ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Doctor Strange/OC Fic] The Strangest Case

    ลำดับตอนที่ #5 : The curious man

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 59




    The Strangest Case



    Chapter 5 :  The curious man


                    ไม่มีอะไรดีไปกว่าชาใส่นมยามบ่าย ฝนตกกระทบหน้าต่าง และด็อกเตอร์ไม่อยู่บ้าน แมวไม่อยู่ หนูร่าเริงเป็นธรรมดา รู้ไหมว่าฉันสงสัยมาตลอดเลยว่า ชีวิตของเขาก่อนหน้านี้เป็นยังไงบ้างกันแน่ ฉันรู้ว่าเขาเป็นศัลยแพทย์ผู้มีชื่อเสียง โด่งดัง หยิ่งยโสโอหัง น่าตบ นั่นเป็นฉากหน้าที่เรารู้เกี่ยวกับตัวเขา ฉันกำลังหมายถึงอะไรที่ลึกลงไปกว่านั้น เช่น ครอบครัว แฟนสาว หรืออาจจะแฟนหนุ่ม แหม เขาอาจจะเป็นเกย์ก็ได้นี่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไหนๆวันนี้ฉันก็อยู่ตามลำพังในแซงทั่ม จะรื้อจะค้นอะไรสักหน่อย ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง


                    ดังนั้นแทนที่จะทำตัวเป็นเด็กดีในโอวาท นั่งอ่านหนังสือตามที่ด็อกเตอร์สั่ง หรือ อยู่ในที่ๆควรอยู่ ฉันกระโดดลงจากเก้าอี้ตัวโปรดในห้องสมุด ทิ้งถ้วยชาและโถใส่บิสกิตไว้อย่างนั้น ก่อนจะเดินตัวปลิวออกจากห้อง มีหลายส่วนในคฤหาสน์นี้ที่ฉันยังไม่ได้สำรวจ หนึ่งในนั้นคือห้องส่วนตัวของด็อกเตอร์ และนี่แหละคือจุดประสงค์ในวันนี้ ขุดคุ้ยประวัติส่วนตัวที่หาไม่ได้จากกูเกิล เขาบอกกันว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ถึงฉันไม่ได้อยากสู้รับกับเขา แต่รู้เรื่องเขาไว้บ้างก็ดี เขาเหมือนจะรู้เรื่องฉันเยอะแยะทั้งที่ฉันไม่เคยเล่า มันไม่เท่าเทียมกันเลยนะ ถ้าเขาจะรู้อยู่ฝ่ายเดียว แต่ฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย


                    ฉันรู้ ฉันทำตัวไม่น่ารัก เหมือนคุณป้าช่างสอด เหมือนแมวขี้สงสัย แต่ถามหน่อย ไม่อยากรู้กันหรอว่าห้องส่วนตัวของด็อกเตอร์สตีเฟ่น สเตรนจ์เป็นยังไง? ไหน ยกมือซิ คนที่บอกว่าฉันไม่ควรเข้าไปน่ะ หรือถ้าไม่ชอบจะหยุดอ่านซะตอนนี้เลยก็ได้ แล้วก็ข้ามไปอ่านตอนหน้าแทน แต่อาจจะอดอะไรดีๆไปก็ได้นะ


