ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Northern Lights [Bill Skarsgard]

    ลำดับตอนที่ #4 : Starry Night

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 62



    Northern Lights

    Chapter 4 : Starry Night



                การถ่ายทำในลอสแองเจลิสเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่บิลยังไม่สามารถบินกลับสวีเดนได้ เขามียังคิวถ่ายอีกเรื่องในแมสซาชูเซตซึ่งจะกินเวลายาวนานยิ่งกว่า คงได้บินกลับบ้านแค่ช่วงคริสมาสต์ที่กำลังจะมาถึงในอีกสองเดือน แล้วบินกลับมาถ่ายทำซีรีส์อีกครั้ง เขาได้รับบทเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดอีกแล้ว แถมเป็นซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสตีเฟ่น คิง นำเมืองคาสเซิลร็อกที่มักปรากฏเป็นคามีโอในผลงานต่างๆของคิงมาเล่า ดูเหมือนหน้าตาของเขาจะดึงดูดบทบาทในลักษณะนี้ ทั้งที่จริงแล้ว เขาไม่ใช่คนชอบดูหนังสยองขวัญเอาเสียเลย ต้องไอยา น้องสาวที่รักของเขา รายนั้นเริ่มดูหนังผีสยดสยองตั้งแต่วัยรุ่น เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยร้องกรี๊ดหรือสะดุ้งเฮือกตกใจกับฉากน่ากลัวต่างๆ  



                   จาเร็ด ซีเลอร์ ผู้จัดการจากบริษัทเอเจนซี่ที่คอยดูแลเขาในอเมริกาจะบินไปส่งเขาที่แมสซาชูเซต  จัดการเรื่องที่พัก และจิปาถะ อยู่เป็นเพื่อนเขาประมาณหนึ่งอาทิตย์ รอให้ทุกอย่างลงตัว จาเร็ดจำเป็นต้องบินไปนิวยอร์กเพื่อดูแลนักแสดงอีกคน บิลไม่บ่นอะไรในเรื่องนี้ เขาไม่ใช่นักแสดงเรื่องมากที่ต้องขอให้ผู้จัดการอยู่ด้วยตลอดเวลา เขาคิดว่าเวลาหนึ่งอาทิตย์ ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง เขาคงเริ่มผูกมิตรกับคนในกองถ่ายซีรีส์ได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างนั่งเครื่องบินข้ามรัฐอันแสนไกล บิลหยิบเรื่องย่อของมาอ่านอีกครั้ง เขาชอบรายละเอียดในบทภาพยนตร์และบทซีรีส์ อ่านแล้วเพลินดี น่าเสียดายที่โปรดิวเซอร์ยังไม่ยอมส่งบทมาให้อ่านเต็มๆ เขาใช้เวลาบนเครื่องบินอ่านทำความเข้าใจตัวละคร บทบาทเดอะคิด หรือเฮนรี่ ซับซ้อนกว่าเพนนีไวส์ที่เขาเคยเล่น เขาไม่รู้สักนิดว่าตัวละครนี้ต้องการอะไร ทำทุกสิ่งลงไปเพราะเหตุใด ถ้าได้ประชุมกับผู้กำกับและคนเขียนบท เขาคงเข้าใจมากกว่านี้



