ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Northern Lights [Bill Skarsgard]

    ลำดับตอนที่ #3 : Selfie

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 62



    Northern Lights

    Chapter 3 : Selfie



                โมเนต์อัพเดทวีดีโอทุกวันในอาทิตย์แรกที่เธออยู่สตลอกโฮล์ม ทุกอย่างช่างเหมือนฝันไป เธอจำไม่ได้ว่าเคยมีความสุขและตื่นเต้นมากเท่านี้มาก่อนไหมในชีวิตที่ผ่านมา อากาศที่นี่เย็นจัด แต่ยังโชคดีที่พวกเขาเจอแดดบ้าง ไม่อย่างนั้นเธอคงแข็งตาย เมื่อรู้จากเจ้าหน้าที่ดูแลทีมว่าอีกสองเดือน จะเป็นเดือนที่หนาวและมืดนานที่สุด โมเนต์กับเพื่อนร่วมทางฟังไปตัวสั่นไป โรงแรมที่พวกเขาเข้าพัก อาหารมื้อแรก อาการเจ็ตแล็ก ความกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับงานเปิดตัวนิทรรศการ ทั้งหมดนี้เธอเล่าไว้ในวีดีโอวันแรก บิลกดดูทันทีที่หลังเลิกกอง และมีเวลาว่างอยู่ตามลำพัง เขาไม่สามารถดูวีดีโอของเธอในช่วงพักที่กองถ่ายหรือระหว่างรอเข้าฉาก คนพลุกพล่านเกินไป เขาไม่อยากให้มีคนบังเอิญเห็นแล้วกลายเป็นข่าวลือผิดๆ ดังนั้นเขาจะอ่านข่าวหรือแค่ฟังเพลงเท่านั้นขณะอยู่กอง



                วันที่สองเธอไปเที่ยวชมเมือง ตามสถานที่สำคัญต่างๆ เธอประทับใจพระราชวังสตลอกโฮล์ม บิลคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ใครๆก็ชอบที่นั่นทั้งนั้น เธอไม่ได้ถ่ายวีดีโอด้านในมาด้วย ถ่ายรูปแค่ไม่กี่ใบกลับมาเท่านั้น แต่จากการฟังเธอพูดขณะเดินไปบนถนน ถือกล้องหันเข้าหน้าตัวเอง เธอร่าเริงแจ่มใส มีชีวิตชีวา ยิ้มจนแก้มจะปริ โลกทั้งใบเหมือนจะสดใสยิ่งกว่าฤดูใบไม้ผลิ ทั้งที่หนาวตัวสั่น เสื้อกันหนาวหลายชั้นคลุมอยู่บนตัว เธอจามสองที สะดุดขาตัวเองสองครั้งขณะเดิน รุ่นพี่ที่ชื่อเจนจับข้อศอกเธอไว้ทันก่อนจะหกล้ม พวกเธอหัวเราะกันยกใหญ่ สุดท้ายไอซ์รับอาสาช่วยถือกล้อง หันเข้าหน้าเขาเองประมาณสามรอบ เพื่อแสดงความคิดเห็น บอกถึงความแตกต่างระหว่างสตลอกโฮล์มและกรุงเทพ บิลฟังแล้วรักสตลอกโฮล์มมากกว่าเดิมอีก เขาจะบ่นเรื่องการเมืองกับที่บ้านให้น้อยลงบ้างก็แล้วกัน



