ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Doctor Strange/OC Fic] The Strangest Case

    ลำดับตอนที่ #6 : An unexpected guest

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 59




    The Strangest Case



    Chapter 6 :  An unexpected guest



                “วันนี้ฉันจะออกไปสืบเรื่องแปลกแถวรถไฟใต้ดินนะคะ” มันเป็นประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ประโยคขออนุญาต แต่เมื่อเห็นเจ้าของบ้านเงยหน้าจากจานอาหารเช้า ฉันก็มีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกสาววัยรุ่น ที่กำลังขอคุยพ่อไปเดท “ไปกับสไปเดอร์แมนค่ะ เพราะฉะนั้น ไม่น่าจะมีอันตรายอะไร” ดวงตาสีเทาของเขาเหมือนจะเข้มขึ้นกว่าเดิม “อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ก็ได้ ฉันยังไม่รู้แน่ชัดค่ะ มีคนทิ้งข้อความไว้ในบล็อกของเรา ขอให้ช่วยตามหาคนหาย เขาขึ้นรถไฟใต้ดินแล้วก็หายไปเลย”



                “บล็อกของเรา?” ด็อกเตอร์ทวนคำ พลางรินน้ำส้มจากกล่องใส่แก้ว “เรามีบล็อกตั้งแต่เมื่อไหร่”



                “ก็... ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มทำน่ะสิคะ” ฉันบอกอย่างตื่นเต้น หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงยีน กดๆเลื่อนๆแล้วก็ส่งให้เขาดู “ถ้าคุณจะช่วยเหลือคนอื่นก็ต้องมีอะไรแบบนี้ไว้บ้าง อีกอย่างพวกเขาจะได้เป็นหูเป็นตาให้เราด้วยไง ถ้ามีเรื่องอะไรแปลกๆก็ให้แจ้งเข้ามา เราก็พิจารณาเป็นกรณีไป นอกจากนี้ ฉันเขียนเล่าเรื่องคดีก่อนๆไปแล้วด้วยนะ อย่างเรื่องธอร์ แล้วก็กรณีไนท์แมร์ คนอ่านเยอะมาก พวกเขาชอบกันทั้งนั้นด้วย ก็แน่นอนล่ะ ฉันเป็นคนเขียนนี่น่า”



                ฝันร้ายแห่งนิวยอร์ก” ด็อกเตอร์อ่านชื่อหัวเรื่องด้วยเสียงอันดัง “พ่อมดปลอมตัว” เขาอ่านอีก นั่นเป็นเรื่องที่ฉันเพิ่งโพสเมื่อคืน เกี่ยวกับลอร์ดนีครอน เรื่องเล่าหลอกลวงของเขา และการปลอมตัวเป็นนักธุรกิจอันแสนจะไม่เนียนนั่นด้วย ฉันมองเขาใช้นิ้วเลื่อนลงไปด้านล่าง คงจะอ่านความคิดเห็นของคนอื่นๆ “พวกเขาเชื่อด้วยหรอว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง”



                “แน่นอน” ฉันยิ้มกว้าง “ฉันเอารูปถ่ายคุณลงไปด้วยไง”



                “อะไรนะ?” เขาร้อง



                “แหม ไม่เป็นไรหรอก คุณก็ไม่ได้อยากปกปิดหน้าตาเสียหน่อย ถ้าอยากล่ะก็ คงใส่หน้ากากแบบสไปเดอร์แมนหรือคนอื่นๆไปแล้ว อีกอย่าง หน้าคุณเรียกแขกสาวๆได้เยอะเชียวนะ ฮอตเหมือนกันนะเนี่ย ด็อกเตอร์” ฉันยิ้มแฉ่ง ทำตาแพรวพราวล้อเลียน “ส่วนชื่อฉัน ก็เรียกแฟนคลับนวนิยายสืบสวนเข้ามาเพียบเลย แต่ฉันยังไม่ได้ใส่รูปตัวเองลงไป เพราะยังเลือกรูปที่สวยที่สุดไม่ได้”



                “คิดบ้างไหมว่าทำแบบนี้ จะหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว” ด็อกเตอร์พูดเหมือนคนแก่เตือนคนสาว