                แมสซาชูเซต ช่วงเดือนตุลาคม ใบไม้เปลี่ยนสีไปหมดแล้ว ถ้าพวกเขาอยากได้บรรยากาศน่ากลัวกว่านี้ ควรถ่ายภาพด้านนอกเมืองในช่วงฤดูหนาว หรือฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศหลังฝนตกมีหมอกลง บิลเดาว่าในช่วงสองเดือน พวกเขาคงถ่ายส่วนที่อยู่ในอาคาร แล้วกลับมามาเก็บภาพอีกทีในช่วงมกราคมจนถึงเมษายน เท่าที่บิลอ่านคร่าวๆ มีทั้งฉากในหิมะเดือนมกราคมด้วย บิลค่อนข้างยุ่งตั้งแต่วันแรก เข้าพบโปรดิวเซอร์และผู้กำกับ พวกเขาช่วยให้บิลเข้าใจตัวละครมากขึ้น เขาได้พบนักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วยกัน และที่สำคัญกว่านั้นคือต้องลดน้ำหนักลงมากกว่าเดิมอีก เพื่อฉากเปลือยท่อนบนในเรือนจำ อันที่จริง บิลรู้สึกว่าเขาผอมอยู่แล้ว แต่พวกเขาอยากให้ผอมมากกว่านี้อีกหน่อย ถ้าเขาพูดอย่างนั้นอาจหมายความว่า นายต้องผอมสุดๆไปเลย ดูเหมือนขี้ยาน่ากลัวได้เลยยิ่งดี บิลคิดอย่างประชดประชัน เพราะหงุดหงิดที่ต้องอดอาหาร เขาไม่ชอบการอดอาหารทรมานตัวเอง



                โมเนต์ไม่ได้อัพโหลดวีดีโอใหม่ เขาเห็นความเคลื่อนไหวของเธอผ่านทวิตเตอร์ โปรแกรมท่องเที่ยวสวีเดนของเธอเริ่มต้นอย่างจริงจังในอาทิตย์ที่สอง หลังจากงานทางการที่ต้องเข้าร่วมจบลงทั้งหมดแล้ว เธอทวิตรูปภาพทุกวัน แค่วันละหนึ่งครั้ง เป็นภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนใหญ่บิลรู้จักดี เขาเคยไปมาทั้งหมด ล้วนแต่เป็นสถานที่เด่นดังของสตลอกโฮล์มและสวีเดน เธอไปถึงอุทยานแห่งชาติอะบิสโกในคืนวันพฤหัสบดี และจะอยู่จนถึงเช้าวันเสาร์ ก่อนกลับเข้าเมืองอีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวไปสนามบินและกลับประเทศไทย เธอทวิตภาพถ่ายพื้นหิมะกว้างสุดลูกหูลูกตา พร้อมข้อความบอกว่าการตามล่าแสงเหนือเริ่มต้นขึ้นแล้ว เธอไม่เคยเห็นแสงเหนือมาก่อน คิดว่าต้องร้องไห้แน่ๆ ถ้าได้เห็นครั้งแรก บิลเลื่อนดูหน้าทวิตเตอร์ของเธอลงไปข้างล่าง ภาพเซลฟี่ของเธอกับอเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด มีคนรีทวิตออกไปสามพันกว่าคน จำนวนเมนชั่นด้านล่างไม่มากนัก ส่วนใหญ่บอกว่าโชคดีจังเลย เพื่อนของเธอมาบอกว่าอิจฉา อยากแทรกร่างเข้าไปอยู่ตรงกลาง พร้อมอิโมจิหัวเราะ เธอตอบเมนชั่นเฉพาะคนที่เธอรู้จักหรือคุ้นเคยในทวิตเตอร์



                บิลเริ่มกระบวนการอดอาหาร กินได้แค่โปรตีนเพื่อประทังไม่ให้ร่างกายทรุดโทรมจนเกินไป การถ่ายทำฉากของเขาจะเริ่มสัปดาห์หน้า หลังจากผู้จัดการอำลาบินไปนิวยอร์ก แต่บิลได้รับอนุญาตให้เข้าไปในกองก่อนได้ เพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่และทุกคนมากขึ้น ตอนกลางวันเขาจึงอยู่โรงถ่ายทำตั้งแต่เช้าจรดเย็น บทของเขาไม่จำเป็นต้องทำตัวเคยชินหรือสนิทสนมกับใคร เดอะคิดค่อนข้างน่ากลัว เงียบขรึม สีหน้าที่บิลต้องแสดงออก แทบจะมีอารมณ์เดียวคือ เฉยเมย งงๆ แต่เขาต้องแสดงให้เดอะคิดดูลึกลับเข้าไว้ ดูเหมือนจะง่าย แต่กลับไม่ง่ายนัก



