คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : A freezing lake
Notorious [Tom
Riddle & OC]
Chapter 5 : A
freezing lake
สองสัปดาห์แรกของปีการศึกษาผ่านไป
ท่ามกลางพายุฝนฤดูใบไม้ร่วงกระหน่ำใส่ปราสาทฮอกวอตส์
ปริมาณการบ้านของนักเรียนปีห้าเริ่มมีจำนวนมากขึ้น
จนพวกเขาต่างขลุกตัวอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมหรือห้องสมุดในเวลาว่าง
เมื่อเจอฝนหลายวันเข้า อากาศหนาวซึมเซาง่วงงุน ชวนให้อยากอุดอู้อยู่ในโปรงผ้าห่ม
แต่ควิดดิชนัดแรกของฤดูกาลใกล้เข้ามาทุกที โดยจะจัดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม
หรืออีกสองอาทิตย์เท่านั้น จูปิเตอร์เห็นทีมเรเวนคลอนัดซ้อมกันอาทิตย์ละวันถึงสองวัน
การจองสนามให้ได้ในช่วงนี้ต้องแย่งชิงกันมากมายเหลือเกิน พวกกริฟฟินดอร์และสลิธีรินมักจะว่องไวกว่า
ชิงจองสนามเสียจนไม่มีพื้นที่ให้เรเวนคลอหรือฮัฟเฟิลพัฟได้เข้าแทรก
เพเนโลพีบ่นเรื่องนี้ให้ฟังเป็นประจำช่วงหัวค่ำที่พวกเธอนั่งทำการบ้านด้วยกัน
เพเนโลพีเล่นในตำแหน่งเชสเซอร์ เช่นเดียวกับพี่ชายของจูปิเตอร์
นอกจากเขาจะเป็นประธานนักเรียนแล้ว ยังเป็นผู้เล่นมือดีของทีมอีกด้วย
สถานการณ์ในฮอกวอตส์ช่วงนี้ถือว่าสงบดี
ไม่มีสิ่งใดมารบกวนสมาธิในการเรียนของจูปิเตอร์อีก
ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่หอดูดาว ทอม ริดเดิ้ลไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับเธอแล้ว
เขาไม่จับจองที่นั่งข้างเธอในวิชาอักษรรูนโบราณ จูปิเตอร์ได้กลับไปนั่งกับโรซาลินด์อีกครั้ง
ท่าทางเขาเหมือนจะมีเรื่องอื่นให้สนใจ
แม้แต่การประชุมของสโมสรซลักที่อาจารย์ซลักฮอร์นเป็นผู้จัดตั้ง
เขาไม่ได้เข้าร่วมในการนัดหมายครั้งแรก นับว่าเป็นเรื่องแปลกทีเดียว
จูปิเตอร์ไม่ได้สนใจว่าเขาจะทำอะไรอยู่ที่ไหน เธอโล่งอกที่ไม่ต้องเจอเขาในการประชุม
แค่พวกผู้ติดตามของเขาอย่างเลสแตรงก์ แบล็ก โรซิเออร์ เอเวอรี่
เด็กหนุ่มสี่คนนี้จากบ้านสลิธีรินมากเกินพอจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
เธอไม่ชอบสายตาที่พวกเขาชำเลืองมอง
เมื่อรู้จากพี่ชายฝาแฝดว่าพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับเธอลับหลังอย่างไรบ้าง
จูปิเตอร์ก็มองว่าพวกเขาอันตราย ไว้ใจไม่ได้ ไม่น่าคบเพราะไม่ให้เกียรติเธอเลย
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ทอม
ริดเดิ้ลพูดเกี่ยวกับห้องที่เรเวนคลอซ่อนไว้ และคำทำนายสาบสูญที่เธอได้ยินจากมาร์ส
ยังคงวนเวียนในความคิด จูปิเตอร์สงสัยว่าริดเดิ้ลพูดจริงหรือไม่ เขาปั่นหัวเธอเล่นอย่างที่ชอบทำกับคนอื่น
หรือเขาตั้งใจจะหลอกใช้เธอตามหาห้องนั้นให้เขา แต่ห้องนั้นจะมีอะไรอยู่เล่า?
