ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Salazar Slytherin & OC] : Dark Age

    ลำดับตอนที่ #3 : Intrigue

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 61




    [Salazar Slytherin & OC] : Dark Age

    Chapter 3 : Intrigue






               

                กลุ่มอัศวินออกจากปราสาทไปได้เจ็ดวัน ฮอกวอตส์ก็ต้องเตรียมการอีกครั้ง เพราะสัปดาห์หน้า นักเรียนจากทั่วสารทิศจะกลับมาที่ปราสาทและเข้าชั้นเรียนกับเหล่าผู้ก่อตั้ง ลีโอนาเห็นเอลฟ์ประจำบ้านทำความสะอาดยกใหญ่ ถอดผ้าม่านไปซัก ทำความสะอาดห้องพักของทั้งสี่บ้าน ขัดโต๊ะและเก้าอี้ของนักเรียน ช่วยเฮลก้าถอนวัชพืชเรื้อรังในเรือนกระจก ช่วยโรวีน่าจัดการกับอุปกรณ์บนหอดูดาว สำหรับลีโอนาที่อยู่ในฐานะแขก ไม่มีใครมาขอความช่วยเหลือหรือใช้งาน แต่เธอก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงอาสาไปที่โรงนกฮูก คอยดูแลนกฮูกของโรงเรียน ให้อาหารฝูงม้าเธสตรอล เธอค้นพบพรสวรรค์ของตนเองมาสักพักแล้ว เธอเข้ากันได้ดีกับพวกสัตว์ต่างๆ ทั้งสัตว์ธรรมดา และสัตว์วิเศษ งานที่เธออาสา จึงเป็นงานที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง



                    ยามบ่ายแก่ๆในวันพุธกลางสัปดาห์ ลีโอนาเพิ่งเสร็จงานจากการขูดหนองบิวโบทูบเบอร์ไว้สำหรับเป็นวัตถุดิบปรุงยา หลังจากนำใส่หนองเข้มข้นใส่ขวดอย่างระมัดระวัง และใช้เอลฟ์ประจำบ้านไปส่งให้สลิธีรินเรียบร้อยแล้ว เธอไปหาเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟที่ห้องนั่งเล่นรูปกลม ลีโอนาชอบใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ ห้องนั่งเล่นของฮัฟเฟิลพัฟให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านในชนบท พื้นห้องปูด้วยพรมสีน้ำตาล ผนังเป็นสีเหลืองนวลตา รายรอบไปด้วยไม้ประทับสีเขียวสดชื่น เตาผิงขนาดใหญ่อยู่มุมหนึ่ง และมีเก้าอี้นุ่มฟูน่านั่งวางรายล้อม ลีโอนาจะเลือกเก้าอี้หนึ่งตัว นั่งเอนหลัง อ่านม้วนหนังสือที่หยิบยืมมาจากโรวีน่า หรือสนทนากับเฮลก้าในเรื่องต่างๆ ระหว่างดื่มชา และกินขนมที่ได้มาจากครัว



                    วันนี้เฮลก้ากำลังถักผ้าพันคอไหมสีเหลืองสลับดำ ชาคาโมมายล์ส่งกลิ่นหอมกรุ่นผ่อนคลายกำจายไปทั่วห้อง ลีโอนามองมือทั้งสองข้างของหญิงสาวอีกคน นิ้วมือกระดกไม้กายสิทธิ์ ใช้คาถาสอดไหมถักออกมาเป็นลวดลายซับซ้อน เมื่อเห็นว่ากำลังมีคนจ้องมอง เฮลก้าก็เงยหน้าขึ้นยิ้ม



                    “เจ้ากำลังทำให้ข้าเขิน” เธอบอก



                    “ขออภัย” ลีโอนายิ้มตอบ “ท่านทำให้ข้านึกถึงแม่ แม่เคยถักเสื้อผ้าให้ข้าแบบนี้ ชำนาญเหมือนท่านไม่มีผิด เป็นสิ่งที่ข้าคงไม่มีวันเรียนรู้ได้ง่ายๆ แค่จะเย็บเสื้อที่ขาดให้พี่ชาย ยังทำตะเข็บยุ่งเหยิงไปหมด”