                    ฉันผลักประตูเข้าไป ประหลาดใจที่เห็นห้องแสนธรรมดา วิวสวยกว่าห้องฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก เขาเป็นเจ้าของบ้าน เขามีสิทธิ์ได้ห้องวิวสวยแบบนี้  นี่รู้กันแค่เรานะ ฉันออกจะสงสัยหน่อยๆว่าด็อกเตอร์เป็นเกย์หรือเปล่า คิดดูดีๆ ผู้ชายที่ไหนแต่งตัวเนี้ยบขนาดนั้น ฉันพูดถึงสมัยที่เขาเป็นหมอด้วยนะ แล้วยังทรงผมแบบนั้นอีก กับการไว้หนวดเครา กลิ่นน้ำหอม ครีมทาหน้า แล้วดูห้องนี้สิ ฉันเป็นผู้หญิงยังอายเลย ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้แต่ปากกาดินสอที่เสียบอยู่ในถ้วยยังจัดเรียงลำดับตามความสูง จัดแยกสีเรียงจากเข้มไปอ่อนอีกต่างหาก นี่แค่ปากกากับดินสอนะ เอาล่ะ เราจะไปต่อกันที่ตู้เสื้อผ้านะคะ ท่านผู้ชม ไหนดูซิ ฉันเปิดประตูตู้เสื้อผ้าผ่างออกมา เห็นละแทบอยากมุดแทรกแผ่นดินหนี ขณะที่ตู้เสื้อผ้าฉันเหมือนถ้ำสยองขวัญ แต่ของเขาเหมือนมีแม่บ้านสักสิบคนคอยดูแลให้ เสื้อนอนพับเป็นระเบียบ แยกตามสี และเรียงลำดับเช่นเคย ชุดปฏิบัติงานที่เขาชอบใส่ประจำมีคล้ายคลึงกันหลายชุด ซึ่งแขวนไว้อย่างเรียบร้อยเช่นกัน มีชุดสูทออกงาน เนกไทม้วนเรียบร้อยอยู่ในลิ้นชัก ฉันเปิดลิ้นชักต่อไป และก็สะดุดตากับสิ่งหนึ่ง


                    นาฬิกาสายหนังสีดำ หน้าปัดมีรอยร้าวอย่างที่ควรเอาไปเปลี่ยนได้แล้ว แต่เข็มนาฬิกายังเดินอยู่ คำถามก็คือ ทำไมเขาไม่จัดการมันให้เรียบร้อย เขามีเวทมนตร์ แค่ไม่กี่วินาที เขาก็ได้นาฬิกาเรือนเดิมกลับมาแล้ว ทำไมต้องปล่อยให้หน้าปัดมันร้าวแบบนั้น ฉันหรี่ตาลง หยิบนาฬิกาขึ้นมา อืม เขาไม่ได้ดูแลรักษามันอย่างดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีนาฬิกาเรือนอื่น นอกจากเรือนนี้ แสดงว่าเรือนนี้ต้องเป็นของพิเศษมากทีเดียว สายหนังมีรอยถลอกหลายแห่ง อนุมานได้ว่า เขาน่าจะเคยทำหล่น หรือครูดกับพื้นผิวหยาบๆ ทำให้สายหนังเสียหายแบบนี้ ฉันพลิกดูด้านหลัง และก็ต้องถึงบางอ้อ



                    เวลาจะบอกเองว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน คริสทีน



              โอ้ เจอของส่วนตัวสุดๆเข้าแล้วสินะ เรื่องเกย์ตัดออกไปได้เลย คำถามต่อมา ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว อยากรู้ชะมัด รู้จักกันตอนทำงานหรือเปล่านะ แต่ท่าทางด็อกเตอร์ไม่น่าชอบกับเพื่อนร่วมงานได้หรอก เขาดูวางท่าเป็นมืออาชีพ ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน เอาล่ะ ลองสำรวจดูอีกสักหน่อยว่านาฬิกานี้บอกอะไรอีกบ้าง ฉันพลิกไปพลิกมา น่าจะมีอายุการใช้งานมากกว่าสามปี เขาคงจะเอาออกมาเช็ดทำความสะอาดบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ เพราะฉันไม่เคยเห็นเขาใส่มันเลย แต่นาฬิกาก็ไม่มีแม้แต่ฝุ่นเกราะ หน้าปัดใสแจ๋ว ตัวเรือนด้านล่างก็เหมือนผ่านการเช็ดถูประจำ เขาอาจจะเอามันออกมายืนดูอย่างอาลัยก็ได้ มีความเป็นไปได้สองกรณี คือ หนึ่งเธอคนนี้เสียชีวิตไปแล้ว สองพวกเขาแยกทางกัน แต่ด็อกเตอร์ยังมีใจให้เธออยู่ ฉันค่อนข้างเชื่อว่าเป็นอย่างที่สองมากกว่า


                    ฉันวางนาฬิกากลับคืนที่เดิม และปิดลิ้นชัก ทั้งที่ตอนแรกอยากเข้ามาขุดคุ้ยชีวิตส่วนตัวของเขาแท้ๆ แต่พอเจอแบบนี้เข้าไป ฉันกลับรู้สึกผิดชอบกลแฮะ นี่ๆ ฉันก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้างนะ เหมือนฉันเผลอเดินเหยียบบาดแผลของด็อกเตอร์เข้าอย่างจังยังไงก็ไม่รู้สิ