                วันที่สาม เป็นวันท่องเที่ยวอิสระ ก่อนจะถึงวันงานอย่างเป็นทางการ เธอเล่าว่าในวันพรุ่งนี้ต้องไปกระทรวงวัฒนธรรมในช่วงเช้า และร่วมงานเปิดงานนิทรรศการในตอนค่ำ เธอไม่รู้เรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารเลย การใช้ช้อนแบบต่างๆ ช้อนตักซุปคืออะไรก็ยังไม่รู้ เพราะไม่เคยร่วมงานแบบนี้มาก่อน เธอประหม่า และบิลรู้สึกว่าเธอน่าเอ็นดูเวลาประหม่า วิธีที่เธอโคลงศีรษะไปมา จมูกย่นๆขณะถอนหายใจ ไม่ห่วงสวย แต่กลับดูน่ารักไปอีกแบบ เธอใช้เวลาวันที่สามครึ่งเช้ากับการเตรียมตัวสำหรับงานพรุ่งนี้ ส่วนช่วงบ่าย เจน ไอซ์ และผู้ที่ได้รับรางวัลจากประเทศอื่นในแถบเอเชียช่วยกันออกไปเดินเที่ยวเล่น เธอไม่ได้ถ่ายวีดีโอในช่วงนั้นมาด้วย มีแค่ช็อตสั้นๆตอนไปกินข้าวในร้านอาหาร



                เย็นวันเดียวกันนั้น ก่อนเวลาหกโมงเล็กน้อย แต่ที่สวีเดนก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ห้องแชทครอบครัวสการ์สการ์ดมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น



                “พรุ่งนี้มีใครอยากไปงานนิทรรศการศิลปะระหว่างประเทศไหม?” อเล็กซานเดอร์พิมพ์ถามเข้ามาในห้องแชท “งานศิลปะที่จัดแสดงเป็นแนวร่วมสมัย ผสมผสานระหว่างตะวันออกแถบเอเชีย กับสแกนดิเนเวีย อาหารฟรี เครื่องดื่มฟรีตลอดงาน อร่อยด้วย อเล็กซานเดอร์การันตี ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”



                “ไปไม่ได้ แลกเวรไว้ ต้องไปอยู่แทนพรุ่งนี้” แซมตอบกลับมาทันที เขาเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิง แซมเป็นหมอประจำแผนกไอซียูที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ



                “ไม่เป็นไร แซม ตั้งใจทำงานนะ” อเล็กซานเดอร์ตอบ พร้อมอิโมจิยิ้มยิงฟัน แซมตอบกลับด้วยอิโมจิแบบเดียวกัน



                “ผมก็ไปไม่ได้” วอลเตอร์พิมพ์บอก



                “โธ่ พี่ต้องไปคนเดียวหรอ? น้องไอยา น้องสาวที่รัก ว่างไปกับพี่ไหมคนดี” อเล็กซานเดอร์พิมพ์ตัวแอดแล้วตามด้วยชื่อของไอยา



                “ฉันนอนไปแล้ว พี่รู้ไหม ดูนาฬิกาบ้างสิ นี่กี่โมงแล้ว คุยกันอยู่ได้” ทุกคนแทบจะจับน้ำเสียงต่อว่าของไอยาได้ แม้จะเป็นตัวอักษรบนหน้าจอก็ตาม



                “พี่เปิดโหมดห้ามรบกวนไปเลย” วอลเตอร์แนะนำ



                “คงต้องทำอย่างนั้น ฉันนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า” ไอยาทิ้งไว้แค่นั้น แล้วเงียบหายไป



                “ถ้าบิลอยู่สตลอกโฮล์มตอนนี้ คงมีคนไปกับพี่แล้วล่ะ” กุสตาฟที่เพิ่งมาถึง ตามเรื่องราวได้ทันท่วงที



                “นายก็ไปไม่ได้หรอ กุสตาฟ?” อเล็กซานเดอร์ถามคล้ายมีความหวัง



                “ไปไม่ได้” กุสตาฟบอก “เสียดายจังที่บิลไม่อยู่”



                บิลที่นั่งอ่านอยู่สักพักใหญ่แล้ว จับพิรุธแปลกๆของพี่ชายออก อย่างที่เขาพูดกัน คนในครอบครัวรู้จักกันดี โตมาด้วยกัน ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด ก็รู้ใจ รู้ทันกัน บิลตัดสินใจปิดโทรทัศน์ในห้องพักของเขา เพื่อตั้งสติมาตอบข้อความโดยเฉพาะ ชายหนุ่มเอนหลังพิงโซฟา รัวนิ้วพิมพ์



