คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Moomin
Northern Lights
Chapter 6 : Moomin
ห้องแชทพี่น้องสการ์สการ์ดมีข้อความเป็นร้อย
เมื่อบิลตื่นขึ้นมาดูในเช้าวันต่อมา เขายังงัวเงียเล็กน้อย ภาพฝันเมื่อคืนยังตามรบกวน
เขาฝันว่าอยู่กองถ่าย กลับเข้าฉากในคุกชอว์แชงค์ เป็นการทำงานที่ยาวนานจนเขาเป็นส่วนหนึ่งของตัวละครจริงๆ
เขากลายเป็นเดอะคิดผู้มาจากอีกมิติ บิลถือโทรศัพท์ในมือข้างหนึ่ง ขณะกำลังแปรงฟัน
ยืนหน้ากระจกห้องน้ำ ไล่อ่านข้อความย้อนอย่างคร่าวๆ
ส่วนใหญ่ตื่นเต้นที่เขาชวนไปเที่ยวไกลขนาดนั้น แซมบอกว่าเขาเคยคิดจะไปสมัครงานอาสาแถวพม่า
แต่ดันสอบติดมหาวิทยาลัยได้เสียก่อน จึงพับโปรเจกต์
ไอยาแสดงความสงสัยว่าทำไมบิลชวนไปประเทศเขตโซนร้อนชื้น
เพราะเขาไม่เคยมีท่าทีอยากไปมาก่อน วอลเตอร์อยากไปมากและส่งราคาตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักมาให้ดูประมาณสิบรายการ
กุสตาฟบอกว่าหนุ่มโสดอย่างพวกเขาควรไปเที่ยวพัทยามากกว่า สาวไทยที่งามล้ำเกินใครล้วนรวมตัวอยู่พัทยา
ไอยาเตะกุสตาฟออกจากกลุ่มทันที ลำบากวอลเตอร์ต้องลากพี่ชายกลับมาใหม่
อเล็กซานเดอร์เข้ามาร่วมผสมโรงเป็นคนสุดท้าย แถมทำตัวเหมือนเชอร์ล็อค โฮล์มส์
ช่างอนุมาน
“พี่ว่ามันยังไงๆแล้วนะ”
อเล็กซานเดอร์พิมพ์ไว้อย่างนั้น “คราวก่อนก็อยากไปงานศิลปะร่วมสมัยระหว่างประเทศ
เพราะจิตรกรชาวไทยคนหนึ่ง พอพี่ถามว่าถามทำไม ก็งอแงว่าทำไมจะต้องถามด้วยว่าถามทำไม
พอพี่ถ่ายรูปเซลฟี่มาให้ดูครบทุกคน ก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นคนไหน พี่เฟซไทม์ไปหา
จะแนะนำให้รู้จักกับช่างแต่งหน้าที่พี่ร่วมงานด้วยตอนนี้ ก็ไม่สนใจ
ส่งรูปให้ดูแล้วก็ยังไม่สน ผมไม่อยากเดท ผมอยากตั้งใจทำงาน มาตอนนี้อยากไปเที่ยวประเทศไทยช่วงคริสมาสต์
บิลลี่ บอกความจริงพวกเรามาเถอะ นายกำลังสนใจใครสักคนอยู่ใช่ไหม?”