                “ไม่อ่ะ” ฉันยักไหล่ “ฉันเป็นคนดังนะด็อกเตอร์ จะหายหน้าหายตาไปเลยได้ยังไง ช่วยงานคุณสนุกมากก็จริง แถมตอนนี้คู่หมั้นฉันก็บินไปรักษาตัวที่คามาทาซละ ได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง ก็อยากยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายๆตัว งานเขียนของฉันก็ต้องดำเนินต่อด้วย ไม่อย่างนั้นแฟนคลับก็ลืมฉันหมดสิ ของแบบนี้ ได้มายาก ต้องรักษาไว้ดีๆ และฉันก็อยากให้คุณมีแฟนคลับเหมือนกับฮีโร่คนอื่นๆด้วย คุณไม่มีอะไรที่ด้อยกว่าพวกเขา โปรไฟล์ก็ออกจะเริ่ด เป็นถึงศัลยแพทย์มือหนึ่ง เป็นด็อกเตอร์ ยังโสด แถมหล่ออีกต่างหาก แล้วตอนนี้ก็มีเวทมนตร์อีก ตำแหน่งจอมเวทสูงสุดก็อยู่อีกไม่ไกล สาวๆทุกคนจะต้องหลงใหล คลั่งไคล้คุณ เสียยิ่งกว่าคลั่งกัปตันอเมริกาแน่นอน ฉันรับรอง”



                “อืม” ด็อกเตอร์ส่งเสียงจากลำคอ ยกมือเท้าคาง แล้วก็จ้องหน้าฉันอย่างเอาจริงเอาจัง



                “อะไรคะ?” ฉันกระพริบตามอง



                “คุณบอกว่าผมโปรไฟล์เริ่ด” ด็อกเตอร์พูด ฉันพยักหน้าหงึกหงักรับตามนั้น “เป็นศัลยแพทย์มือหนึ่ง” ฉันพยักหน้าอีก “เป็นด็อกเตอร์” ฉันกลอกตา แต่ก็พยักหน้า “หล่อ?” ศีรษะของฉันกำลังจะพยักโดยอัตโนมัติ แต่สะดุดกลางคัน ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน นัยน์ตาสีเทาของเขาเหมือนจะเต้นระริกด้วยความหยอกเย้า “สาวๆทุกคนจะหลงใหลคลั่งไคล้ผม ทุกคนเลยหรอ?”



                “โอ้ย สายป่านนี้แล้วเรอะเนี่ย” ฉันร้องเสียงดังลั่น ดูนาฬิกาข้อมือด้วยดวงตาโตเท่าไข่ห่าน “ฉันต้องไปแล้ว สไปเดอร์แมนบอกว่าเขาว่างแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายติดเรียนกับติดสอบเก็บคะแนน ฉันไปก่อนนะคะ” พูดจบก็วิ่งจู๊ดออกจากครัว แต่ก็นึกได้ว่าโทรศัทพ์ยังอยู่กับด็อกเตอร์ ฉันจำใจเดินกลับเข้าไปใหม่ คว้าโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว เหมือนมือดีขโมยของ แล้วก็วิ่งออกไปอีกรอบ



                ฉันจะเล่าการผจญภัยของฉันกับสไปเดอร์แมนอย่างคร่าวๆ เพราะกลายเป็นว่าคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แต่อย่างใด จึงไม่เกี่ยวกับด็อกเตอร์สเตรนจ์ไปตามระเบียบ ถึงอย่างนั้น ฉันก็อยากเล่า ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของฉันนี่ ถึงแม้ที่เหลือฉันจะยกให้สไปเดอร์แมนจัดการไปตามสมควรก็ตาม เรื่องเริ่มจากมีคนร้องทุกข์เข้ามาในบล็อกของฉันดังนี้