                “ผมเคยทำท่าทางว่าอยากไปตอนไหน?” บิลกดส่ง



                “อ้าว แล้วใครมาถามก่อน ใครร้อนรน?” กุสตาฟเหมือนจะแซว



                “บิล เอาดีๆ นายสนใจอะไรในงาน” อเล็กซานเดอร์ซัก



                “นายไม่เคยถามไถ่ว่าใครไปงานนี้งานนั้นไหม ได้รับเชิญไหม เพราะนายไม่เคยสนใจงานไฮโซหรืองานของรัฐบาลอะไรแบบนี้” กุสตาฟบอก



                “ถ้าเป็นกีฬาอย่างชกมวย หรือแข่งรถ นายถึงจะสน หรือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์จัดงาน นายถึงถาม ถึงรบเร้าว่าอยากไป” อเล็กซานเดอร์เสริมเป็นลูกคู่



                “งานกระทรวงวัฒนธรรมกับภาพศิลปะ เป็นงานประเภทที่นายจะบ่นว่าสิ้นเปลือง เอาเวลาไปช่วยองค์กรยูนิเซฟดีกว่า” กุสตาฟใส่เป็นชุด



                “หรือบ่นว่าแค่สีปาดๆ ทำไมคิดราคาตั้งแพง” อเล็กซานเดอร์พิมพ์ต่อ ราวกับสองคนนี้ซ้อมมือกันมา



                ที่หายเงียบไปหลายวัน พวกพี่ๆคงไปนั่งคิดจับผิดเขาใช่ไหม นี่ว่างกันมาก รวยและดังมากพอจนไม่ต้องกระเสือกกระสนหางานทำแล้วหรือไง รอบนั้นเขาอุตส่าห์เงียบไม่ตอบ เพื่อให้พวกพี่ลืมเรื่องนี้กันไป ดันถูกขุดขึ้นมา พรุ่งนี้ตอนที่ทุกคนตื่นกันเต็มตา ทั้งแซม ไอยา วอลเตอร์ ได้อ่านย้อนข้อความทั้งหมด เรื่องที่บิลคิดจะเก็บไว้อย่างเงียบเชียบ คงไม่เป็นความลับอีกต่อไป บิลยังไม่แน่ใจว่าเขาคิดอย่างไรกับผู้หญิงที่เห็นบนยูทูป ความคิดของเขาก็แค่ น่ารักดี แปลกตาดี ยิ้มสวย เข้มแข็งเสมอ เหมือนดอกทานตะวันในตอนเช้าหันเข้าหาแสงอาทิตย์ ถ้าได้เจอและรู้จักจริงๆ ความรู้สึกชื่นชมอาจเปลี่ยนไปก็ได้ เราไม่อาจเชื่อสิ่งที่เห็นบนอินเตอร์เน็ต การได้รู้จักเพียงแค่นี้ อาจเพียงพอแล้ว แต่เขาก็สงสัย อยากรู้ว่าตัวตนของเธอเป็นอย่างไร อย่างน้อย ถ้าผ่านสายตาของอเล็กซานเดอร์ เธอดูเป็นคนยังไง น่ารักและดูเป็นมิตรอย่างในวีดีโอไหม



                หากตัวตนจริงๆของเธอเย่อหยิ่ง ไม่น่าคบ เขาจะได้เลิกรอดูวีดีโอของเธอเสียที



                “ผมตามนักวาดชาวไทยอยู่คนหนึ่ง เห็นว่าเขาได้รับรางวัลหนึ่งในสามจากบรรดาผลงานทั่วประเทศของเขา และได้บินไปร่วมงานที่สตลอกโฮล์ม ก็เลยสนใจอยากรู้แค่นั้นเอง” บิลพิมพ์ตอบอย่างมีสติ คิดครบถ้วนดีแล้ว ไม่ได้ระบุว่าคนไหน อเล็กซานเดอร์คงไม่ไปตามหาหรอก



                “ก็แค่นี้” กุสตาฟส่งอิโมจิยักไหล่มาท้ายคำ



                “นายจะยึกยักทำไมตั้งนาน” อเล็กซานเดอร์ถาม “ฉันนึกว่านายไปชอบสาวในกระทรวงวัฒนธรรม”