                    ฉันหมดอารมณ์จะรื้อค้นอะไรต่อ จึงเดินออกจากห้อง เหมือนจะล่องลอยยังไงชอบกล และหงุดหงิดแปลกๆด้วย ไม่เข้าใจเลยว่าเป็นอะไร แต่ช่างเถอะ กลับไปอ่านหนังสือต่อน่าจะดีกว่า คิดได้ดังนั้น ฉันก็เร่งฝีเท้ากลับไปทางห้องสมุด หัวสมองยังเต็มไปด้วยถ้อยคำที่สลักอยู่ด้านหลังนาฬิกา และจินตภาพหน้าตาของผู้หญิงที่ชื่อคริสทีน โอ๊ย ออกไปจากหัวฉันเดี๋ยวนี้ ไอลีน อาร์เจนต์ จะเป็นเด็กดีในโอวาท นั่งอ่านหนังสือแล้ว ฉันพลิกหน้ากระดาษ ตั้งสติ จะอ่านต่อละนะ ดวงตาแห่งอกามอตโต้ เป็นวัตถุทรงอำนาจที่ใช้สำหรับ...


                “อาร์เจนต์!”


                    เฮ้อ อะไรอีกล่ะ กลับมาเร็วแท้ ฉันสะดุ้งเฮือกเลยตอนได้ยินเสียงเรียก เดาจากน้ำเสียงร้อนรนแบบนั้น แสดงว่าฉันต้องรีบลงไป ฉันลุกจากเก้าอี้ วิ่งออกจากห้องสมุด และวิ่งพรวดลงบันได ที่โถงด้านล่าง ฉันเห็นด็อกเตอร์กำลังประคองชายอีกคนที่ฉันไม่รู้จัก


                    “เกิดอะไรขึ้น” ฉันถาม มองชายแปลกหน้าที่แทบจะยืนไม่อยู่ สลับกับด็อกเตอร์


                    “เขาถูกทำร้ายโดยอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นตัว” ด็อกเตอร์ตอบ ใช้เวทมนตร์ประคองเขาให้ลอยขึ้น และเดินฉับๆไปทางห้องพยาบาล ฉันวิ่งตามเข้าไปอย่างสนใจ เมื่อร่างของชายแปลกหน้าอยู่บนเตียงพยาบาลและด็อกเตอร์กำลังจะทำการรักษา ฉันก็เริ่มสำรวจเขาทันที สำรวจทั้งคู่เลยนั่นแหละ ฉันเห็นรอยเปื้อนเลือดเป็นแถบบนชุดของด็อกเตอร์ บอกได้ว่าเขาเป็คนลากชายบาดเจ็บคนนี้ออกมาจากอะไรก็ตามที่ทำร้ายเขาอยู่ ดูจากรอยขาดที่แขนเสื้อและเลือดไหลซิบๆของด็อกเตอร์ ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่แค่มีดหรือดาบ


                    “โอ้ พระเจ้า ฉันต้องอยู่ดูด้วยหรอ?” ฉันร้องออกมา เมื่อด็อกเตอร์เปิดเสื้อของชายบาดเจ็บ เผยให้เห็นแผลเหวอะหวะ เลือดเต็มหน้าอก


                    “บอกมา คุณเห็นอะไรบ้าง” ด็อกเตอร์สั่ง


                    “คุณจะให้ฉันบอก ระหว่างที่คุณทำแผลให้เขาไปด้วยน่ะหรอ” ฉันถาม ถลึงตามอง


                    “ใช่”


                    สั่งเสียงเฉียบขาดเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาอย่างนั้น ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้สิ “ก็ได้” ฉันผ่อนลมหายใจ เอื้อมมือไปทางกระเป๋ากางเกง ล้วงดูทั่วๆ “เขาไม่พกอะไรเลย เขาไม่ใช่คนจรจัดหรอกใช่ไหม ไม่ ไม่ใช่แน่ คนจรจัดไม่แต่งตัวดูดีแบบนี้ สูทนี่ของอาร์มานี่” ฉันโบกมือตรงหน้าเขา สูดกลิ่นฟุดฟิด ได้กลิ่นเลือดปะทะเต็มจมูก ขณะที่ด็อกเตอร์เริ่มร่ายเวท “กลิ่นน้ำหอมผู้ชายของเวอร์ซาเช่ ถ้าเขาไม่เป็นนักธุรกิจ ก็ต้องเป็นพนักงานระดับสูงของบริษัท” ฉันขยับไปที่ปลายเท้าของเขา “รองเท้าหนังกลับ เปื้อนโคลน โคลนจะมาจากไหนได้ถ้าเขาไม่ได้เข้าไปในเซ็นทรัลปาร์ค คำถามคือ เขาไปทำอะไรในเซ็นทรัลปาร์คตอนฝนตก” ฉันขยับเดินขึ้นมา และยกมือเขาขึ้นดู “มือหยาบมาก อย่างคนทำงานหนัก เขาเป็นนักธุรกิจที่ไต่เต้าความสำเร็จด้วยตัวเอง ไม่สิ เขาเป็น...” คำพูดของฉันขาดหายไป พอดีกับที่การรักษาเสร็จสิ้นพอดี


                    “ขอบคุณ” ชายคนนั้นขยับลุกขึ้นนั่ง “ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตผมไว้”


                    “คุณเป็นผู้ใช้เวทย์ใช่ไหมคะ” ฉันโพล่งขึ้นมากลางคัน


                    “ไม่มีอะไรที่ผมจะปิดบัง จอมเวทย์อย่างด็อกเตอร์สเตรนจ์และคนของเขาได้สินะครับ” ชายคนนั้นหันมาทางฉัน ดวงตาสีดำสนิทเป็นประกายแวววับ


                    “ถ้าคุณอยากปิดบัง ก็คงต้องซ่อนแหวนเวทย์ให้ดีกว่านั้น ห้อยอยู่กับรังดุมด้านในเสื้อสูท คล้องอยู่กับนาฬิกาโบราณ คุณแค่ชอบของเก่า หรือว่ามีชีวิตอยู่มานานแล้วล่ะค่ะ” ฉันถามต่อทันที


                    “ให้ผมแนะนำตัวก่อนแล้วกันนะครับ” เขาโค้งคำนับอย่างผู้ดีอังกฤษเลยทีเดียว “ผมคือลอร์ดนีครอน เป็นผู้ใช้เวทย์ชาวอังกฤษ และกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางรอบโลกเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของตัวเอง ผมแวะไปที่เนปาลและพบหว่อง เพื่อนของคุณแล้ว เขาแนะนำว่าผมจะพบคุณได้ที่นี่ ผมเองก็อยากมาเยือนอเมริกา แต่ระหว่างทางก่อนจะมาถึง ผมพบกับอริเก่าเข้าเสียก่อน คุณคงยังไม่เคยได้ยินชื่อ ซาตานนิช ใช่ไหมครับ ด็อกเตอร์”


                    “ยังครับ” ด็อกเตอร์ตอบ ฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อนั้นเหมือนกัน คำว่า ซาตาน คุ้นหูสำหรับทุกคน แต่ ซาตานนิช ? ชื่ออะไรแบบนั้น แต่ฉันสงสัยอยู่อย่าง ตกลงว่าคนที่จะหาด็อกเตอร์เจอได้ ต้องถูกหลอกไปเนปาลก่อนทุกคนเลยสินะ


                    “เขาก็เหมือนซาตานอย่างที่คุณเคยรู้จักนั่นแหละครับ” ลอร์ดนีครอนเริ่มเล่าต่อไป “อาศัยอยู่ในนรก มีพลังมหาศาล ในสมัยที่ผมฝึกเวทมนตร์แรกๆนั้น ผมบ้าและมัวเมาในอำนาจมาก อยากจะมีพลังให้มากขึ้น อยากจะเป็นได้อย่างดิแองเชี่ยนวัน ความทะเยอทะยานของผม ทำให้ผมทำอะไรที่บ้ามากลงไปครับ ด็อกเตอร์ ผมเรียกซาตานนิชขึ้นมา เขาสัญญาจะให้พลังที่แม้แต่ดิแองเชี่ยนวันก็ไม่มี รวมถึงอายุขัยด้วย ผมยอมรับใช้เขาอยู่หลายปี จนกระทั่งบาปกรรมนั้นตามผมทัน ลูกเมียของผมถูกฆ่าตาย และคนที่กินดวงวิญญาณของพวกเขาไปก็คือซาตานนิช เขาบอกว่าทั้งลูกและเมียมีแต่จะทำให้ผมอ่อนแอ เขาช่วยกำจัดความอ่อนแอนั้นให้แล้ว ผมตาสว่างตอนนั้นเองครับ ไม่มีอะไรในโลกจะสำคัญเท่าคนที่ผมรักทั้งสองคนนั้นอีกแล้ว ผมจึงหนีจากซาตานนิช และตอนนี้เขาตามล่าผม เพื่อหวังจะลากวิญญาณของผมลงนรก”