                เมืองออเรนจ์ แมสซาชูเซต มีบรรยากาศคล้ายยุคแปดศูนย์ ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์สยองขวัญสมัยเก่า แต่เมื่อภาพประกอบตามตึกรามบ้านช่องเป็นใบไม้สีส้ม เหลือง แดง และน้ำตาล ทุกอย่างก็พลันสวยขึ้น บิลออกจากโรงแรมไปถ่ายรูปในตอนเย็น ยามอาทิตย์ใกล้ตกดิน เขาส่งไปในห้องแชทให้พี่น้องของเขาดู



                ไอยาเฟซไทม์มาหาในวันศุกร์ก่อนจะเข้านอน ที่อเมริกาสี่โมงเย็น ส่วนสวีเดนสี่ทุ่ม บิลกำลังอยู่ข้างนอกพอดี ไอยาจึงได้เห็นภาพทิวทัศน์ของสวนสาธารณะด้านหลังพี่ชาย แต่ทักเรื่องบิลก่อนเป็นอย่างแรก



                “พี่ผอมลง” ไอยาบอก



                “เธอก็ผอม” บิลยิ้มตอบกลับ มองหน้าน้องสาวบนจอโทรศัพท์



                “งานของฉัน ต้องทำตัวให้ผอม” ไอยายักไหล่ “แต่พี่ผอมลงจริงๆ ดูแก้มสิ ซูบหมดแล้ว ถ้าแม่เห็นนะ แม่ตกใจแย่เลย พวกเขาให้ลดน้ำหนักลงอีกหรือ?”



                “ใช่” บิลพยักหน้ารับ “แต่พี่ไม่เป็นไร สบายมาก วันนี้เธอทำอะไรไปบ้าง”



                “ไปเยี่ยมพ่อ” ไอยาตอบ “เขากำลังวุ่นวายกับน้องเล็กสองคนของพวกเรา ไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่”



                “มีอะไรหรือเปล่า?” บิลถาม น้ำเสียงอ่อนโยน น้องสาวคงไม่เฟซไทม์มาหาตอนก่อนนอน ไอยาเป็นคนนอนไว ไม่ชอบนอนดึก ประมาณสามทุ่มครึ่งไอยาจะเตรียมตัวเข้านอนแล้ว



                “ทะเลาะกับซีค” ไอยาตัดสินใจบอกตามความจริง ซีคคือแฟนหนุ่มของไอยาที่คบกันมาได้พักใหญ่แล้ว “พอมานั่งคิดตอนนี้แล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่มันน่าหงุดหงิดอยู่ดี”



                “ถ้าเขาทำน้องสาวพี่ร้องไห้ พี่จะบินกลับสวีเดนไปเตะก้นเขาเดี๋ยวนี้เลย” บิลพูดอย่างจริงจัง



                ไอยาหัวเราะ “ฉันไม่ชอบให้คนอื่นแก้ปัญหาให้”



                “นี่ไม่ใช่แก้ปัญหา แค่เตะเบาๆ ถ้าเขายังงี่เง่าอีก เขาก็เป็นไอ้โง่แล้ว” บิลบอก พลางเดินไปที่ม้านั่งตัวยาวใต้ต้นไม้



                “ฉันต่างหากที่งี่เง่า ไม่ใช่เขา” ไอยาพูด แล้วหัวเราะแห้งๆ



                “เธอเป็นควีนของพวกเรา เธอมีสิทธิ์งี่เง่าเต็มที่” บิลพูดตามความจริง ไอยาเป็นน้องสาวคนเดียวของครอบครัว ทุกคนเอ็นดูเธอมากที่สุด แต่เธอก็เป็นคนที่ดุที่สุดในครอบครัวเช่นกัน



                “ทั้งพี่ พ่อ แม่ ทำฉันนิสัยเสีย เอาแต่ใจ” ไอยาสั่นศีรษะไปมา



                “น้องสาวที่รัก เธอมีพวกเราเสมอ ทั้งพี่ชายของเธอ ทั้งวอลเตอร์น้องชายของเธอ แต่ถ้าเธอยังรู้สึกดีๆกับซีค รักเขา และเขาก็รักเธอ พี่คิดว่าพวกเธอจะหาทางปรับตัวเข้าหากันได้เอง ไม่ว่าจะอย่างไร จะยากแค่ไหน จะต่างแค่ไหน ถ้าคนๆนั้นถูกกำหนดให้อยู่ข้างเรา เราก็จะอยู่ข้างกัน เชื่อพี่สิ” บิลพูดปลอบใจ