                    “ข้าเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากแม่เช่นกัน” เฮลก้าบอก รอยยิ้มอ่อนโยน



                    แล้วบทสนทนาก็ไหลไปเรื่อยๆ นำไปสู่เรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว เฮลก้าคงจะรู้ดีว่าไม่ควรเอ่ยถามถึงบิดาและมารดาของลีโอนา ทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว คนหนึ่งถูกล่อลวงให้เดินทางไปสู่ความตาย อีกคนต้องพาลูกๆหนีและปกป้องลูกชายลูกสาวจนตัวตาย คำว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่เลือนรางเกินไป เจ็บปวดเกินไป แค่กล่าวถึงเพียงน้อย ก็ทำให้ความทรงจำเก่าย้อนกลับมาเล่นงาน ความทรงจำถึงแม่ที่ลีโอนายังจำได้นั้น น้อยนิด เธอจำใบหน้าและเสียงของแม่ได้ไม่ชัดเจน เธอยังเด็กเหลือเกินตอนที่แม่จากไป



                    พวกเธอดื่มชาไม่ทันจะหมดถ้วย กลิตเตอร์ เอลฟ์ประจำบ้านปรากฏกาย พร้อมบอกข่าว “ท่านกริฟฟินดอร์เรียกประชุมที่ห้องโถงใหญ่เจ้าค่ะ ท่านบอกว่าได้รับข่าวจากผู้พิทักษ์ของอัศวินกาลาฮัด แห่งตระกูลมักมิลลัน เป็นเรื่องด่วน”



                    “ขอบใจมาก กลิตเตอร์” เฮลก้าพยักหน้ารับ แล้วหันมาหาลีโอนา “ไปดูกันเถอะว่ามีเรื่องอะไร”



                    หญิงสาวทั้งสาวจึงลุกจากเก้าอี้แสนสบาย ออกจากห้อง และมุ่งตรงไปยังห้องโถงใหญ่ เมื่อไปถึง ก็พบว่าทุกคนมารอพร้อมหน้ากันแล้ว โรวีน่านั่งบนเก้าอี้ ท่าทางสงบ ราวกับไม่มีเรื่องใดจะกระทบเธอได้แม้แต่น้อย ก็อดริกยืนอยู่ตรงกลาง สีหน้ายุ่งยากใจ ถัดไปคือซัลลาซาร์ ยืนกอดอก เขาเหลือบสายตาขึ้นมองลีโอนาและเฮลก้าแวบสั้นๆ ก่อนจะเสมองไปทางอื่น



                    “ได้ข่าวอะไรจากอัศวินกาลาฮัดหรือ? เกิดอะไรขึ้นกับมอร์แกนหรือไม่?” ลีโอนาถาม ค่อนข้างว้าวุ่นใจ กลัวว่าผู้ติดตามของตนจะสร้างความลำบากให้คณะเดินทาง



                    “ไม่ใช่มอร์แกนหรอก” ก็อดริกส่ายหน้า “กาลาฮัดส่งข่าวมาว่าระหว่างทาง เขาพบกับหมู่บ้านหนึ่งบนหุบเขาที่เจอปัญหาหนัก ชาวบ้านหลายคนล้มป่วยด้วยโรคประหลาด และบางส่วนก็เสียชีวิตแล้ว พวกเขาหาสาเหตุไม่พบว่าเป็นเพราะอะไร อาการของพวกเขาคือตัวสั่นมาก หน้าซีด ปากซีด อาเจียน กินอะไรไม่ได้ แต่ไม่มีอาการท้องร่วง จะบอกว่าเป็นโรคที่เกิดจากอาหารการกิน ก็น่าแปลก กาลาฮัดถามคนในหมู่บ้านแล้ว พวกเขาหุงต้มอาหารจนสุกก่อนกินเสมอ ไม่เคยใช้อาหารใกล้เน่าเสีย...”