เกี่ยวโยงกับคำทำนายที่หายไปหรือเปล่า?
หลังจากมาร์สบอกว่าเขาอยากได้คำทำนายไม่กี่วัน
ตัวเขาเองก็หาโอกาสเล่าเรื่องห้องลับของเรเวนคลอ หรือนี่จะเป็นแผนการของเขา
มาร์สมาล่อเธอ เพื่อจะหลอกใช้สติปัญญาของเธอ
แต่ถ้ามาร์สทำตามคำสั่งของริดเดิ้ลจริง
ทำไมเขาต้องบอกเรื่องแย่ๆเกี่ยวกับริดเดิ้ลด้วย
โดยเฉพาะความคิดสกปรกที่ริดเดิ้ลมีต่อเธอ คิดแล้วคิดอีก
ยากจะกระจ่างได้ นอกเสียจาก เธอจะหาทางคุยกับพี่ชายอีกครั้ง จูปิเตอร์ไม่อยากเดินเข้าไปกลางกลุ่มคนพวกนั้น
จึงใช้นกฮูกส่งจดหมายแทน หลังจากบราวนี่
นกฮูกสีน้ำตาลของเธอกลับมาจากไปส่งจดหมายที่บ้าน เธอใช้มันส่งโน้ตสั้นไปหามาร์ส
พี่ชายส่งตอบกลับมาสั้นมากพอกัน
บ่ายโมงวันเสาร์ ริมทะเลสาบ
ใต้ต้นเบิร์ชใหญ่ - มาร์ส เบิร์ก
ตอนแรกจูปิเตอร์นัดกับโรซาลินด์ว่าจะไปให้กำลังใจการซ้อมควิดดิชของทีมเรเวนคลอในบ่ายวันเสาร์
เธอจำเป็นต้องยกเลิกไปก่อน
และโกหกว่าจะช่วยมาร์สเขียนเรียงความวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์
ไม่สามารถบอกปัดคำขอร้องจากพี่ชายได้จริงๆ โรซาลินด์และเพเนโลพีเข้าใจดี
แม้เพเนโลพีจะงอแงเล็กน้อยก็ตาม
ก่อนเวลานัดเกือบยี่สิบนาที
จูปิเตอร์เดินลงจากหอคอยเรเวนคลอ บ่ายนี้บรรยากาศซบเซา ไม่มีแดดให้เห็น
เมฆทะมึนเต็มฟ้า คล้ายฝนจะตกอีกครั้ง เธอสวมเสื้อผ้าหนากันหนาว
รู้สึกถึงความชื้นในอากาศขณะกำลังลงจากบันไดเวียน ทันใดนั้นเอง เลดี้สีเทา
ผีประจำบ้านเรเวนคลอล่องลอยขึ้นจากช่องบันได เคลื่อนผ่านหน้าจูปิเตอร์
เธอไม่เคยมีโอกาสพูดคุยกับเลดี้เสียที แม้จะอยู่ปีห้าแล้ว
เลดี้สีเทามีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบปรากฏกายในยามกลางวัน
บางครั้งนางจะช่วยเหลือนักเรียนที่หลงทางบ้าง เท่าที่จูปิเตอร์ได้ยินมา
เด็กเรเวนคลอคนใดไขปัญหาประตูทางเข้าห้องนั่งเล่นรวมไม่ได้ เลดี้จะออกมาช่วย
หากนางบังเอิญอยู่แถวนั้น จูปิเตอร์ไม่เคยประสบปัญหาเหล่านั้น
จึงไม่มีเหตุให้สนทนา
“สิ่งที่เธอจะค้นหา
หาใช่สิ่งที่เธอต้องคว้า” ประโยคดังมาจากร่างสีเงินยวง จูปิเตอร์หยุดเท้า
หันศีรษะมองตาม
“ขอโทษนะคะ เลดี้” เด็กสาวบ้านเรเวนคลอตัดสินใจเอ่ยทัก
“เมื่อครู่ คุณ...”