                “เลิกยัดเยียดให้ผมมีแฟนซะที” บิลเขียนทั้งประโยคด้วยอักษรพิมพ์ใหญ่ “เพราะพี่หาแฟนไม่ได้ ถึงมายุ่งวุ่นวายยัดเยียดผมนัก”



                “โกรธอีกแล้ว” อเล็กซานเดอร์พิมพ์กลับมาเหมือนงอนๆ “พี่คิดว่าจะถ่ายรูปเซลฟี่กับศิลปินชาวไทยมาให้ดู ขอลายเซ็นมาให้ จะไม่ทำแล้ว”



                   บิลกลอกตา ส่งเสียงคำรามเบาๆจากลำคอ พิมพ์ตอบกลับห้วนสั้นว่า “ไม่ได้ขอ”



                บิลกดออกจากแอพลิเคชัน ขอไม่รับรู้การสนทนาต่อมาของพี่ชายทั้งสอง เขาลุกขึ้นยืน คิดจะใช้เวลาที่เหลือในเย็นนี้ไปเข้ายิมเสียหน่อย โรงแรมมีห้องยิมบริการอย่างดี เขาจึงไม่ต้องออกไปไหนไกล บิลเปลี่ยนเสื้อไปใส่ชุดกีฬากางเกงขาสั้นสบายๆ และลงลิฟต์ไปที่ชั้นห้า ใช้เวลาที่นั่นเกือบชั่วโมงครึ่ง จนเขารู้สึกว่าเหงื่อออกกำลังดี จึงตัดสินใจกลับขึ้นห้องและโทรสั่งอาหารมื้อค่ำขึ้นมากิน คืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบเหงา แต่มีความสงบและเป็นส่วนตัวอย่างที่เขาชอบ ผู้จัดการรู้ว่าเขาไม่ชอบเจ๊าะแจ๊ะพูดมาก รายนั้นจึงไม่เคยมาวุ่นวายในห้องพักของเขา นอกจากจะมีธุระสำคัญเร่งด่วน



                เช้าวันถัดมา เขาไม่มีคิวถ่ายทำ บิลตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย เขาไม่ใช่พวก morning person หรือ early bird ที่ชอบตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า อันที่จริงเขาเป็นคนขี้เซา และไม่มีทางตื่นเช้าได้เอง ถ้าไม่มีนาฬิกาปลุก อากาศช่วงสายแดดจ้า เขาสวมแว่นตากันแดด ใส่ยีนตัวโปรด เสื้อยืดกับหมวกแก๊ปธรรมดา พร้อมออกไปเที่ยวข้างนอก และหาอาหารมื้อสายกินที่ไหนสักแห่ง การเป็นนักแสดงต่างชาติและพักอยู่ในโรงแรมย่านฮอลลีวูด ลอสแองเจลิส ไม่ได้วุ่นวายหรือต้องหวาดกลัวว่าพวกแฟนคลับจะวิ่งบ้าคลั่งเข้าใส่ตลอดเวลา บิลเคยเจอสภาพนั้นมาบ้างช่วงที่หนังเรื่อง It กำลังเข้าฉายและดังเป็นพลุแตก ระหว่างโปรโมทมีปัญหาติดขัดเพราะหลบแฟนคลับบ้าคลั่งนี่แหละ แต่ถ้าคุณมาที่นี่แบบไม่บอกใคร ไม่เป็นข่าว ไม่ได้ออกรายการ แค่มาทำงานซึ่งเป็นโปรเจกต์ลับๆ ไม่มีใครรู้นอกจากคนที่ทำงานด้วยกัน คุณก็พอจะมีเวลาสงบเป็นของตัวเอง เดินเล่นบนถนนวอล์กออฟเฟรมได้ตามสบาย