                    “น้ำดื่มเล่า?” โรวีน่าถามขัดขึ้น



                    “น้ำดื่มมาจากลำธารในหุบเขา กาลาฮัดและอัศวินทั้งหมดก็ดื่มน้ำจากลำธารนั้น พวกเขาไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น” ก็อดริกตอบ



                    “นี่ไม่ใช่เรื่องของเราเสียหน่อย” ซัลลาซาร์พูดอย่างเบื่อๆ



                    “กำลังมีคนตายนะ ซัลลาซาร์” เฮลก้าพูดเสียงเข้ม ตวัดสายตามองเพื่อนดุๆ แล้วหันกลับไปหาก็อดริกอีกครั้ง “เราควรไปดูไหม โรวีน่ารอบรู้ทุกอย่าง ซัลลาซาร์ก็ปรุงยาเก่งที่สุด ข้าปฐมพยาบาลได้ ส่วนเจ้าเก่งเรื่องให้กำลังใจผู้คน ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านต้องหวาดกลัวแน่”



                    “เราไปพร้อมกันสี่คนไม่ได้หรอก” โรวีน่าแย้ง “อีกไม่กี่วันจะเปิดเรียนแล้ว การตามหาสาเหตุของโรคอาจกินเวลานานกว่าที่เราคาด เราอาจจะกลับมาไม่ทัน อย่าลืมว่ามีพิธีคัดสรรที่พวกเราต้องอยู่คัดเลือกนักเรียนด้วยตัวเอง”



                    “ข้าไม่มีปัญหา” เฮลก้าพูดทันที “เหลือนักเรียนคนใดมา ข้าก็รับหมด”



                    “เรื่องนั้นเรารู้” โรวีน่าพยักหน้า “แต่ฮอกวอตส์ที่ปราศจากเฮลก้า คงเป็นฮอกวอตส์ที่วุ่นวายแน่ ใครจะควบคุมเอลฟ์ประจำบ้าน ดูแลเรื่องอาหาร ความสะอาด และต้อนรับนักเรียนกลับบ้านได้ดีกว่าเฮลก้าอีก ข้าปั้นหน้ายิ้มตลอดเวลาให้พวกพ่อแม่ที่มาส่งลูกไม่ได้อย่างแน่นอน”



                    ลีโอนาเห็นสีหน้าลำบากใจของเฮลก้า แล้วเข้าใจในความรู้สึกและภาระของอีกฝ่าย หากก็อดริกคือก้อนอิฐและอัศวินที่ปกป้องที่นี่ให้พ้นภัย เฮลก้าก็คือหลังคา คุ้มฟ้าคุ้มฝน คือเตาผิงที่ให้ความอบอุ่น “ข้าจะไปเอง” ลีโอนาอาสา คำพูดประโยคเดียว เรียกสายตาของคนทั้งสี่มองมาที่เธอ “ข้าสามารถหายตัวไปที่หุบเขาได้ทันที ปลอมตัวเป็นผู้รักษาที่บังเอิญเดินทางผ่านมา และขออาศัยพัก”



                    “เจ้ามีความรู้เรื่องสมุนไพรและปรุงยามากแค่ไหน?” ซัลลาซาร์ถาม น้ำเสียงเย็นชา



                    “ไม่มาก” ลีโอนาตอบตามความจริง



                    “เจ้าไปคนเดียวก็ทำอะไรไม่ได้” ซัลลาซาร์บอก “ข้าจะไปด้วย”



                    ประโยคนั้นสร้างความประหลาดใจยิ่งกว่า ก็อดริกเลิกคิ้วขึ้นสูงและยิ้ม “เจ้าอ่อนโยนและใจดีกับมักเกิ้ลได้แล้วหรือ สหายข้า?” เขาเอื้อมมือตบบ่าของอีกฝ่ายและบีบเบาๆ



                    “ถ้าข้าไม่ไป แล้วเจ้าไป เจ้าจะปรุงยารักษาพวกเขาได้หรือไง?” ซัลลาซาร์ถามกลับ ปัดมือของก็อดริกออก



                    “แล้วพิธีคัดสรรล่ะ?” โรวีน่าถาม



                    “เจ้าทำแทนข้าได้อยู่แล้ว โรวีน่า” ซัลลาซาร์บอกอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ “ข้ารับแต่พ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์ ถ้าเจ้าบังเอิญพบเด็กเลือดบริสุทธิ์ที่ฉลาด แต่ไม่ชอบหน้า ก็ส่งมาให้ข้าแทน เจ้าก็เหมือนกัน ก็อดริก ถ้าเจอเลือดบริสุทธิ์กล้าหาญ ที่เจ้าไม่เห็นแววว่าจะเป็นอัศวิน ก็ส่งมา”