                   สวัสดีค่ะ ด็อกเตอร์สเตรนจ์และมิสอาร์เจนต์ ฉันชื่อไรลีย์ เฮย์ส อายุสิบเจ็ดค่ะ มีเรื่องแปลกมากๆเกิดขึ้นกับพี่ชายของฉัน ร๊อบทำงานที่เบสท์แมนแอนด์ทูมส์อิเล็กทรอนิกส์และมักกลับบ้านดึกเป็นประจำ เย็นวันที่เกิดเรื่อง ฉันออกไปเที่ยวกับเพื่อน และเห็นพี่ชายตอนกำลังอยู่รถไฟใต้ดินกลับบ้านค่ะ เขาขึ้นรถไฟตู้หนึ่ง แต่ฉันอยู่อีกตู้ สถานีถัดไปเป็นสถานีสุดท้าย ซึ่งจะถึงบ้านของเราพอดี ฉันคิดว่าเดี๋ยวพอออกจากรถไฟก็คงเจอเขา แต่เมื่อรถไฟจอด พี่ชายของฉันหายไป มันจะเป็นไปได้ยังไงจริงไหมคะ เขาขึ้นรถไฟที่สถานีก่อนหน้าไม่ผิดแน่ ทั้งขบวนมีอยู่ไม่ถึงสิบคน ยังไงก็ไม่คลาดกันได้ และจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้กลับบ้านมาสัปดาห์หนึ่งแล้วค่ะ ติดต่อก็ไม่ได้ แม่ฉันตัดสินใจแจ้งความ แต่ตำรวจก็ยังไม่ได้ความคืบหน้า แล้วอยู่ๆวันหนึ่ง ตำรวจก็มาที่บ้านและขอค้นห้องพี่ชาย พวกเขาเจอเพชรและธนบัตรที่ถูกขโมยจากธนาคารเมื่อสองอาทิตย์ก่อน อยู่ใต้เตียงพี่ด้วย ฉันงงไปหมดเลยค่ะ อย่างร๊อบน่ะหรอจะปล้นใครได้ เขาเป็นแค่พนักงานไอทีธรรมดาๆที่บริษัทเท่านั้นเองนะคะ ช่วยให้ความกระจ่างกับฉันด้วยค่ะ




                เนื่องจากฉันคุยกับสไปเดอร์แมนบ่อยๆ ก็เลยรู้ว่าเขากำลังตามหาโจรปล้นธนาคารอยู่เช่นกัน เขาบอกว่าไล่ตามคนร้ายถึงสถานีรถไฟใต้ดิน แต่พวกนั้นก็หายตัวไปเฉยๆ ดูเหมือนจะลงล็อคกันอย่างไรชอบกล พวกเราจึงแท็กทีมกันเป็นธรรมดา และจะเริ่มจากสถานีรถไฟใต้ดินปริศนาที่กลืนคนหายไปได้แห่งนั้นแหละ



                จริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนอย่างที่หวังเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้รู้สึกสนุกดีในการตามร่องรอย สไปเดอร์แมนกับฉันแอบออกจากขบวนรถไฟกลางทาง มันค่อนข้างน่ากลัวนิดหน่อย ฉันกลัวกระแสไฟฟ้าบนราง และกลัวว่ารถไฟอีกขบวนจะตามมาทับฉันหัวแบะ แต่สไปเดอร์แมนพาฉันออกนอกรางได้สำเร็จ ปรากฏว่ามีรางรถไฟอีกเส้นหนึ่งแยกออกไปจากเส้นหลัก เหมือนจะยังสร้างไม่เสร็จ แล้วโปรเจกต์ก็พับไปเสียเฉยๆ ฉันเปิดไฟฉายที่พกมาด้วย สังเกตเห็นของแปลกประหลาดบนราง ขนนกตกอยู่เป็นหย่อมๆ ฉันกับสไปเดอร์แมนมองหน้ากัน (หมายถึง ฉันมองหน้ากากเขา) อย่างแปลกใจเพราะไม่น่ามีนกมาทำรังอยู่ใต้ดินแบบนี้ได้ พวกเราเดินต่อไปจนเจอส่วนที่เป็นเหมือนที่อยู่อาศัย มีฟูกนอน โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ กระดาษและแฟ้มเต็มไปหมด



