาย” ฉันทรุดตัวลงนั่ง ถอดรองเท้าของเดิมออกและใส่ดู “อา ช่างสุดพิเศษอะไรเช่นนี้ ฉันรู้สึกได้ถึงทุ่งหญ้าและฝูงแกะ แต่มันใส่สบายเกินไป และสีอ่อนไปด้วย ใส่กับชุดที่ซื้อมาแล้วดับ” ฉันหยิบไปคืนที่ แล้วก็หยิบมาอีกคู่ “นี่ ด็อกเตอร์ คู่นี้ใช่เลยอ่ะ ได้อารมณ์เหมือนสาวชั้นสูงหัวดื้อ ฉันเป็นดัชเชสผู้สูงส่ง แต่ส้นสูงไปค่ะ ไม่เหมาะกับพื้นลื่นๆในโบสถ์” ฉันหยิบออกมาอีก “โอ๊ย สวย ถูกใจใช่เลย รู้สึกเหมือนตกหลุมรักครั้งแรกวัยสิบสี่...”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ด็อกเตอร์หัวเราะเสียงดัง ทุกทีเขาจะแค่ยิ้มเล็กน้อย หัวเราะหึๆอย่างไว้ตัว หรือไม่ก็หัวเราะแต่ถากถางด้วยสายตา ฉันเพิ่งเห็นเขาขำของจริงก็คราวนี้ และเพราะว่าเขาขำ ฉันก็พลอยขำตามไปด้วย
“ไปกินกลางวันที่ไหนดีคะ”
ฉันเงยหน้าถาม ในมือแกว่งถุงรองเท้าไปมา
“มีร้านอยู่ตรงหัวมุมข้างหน้า
ผมเคยกินตอนมาปารีสคราวก่อน” ด็อกเตอร์ตอบ ฉันพยักหน้าและเร่งฝีเท้าเดินไปข้างๆ
เขาหันมามองแล้วสักพักหนึ่งก็เอื้อมมือมาจับมือฉัน จับมือ เดินไปพร้อมกันบนถนนในเมืองโรแมนติกอย่างปารีส
แถมวันนี้ทั้งวันยังใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เอ่อ มัน ยังไงดีล่ะ จะพูดว่ายังไง
จะเรียกแบบนี้ว่ายังไง ฉันก้มลงมองมือของตัวเองอย่างสับสน แต่ก็ไม่อยากสะบัดออก
หน้าคู่หมั้นก็ลอยเข้ามา อดีตคู่หมั้น เขาให้ฉันถอดแหวนคืนไปแล้ว
และตัดสัมพันธ์ก่อนจะไล่ฉันออกมา แต่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ฉันคิดว่าฉันยังรักเขาอยู่ แล้วตอนนี้ฉันกับด็อกเตอร์ก็กำลังเดินจับมือ
ชอปปิ้ง กำลังไปกินกลางวัน
จะเรียกว่ายังไงดี?
ผู้หญิงคนนั้นล่ะ? คริสทีน เจ้าของนาฬิกาที่ด็อกเตอร์ยังเก็บไว้อย่างทะนุถนอม ไม่ชอบใจที่ฉันเข้าไปเห็น ไม่พอใจที่ฉันเข้าไปแตะต้อง ผู้หญิงคนนั้นมีอิทธิพลต่อเขา ฉันรู้สึกได้ แต่เขาก็มาจับมือฉันแบบนี้ แล้วจะให้ฉันคิดยังไง ฉันไม่ชอบอะไรที่มันไม่ชัดเจน ฉันหยุดเดิน ดึงมือตัวเองกลับมาช้าๆ เขาหยุดเดิน หันมาหาฉัน
“เป็นอะไร?”
“ด็อกเตอร์คะ” ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเร็วมาก เร็วเสียจนฉันกลัวว่ามันจะเจ็บ เขามองฉันนิ่ง รอให้พูดต่อ ไม่เร่งเร้า หยุดยืนรอใจเย็นอย่างที่เขาเป็นมาตลอด “ฉัน...” ให้ตายสิ ไอลีนไม่เคยกลัวอะไรนี่น่า “ฉันอยากจะถามว่า...”
“สเตรนจ์”
เสียงเรียกอย่างหาเรื่องแบบนั้นทำให้โอกาสของฉันหลุดลอย ด็อกเตอร์มองหาต้นเสียงและหยุดสายตาที่ฝั่งตรงข้ามถนน ชายผิวสีเข้มยืนอยู่ตรงนั้น สวมเสื้อผ้าที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแบบเดียวกับด็อกเตอร์ ผู้ใช้เวทมนตร์ ฉันไม่เคยเจอเขามาก่อน แต่ดูจากลักษณะ ไม่น่าจะมาดี
“มอร์โด”
ฉันได้ยินเสียงด็อกเตอร์กระซิบ
คิ้วทั้งสองข้างของเขาขยับชนกัน นัยน์ตาสีเทาเครียดขึง
Writer's talk
ต้นแบบของตัวละคร "ไอลีน" ฉันได้มาจาก มีอา จาก Princess Diary , บริดเจ็ท โจนส์ จาก Bridget Jones Diary , รีเบคคา บลูมวูด จาก A Confession of a shopaholic , ลูน่า เลิฟกู้ด จาก Harry Potter , และ ท้ายสุด ต้องคนนี้เลย ล้มวงการนางเอกไทย "อลิน ทิพยดา" จาก สูตรเสน่หา เป็นละครเรื่องเดียวที่ฉันดูหลายรอบมากค่ะ ดูเพราะนางเอกคนเดียวเลย
โอ้ เกือบลืมมมมมม พรุ่งนี้ งดอัพ นะคะ
ความคิดเห็น