                “อืม จริงของพี่” ไอยาพยักหน้า ริมฝีปากคลี่ยิ้ม “ขอบคุณพี่มากๆนะ ในบรรดาพี่ชายทั้งสี่คน มีพี่ที่ปกติสุด”



                “พี่แซมไม่ปกติหรือ?” บิลขมวดคิ้ว



                “ปกติดี แต่ฉันไม่อยากรบกวนเวลาพี่แซม ตอนนี้เขาน่าจะนอนกอดภรรยาไปแล้ว” ไอยาตอบ



                “เธอเลยเฟซไทม์หาคนโสด?” บิลเลิกคิ้วสูง



                “โธ่ คนอย่างพี่ โสดไม่นานหรอก ฉันรู้” ไอยากลอกตา



                พี่น้องคุยเล่นกันอีกห้านาที ไอยาอ้าปากหาวหวอด บิลจึงไล่น้องไปนอนและบอกราตรีสวัสดิ์ ไอยาบอกให้เขาพักผ่อนเพียงพอ ทำงานให้สนุก รีบกลับมาบ้าน ทุกคนที่นี่จะขุนจนแก้มพี่กลับมาป่องเหมือนเดิม บิลหัวเราะอย่างขำขันกับคำพูดของน้องสาว กล่าวลากันจริงๆและกดวางสาย



                บิลตรงกลับโรงแรมโดยไม่แวะที่ใดอีก เขาเปิดโทรทัศน์เพื่อดูสารคดีสัตว์ทางทีวี ต่อสู้กับความหิวด้วยการมองสิงโตตัวผู้ล่ากวาง หรืองูเขมือบกระต่ายลงไปทั้งตัว เขาคว้าโทรศัพท์มาเปิดดูระหว่างรายการเข้าโฆษณา ไถหน้าไทม์ไลน์ทวิตเตอร์ไปเรื่อยเปื่อย ดูข่าวการเมืองที่สวีเดนประจำวันนี้ และข่าวอื่นทั่วไป สุดท้ายบิลอดทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว เขาพิมพ์ชื่อโมเนต์ในช่องค้นหาจนได้ พักแถวอุทยานอะบิสโกเป็นคืนที่สองแล้ว น่าจะมีโชคได้เห็นแสงเหนือ เขากดเข้าไปดูหน้าทวิตเตอร์ของเธอ เธอรีทวิตวีดีโอถ่ายทอดสดจากแอคเคาท์ของไอซ์



                รอบด้านมืดจนแทบมองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร ไอซ์คงยืนอยู่ข้างหลังโมเนต์ บิลเห็นเธอแล้วจำได้ แม้จะเป็นด้านหลังก็ตาม เขายังรู้สึกแปลกใจเลยที่รู้ว่าเป็นเธอ



                “เธอร้องไห้แล้ว” เสียงของเจนผ่านเข้ามาในวีดีโอ พูดเป็นภาษาอังกฤษ “ไม่คิดว่าจะร้องไห้จริง ยัยเด็กน้อยเอ๊ย” เจนที่ตัวสูงกว่าโอบไหล่โมเนต์ โยกตัวคนอายุน้อยกว่าไปมา ไอซ์เลื่อนกล้องขึ้นด้านบน เหนือศีรษะของหญิงสาวทั้งสอง บนท้องฟ้าดวงดาวพร่างพราว ไม่มีเมฆ ฟ้าโล่งโปร่ง แสงสีเขียวเรืองเคลื่อนไหวคล้ายผ้าม่านอยู่เหนือเทือกเขาไกลลิบที่ปกคลุมด้วยหิมะ วีดีโอจบลงเพียงแค่นี้ จบดื้อๆอย่างน่าเสียดาย