                ฉันทำสิ่งที่ฉันถนัดทันที รื้อค้น และสังเกตหาเบาะแส สิ่งที่ได้มาคือปากกาสลักชื่อด้วยตัวหนังสือสีทองที่ลบเลือนไปแล้ว เนื่องจากเจ้าของน่าจะเป็นพวกไม่รักษาของเท่าไหร่ หรือไม่ ปากกาด้ามนี้ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกภูมิใจอีกแล้ว ตัวอักษรที่ยังเหลืออยู่มีแค่ ตัวอักษรบีซึ่งเป็นตัวอักษรแรก กับตัวอักษรที ฉันเดาว่าน่าจะมีอะไรต่อท้ายจากตัวทีไปอีก มีข่าวตัดจากหนังสือพิมพ์เรื่องธนาคารถูกปล้น ขนนก หลอดแก้วทดลองที่แตกละเอียด หาคำตอบไม่ได้ว่าเคยใส่อะไรไว้ มีเสื้อโค้ตที่ถูกทอดทิ้งไว้ เจ้าของเป็นชายร่างสูงใหญ่ ที่น่าจะเคยมั่งมีมาก่อน แต่ด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างทำให้เขาต้องมาอับจนหนทางซ่อนตัวอยู่ใต้นี้ เสื้อโค้ตหนังอย่างดี ราคาไม่ใช่ย่อย แต่ตอนนี้ก็เก่ามากจนยุ่ย ฉันสังเกตเห็นรอยข่วนเป็นทางยาว เหมือนรอยข่วนของสัตว์ จึงชี้ให้สไปเดอร์แมนดู เขากำลังพยายามเข้าคอมพิวเตอร์อยู่ แต่ไม่รู้รหัส ฉันพลิกเสื้อไปมา จนเจอรอยสีน้ำ น่าจะเป็นฝีมือของเด็ก จากนั้นก็เริ่มรื้อไปตามลิ้นชัก จนเจอกรอบรูปใบหนึ่ง ฉันชี้วันที่บนรูปภาพให้สไปเดอร์แมนลองใส่เป็นรหัส ปรากฏว่ารหัสถูกต้องเสียด้วย มันเป็นวันเกิดของเด็กในรูปภาพ



                คำตอบสำหรับเรื่องลึกลับนี้อยู่ในคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ชายคนนี้เป็นหนึ่งในเจ้าของบริษัทเบสท์แมนแอนด์ทูมส์ พวกเขาขัดคอกันเรื่องธุรกิจ อาจจะเพราะการทดลองอะไรบางอย่างที่ไม่สำเร็จเสียที ทำให้สูญเงินไปเยอะมาก จนฝ่ายหนึ่งไม่ยอม และเฉดหัวคนบ้าทดลองออกไป เขาจึงมาหลบอยู่ที่นี่ ปล้นธนาคาร เพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการทดลอง ส่วนเรื่องพี่ชายของไรลีย์ เฮย์ส น่าจะเป็นการใส่ความ เพื่อดึงเรื่องให้พ้นตัว หากตำรวจคิดว่าเจอคนร้ายแล้ว แถมคนร้ายยังหายตัวไปอีก ก็จะตามแต่พี่ชายของไรลีย์ โดยไม่ได้สนใจเบาะแสอื่น สไปเดอร์แมนบอกว่า เขาจะจัดการต่อจากนี้เอง และขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของฉัน



                สไปเดอร์แมนออกมาส่งฉันขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่ฉันไม่ได้ตรงกลับกรีนวิชเลย อยากแวะไปอพาร์ทเมนต์ที่บรูคลินก่อน เผื่อจะมีจดหมายสำคัญ และฉันก็อยากขนเสื้อผ้ากับหนังสืออ่านเล่นติดมือมาด้วย ฉันตัดสินใจอยู่นานมากว่าจะเอาอะไรมาด้วย กว่าจะออกจากอพาร์ทเมนต์ก็เป็นตอนห้าโมงเย็นเข้าไปแล้ว แวะซื้อของสดไว้ทำอาหารอีก กว่าไปถึงแซงทั่มก็เกือบหกโมงพอดี



                ฉันล่ะอยากให้ตัวเองมาช้ากว่านี้สักสองสามชั่วโมง จะได้ไม่ต้องเจอเรื่องน่ากลัวเฉียดตายเป็นรอบที่สอง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป และเห็นสภาพห้องโถงอันสวยงามกลายเป็นนรก ฉันก็แทบอยากจะวิ่งกลับออกไปทันที แต่ขาเจ้ากรรมก้าวไม่ออก ด็อกเตอร์มีแขกมาหา ไม่ใช่แขกธรรมดา ยิ่งใหญ่มากๆ ยิ่งใหญ่จนถึงขนาดที่ว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเลย ยังจำเรื่องลอร์ดนีครอนกันได้ใช่ไหม หมอนี่มีเอี่ยวด้วย