เชื่อได้เลย อเล็กซานเดอร์ไม่คุยวุ่นวายกับทุกคนด้านบน
เพราะมัวแต่พิมพ์ข้อความยาวเหยียดนี้อยู่ ตั้งใจว่าข้อความเดียวจบทุกกระบวนความ ต่อจากนั้น
บรรดาพี่น้องของบิลพากันส่งอิโมจิรูปดวงตา อยากรู้อยากเห็นกันทั้งนั้น
แม้แต่คนปกติที่สุดในบ้านอย่างพี่แซม ก็ส่งอิโมจิด้วยแล้ว
ให้ตายสิ
บิลบ้วนยาสีฟันและล้างด้วยน้ำเปล่าให้เรียบร้อย
เมื่อคืนทำอะไรลงไปไม่ทันไตร่ตรองให้ดีก่อน นี่มันงี่เง่าเป็นบ้า เขาจะนั่งเครื่องบินไปไกลครึ่งโลก
เพราะผู้หญิงที่ยังไม่เคยคุยด้วยสักคำ ถ้าไม่โง่ก็บ้าไปแล้ว
บิลผ่อนลมหายใจออกจากปากเสียงดังพรืด กดนิ้วลงบนแป้นพิมพ์หน้าจอโทรศัพท์
“เมื่อคืนไปดื่มกับทีมงาน
มีช่างกล้องคนหนึ่งเคยไปเที่ยวเชียงใหม่ โม้ว่าสวยมากเด็ดมาก ผมกำลังเมาก็เลยชวนไปอย่างนั้น
ไม่ได้อยากไปหรอก พวกพี่ก็รู้ เวลาผมเมา ทำอะไรตลกทุกที เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จบนะ
โอเคไหม” บิลอ่านทวน พยายามไม่ให้ดูงี่เง่า
ใช้ข้ออ้างว่าเมาดูน่าเชื่อในระดับหนึ่ง เรื่องที่ว่าเขาเมาแล้วทำเรื่องตลกทุกทีนั้น
เป็นความจริง บิลจึงไม่เคยดื่มจนตัวเองเมาถ้าอยู่นอกบ้าน
เขากำลังชั่งใจว่าจะเข้าไปดูทวิตเตอร์ดีไหม
แต่สุดท้ายกดออก ปิดหน้าจอและวางทิ้งไว้ตรงอ่างล้างมือ
ไม่เข้าใจตัวเองสักนิดว่ากำลังทำอะไรอยู่ มีคนทิ้งความเห็นไว้ให้โมเนต์เยอะแยะไป
นั่นก็แค่อีกความเห็นหนึ่ง ไม่ได้สลักสำคัญ
ทำไมเขาจะต้องหงุดหงิดกับคำชมที่คนหนึ่งมอบให้อีกคนด้วย มีคนชมเธอเพิ่มก็ดีแล้ว
เธอน่ารักจริงๆนี่ ใช่ น่ารัก แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตของเขา
ทำไมเขาต้องนั่งเครื่องบินนานกว่าสิบสองชั่วโมง
เพื่อไปตามหาผู้หญิงในอินเตอร์เน็ตด้วย เขาคือบิล สการ์สการ์ดนะ
ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นอายุสิบห้า บิลเปลี่ยนเสื้อ หวีผมให้เรียบร้อยเข้าทรง
และออกจากห้องน้ำ มีเสียงดังจากโทรศัพท์ของเขา ข้อความจากจาเร็ด ซีเลอร์ ผู้จัดการ
แจ้งว่าจะมาพบเขาที่กองถ่ายอาทิตย์หน้า น่าจะเป็นการเยี่ยมเยียนดูแลตามมารยาท
ถามสารทุกข์สุกดิบ ดูว่าบิลขาดเหลือสิ่งใดหรือไม่
พูดคุยกับโปรดิวเซอร์ที่ดูแลซีรีส์ และคงชวนเขาไปกินมื้อค่ำด้วยกัน บิลตอบข้อความกลับไปว่าเขาโอเค
รับรู้แล้ว
เดือนพฤศจิกายน
อุณหภูมิในเมืองออเรนจ์ แมสซาซูเซตลดต่ำลงไปมาก
บรรยากาศในเมืองคึกคักมากขึ้นเพราะวันขอบคุณพระเจ้าใกล้มาถึงแล้ว
บิลมองนอกหน้าต่างรถยนต์ ขณะคนขับรถของกองถ่ายพาเขาออกจากโรงแรมไปบนถนนในเมือง วันนี้มีแดด
เจิดจ้ากำลังดี บิลได้ยินว่ากองถ่ายกำลังรอวันที่แสงจ้าแบบนี้