“อดีตเนิ่นนานนั้นไร้ค่า จงเปลี่ยนปัจจุบันกาล”
ครั้งนี้เฮเลน่า เรเวนคลอมองมาทางเธอโดยเจาะจง
“หนูไม่เข้าใจค่ะ” จูปิเตอร์ขมวดคิ้ว
“เธอจะเข้าใจเอง”
เลดี้พูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะลอยหายไปในกำแพงหิน
สิ่งที่เธอจะค้นหา
หาใช่สิ่งที่เธอต้องคว้า อดีตเนิ่นนานนั้นไร้ค่า จงเปลี่ยนปัจจุบันกาล ประโยคทั้งสี่ร้อยเรียงต่อกัน
หากแปลความ จะหมายถึง ไม่จำเป็นต้องตามหาอดีต เปลี่ยนสิ่งใดไม่ได้
ทำได้แค่เปลี่ยนปัจจุบันเท่านั้น จูปิเตอร์เอียงศีรษะ ใช้นิ้วเขี่ยผมสีดำสั้นทัดหลังหู
เธอเข้าใจเนื้อความ แต่มันมีประโยชน์ใดต่อเธอกัน เธอไม่ได้ไขว่คว้าอดีตที่ไหน
คิดแล้วมีแต่จะปวดหัว เลดี้บอกว่า เธอจะเข้าใจเอง บางทีนี่อาจไม่ใช่เวลาที่จูปิเตอร์จะเข้าใจได้
หรือประโยคเหล่านั้นอาจเป็นเพียงถ้อยคำไร้ความหมายที่ผีโศกเศร้าตนหนึ่งพูดเพื่อปลอบใจตัวเอง
จูปิเตอร์เดินลงบันไดต่อไป
จนถึงโถงกว้างชั้นล่างของปราสาท
เธอออกทางประตูไม้หนาบานใหญ่จรดเพดานที่เปิดกว้างไว้เสมอในยามกลางวัน
ตัดข้ามสนามหญ้าเปียกชื้น แสงอาทิตย์หลบหลังเมฆ ชายป่าต้องห้ามเงียบเชียบ
นักเรียนต่างอาศัยเตาผิงในปราสาทให้ความอบอุ่น เพราะไม่มีใครอยากป่วยเป็นไข้หวัดจากความเย็นชื้นข้างนอก
ทะเลสาบเดินไปอีกไม่ไกล มีนักเรียนชั้นปีหกกลุ่มหนึ่งเพิ่งเดินกลับมา
ส่งเสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข จูปิเตอร์หยุดยืนริมทะเลสาบ
สายตามองหาต้นเบิร์ชที่มาร์สบอกไว้ในโน้ต เธอเดินไปทางซ้าย ลัดเลาะตามหินก้อนใหญ่
จนพบกับต้นเบิร์ชเก่าแก่ รากสีขาวขนาดใหญ่แทรกซึมลงดิน
ลากยาวจนจุ่มน้ำในทะเลสาบใสแจ๋ว ทัศนียภาพบริเวณนี้งดงาม
สีเขียวของใบไม้ยังมีให้เห็น ต้นหลิวที่อยู่ถัดไปไกลหน่อย
กิ่งโน้มต่ำจนแตะพื้นผิวน้ำ ลมพัดเรื่อยฉิวบางเบา ใบไม้เอนไหว จากที่ไกลแสนไกล
เธอได้ยินเสียงนกในป่าต้องห้ามขับขาน ริมฝีปากของเด็กสาวคลี่ยิ้มอย่างสุขสงบ
เธอหลับตาลงช้าๆ ขณะเงยหน้าขึ้นไปยังท้องฟ้า จมูกสูดกลิ่นของดินและหญ้า สดชื่น
สราญใจ
ขายาวทั้งสองข้างของทอม
ริดเดิ้ลก้าวพ้นกิ่งของต้นเบิร์ชอย่างเงียบกริบ
เด็กสาวที่อยู่ด้านหน้าไม่ได้ยินแม้เสียงฝีเท้า เขาหยุดด้านหลังเธอ
ลูกนัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องโครงหน้านุ่มนวลนั้น ระหว่างที่เธอไม่ทันรู้ตัว