                    “คิดอย่างไร เฮลก้า ให้ซัลลาซาร์กับลีโอนาไปด้วยกัน น่าจะเรียบร้อยดีไหม?” ก็อดริกถาม เฮลก้ามองซัลลาซาร์อย่างครุ่นคิดพักหนึ่ง แล้วพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น เดินทางพรุ่งนี้เช้าเถอะ วันนี้ใกล้จะเย็นแล้ว ไม่ควรไปถึงตอนค่ำ จะลำบาก”



                    ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อไม่มีเรื่องใดแล้ว ต่างแยกย้ายไปคนละทาง ซัลลาซาร์บอกว่าเขาต้องไปเตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่จำเป็น ก่อนจะเดินตัวปลิวออกจากห้องโถงใหญ่ไป ลีโอนายืนเก้กัง คาดว่าซัลลาซาร์จะนัดหมายเวลากับเธอสักเล็กน้อย แต่เขากลับไม่สนใจแม้แต่จะมอง หญิงสาวถอนหายใจ เขาประเภทไหนกัน ช่างหยิ่งยโส ถือดี วางตนอยู่เหนือผู้อื่นจนน่าหมั่นไส้เหลือเกิน พรุ่งนี้คงต้องตื่นเช้าที่สุดแล้วดักรอเขาเท่านั้น ลีโอนากำลังจะเดินออกจากห้องโถง แต่ก็อดริกแตะข้อศอกของเธอ เรียกให้หยุดไว้ก่อน



                    “ข้าไม่ชอบความคิดที่เจ้าจะออกไปจากปราสาท” เขาบอกตามตรง คิ้วขมวดเข้าหากัน



                    “ข้าอาสาแล้ว ไม่อยากกลับคำพูด” ลีโอนาบอก “ท่านสลิธีรินก็ไปด้วย คงไม่มีใครกล้าทำร้ายข้าหรอก อีกอย่าง ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน ฮอกวอตส์ซ่อนเร้นจากโลกภายนอกได้ดี ถ้าท่านไม่ต้องการให้ใครพบ คนผู้นั้นก็จะหาไม่พบ ตราบใดที่ข้าเรียกที่นี่ว่าบ้าน ข้าก็น่าจะปลอดภัย”



                    “เจ้าเรียกที่นี่ว่าบ้าน” ก็อดริกทวนคำ น้ำเสียงอ่อนโยน



                    “ที่นี่ใกล้เคียงกับคำว่าบ้านที่สุดแล้ว ปราสาทเก่าแก่ในนอร์ทรัมเบรียที่ข้าเคยวิ่งเล่นกับท่านสมัยเด็ก ข้าก็นับว่าเป็นบ้าน แต่ที่นั่นล่มสลาย ไม่เหลืออะไรอีก จากนั้นชีวิตของข้าก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ อยู่ไม่เป็นที่ อยู่ไม่นานมากพอจะรู้สึกผูกพันกับผู้คนหรือสถานที่” ลีโอนาบอก



                    “ข้าดีใจที่เจ้าได้พบบ้าน” ก็อดริกกล่าว  



                    “ข้าต้องขอบคุณที่ท่านยอมเสี่ยงให้ข้าพักอาศัย” ลีโอนาเงยหน้ามองสบตา และส่งยิ้มให้



                    “พรุ่งนี้ ทางที่ดี เจ้าควรปลอมตัว” ก็อดริกเสนอ



                    “ข้าก็คิดอยู่” หญิงสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม้จะมีน้อยคนที่เคยเห็นหน้าเธอจริงๆ แต่เธอไม่อยากเสี่ยงเอาคอขึ้นเขียงโดยไม่จำเป็น