เพื่อถ่ายฉากเดอะคิดพบกับเฮนรี่ ดีเวอร์ ทนายความตัวเอกของเรื่องเป็นครั้งแรก
เมื่อบิลไปถึงกองถ่าย สิ่งแรกที่ต้องทำคือพบช่างแต่งหน้าและฝ่ายคอสตูม
เขาใช้เวลากับการแต่งตัวเข้าฉากน้อยกว่าตอนรับบทเป็นตัวตลกเยอะมาก
ตอนถ่ายทำเรื่องนั้น ทุกวันบิลต้องตื่นเช้ามานั่งหน้ากระจกเป็นเวลาสองชั่วโมงครึ่ง
เพื่อแปะซิลิโคนลงบนศีรษะ ทาแป้งขาวทั่วทั้งหน้า เสื้อผ้าตัวตลกก็ยุ่งเหยิง
ใส่ยากพอกัน กว่าจะติดวิกผมสีส้มลงไปอีก หลังจากถ่ายทำซีรีส์จบ เขาต้องกลับไปรับบทเพนนีไวส์อีกรอบเป็นเวลาสี่หรือห้าเดือน
ฝ่ายเมคอัพแต่งใต้ตาให้เขาเหมือนคนอดนอน
บวกกับรูปร่างที่ตอนนี้ผอมซูบเซียว
เขาเหมือนคนติดยาที่บังเอิญรับบทเป็นปีศาจประจำเมือง
พวกเขาตัดสินใจถ่ายฉากนอกอาคารคุกชอว์แชงค์ก่อน โจเอล
ฟิชเชอร์รับบทตำรวจเดนนิสผู้ใจดี แต่ดันใจดีกับคนที่ไม่คู่ควร ไม่ได้รู้เลยว่าคนที่เขาช่วยเหลือ
เป็นบุคคลที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ควรจะจับขังไว้ใต้ดินตามเดิม
ในฉากนี้โจเอลต้องผลักบิลออกประตูไปด้านนอก เพื่อให้ทนายความเฮนรี่
ดีเวอร์เห็นตัวเดอะคิด และเสนอว่าจะเป็นทนายว่าความ ช่วยให้ออกจากคุก
บิลไม่มีบทพูดสักคำในฉากนี้ ถือว่าการแสดงซีรีส์ที่มีบทพูดน้อยที่สุดแล้ว
ทั้งหมดต้องแสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทางเพียงอย่างเดียว พวกเขาใช้หลายเทคพอสมควร
เพราะเปลี่ยนมุมกล้อง แต่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่ง
ผู้กำกับสั่งคัตและให้นักแสดงพักได้ เพื่อเตรียมฉากต่อไป
คราวนี้จะไปถ่ายทำด้านในคุก พวกเขามีการแบ่งเป็นสองกองย่อย
กองแรกจะไปเก็บฉากที่บ้านเฮนรี่ ดีเวอร์ ส่วนอีกกองถ่ายฉากของบิลกับโจเอล
โจเอลอายุมากกว่าบิลหกปี
เขาเคยร่วมงานภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้ให้เสียงในแอนิเมชันกับวีดีโอเกมมาแล้ว บิลคุยกับรุ่นพี่คนนี้ถูกคอ
ตัวเขาเองก็เคยพากย์เสียงในการ์ตูนมูมิน ทั้งคู่จึงคุยกันเรื่องพากย์เสียงเป็นบางครั้ง
อีกฝ่ายมีประสบการณ์มากกว่า และต้อง
โจเอลมักได้รับบทเล็กๆในภาพยนตร์หรือซีรีส์เสมอ แต่เขาไม่เคยแสดงท่าทีน้อยอกน้อยใจให้เห็น
เขาเคยบอกว่ารับบทเล็กแบบนี้ จะทำให้เขามีงานให้ทำตลอด ไม่เคยขาด มีรายได้สม่ำเสมอ
บิลชอบโจเอล ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทะเยอทะยาน แต่เขาดูพอใจกับสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้
บิลชอบแนวคิดแบบนั้น
ช่วงบ่าย บิลมีเข้าฉากกับนักแสดงประกอบอีกคนด้วย
รับบทเป็นนักโทษ ต้องอยู่ร่วมห้องกับเดอะคิดหนึ่งคืน