                ฮอลลีวูดเป็นเมืองที่มีสีสัน กลางเก่ากลางใหม่ มีความผสมผสานและแฟนตาซีมากอยู่เช่นกัน คำว่าแฟนตาซี ในทีนี้ บิลกำลังหมายถึง ความเพ้อฝันของผู้คน เขามีเพื่อนนักแสดงที่เล่าให้ฟังว่า ทิ้งบ้านเกิด ขับรถตะลอนจากเมืองบ้านนอกห่างไกลของอเมริกา มาที่นี่เพื่อไล่ตามความฝัน บางครั้งบิลอิจฉาที่พวกเขามีเรื่องเล่าน่าสนใจอย่างนั้น หลายคนพยายามเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้โอกาส มีบางคนที่แค่เดินเข้าไปซื้อพิซซ่าและเจอแมวมองเข้า เรื่องราวพวกนี้ล้วนน่าสนใจ แต่สำหรับบิล เขาเกิดและเติบโตในครอบครัวนักแสดง บิลไม่มีเรื่องราวอย่างนั้นเลย ถ้ามองในมุมหนึ่ง คล้ายกับว่าชีวิตออกจะจืดชืด แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะทุ่มเทกับทุกบทบาทที่ได้รับเสมอ



                บิลอยู่ข้างนอกตลอดวัน นั่งรถไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ กินอาหารในร้านธรรมดา ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คิดถึงสตลอกโฮล์มที่สุด อเมริกันไม่มีอะไรเหมือนที่นั่น ดูแค่ไฟที่พวกเขาใช้ตกแต่งตามร้านค้า ก็ต่างกันมากแล้ว บิลคิดว่าฮอลลีวูดสีสันจัดจ้านเกินไปในตอนกลางคืน และจืดแสนจืดในยามกลางวัน เหมือนกลายสภาพเป็นเมืองเก่า แม้แต่ถนนบางจุดบางมุมยังไม่น่าเดินเลย จุดที่น่าสนใจและบิลยังไม่มีโอกาสไปเสียทีคือฮอลลีวูดฮิลล์ ใครๆก็ย่อมเคยเห็นป้ายฮอลลีวูดขนาดใหญ่ที่ปรากฏในภาพยนตร์มาหลายเรื่องจนเกร่อ บิลอยากลองไปเดินขึ้นเขา เพื่อมองดูทั้งเมืองจากที่สูงๆ



                เขากลับโรงแรมอีกทีตอนบ่ายสี่โมง เรียกคนขับรถให้มารับ ถือว่าได้ใช้วันหยุดอย่างคุ้มค่าไปกับการสำรวจบริเวณที่เขาสนใจ เมื่อกลับถึงห้องและดื่มน้ำเย็นไปหลายอึกแล้ว เขาเพิ่งจะได้หยิบโทรศัพท์ออกมาดู ข้อความในแชทกลุ่มพี่น้องสการ์สการ์ดมีเกือบหกสิบข้อความ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันนักหนา



                บิลดูเวลาบนหน้าจอ ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วที่สวีเดน



                อเล็กซานเดอร์เพิ่งส่งข้อความล่าสุดเข้ามา “พวกนายว่าคนไหน?”



                “ฉันว่าผู้หญิงที่ดูจีนๆหน่อย” แซมพิมพ์ตอบกลับ



                “พี่แซมอยู่เวรไม่ใช่หรือ?” บิลพิมพ์สวนทันที



                “การอยู่เวร ก็มีช่วงพักนะครับ” แซมตอบอย่างรวดเร็ว



                “กำลังคุยอะไร ตั้งหกสิบข้อความ ว่างกันจังเลย” บิลถาม



                “ย้อนอ่านเลยครับ พี่บิล เกี่ยวกับงานศิลปะวันนี้ล้วนๆ พี่อเล็กซ์ถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ทุกมุม” วอลเตอร์บอก