เขาสั่งให้มาร์สเขียนโน้ตนั้นเอง แต่สั่งไม่ให้มาพบน้องสาวฝาแฝดตามนัด ดีแล้ว
ถ้ามาร์สอยู่ตรงนี้ คงขโมยภาพสวยงามที่เขาควรจะได้เห็นไปหมดสิ้น
ผมสีดำเหมือนเส้นไหมของเธอทิ้งตัวระไปบนบ่าทั้งสองข้าง ปลายจมูกเชิดขึ้นด้านบน
เขาสังเกตเห็นทรวงอกที่ขยับขึ้นลงช้าๆ
เธอกำลังดื่มด่ำกับกลิ่นของธรรมชาติอย่างรื่นรมย์ เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินไม่รบกวนเธอ
รอจนกว่าเธอจะหันมาเห็นเขาเอง เขายกมือกอดอก เอนหลังพิงลำต้นเบิร์ช
ยังคงจ้องเธอแทบไม่กระพริบตา
จูปิเตอร์ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ผ่านริมฝีปาก
ใบหน้าก้มกลับลงมาตามเดิม แล้วพลันเห็นบุคคลหนึ่งทางหางตา เธอไม่ได้สะดุ้ง
แค่หันไปมอง คิ้วสองข้างขมวดยุ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“มาร์สถูกทำโทษกักบริเวณ” ทอมบอก
ก่อนที่เธอจะถาม “เขาไม่อยากให้เธอรอเก้อ ฉันจึงมาแทน”
ใครเชื่อก็โง่แล้ว จูปิเตอร์เกือบจะกลอกตาด้วยความหน่ายใจ ควรจะไว้ใจในตัวมาร์สต่อไปอีกหรือ เธอสงสัยนัก ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของทายาทสลิธีรินผู้ยิ่งใหญ่คนนี้หรือเปล่า? สร้างเรื่องให้เธอหัวหมุน สั่งมาร์สมาพูดเรื่องนั้นกับเธอ เพื่อสร้างความบันเทิงให้ตัวเองหรือไง? จูปิเตอร์มักจะอดทนต่อเรื่องต่างๆได้ดีเสมอ ทั้งเรื่องที่บ้าน เรื่องที่โรงเรียน เธอไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธ เธอรับรู้ว่ากำลังโกรธ แต่เลือกที่จะไม่แสดงออกให้รู้สึกขุ่นเคืองใจกับคนอื่นทีหลัง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เธออยากระเบิดใส่หน้าเขาจริงๆ ทว่า เด็กสาวกลับเลือกที่จะเดินหนี ไม่เล็งเห็นผลดีในการทุ่มเถียงกับคนพรรค์นี้
“ฉันรู้ว่ามาร์สพูดอะไรกับเธอ”
ทอมพูดไล่หลัง ขยับออกจากต้นไม้ เดินตามเธอ
ไม่สนใจ ไม่สนใจ มาร์สทำตัวเอง
ไม่ใช่เรื่องของเธอ เขาไม่มีทางทำให้มาร์สถึงตายหรอก เขาจะต้องติดคุกอัซคาบันถ้าฆ่าคน
เขาไม่ทำลายอนาคตตัวเองอย่างนั้น มาร์สแค่จะต้องเจ็บตัวนิดๆหน่อยๆ
“ถ้าเธอยังไม่หยุดเดินหนี
ฉันจะไม่เก็บพี่ชายคนโตของเธอไว้ด้วย” ทอมพูดอย่างเหนือกว่า
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงเมอร์คิวรี
ความอดทนขาดผึงเหมือนเชือกควั่นดึงจนตึงและสะบั้นลง “นายเป็นบ้าอะไร?”