และเช้าวันต่อมาก็ตายคาห้องทันทีด้วยโรคมะเร็งอย่างไม่มีที่มาที่ไป
สร้างความประหลาดใจให้แพทย์และผู้ดูแล บิลดีใจที่เขามีบทพูดตั้งหนึ่งประโยค
แต่ฉากต่อๆมา ก็ไม่มีบทพูดอีกแล้ว มีแค่โจเอลที่ได้พูดและวิ่งไปวิ่งมา
น่าสนุกกว่าเยอะ
วันนี้บิลได้รับอนุญาตให้กลับโรงแรมได้ตั้งแต่สี่โมงครึ่ง
เพราะกองจะยกไปถ่ายฉากกลางคืนริมป่า เขาวางแผนว่าจะไปยิมสักหน่อย
แต่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุด เสียงแจ้งเตือนดังมาจากโทรศัพท์ สเตลแลนเฟซไทม์มาหาเขา
บิลกดรับทันทีและยิ้มทักทายพ่อเป็นอย่างแรก พ่อของเขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง เมแกน
ภรรยาคนใหม่ก็อยู่ด้วย ทั้งคู่โบกมือให้เขา
“ยังไม่นอนกันหรือครับ
ที่นั่นสี่ทุ่มครึ่งแล้ว” บิลถาม
“เพิ่งจะพาเด็กๆเข้านอนสำเร็จจ้ะ” เมแกนเป็นคนตอบ
ท่าทางเหนื่อยทีเดียว
“น้องๆของลูก
ซนเหมือนพวกลูกตอนเด็กไม่มีผิด นี่รบเร้าจะดูหนังเรื่องอิทให้ได้ ให้ตายสิ” สเตลแลนบ่น
บิลหัวเราะขำ “อย่าเพิ่งให้น้องดูเด็ดขาดเลย”
บิลไม่เคยเจอภาพยนตร์เรื่องใดจะมีคำสบถหยาบคายจากปากเด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองได้มากเท่าเรื่องนั้น
ไม่นับฉากน่ากลัวทั้งหลาย เช่น เพนนีไวส์กัดแขนจอร์จี้ขาดและลากลงท่อ
“ไม่มีทาง” สเตลแลนส่ายหน้า “จำตอนอเล็กซานเดอร์ให้ลูกดูจูราสสิคปาร์คได้หรือเปล่า”
“ผมฝันว่าไดโนเสาร์อยู่ที่หน้าต่างห้องนอน
ครับ จำได้แม่น” บิลหัวเราะ
“พ่อไม่อยากมีลูกชายกลัวตัวตลก
โดยที่พี่ชายของเขาเล่นเป็นตัวตลก” สเตลแลนบอก แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดในประโยคต่อมา “อเล็กซานเดอร์โทรหาพ่อวันนี้
เขาบอกว่าแกอยากไปเที่ยวเชียง... อะไรนะ?”
“เชียงใหม่ค่ะ” เมแกนช่วยบอก
บิลถอนหายใจ อเล็กซานเดอร์
สการ์สการ์ด นายว่างมากนักหรือ? “พ่อไม่ต้องไปสนใจ ผมไม่ได้จริงจัง”
“ไม่จริงจังอะไร
อเล็กซานเดอร์บอกแกพิมพ์ตอนเมา” สเตลแลนหรี่ตามอง ราวกับรู้ทันทุกอย่าง “ถ้าอยากไปเที่ยวที่นั่น
ก็ไปสิ ไม่ต้องห่วงว่าพ่อจะเหงาช่วงคริสมาสต์หรอก ไม่ต้องห่วงแม่ของแกด้วย กุสตาฟ
แซม กับไอยาจะแวะไปหาอยู่แล้ว ส่วนลูก อเล็กซานเดอร์
กับวอลเตอร์ไปเที่ยวให้สนุกเถอะ พ่อออกค่าตั๋วให้เอง ถือเป็นของขวัญคริสมาสต์ ทำงานเหนื่อยทั้งปีแล้ว
ให้รางวัลตัวเองบ้าง”
“ไปเที่ยวเถอะจ้ะ
ไม่ต้องห่วงงานเลี้ยงคริสมาสต์ทางนี้เลย” เมแกนบอกอย่างใจดี
“แค่ซื้อของจากประเทศไทยมาฝากพ่อบ้างก็พอ”
สเตลแลนยิ้ม “พ่อจะไปนอนแล้ว แค่นี้นะ บิล”
บิลอ้าปากเรียก แต่ไม่ทันการ
พ่อของเขายกนิ้วขึ้นกดที่หน้าจอเพื่อวางสาย เอาแต่ใจตัวเองกันทั้งบ้าน