                   บิลเลื่อนไปดูข้อความตั้งแต่แรกสุด อเล็กซานเดอร์ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศมาให้อย่างละเอียดยิบจริงตั้งแต่หนึ่งทุ่มตรง ทางเข้างาน ช่วงพูดเปิดงาน ของกินต่างๆที่ชวนให้หิวยามดึกกันทั้งกลุ่ม ข้อความที่เยอะสุดมาจากไอยา บ่นว่าหิว ทำไมต้องส่งรูปของกินมาตอนสองทุ่มกว่าด้วย กุสตาฟได้แต่ส่งอิโมจิหน้าหัวเราะท่าทางสะใจอย่างกวนประสาทที่สุด แซมไม่ค่อยได้โต้ตอบอะไรมากนัก วอลเตอร์โผล่เข้ามาเป็นระยะ จนถึงข้อความและรูปภาพท้ายๆ



                รูปถ่ายเซลฟี่กับยูทูปเบอร์ที่บิลดูวีดีโอมาเป็นปี แต่ไม่เคยกดติดตาม เธอยืนยิ้มกว้าง มือสองข้างกุมไว้ด้านหน้า สวมชุดเดรสยาวสีน้ำเงิน อเล็กซานเดอร์ยืนด้านข้างกำลังยิ้มหล่อตามแบบฉบับ ไม่ได้มีแค่รูปถ่ายคู่กับเธอเท่านั้น อเล็กซานเดอร์คงตามหาจิตรกรชาวไทยทุกคนและถ่ายรูปคู่มาทั้งหมด มีทั้งไอซ์และเจนที่เป็นเพื่อนร่วมทางของเธอ ข้อความใต้ภาพต่อมานั้น พี่น้องของเขาถามกันว่าคนไหนคือคนที่บิลติดตามผลงานอยู่ อยากรู้อยากเห็นกันเหลือเกิน แม้แต่พี่แซมก็เป็นไปด้วย



                “มีคนหนึ่งในนี้ เป็นแฟนคลับบิลด้วยนะ” อเล็กซานเดอร์บอก “ส่วนสองคนที่เหลือเป็นแฟนคลับพี่จากเรื่องทรูบลัด คนมันฮอตไกลถึงเมืองไทย ต้องเข้าใจ”



                “อืม” ไอยาตอบมาสั้นๆอย่างหมั่นไส้



                “เธอบอกว่าเธอรู้จักพี่ เพราะรู้จักบิลก่อน เพิ่งเคยได้ยินอะไรแบบนี้นะเนี่ย ส่วนใหญ่จะรู้จักพี่ก่อนทั้งนั้น” อเล็กซานเดอร์ขยายความ โดยไม่สนน้องสาวที่เงียบไปแล้ว



                “แฟนคลับตัวตลกแน่นอน” วอลเตอร์เดา



                “ใช่” อเล็กซานเดอร์ส่งอิโมจิยกนิ้วโป้งมาหนึ่งครั้ง “บิล ยังอยู่ไหม?”



                บิลยังอยู่ อ่านทุกข้อความ แต่ไม่พิมพ์ต่อ เขาออกจากแชทและกดเข้ายูทูป เธอยังไม่อัพเดทวีดีโอ เขาจึงกดเข้าทวิตเตอร์ และไม่ผิดหวัง เธอลงรูปเซลฟี่จริงๆด้วย พร้อมทวิตข้อความ แต่ดันเขียนเป็นภาษาไทย เมื่อกดแปลเป็นภาษาอังกฤษอัตโนมัติ บิลไม่แน่ใจว่ามันแปลถูกต้องหรือเปล่า ภาษาพิลึก



                ไม่อยากเชื่อ ได้เจอพี่ชายของนักแสดงที่ชอบ ท่องเที่ยวดีที่สุด



                เขาพอจะจับใจความได้



       เธอชื่นชอบเขา ในขณะที่เขาก็ชื่นชอบเธอเช่นกัน  
















    TALK

    ถ้าเจอพี่อเล็กซานเดอร์.... เห่อะ ตายอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ได้ยืนยิ้มไปถ่ายเซลฟี่หรอก 

    ทุกอย่างมโนเอาล้วนๆ มโนจนปวดหัว 5555555+ 

    หาความจริงจังใดๆจากเรื่องนี้มิได้ 










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×