เธอหันขวับไป ถามด้วยเสียงตวาด “ฉันไม่โง่ นายอาจจะคิดว่าฉันโง่
แต่จริงๆแล้วฉันไม่โง่ ตอนแรกฉันเชื่อว่ามาร์สพูดความจริง แต่พอได้คิดทบทวนอีกครั้ง
ทั้งหมดเป็นเพราะนายสั่งให้เขาทำ นายคิดจะหลอกใช้ฉันให้ตามหาห้องลับเรเวนคลอ
คำทำนายพันปีงี่เง่านั่น โดยใช้มาร์สเป็นตัวต่อรอง และตอนนี้ก็มีเมอร์คิวรีมาอีกคน
จะบอกให้นะ ทอม ริดเดิ้ล
ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอโง่งมทำตัวรันทดที่จะแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว ฉันรู้ว่าศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ไม่ไว้ใจนาย
ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอก...”
“หลักฐานล่ะ จูปิเตอร์”
ริดเดิ้ลถามอย่างใจเย็นไม่ต่างจากอุณหภูมิน้ำในทะเลสาบ
“แค่คำพูดของเธอคนเดียวไม่สามารถทำให้ฉันกลายเป็นผู้ร้ายได้หรอก”
เด็กสาวขบริมฝีปากล่าง
เขาไม่มีท่าทางทุกข์ร้อน มั่นใจเต็มร้อยว่าจะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ ต้องยอมรับว่าเขาพูดถูก
เขาสร้างตัวตนให้เป็นที่รัก แสนดี เรียนเก่ง เป็นหัวกะทิของฮอกวอตส์
หากเธอนำสิ่งที่มาร์สพูดไปบอกต่อ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์อาจจะเชื่อเธอ
แต่คนอื่นจะไม่เชื่อ อาจารย์ก็จะทำอะไรไม่ได้มากนอกจากระวังภัยให้เธอและพี่ชายเท่านั้น
ไม่มีหนทางกำจัดทอม ริดเดิ้ลได้อย่างถาวร ไม่ใช่ด้วยวิธีวู่วามดับเครื่องชน
สิ่งที่จูปิเตอร์ต้องการ ไม่ใช่แค่ความปลอดภัยของเธอกับพี่ชาย
แต่เธออยากให้ทุกคนรู้ตัวตนที่แท้จริงใต้หน้ากากของเขา ตัวตนที่เน่าแฟะ น่าขยะแขยง
จะทำอย่างนั้นได้ ต้องวางหมากให้แยบยล คิดก้าวกระโดดกว่าอีกฝ่าย
“นายต้องการอะไรจากฉัน”
จูปิเตอร์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“รัดเกล้าของเรเวนคลอ”
ทอมตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด
เด็กบ้านเรเวนคลอที่อยู่ฮอกวอตส์มาถึงปีที่ห้าอย่างเธอ
เคยได้ยินเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับรัดเกล้าชิ้นนั้นนับครั้งไม่ถ้วน สติปัญญาเหลือคณานับ
คือขุมทรัพย์มหาศาล เป็นถ้อยคำที่เรเวนคลอส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ของชิ้นนั้นหายสูญไปตามกาลเวลาที่ยาวนาน
ไม่มีใครตามหามันเจอ
“นอกจากบ้าแล้ว