                สำหรับบิลที่เกิดและเติบโตในประเทศนั้น เขาเห็นแสงเหนือหลายครั้งจนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ในสตลอกโฮล์มอาจเห็นยากหน่อย เพราะมีแสงสีในเมืองรบกวนเยอะเกินไป แต่พ่อแม่พาพวกเขาไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติตั้งแต่เด็ก บิลเคยข้ามไปฟินแลนด์และนอร์เวย์ เห็นชัดยิ่งกว่าที่เธอเห็น แต่บิลเข้าใจความรู้สึกตื่นเต้นของเธอ เขาอยากรู้ว่าคลิปวีดีโอชิ้นต่อไปที่จะลงยูทูปเป็นเรื่องแสงเหนือหรือไม่ คืนนี้เธอจะทวิตเพิ่มไหม? บิลดูวีดีโอซ้ำอีกหนึ่งรอบ ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกตัว นี่เขากำลังสนใจเธอมากเกินไปหรือเปล่า? ตามติดชีวิตเธอเกินไปไหม? ทำไมเขาต้องทำอะไรอย่างนี้ด้วย? เหมือนพวกแฟนคลับที่กำลังตามนักแสดงหรือนักร้อง คิ้วของเขาขยับชนกันจนเกิดรอยย่นบนหน้าผาก



                บิลยังไม่พร้อมกับความสัมพันธ์ยุ่งยาก เขาอยากทุ่มเทให้งาน การชอบหรือรักใครสักคนเป็นเรื่องที่ดี แต่ตามมาด้วยความเครียด และความเสี่ยงในหลายด้าน เขาเพิ่งจบความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่งไปเมื่อปีก่อน ระยะเวลาอาจนานจนควรเริ่มต้นใหม่ แต่บิลกำลังพอใจชีวิตขณะนี้ ทำงานอย่างสงบสุข ไม่ต้องตามเอาใจใส่ ไม่ต้องตามง้อ ไม่ต้องยุ่งยากปรับตัวเข้าหากัน ดูอย่างไอยากับแฟน ทั้งที่คู่นี้เข้ากันได้ดีเสมอ ยังไม่พ้นมีเรื่องทะเลาเบาะแว้ง บิลเบื่อกับความรู้สึกพวกนั้น ความรู้สึกโหยหา คิดถึง หรือหงุดหงิดใจอีกฝ่าย การทะเลาะกัน พูดจาโต้เถียงกัน แม้สุดท้ายจะปรับความเข้าใจได้ แต่มักมีหนามทิ่มคาในใจเสี้ยวหนึ่งเสมอ สุดท้ายความหวานชื่นกลายเป็นรสขม อยู่ข้างกันเพียงเพราะเป็นหน้าที่และความเคยชิน เขาเห็นอย่างนั้นจากพ่อกับแม่มาแล้ว เขากับแฟนคนล่าสุดก็มีปัญหาเช่นนั้น กระทั่งตัดสินใจว่าเลิกกัน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด



                ผู้หญิงมักมีความคาดหวัง เพราะเขาคือบิล สการ์สการ์ด พวกเธอยิ่งคาดหวังสารพัดอย่าง เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง แค่มีอาชีพนักแสดง ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสมบูรณ์แบบ เขามีกลิ่นปากยามเช้าเหมือนคนอื่นๆ เขาขี้เกียจ ไม่ชอบตื่นเช้า ลืมเรื่องที่เขาจะตื่นมาทำอาหารเช้าไปได้เลย บางครั้งเขาก็เอาแต่ใจตัวเองเหมือนกัน ถ้าอารมณ์เสียก็ไม่พูดไม่จาเป็นวัน เขาอาจจะไม่ค่อยโกรธใครง่ายนัก แต่ถ้าโกรธแล้ว การอภัยเป็นเรื่องที่ทำใจรับยากที่สุด เขาไม่ได้ดูหล่อเหลาอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครดูดีตลอดเวลาได้หรอก เวลาเขาเมา ชอบพูดมาก ร้องเพลงไม่ได้เรื่อง หญิงสาวที่ผ่านเข้ามาบางคนพยายามสร้างความประทับใจ เมื่อเขาสนใจเธอ เปิดเผยให้เธอรู้เกี่ยวกับตัวเขาทีละนิด จนเธอพบว่าเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่เธอวาดฝัน ก็ทะเลาะกัน ผิดใจกัน สร้างบาดแผลทิ้งไว้ในใจ เขาขอไม่ชอบไม่รักใครไปอีกสักพักใหญ่เถอะ