    ทั้งคู่พูดคุยกันอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับเดินทางในวันพรุ่ง จากนั้นลีโอนาแยกตัวออกมา เดินกลับขึ้นห้องพักบนหอคอยเรเวนคลอ ลีโอนาปิดประตูตามหลัง เอลฟ์ประจำบ้านทำความสะอาดห้องพักจนเรียบกริบแล้วตอนที่เธอไม่อยู่ในห้อง หญิงสาวเดินไปที่ตู้ หยิบเสื้อผ้าที่คิดว่าจะต้องใช้ออกมา ใช้เวทมนตร์ดัดแปลงอย่างสุดฝีมือ ให้ดูเหมือนเสื้อผ้าของเด็กหนุ่ม เธอจัดใส่กระเป๋าผ้า มัดปากอย่างดี หญิงสาวเดินข้ามห้องไปที่โต๊ะ หมายจะหยิบหวีและแป้ง แต่ก็ต้องหยุดมือ กระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะไม้ เป็นกระดาษแบบเดียวกับที่ลีโอนาเคยได้รับในวันแรก บนกระดาษมีตัวอักษรเขียนไว้เช่นเดิม เป็นคำกล่าวเตือนสั้นๆ



    อย่าไป



    เธอผ่อนลมหายใจหนักหน่วงออกจากทรวงอก ปริศนาชิ้นนี้ยังคงมืดหม่น แก้ไขไม่ได้ ใครส่งคำเตือนมาให้ ทำไมจึงส่งเป็นข้อความ ไม่ปรากฏตัวพูดต่อหน้า ตอนแรกเธอคิดว่าโรวีน่าอาจเป็นเจ้าของกระดาษ ผู้หญิงคนนั้นชาญฉลาดหัวไว คงจะรู้เห็นเรื่องราวภายในฮอกวอตส์และจิตใจของผู้คนได้ในชั่วพริบตา หากไตร่ตรองดูอีกที โรวีน่าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีซับซ้อนแบบนี้ นอกเสียจากเธอจะกังวลและหวาดกลัวซัลลาซาร์ สลิธีริน แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้อีก เท่าที่ลีโอนาสังเกตเห็น ผู้ก่อตั้งทั้งสี่ไม่เกรงกลัวกันและกัน ต่างเท่าเทียม แล้วใครกันที่ส่งข้อความแบบนี้มา



    คราวที่แล้ว ข้อความเตือนไม่ให้เธอดื่มน้ำฟักทอง ปรากฏว่าซัลลาซาร์เล่นตุกติกกับน้ำฟักทองจริง ทำไมคนผู้นี้จึงรู้ว่าซัลลาซาร์วางแผนอะไร เขาหรือเธอหลบอยู่ตรงส่วนไหนของฮอกวอตส์ ครั้งนี้อีก เตือนว่าอย่าไป หมายความว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีอันตรายรออยู่



    ลีโอนากัดริมฝีปาก เหตุไม่ชอบมาพากลก็มีให้เห็นตั้งแต่ก่อนอัศวินจะออกจากปราสาทแล้ว ซัลลาซาร์คุยกับกาลาฮัด แนะนำให้ชวนมอร์แกนไปตามล่าไคมีร่าด้วย หรือเขาทำเพื่อกันมอร์แกนออกจากเธอ เมื่อกาลาฮัดส่งข่าวมาที่ฮอกวอตส์เกี่ยวกับหมู่บ้านในหุบเขา ทั้งสี่คนย่อมอยากช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังทุกข์ทนกับโรคปริศนา แต่ไม่สามารถออกมาได้ครบสี่คนในช่วงใกล้เปิดเรียน ลีโอนาที่ไม่มีหน้าที่สำคัญย่อมเปิดปากอาสา แต่จะปล่อยให้เธอไปคนเดียวก็คงไม่ได้ คนที่เหมาะสมที่สุดจึงเป็นซัลลาซาร์ เขาปรุงยาเก่งที่สุดในบรรดาทั้งสี่ และเมื่อไม่มีมอร์แกน คนติดตามของลีโอนาแล้ว การเดินทางนี้จึงมีเพียงสองคน เธอกับเขา แค่นั้น โดยที่ระหว่างทาง อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้หลายอย่าง เขาสามารถกำจัดเธออย่างแนบเนียน