นายยังเป็นพวกเพ้อฝันอีกด้วย” จูปิเตอร์ต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้า
“ฉันโชคดีได้ร่องรอยมากกว่าเด็กเรเวนคลอที่ผ่านมาทุกรุ่น”
ทอมพูดต่อราวกับไม่ได้ยิน “มาร์สบอกเธอแล้ว ฉันคือทายาทของสลิธีริน
ระหว่างการตามหาร่องรอยครอบครัวและบรรพบุรุษของฉัน บังเอิญที่ฉันได้เจอบันทึกเก่าแก่ของซัลลาซาร์
สลิธีรินเก็บซ่อนไว้ในโรงเรียนนี้เอง เรื่องที่มาร์สบอกเธอ เป็นความจริง
มีคำทำนายอายุเกือบพันปี มีห้องลับของเรเวนคลออย่างที่ฉันเล่าให้เธอฟังจริง
ถ้าการคาดเดาของฉันถูกต้อง รัดเกล้าจะต้องถูกเก็บไว้ในห้องนั้นด้วย”
“เรื่องที่มาร์สบอกฉันเป็นความจริง”
เด็กสาวทวนประโยคของเขาใหม่ “ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาย”
“มาร์สบอกเธอในสิ่งที่ฉันสั่งให้พูด
ทุกคำที่เธอได้ยินจากปากของมาร์ส คือคำพูดของฉัน” ทอมบอก
พลางไพล่มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง “ทีนี้ จูปิเตอร์ เธอเป็นคนฉลาด ลองคิดดูอีกที
ทำไมฉันต้องทำให้เธอเข้าใจว่าฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นด้วยเล่า มีประโยชน์อะไร
คำขู่พวกนั้นที่ฉันพูดไปกับเธอตอนต้นด้วย ทำไมฉันต้องพยายามให้เธอกลัว?”
“ใครจะไปรู้” เธอพูดเสียงเย็น
“คิดสิ เธอฉลาด” นั่นไม่ใช่คำชม
แต่เป็นคำสั่ง เขายืนตัวตรง ท่วงท่าสง่างามน่านับถือ
ไม่ง่ายนักสำหรับเด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีที่จะสร้างลักษณะนิสัยได้อย่างที่เขาเป็น
น้ำเสียง การพูด จังหวะ ท่าทาง ถึงจะดูไม่น่าไว้ใจ แต่อดคล้อยตามไม่ได้
จูปิเตอร์จะไม่ปล่อยให้จิตใจและความคิดตกอยู่ในอุ้งมือเขา เธอมองนิ่ง ยืนนิ่ง
ไม่คิดสิ่งใดทั้งนั้น ไม่ทบทวนการกระทำของเขา หรือคำพูดของมาร์ส
ทุกอย่างเป็นเกมที่เขาลากเธอลงไปเล่นอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันจะกลับล่ะ”
จูปิเตอร์พูดอย่างท้าทาย
“ฉันทำลงไปเพื่อทดสอบเธอ”
ทอมรีบพูดขึ้นทันที เอื้อมมือคว้าชายเสื้อกันหนาวของเธอไว้ทัน เธอไม่เสียหลัก
แม้จะอยู่ระหว่างการหมุนตัวและก้าวขาไปข้างหน้า
เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายเขาจะรั้งเธอไว้ “ฉันอยากรู้ว่าถ้าฉันทำให้เธอกลัว
รังเกียจ ถึงขั้นขยะแขยง เธอจะโต้ตอบฉันยังไงเมื่อฉันตามไปยุ่มย่าม
มีผู้หญิงบางคนหรือหลายคนคงยินดีที่จะให้ฉันคิดแบบนั้นกับพวกหล่อน...”