                ให้ฉันบรรยายภาพก่อนแล้วกันนะ ห้องโถงของแซงทั่มสวยมาก เหมือนคฤหาสน์ในอังกฤษ ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนขัดมันแวววับ เลยเข้าไปมีบันไดทางขึ้นสองด้านอย่างหรูหราอลังการ ด้านบนมีโคมไฟระย้าห้อย แต่ตอนนี้ กระเบื้องหินอ่อนแตกละเอียดจนดินโผล่ขึ้นมา โคมไฟ ไม่ระย้าอีกต่อไป แต่นอนแอ้งแม้งแตกกระจายอยู่บนพื้นห่างออกไป และแทนที่ห้องโถงจะมีแขกเป็นมนุษย์ มันกลับกลายเป็นแขกร่างยักษ์ หน้าตาน่ากลัว มีปากขนาดใหญ่และเขี้ยวน่ากลัวอยู่ตรงพุง ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก มีปากอยู่ตรงพุง คุณพระ! ฉันเคยเห็นเขามาก่อน เห็นเป็นภาพวาด นั่นมันซาตานนิช ซึ่งกำลังจับตัวด็อกเตอร์สเตรนจ์ไว้ในมือหนึ่ง มืออีกข้างก็บีบร่างหว่องไว้ด้วย ส่วนลอร์ดนีครอนกำลังหัวเราะ



                ฉันเดินเข้าบ้านได้ผิดจังหวะที่สุดในชีวิตเลย



                “อาร์เจนต์ ออกไป!” ด็อกเตอร์ตะโกนไล่ คงไม่อยากให้ฉันตายไปด้วย ซึ่งฉันก็ไม่อยาก แต่ถ้าฉันไป แล้วพวกเขาล่ะ เพราะด็อกเตอร์ตะโกนชื่อฉันออกมา ลอร์ดนีครอนจึงหันมามอง



                “สวัสดี สาวน้อย” เขาเอ่ยทักฉัน พลางค้อมคำนับอย่างมีมารยาทด้วย สมกับเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ(เสียงสูง) “เธอควรเชื่อคำพูดเขา และไปซะ ถ้าไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจที่จะทำให้เธอฝันร้ายไปตลอดชีวิต”



                “ฮ่าฮ่า” ฉันหัวเราะแห้งๆ นึกถึงเรื่องที่เจอตอนปะทะกับไนท์แมร์ “คุณเรียกท่านมาหรอ?”



                “ใช่” ลอร์ดนีครอนตอบ “วันที่ข้าจะได้ชีวิตอมตะมาถึงเสียที”




                “เดี๋ยวๆ” ฉันยกมือขึ้น “เดี๋ยว ฮัลโหล ท่านซาตานนิช ช่วยหยุดก่อนได้ไหม ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ สนใจกันนิดนึงนะ” คงเพราะไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนยืนเรียกซาตานได้เหมือนเพื่อนแบบนี้มั้ง ทำให้ซาตานนิชหันมามองฉัน ฉันเดาว่าเขาทำสีหน้าประหลาดใจ คือมันอ่านยากนะ ถ้ามีผิวสีตุ่นๆแบบนั้น ไม่รู้ว่าสีหน้าอะไรกันแน่ และเพราะฉันเบี่ยงเบนความสนใจนั่นเอง เข้าทางด็อกเตอร์กับหว่องพอดี พวกเขาสลัดตัวหลุดออกมาได้




                “เจ้านี่มันน่ารำคาญนัก นังบ้า” ลอร์ดนีครอนกัดฟันกรอด หันมาทางฉันอย่างมาดร้าย ร่ายเวทพุ่งมาแล้ว ฉันหลบไม่ทัน ก็เลยใช้ถุงกับข้าวขึ้นกัน แหลกกระจุยหายวับไปในพริบตา