                    “คุณถึงตามหาผม” ด็อกเตอร์พูดขึ้น


                    “ใช่ครับ ผมไปเนปาล เพราะคิดว่าศิษย์คนสุดท้ายของดิแองเชี่ยนวันอยู่ที่นั่น แต่หว่องบอกกับผมว่า คุณอยู่ที่นี่ ผมถึงเดินทางมา ยังไงผมก็ต้องขอบคุณครับด็อกเตอร์ที่ช่วยผมจากสมุนคนหนึ่งของซาตานนิช ผมเกือบจะไม่รอดแล้วเชียว” ลอร์ดนีครอนพูดต่อ “ที่ผมมาหาคุณ ไม่ใช่แค่เพราะผมอยากขอให้ช่วยผมเท่านั้น ผมล่วงรู้แผนการสมคมคิดระหว่างซาตานนิช กับ ดอร์มามมู”


                    “ว่าต่อครับ ลอร์ดนีครอน” ด็อกเตอร์เริ่มสนใจอย่างจริงจังขึ้นมาทันที ฉันได้ยินชื่อ ดอร์มามมู เป็นครั้งที่สองแล้ว เหมือนจะเคยเห็นในหนังสือผ่านๆว่าเป็นผู้ปกครองมิติมืด และด็อกเตอร์ก็เคยพูดว่าเอาชนะมาได้แล้วครั้งหนึ่ง


                    “เพื่อให้ดอร์มามมูเปิดมิติมืดมาสู่โลกมนุษย์ได้ ซาตานนิชตั้งใจจะล้างบางเหล่าผู้ใช้เวทย์ครับ” ลอร์ดนีครอนบอก “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว ด็อกเตอร์ ผมยอมเสี่ยงออกจากที่ซ่อนเพื่อมาเตือนคุณ”


                    “ขอบคุณมาก ลอร์ดนีครอน” ด็อกเตอร์พูดอย่างใจเย็น “ผมคิดว่าวันนี้คุณคงเหนื่อยมาก ทั้งเดินทางไกล และถูกจู่โจมโดยสมุนของซาตานนิช ผมแนะนำให้คุณพักผ่อนเสียก่อน ระหว่างที่คุณพัก ผมจะปรึกษาหารือกับทีมของผมในเนปาลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมรับรองว่าจะต้องมีวิธีการรับมือกับเรื่องนี้ได้แน่นอน ให้ผมไปส่งคุณที่ห้องนะครับ” เขาผายมือไปด้านหน้าให้ท่านลอร์ดเดินไปก่อน ก่อนจะหันมามองฉัน ส่งสายตาที่ฉันเข้าใจได้ทันที ฉันพยักหน้านิดเดียว และเดินตามออกจากห้องไปด้วย แต่เดินแยกกลับไปที่ห้องสมุด


                    ฉันเดินลิ่วไปตามชั้นหนังสือ ดึงออกมาเปิดดูดรรชนีด้านหลัง หาเล่มใดก็ตามที่มีเรื่องของซาตานนิชปรากฏอยู่ เมื่อได้ประมาณสี่ห้าเล่มเต็มวงแขนแล้ว ก็นำออกมาวางแผ่บนโต๊ะ เริ่มใช้วิธีการกวาดตาอ่านคร่าวๆ และใช้โทรศัพท์เข้าอินเตอร์เน็ต หาชื่อของลอร์ดนีครอน ระหว่างที่รอให้ด็อกเตอร์มาสมทบ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง ฉันก็เงยหน้าขึ้นทันที ร่างสูงโปร่งของด็อกเตอร์เดินลิ่วๆเข้ามา ผ้าคลุมสีแดงโบกสะบัดน้อยๆอยู่ด้านหลัง