“นายคิดได้ยังไงว่าฉันจะยินดี”
จูปิเตอร์ถามอย่างหัวเสีย
“เธอก็น่าจะเห็นสเตลล่า” ทอมบอก
“แล้วยังไง” เธอถามต่ออย่างอดทนอดกลั้น
ไม่หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาท้าดวลเสียตรงนี้ “ผลจากการทดสอบฉัน”
“เธอรับมือทุกเรื่องด้วยความนิ่ง
มีสติ รอบคอบ ไม่ว่าฉันจะแหย่เธอเท่าไหร่ เธอวางตัวได้ดีเสมอ เธอฉลาด มีไหวพริบ
เท่าทันคน และใจเย็น” เขาพูดอย่างจริงจัง ทุกคำฟังดูเป็นความจริงจากใจ น้ำเสียงและแววตาของเขาดูน่าเชื่อถือ
ไม่มีรอยยิ้มโปรยเสน่ห์อย่างที่เขาชอบใช้ประจำ
จูปิเตอร์เดาไม่ออกแล้วจริงๆว่าเขาเล่นลูกไม้อะไรอยู่
“ที่พูดมาทั้งหมด
เพราะอยากให้ฉันช่วยหารัดเกล้าเรเวนคลอ” จูปิเตอร์สรุป คิดจะลองใจอีกฝ่าย
เขาผายมือทั้งสองออกข้างตัว ยักไหล่
“ด้วยความสัตย์จริง ใช่” ทอมพยักหน้ายอมรับโดยง่าย “ลองคิดนะ จูปิเตอร์
ถ้าเธอเรียนจบในอีกสองปี แล้วห้าปีหลังจากนั้น
ตอนที่เธอทำงานในกระทรวงอย่างเบื่อหน่าย เธอนึกย้อนกลับมาถึงวันนี้
วันที่เธอปฏิเสธไม่ลองค้นหาความลึกลับของเรเวนคลอ
ทั้งที่เธอสติปัญญาและคุณสมบัติมากพอที่จะลองทำ เธอจะเสียดายหรือเปล่า
เพราะสำหรับฉัน การที่ฉันได้ค้นพบความลับของซัลลาซาร์ สลิธีริน
ทำให้ฉันตื่นเต้นมาก ทำให้ฉันได้รู้ว่าจริงๆแล้วแม่ของฉันไม่ใช่มักเกิ้ลอ่อนแอ
แต่มีสายเลือดของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ค่า
ไม่ใช่ความผิดหวัง หรือความผิดพลาดของใคร ฉันได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเอง
และฉันคิดว่าคนฉลาดเช่นเธอ ควรมีโอกาสได้ลับคมสติปัญญา ฉันคิดว่าปริศนาของเรเวนคลอ
ยากยิ่งกว่าสลิธีรินหลายเท่า ฉันไม่มีปัญญาไปสู้ได้”
แวววูบไหวในดวงตาของเด็กบ้านเรเวนคลอ
เป็นหลักฐานชั้นดีว่าที่เขาเปลืองน้ำลายหว่านล้อมกำลังประสบผล มาร์สเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวในครอบครัวของเธอทั้งหมด
เขารู้ว่าพ่อของเธอกลัวว่าเธอจะเป็นสควิบ หลอกเธอให้ตกหน้าผา
เพื่อดูว่าเธอจะกลับขึ้นมาได้เองหรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ นายเบิร์กก็ตั้งใจจะให้ลูกสาวตายไปเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่เป็นกาฝากของครอบครัว
ปมปัญหาในใจของเธอคือเรื่องนี้ จูปิเตอร์ยังพยายามพิสูจน์ว่าเธอคือลูกสาวที่คู่ควร
ทั้งหมดที่เธอทำตลอดหลายปี คะแนนที่เธอได้ ตำแหน่งพรีเฟ็ค การเป็นนักเรียนดีเด่น
แต่ทั้งหมดยังไม่พอ นายเบิร์กยังคงเทิดทูนลูกชายอย่างเมอร์คิวรี
แม้มาร์สแทบจะไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนตอนยังเด็กเลย