                “ปลาแซลมอนของฉัน!” อุตส่าห์ซื้อมา กะว่าจะทำสเต็กปลาแซลมอนราดซอสตกแต่งด้วยใบสาระแหน่ให้ด็อกเตอร์ชิมซะหน่อย     



                 “เละซะเถอะ คราวนี้หลบไม่พ้นหรอก” ลอร์ดนีครอนตั้งใจจะร่ายเวทอีกรอบ



                “เดี๋ยวๆ เดี๋ยว!!” เสียงร้องเสียงสูงแหลม “คุยกันก่อน คุยกับฉันก่อนสิ”



                “ข้ารู้ว่าเจ้าจะมาไม้ไหน ไม่คุยเว้ย” ลอร์ดนีครอนบอก




                หนีลูกเดียวค่ะพี่น้องเพื่อนสหายพลพรรค ฉันเป็นสาวน้อยธรรมดาที่แสนบอบบาง ไร้พรสวรรค์เรื่องเวทมนตร์โดยสิ้นเชิง อย่างที่ด็อกเตอร์เรียกว่า หัวทึบ ดังนั้นไม่มีทางที่จะได้เห็นฉันบู๊ล้างผลาญ ฉันหนีอย่างเดียว หนีเก่งด้วย ไม่เชื่อก็คอยดูสิ ฉันวิ่งซิกแซก เขาว่ากันว่า ซิกแซก ช่วยได้เยอะ แต่ก็ไม่ได้วิ่งไปไหนไกล ฉันไม่โง่ออกจากตรงนี้หรอก ถ้าวิ่งขึ้นไปข้างบนคนเดียว เท่ากับฉันต้องอยู่กับลอร์ดบ้านี่สองต่อสองน่ะสิ แล้วฉันก็นึกอะไรออก เป็นความคิดที่ช่างแจ่มจรัสเสียนี่กระไร ฉันวิ่งไปหลบอยู่หลังซาตานนิชที่กำลังประลองเวทอยู่กับด็อกเตอร์และหว่องเสียเลย ท่านขยับไปทางไหน ฉันก็ขยับตามหลังท่านไปด้วย อย่างที่สุภาษิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บอกไว้ ตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด



                สักพักซาตานนิชก็รู้ตัวว่ามีอะไรไม่รู้ตามหลังตลอดเวลา ท่านสะบัดแขนมาข้างหลังและคว้าเอาตัวฉัน จับฉันห้อยหัวอยู่ต่อหน้า และคำรามใส่ด้วย



                “ขอโทษจริงๆค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่ลอร์ดนีครอนจะทำร้ายฉัน ฉันเป็นแค่คนธรรมดา พลังไม่มี ไม่อยากตาย ก็เลยคิดได้ว่าถ้าหลบหลังท่าน ฉันน่าจะรอด” ฉันพูดรัวเร็ว ลิ้นแทบพัน กะให้ท่านงงๆแล้วก็ปล่อยฉันลง “ไหนๆท่านก็ห้อยหัวฉันแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อ่านเรื่องท่านเยอะมาก ท่านยิ่งใหญ่มากจริงๆ ไม่มีใครทัดเทียม ทั้งภพนี้ภพไหน จอมเวทย์ของโลกมนุษย์ไม่อาจสู้ท่านได้แน่นอน แต่ว่า ท่านช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่า ทำไมต้องสู้กับด็อกเตอร์กับคนจีนคนนั้นด้วยคะ” ฉันยิ้มหวาน ยิ้มไว้ก่อน เดี๋ยวก็ดีเอง



                “ท่านซาตานนิช อย่าไปฟังนาง นางมันพวกลิ้นสองแฉก ตั้งใจปั่นหัวท่าน” ลอร์ดนีครอนตะโกน “ท่านตกลงกับข้าแล้ว และนี่เป็นวันสุดท้าย ข้านำดวงวิญญาณจอมเวทมาสังเวยท่านตามสัญญา รับไป และทำให้ข้าเป็นอมตะ”