ถ้าพ่อพูดขนาดนั้น เอาจริงแน่นอน
เผลอๆอาจจะให้วอลเตอร์จองตั๋วเครื่องบินไปแล้วด้วย บิลอยากจะบ้าตาย
ทีหลังเขาจะรอบคอบกว่านี้ ก่อนพิมพ์อะไรลงไปในห้องแชทพี่น้อง เมื่อคืนจิตใจว้าวุ่นเกินเหตุ
ทำอะไรไม่คิดหน้าหลัง แม้จะแอบดีใจที่จะได้ไปแน่ๆ แต่เขานึกออกว่าอเล็กซานเดอร์กับวอลเตอร์ต้องตามเขาทุกฝีก้าวเมื่อไปถึงเชียงใหม่
บิลยังไม่อยากให้พวกนั้นรู้เรื่องโมเนต์เลย เพราะมันแทบไม่มีอะไรให้รู้
ไม่มีอะไรคืบหน้า แต่เขาอาจจะไม่ได้เจอเธอก็ได้ ไม่รู้ว่าแผนการท่องเที่ยวของเธอจะไปที่ใดบ้าง
เชียงใหม่ไม่ได้มีขนาดเท่าห้างสรรพสินค้า แต่ถึงมีขนาดเท่านั้นจริง เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะหาเธอเจอท่ามกลางผู้คนมากมาย
นี่เขาเป็นบ้าอะไร ทำตัวเหมือนสตลอกเกอร์
เย็นนี้ บิลใช้เวลาในยิมนานกว่าปกติเป็นเท่าตัว
เขาเหงื่อโชกไปทั้งร่าง และกลับห้องตอนเกือบสองทุ่มเข้าไปแล้ว สั่งอาหารเย็นง่ายๆของโรงแรมขึ้นมากินตามเคย
หลังอาบน้ำอุ่นและสวมชุดนอนเรียบร้อย เขานั่งที่โซฟาในห้อง
ความสงสัยพลันกลับเข้ามา อยากรู้ว่าเธอตอบข้อความของนายมิวสิคไหม
บิลกดเข้าทวิตเตอร์ ทันทีที่พิมพ์ตัวอักษร M ชื่อของเธอปรากฏเป็นอันดับแรก การเคลื่อนไหวล่าสุดคือเธอทวิตคลิปจากยูทูปที่ชื่อ
Behind the scenes Moomins and
the Winter Wonderland บิลกระพริบตา
กวาดมองข้อความภาษาไทย กับตัวอิโมจิ >///<
เขากดแปลอย่างไม่รีรอ
เพิ่งรู้ว่าบิล
สการ์สการ์ดพากย์มูมินด้วย เสียงตะมุตะมิน่ารักจังเลย >///< มีใครรู้บ้างคะว่าจะหาการ์ตูนดูเต็มๆได้ที่ไหน
(แบบถูกลิขสิทธิ์นะ)
บางคำที่แอพลิเคชันไม่สามารถแปลได้ จะดูตลกๆไปหน่อย
แต่บิลได้ใจความครบถ้วนแล้ว เธอชมว่าเสียงพากย์ของเขาน่ารัก บิลยิ้มออกขณะกดดูเมนชั่นด้านล่าง
เพื่อนชาวทวิตของเธอล้วนมาบอกว่าเห็นด้วย แม้กระทั่งบอกว่าต้องมองเพนนีไวส์ใหม่แล้ว
เธอตอบทุกคน มีทั้งอิโมจิหน้ายิ้ม หน้าแดง หัวเราะไปน้ำตาเล็ดไป
MusicTime
: ผมจะลองหาวิธีดูให้นะ
Monet_Manora
: ขอบคุณค่ะ
บิลชะงักหลังอ่านข้อความทั้งสองนั่น
เขาอดรนทนไม่ได้ ลองกดเข้าไปดูหน้าทวิตเตอร์ของผู้ชายอีกคน
จึงได้รู้ข้อมูลคร่าวๆว่ากำลังจะเปิดร้านกาแฟสาขาที่สอง
เจ้าตัวเขียนไว้ตรงโปรไฟล์แนะนำตัว
เมื่อเขาเลื่อนลงด้านล่างจึงได้รู้ว่านายคนนี้รู้จักโมเนต์เพราะจ้างเธอให้วาดรูปบนผนังร้าน
มีรูปภาพที่ทวิตไว้เมื่อสองวันก่อน
เป็นรูปถ่ายด้านหลังของโมเนต์กลางร้านกาแฟที่ยังตกแต่งไม่เสร็จดี เส้นผมของเธอเปียกน้ำฝนจนชุ่ม
นายมิวสิคใส่ข้อความไว้ด้วย จิตรกรฝ่าสายฝนมาดูสถานที่ ประโยคต่อจากนั้นเป็นการโฆษณาร้านสาขาสอง