แต่แฝดชายยังคงเป็นที่รักของพ่อกับแม่ จูปิเตอร์สู้พี่ชายไม่ได้
ทั้งที่เธอรู้ว่าตัวเองฉลาดและเก่งกว่า ทำไมจึงไม่ได้รับความรักแบบเดียวกันบ้าง
ทอมหยิบนาฬิกาออกมาดูเวลา
และเงยหน้าขึ้นบอกเธอ “ฉันต้องไปแล้ว ไว้เจอกันในชั้นเรียน จูปิเตอร์”
เด็กหนุ่มตัวสูงก้าวห่างออกมา
แอบชำเลืองมองกลับไปที่ร่างเด็กสาว เธอหันไปมองผิวน้ำทะเลสาบ เมฆก้อนใหญ่เคลื่อนออกจากดวงอาทิตย์
แสงจึงลอดผ่านลงมาตกกระทบบนร่างของเธอและผืนน้ำ เกิดเป็นแสงระยับ
เขาไม่ได้ตรงกลับไปที่ปราสาท แต่เดินเลี่ยงไปทางชายป่า
เลือกหามุมที่จะเห็นเหตุการณ์ริมทะเลสาบได้ชัดเจนที่สุด
แอแบรกซัส
มัลฟอยลงมือไปแล้วในตอนเที่ยงวัน เขาจะได้เห็นผลลัพธ์บ่ายวันนี้เอง
อยากรู้ว่าคาถาสะกดใจของพ่อมดตระกูลมัลฟอยจะทรงพลังเทียบเท่ากับเขาได้หรือไม่
ทอม ริดเดิ้ลยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ
นักเรียนหญิงบ้านเรเวนคลอกำลังเดินตรงเข้าไปหาจูปิเตอร์พร้อมไม้กายสิทธิ์ในมือ
เพเนโลพี เฮสติงส์ ยังสวมชุดสำหรับฝึกซ้อมควิดดิช และโรซาลินด์ เลิฟกู๊ด
เพื่อนสนิททั้งสองคนของจูปิเตอร์ โจมตีเธอจากด้านหลัง ใช้คาถาสะกดนิ่ง
ร่างของเด็กสาวล้มลง คงเป็นความรู้สึกตกใจ สะพรึงกลัวและเสียใจอย่างมากที่เพื่อนรักหักหลังและลอบทำร้าย
ทอมได้ยินเสียงร้อง เสียงตะโกนถามว่าทำไม เสียงขอร้องวิงวอน
โรซาลินด์ร่ายคาถามัดมือมัดเท้าเธอไว้
เพเนโลพีลากตัวเธอลงไปในทะเลสาบอย่างเหี้ยมโหด
ทำไมหรือจูปิเตอร์? ทำไมเขาต้องโหดร้ายแบบนี้กับเธอ?
คำตอบนั้นง่ายแสนง่าย เธอจะต้องไม่เหลือใคร ไม่มีใครรัก ไม่รู้สึกรักใคร
เพื่อสุดท้ายแล้ว เธอจะเป็นของเขาโดยสมบูรณ์
TALK
ฉันคิดว่าทุกคนน่าจะเคยมีช่วงเวลาที่... ไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้า มาดีหรือมาร้าย บางครั้งก็ดูร้ายจัง บางครั้งกลับไม่เป็นอย่างนั้น แต่ก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน ประมาณนี้ ฉันเขียนให้ทอมปั่นหัวจูลแบบนี้แหละค่ะ
ตอนนี้ทุกคนคงคิดว่า ทำไมมันดาร์คจัง 555+ จูลจะลุกขึ้นสู้บ้างไหม คำตอบคือ ลุกแน่นอนค่ะ แต่จะสำเร็จไหม อันนี้ต้องคอยดูกันไป
เนื้อเรื่อง เหตุการณ์ สถานที่ประกอบฉาก มีความขนานกับฟิคซัลลาซาร์เยอะอยู่เหมือนกัน เหตุการณ์เกิดขึ้นในฮอกวอตส์นี่น่า และฉันชอบริมทะเลสาบฮอกวอตส์มากเลยค่ะ ชอบทิวทัศน์ตรงจุดนี้มากๆ ยังไงๆ พระ-นางของฉันในฟิคแฮร์รี่ ก็ต้องจีบกันแถวนี้แหละ เอ่อ... แต่ทอมกับจูล จะเรียกว่า จีบกันได้ไหมเนี่ย?
บายเดอะเวย์ ใครเล่นทวิตเตอร์ ไปหวีดกันได้ที่ แท็ก #NotoriousTMR นะคะ
ความคิดเห็น