                    “ฉันไม่ไว้ใจเขา” ฉันเริ่มเปิดประเด็นก่อนเลย


                    “ว่ามา” ด็อกเตอร์รอฟัง


                    “ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง” ฉันบอก “เรื่องของเขามีช่องโหว่ ทำไมซาตานนิชจะต้องกำจัดความอ่อนแอของเขาด้วยล่ะคะ ถ้าสิ่งที่ซาตานนิชต้องการคือดวงวิญญาณเป็นทาสรับใช้ ทำไมไม่เอาวิญญาณของลอร์ดไปเลย วิญญาณของผู้ใช้เวทย์นะคะ น่าจะมีค่ากว่าวิญญาณธรรมดาอย่างลูกและเมียเขา ทำไมจะต้องเลี้ยงให้ลอร์ดแข็งแกร่งขึ้นมาด้วย มันไม่... ไม่สมเหตุสมผล แล้วก็เรื่อง ดอร์มามมู เขาอาจจะแต่งขึ้นมาก็ได้ เพราะเขารู้ว่าคุณเคยชนะดอร์มามมูมาก่อน มันเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้คุณใช่ไหมล่ะ พวกผู้ใช้เวทย์ทุกคนน่าจะรู้เรื่องนี้กันหมด เขายกขึ้นมาเพื่อให้คุณสนใจ ฉันมั่นใจเลยว่า เขามีเจตนาแฝงที่ไม่ค่อยดีกับคุณเท่าไหร่”


                    “เยี่ยมมาก อาร์เจนต์” ด็อกเตอร์กล่าวชม “ผมก็คิดเหมือนคุณ ก็เลยขังเขาไว้ที่ห้องข้างบนแล้ว”


                    “โอ้” ฉันอุทานเบาๆ “แล้วเราจะทำยังไงกับเขาต่อ”


                    “เราจะดูท่าทีไปก่อน” ด็อกเตอร์ตอบ “ผมอยากได้ข้อมูลเรื่องเขามากกว่านี้”


                    “ฉันกูเกิลชื่อเขาอยู่ รอเดี๋ยว” ฉันก้มหน้าลงมองโทรศัพท์ “เสียใจด้วย ดูเหมือนกูเกิลจะไม่รู้อะไรเรื่องลอร์ดนีครอน” ฉันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างเซ็งๆ “คิดว่าจะมีหนังสือเกี่ยวกับเขาไหม? คงไม่สินะคะ ถ้าเรามีรายชื่อทั้งหมดของผู้ใช้เวทย์ก็คงดีนะ ด็อกเตอร์ แต่ก็น่าจะยากใช่ไหมคะ ผู้ใช้เวทย์บางคนอาจจะไม่อยากเปิดเผยตัว คงเหมือนกรณีอย่างตอนซีวิลวอร์ ฮีโร่ไม่ได้อยากขึ้นทะเบียนทุกคน”


                    “อืม” ด็อกเตอร์ส่งเสียงจากลำคอ จ้องหน้าฉันนิ่ง มีอะไรบางอย่างในแววตาที่ทำให้ฉันนิ่งเงียบไป


                    เคยเป็นกันใช่ไหม เวลาโกหกผู้ใหญ่ หรือแอบทำอะไรลับหลังพวกเขา แล้วก็กลัวว่าพวกเขาจะรู้ บางทีก็รู้สึกเหมือนว่าเขาอ่านใจเราได้อย่างนั้น ฉันยืนนิ่ง อย่าเหงื่อแตกตอนนี้เด็ดขาดเชียวนะ มันจะยิ่งทำให้น่าสงสัย เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น ดวงตาสีเทายังจับจ้องไม่วาง ฉันเดินถอยหลังจนชนกับโต๊ะที่วางหนังสือไว้ หมดหนทางหนีโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าหลบตา ก็จะกลายเป็นว่าฉันยอมรับผิด ซึ่งยังไงฉันก็ไม่มีวันยอม เขาไม่มีทางรู้หรอกน่าว่าฉันทำอะไร มันชักจะใกล้เกินไปแล้ว ฉันหายใจติดขัด และหัวใจก็เต้นแปลกๆด้วย


                    “ด็อกเตอร์คะ” ฉันเรียกเขาเบาๆ “คุณจะช่วยถอยออกไป...”