                “วันสุดท้าย? วันสุดท้ายอะไรหรอ” ฉันถามทันที แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจฉันอีกแล้ว ซาตานนิชปล่อยฉันลง เดี๋ยวก่อนนะ ฉันเคยอ่านเจอ ข้อตกลง สัญญา ถ้าทำสัญญากับซาตานนิช แล้ว... แล้วยังไงนะ ให้ตายสิ ซาตานนิชเดินเข้าหาด็อกเตอร์และหว่องที่แทบจะไม่มีแรงสู้ต่อแล้ว คิดให้ออก ไอลีน แสงสว่างวาบอย่างน่ากลัว ฉันเห็นด็อกเตอร์กับหว่องพยายามเต็มที่ในการรับมือ ต่อต้านพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งจะต้านได้ไม่นาน



                “ด็อกเตอร์คะ!” ในที่สุดฉันก็คิดออก “เวลา! เวลา เวลาไงคะ เวลา!” ฉันตะโกนให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก้มศีรษะลงหมอบราบพื้น แสงนั่นเหมือนจะระเบิดได้ ฉันกลัว ฉันก็หมอบน่ะสิ คิดให้ออกนะ ด็อกเตอร์ ฉันช่วยแค่นี้แหละ ขอหลบแล้ว ฉันค่อยคลานๆเข้าซอกใต้บันได



                แล้วทุกอย่างก็สงบลง ฉันได้ยินเสียงคำรามของซาตานนิช “เวลาหมดลงแล้ว ลอร์ดนีครอน เจ้าไม่อาจทำตามเงื่อนไขที่ตกลง วิญญาณของเจ้าเป็นของข้า” แสดงว่าด็อกเตอร์เข้าใจสิ่งที่ฉันสื่อ ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของนีครอน ภาพหลังจากนั้นฉันไม่อยากดูให้เก็บไปฝันร้าย ได้ยินเสียงกรีดร้องก็พอจะเดาออกว่าเวลาโดนลากลงนรกน่าจะเป็นประมาณไหน เพราะเวลากระโดดมาเลยเที่ยงคืน กลายเป็นวันใหม่ ก็จบสัญญาระหว่างลอร์ดนีครอนและซาตานนิชพอดี ท่านเป็นคนถือมั่นในคำสัญญามาก ถ้าทำไม่ได้ตามเงื่อนไข ผลลัพธ์ก็ต้องเป็นไปตามที่ตกลง



                “ฮ่า เป็นไงล่ะ” ฉันออกมาจากใต้บันใด เอามือเท้าเอว ยิ้มแฉ่ง “ไม่มีวันแตะด็อกเตอร์ของฉันได้หรอก”



                “สุดยอดเลย ด็อกเตอร์ ผมนึกว่าจะแย่เสียแล้ว” หว่องกลับชมด็อกเตอร์เสียอย่างนั้น “พลังของคุณ นับวันก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น...”



                “เฮ้ๆ” ฉันร้องแย้ง “คนที่คิดออกคือฉันนะ”




                “เธอก็ใช้ได้” หว่องบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก สองมาตรฐานเห็นๆ ความดีความชอบมันต้องเป็นของฉันครึ่งหนึ่งสิ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนเลยดีกว่าครับ”



                “จะรีบไปทำไม พักอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้” ด็อกเตอร์เอ่ยชวน แต่ฉันกลับคิดว่า รีบๆไปเลย ชิ่วๆ



                “ไม่ดีกว่าครับ หน้าที่ของผมคือดูแลแซงทั่มที่เนปาล ไม่อยากทิ้งที่นั่นไปไหนนาน” หว่องบอก ด็อกเตอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ฉันยืนดูพวกเขาพูดคุยกันอีกสักพัก แล้วหว่องก็วิ่งผ่านวงแหวนเวทย์กลับไปเนปาล



                “คุณซื้อปลาแซลมอนมาหรอ” ด็อกเตอร์หันมาถามฉัน



                “เละไปหมดแล้วค่ะ” ฉันตอบด้วยหน้าตายู่ยี่



                “ไปดูใหม่สิ” ด็อกเตอร์ชี้มือไปทางกองถุงกระดาษใส่ของสด ฉันยิ้มออกทันที กำลังหิวมากๆด้วย เพราะวันนี้ใช้พลังไปเยอะ ฉันเดินข้ามโถงไปอุ้มถุงขึ้นมาในอ้อมแขน “จะเข้าครัวเลยไหม ผมจะช่วย” ฉันหรี่ตามองทันที ด็อกเตอร์เนี่ยนะ เข้าครัว? “ช่วยจัดโต๊ะดินเนอร์” นั่นไง ว่าแล้ว



                ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันก็ได้สเต็กปลาเซลมอนราดซอสตกแต่งด้วยใบสาระแหน่สองจาน ซุปเห็ดหอม (สำเร็จรูป) ขนมปังปิ้ง (ไม่มีอารมณ์ทำขนมปังกระเทียม) และไวน์หนึ่งขวดจากห้องเก็บไวน์ ก็อยากสร้างบรรยากาศให้ดูเหมือนดินเนอร์หรู อย่างเช่น จุดเทียน แต่บอกตรงๆว่าเหนื่อยมาก เพลียร่าง หิวจัด แค่ทำอาหารเสร็จก็หมดแรงทุกอย่าง อยากนั่งกิน กิน และกิน ตามเวลาที่เปลี่ยนแปลงเพราะเวทมนตร์ของด็อกเตอร์ ทำให้ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนสี่สิบ ฉันก็เริ่มง่วง พวกเราจึงนั่งกินโดยแทบไม่ได้คุยอะไร หลังจากกินเสร็จ ก็เหมือนจะไม่มีใครอยากลุกไปล้างจาน นั่งหมดสภาพกันบนเก้าอี้ นิ้วคีบก้านแก้วไวน์ไปด้วย



                “แล้วเรื่องที่ไปสืบกับสไปเดอร์แมน” ด็อกเตอร์เปิดประเด็น ฉันจึงเล่าให้ฟังอย่างย่อและรวบรัดว่าไม่ต้องใช้ความสามารถด้านเวทมนตร์ไปจัดการ งานแบบนั้นเหมาะกับสไปเดอร์แมนมากกว่า พวกเรานั่งเงียบกันอีกพักหนึ่ง ด็อกเตอร์ก็เข้าเรื่องใหม่ “วันนี้เก่งมาก” นั่นเป็นคำชม ถ้าเป็นคนอื่นชม ฉันก็คงเฉยๆ อาจจะยิ้มรับ แล้วก็ค่อนขอดในใจว่า แน่นอน ฉันเก่งอยู่แล้ว พวกเธอชมฉันก็ถูกต้องแล้วนี่ แต่เพราะเป็นด็อกเตอร์ชม ทำไมไม่รู้ สมองเหมือนจะว่างโล่ง และอะไรบางอย่างในทรวงอกก็พองขึ้นเหมือนลูกโป่งสวรรค์ ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาชมฉันเสียหน่อย



                “ไม่เคยกลัวอะไรเลยหรือไง” ด็อกเตอร์ถามต่อ นัยน์ตามองตรงมาที่ฉัน ด้วยสีหน้าที่ฉันอ่านไม่ออก บางทีใบหน้าของเขาก็เหมือนรูปสลัก ไม่บ่งบอกอารมณ์



                “กลัวสิ ถามได้” ฉันว่า ทำปากยื่น หมุนแก้วไวน์ในมือเล่น “แต่เพราะรู้ว่าด็อกเตอร์จะไม่ปล่อยให้ฉันตาย ฉันก็เลยปากกล้าแบบนั้นไง” พูดจบ ฉันก็ยิ้มยิงฟัน




                ริมฝีปากของด็อกเตอร์ยกขึ้นเล็กน้อย กลายเป็นรอยยิ้มบางๆที่น่ามองทีเดียว  









    Writer's Talk

    สำหรับรูปของ Satannish  ดูได้ที่นี่ค่ะ  คลิก   ด็อกเตอร์ถึงถามไอลีนว่า "ไม่เคยกลัวอะไรเลยหรือไง"

    และ Lord Nekron คลิก  

    สำหรับคดีที่เกี่ยวเนื่องกับสไปเดอร์แมนนั้น  มีใครเดาออกไหมว่า คือวายร้ายตัวใดในเรื่องสไปเดอร์แมน  ใบ้ให้ค่ะว่าวายร้ายตัวนี้จะอยู่ในภาพยนตร์ Spider-Man : Homecoming ปี 2017

     






               

                   

                 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×