                โมเนต์รีทวิตรูปภาพจากเจนขึ้นบนหน้าทวิตเตอร์ของเธอที่บิลยังเปิดค้างไว้ ในรูปเห็นเธอครึ่งตัวสวมเสื้อกันหนาวตัวใหญ่โคร่งแน่นหนาสีเหลือง หญิงสาวยกแขนปิดหน้าไปครึ่งหนึ่งเพราะกำลังปาดน้ำตา ด้านหลังเป็นพื้นที่โล่งเต็มไปด้วยหิมะหนา เห็นทิวเขาไกลๆ และเบื้องบนเป็นฟ้าพร่างดาวระยิบระยับกับม่านสีเขียวอมฟ้าบางเบา เธอรีทวิตแบบแสดงความคิดเห็น เขียนข้อความสั้นๆเป็นภาษาไทย ซึ่งเขาต้องกดแปลอีกแล้ว



                ฉันจะจดจำภาพท้องฟ้าคืนนี้ไว้ตลอดไป



                   ข้อความนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ รูปภาพนี้ก็ธรรมดา เธอเหมือนคนเอเชียอพยพหนีความลำบากมาต่างแดนด้วยซ้ำ ไม่ได้สวย ไม่ได้น่ารัก แสนจะธรรมดาและเป็นธรรมชาติ เธอไม่อายที่ร้องไห้ เปิดเผย จริงใจ เขามองภาพนั้นนานเป็นนาที พลางสงสัย เธอเป็นแฟนคลับคนหนึ่งของเขา ถ้าเธอรู้ว่าเขาตามดูวีดีโอของเธอ ชื่นชมเธอ ถ้าเขาทักเธอไปด้วยแอคเคาท์จริง โมเนต์จะทำอย่างไร คิดอีกที เขายังไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ ไม่ใช่เพราะชอบไปทางอื่นนอกจากความชื่นชม และสบายใจที่ได้เห็นเรื่องราวของเธอ แต่เขาไม่ต้องการรู้จักเธอในชื่อบิล สการ์สการ์ดเลย



                เป็นแค่แอคเคาท์นิรนามในชื่อ WildScar นี้ก็พอ



                บิลกดตรงไอค่อนสำหรับทิ้งความคิดเห็น เขาเลือกพิมพ์แค่คำเดียวว่า Beautiful ตามด้วยอิโมจิรูปดาว



                หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากบิลอาบน้ำเสร็จ และกินขนมปังไปหนึ่งแผ่นเพราะทนความหิวไม่ไหว เขาหยิบโทรศัพท์มาดู มีการแจ้งเตือนจากทวิตเตอร์ เธอตอบกลับมาด้วยสัญลักษณ์เป็นภาพท้องฟ้าและดวงดาว



                จริงๆแล้วคำนั้น บิลไม่ได้หมายถึงท้องฟ้าหรือดาว  










    TALK

    ไปค่ะ เก็บเงิน ตามรอยน้องมโนไปสวีเดน 

    สำหรับเด็กกรุงเทพ เกิดและโตที่กทม. โอกาสเห็นดาวน้อยมาก ฉันเคยเห็นดาวแบบเต็มฟ้า เต็มสุดๆ พร่างสุดๆ ครั้งเดียวค่ะ ครั้งเดียวจริงๆ ตอนไปเที่ยวสวนผึ้ง แล้วนอนกลางทุ่ง รอบข้างปิดไฟหมด สวยมาก สวยจน... ฉันบรรยายไม่ถูก มันตื้นตันใจ แงงงงง น้ำตานี่ซึมๆอยู่ตรงขอบตาล่าง







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×