                    “คุณเข้าไปในห้องผม” ตาย ตาย ตายแน่ๆ ฉันตายแน่ มือที่ใหญ่กว่ากำรอบข้อมือข้างขวาของฉันและดึงให้ชูขึ้น ก่อนที่เขาโน้มใบหน้าลงไปดมที่มือของฉัน ปลายจมูกชนกับปลายนิ้ว “และแตะของที่ไม่ควรแตะด้วย” เขาปล่อยมือฉันอย่างแรง สะบัดตัว ขยับออกห่างไป “มีคำอธิบายให้กับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคุณไหม?” ดวงตาสีเทามองฉันเหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก


                    “ฉัน... คือ ฉัน...” เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ฉันพูดไม่ออก “ฉันสงสัย”


                    “คุณสงสัย” ด็อกเตอร์ทวนคำ “คุณถามผมได้ทุกอย่าง”


                    “แต่คุณอาจจะไม่ตอบทุกอย่างนี่” ปากดันไวกว่าสมอง มันใช่เวลาพูดอะไรแบบนี้ไหม


                    “ซึ่งนั่นก็เป็นสิทธิ์ของผม” ด็อกเตอร์บอก “ผมไม่เคยถามเรื่องครอบครัวคุณ...”


                    “นั่นเพราะคุณรู้อยู่แล้ว คุณรู้โดยไม่ต้องถามสักหน่อย” ฉันเถียงก่อนจะทันได้คิดว่า ยืนเงียบสงบเสงี่ยมน่าจะช่วยให้ฉันรอดจากสถานการณ์นี้ได้ดีกว่า แต่มันก็พูดไปแล้ว “ก็แค่ ฉันรู้สึกไม่ยุติธรรม คุณรู้เรื่องฉันทุกอย่างโดยไม่ต้องถาม ไม่ต้องพยายาม แต่ฉันไม่รู้เรื่องคุณ”


                    “แล้วทำไมอยู่ๆ คุณถึงสนใจผมขึ้นมาล่ะ” แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที


                    “ฉันเปล่า”


                    “จริงหรอ?” ด็อกเตอร์เลิกคิ้วขึ้นสูง ก้าวขายาวๆเข้ามาใกล้อีก ผ้าคลุมสีแดงเต้นระริกอยู่บนไหล่ของเขา ชายผ้าทั้งสองข้างเหมือนกำลังจะหยอกล้อฉันอยู่ ไม่ยุติธรรมเลย ฉันนึกว่าผ้าคลุมของเขาชอบฉันซะอีก ทำไมคราวนี้ไม่อยู่ข้างฉัน แต่อยู่ข้างเขาเฉยเลย


                    “ฉันไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นล่ะ” ฉันเสียงดังขึ้นมากกว่าปกติ “สงสัยน่ะ ด็อกเตอร์ คนฉลาดก็ขี้สงสัยแบบนี้แหละ ฮ่าฮ่า” ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะ นึกหาเรื่องหนีจากสถานการณ์ได้ละ “ฉันไปโทรหาหว่องนะ เผื่อเขาจะตอบคำถามเรื่องลอร์ดนีครอนได้ ส่วนคุณก็ ระวังหน่อยละกัน เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฝีมือระดับไหน” ฉันพูดจบ ก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้องสมุด เหมือนวิ่งหนีผีออกจากบ้านสยองขวัญ รู้สึกหน้าร้อนผ่าว และใจเต้นแรงจนอยากจะด่าตัวเองดังๆ          















    Writer's talk

    ฉันว่า Benedict Cumberbatch เป็นคนที่มีกะโหลกสวยค่ะ จะหารูปหน้าที่สมบูรณ์ขนาดนี้ได้ยากอยู่นะคะ แถมเครื่องหน้าทั้งสองฝั่งยังเท่ากันด้วย เป็น Symmetry สุดๆ OwO 

                     

                     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×