โมเนต์เมนชั่นตอบใต้ภาพด้วย บอกว่าจะวาดให้สุดฝีมือ วางใจได้เลย
ถ้ามีแค่นี้ ก็ดีอยู่หรอก
แต่บิลไม่คิดว่านายมิวสิคจะคิดแค่จ้างให้วาดรูป เขาก็เคยจ้างคนมาติดวอลล์เปเปอร์ เคยจ้างมัณฑนากรออกแบบสวนที่บ้านแม่
เขาไม่เห็นต้องกดติดตามหรือตีซี้มัณฑนากรที่จ้างเสียหน่อย
บิลเคาะนิ้วที่ขอบโทรศัพท์ ครุ่นคิดและไตร่ตรองดีๆ
ไม่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่เหมือนเมื่อคืนอีก ความจริงที่เขารับรู้ตอนนี้ก็คือ
เขาติดตามเธอมาพักใหญ่ เป็นปี ไม่รู้ทำไม แต่ดูวีดีโอของเธอแล้วรู้สึกสบายใจ
ชอบความเรียบง่าย สีหน้า ท่าทาง และทัศนคติของเธอ ผู้หญิงที่เห็นแสงเหนือแล้วร้องไห้
ชอบดูภาพยนตร์ อ่านหนังสือ วาดรูป เล่นกับแมว ทำอาหารกับแม่เป็นบางครั้ง
เขายอมรับว่าชื่นชอบเธอ
แต่ไม่รู้จริงๆว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไปมากกว่านี้ไหม คนที่ไม่เคยเจอกันเลย
ไม่เคยคุยกันสักคำ นี่เขากำลังเพ้อเจ้อ ไม่สมควรกับเป็นเขาสักนิด แต่จะให้ยุติทุกอย่างลงตรงนี้
หยุดรอคอยวีดีโอใหม่ๆของเธอ หยุดตามอ่านข้อความบนทวิตเตอร์
หรือหยุดย้อนกลับไปดูวีดีโอเก่าในวันที่เขารู้สึกเหนื่อย บิลไม่อยากหยุด
ถ้าไม่อยากหยุด
ทำได้อย่างเดียวคือเดินหน้า
บิลย้อนกลับไปที่ทวิตเตอร์ของเธออีกครั้ง
จิ้มนิ้วลงบนสัญลักษณ์ซองจดหมาย หน้าจอเปลี่ยนเป็นช่องสำหรับส่งข้อความลับ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษส่งไป
“การ์ตูนเรื่องมูมินที่คุณตามหา
มีแบบถูกลิขสิทธิ์แค่บนอะเมซอน คุณต้องอยู่ในอเมริกาถึงจะซื้อหรือเช่าดูได้”
สัญลักษณ์จุดสามจุดวิ่งๆเลื่อนขึ้นบนหน้าจอ
แสดงว่าเธอออนไลน์อยู่และกำลังพิมพ์ตอบกลับมา
“ขอบคุณค่ะ เสียใจเลย
อยากฟังเสียงพากย์เต็มๆค่ะ LOL”
บิลอ่านข้อความ ริมฝีปากยกยิ้มละมุน ถ้าอยากฟังเสียง
ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
TALK
นี่ฉันลองเข้า Amazon ไปตามหามูมินเลยนะ ลองกดซื้อด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าในไทยมันไม่ได้จริงๆ (บ้าแค่ไหน ก็แค่นี้แหละ 5555+)
พี่บิลเดินหน้าแล้วนะคะ .... ในเมื่อหยุดไม่ได้ ก็มีแต่ต้องไปข้างหน้า
อย่างที่บอกในฟิคเพนนีไวส์ตอนเมื่อวาน อาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้า งานยุ่ง คิวเยอะค่ะ แงงง
พรุ่งนี้ มีไปกินเลี้ยงกับที่ทำงาน วันพฤหัส มีงานอำลาพนักงานเกษียณในที่ทำงาน วันอาทิตย์ อยู่เวรเฝ้าออฟฟิศ
สำหรับเพนนีไวส์ น่าจะได้อัพอีกทีวันศุกร์ และฟิคพี่บิลน่าจะเป็นวันเสาร์เลย
อดทนรอกันหน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น