    เป็นอย่างนี้เอง นี่คือแผนการที่เขามีในหัว หมากที่เขาวางไว้ ปล่อยให้เธอเดินมาติดกับเอง แล้วหมู่บ้านนั้นล่ะ? เกิดเหตุโรคระบาดจริง หรือเขาใช้คำสาปกับกาลาฮัดให้ส่งข้อความมาเมื่อถึงเวลา อาจไม่มีเรื่องร้ายเกิดกับคนในหมู่บ้าน ทั้งหมดเป็นแผนการชั่วร้ายเพื่อขับไล่เธอออกไป



    ลีโอนากำหมัดแน่นข้างตัว เกลียดอะไรเธอนักหนา จะทำร้าย จะฆ่าตายให้ได้เลยหรือไง เธอก้มมองข้อความบนกระดาษอีกครั้ง เธอลั่นวาจาแล้วว่าจะไป หากกลับคำตอนนี้ จะเป็นที่น่าสงสัย หากนำเรื่องนี้บอกแก่ก็อดริก ซัลลาซาร์ก็คงเล่นลิ้น เอาตัวรอดได้อย่างง่ายดาย แค่บอกว่าเธอระแวงเกินไป เขาไม่มีความคิดจะทำร้ายเธอแม้แต่น้อย อีกอย่าง การแสดงออกของเขาที่มีต่อเธอ ในสายตาของผู้ก่อตั้งคนอื่นๆ ย่อมมองว่าเขาไม่ใส่ใจไยดี ไม่ได้เกลียด ไม่ได้ชอบ ไม่นำพา ลีโอนาไม่มีหลักฐาน นอกจากความคิดปะติดปะต่อเอาเอง น่าเจ็บใจสิ้นดี เธอไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องยอมเดินทางไปกับเขาในวันพรุ่งนี้



    เธอหยิบกระดาษเก็บไว้ในลิ้นชัก รวมกับกระดาษแผ่นแรก ได้แต่ปลอบใจตนเองว่าอย่างน้อยเธอรู้ล่วงหน้า รู้ทันแผนการของเขา ใครจะเป็นฝ่ายชนะ ขึ้นอยู่กับความสามารถและโชคชะตา



    คืนนั้น ลีโอนากระสับกระส่าย นอนไม่ค่อยหลับ มีความฝันวนเวียนเข้าออก รบกวนตลอดเวลา จนถึงเวลาย่ำรุ่ง เธอสะดุ้งตื่น รีบผุดลุกจากเตียง วักน้ำในอ่าง ล้างหน้า ทำความสะอาดฟัน เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ใส่ชุดเหมือนเด็กหนุ่มนักเดินทาง ร่ายคาถาใส่ตนเอง ให้เส้นผมหดสั้นลง จนเหมือนผู้ชายจริงๆ เมื่อสำรวจตัวเองเรียบร้อยว่าคงหลอกตามักเกิ้ลได้ เธอก็คว้ากระเป๋าผ้ากับของกินที่เอลฟ์ประจำบ้านเตรียมไว้ให้ ก่อนก้าวออกจากห้องพักนั่นเอง เธอสังเกตเห็นบางสิ่งวางไว้ที่หน้าประตู ก้านดอกไม้หนึ่งก้าน ประกอบด้วยดอกสีขาวกลีบบอบบางเล็กกระจิดริด ไร้ใบ ลีโอนาไม่รู้ว่ามันคือดอกอะไร เธอไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวมองซ้ายมองขวา ภายในห้องมืดสลัว ประตูลงกลอนไว้อย่างดี เธอมั่นใจว่าตลอดคืนไม่มีใครเข้ามาในห้องได้



    นี่เป็นอีกหนึ่งข้อความจากเจ้าของกระดาษหรือไม่ เธอควรทำอย่างไรกับดอกไม้สีขาวนี้ดี ลีโอนาไม่กล้าแตะต้องสิ่งของแปลกหน้า เธอจึงใช้ผ้าห่อดอกไม้ และเก็บใส่กระเป๋าไว้ก่อน บางทีอาจได้ใช้งานก็เป็นได้



    ซัลลาซาร์ สลิธีรินรอเธอที่หน้าประตูรั้วบานใหญ่ เขาแต่งตัวต่างจากทุกที ไม่สวมเสื้อคลุมแบบพ่อมดอีกแล้ว ปลอมตัวเป็นมักเกิ้ลได้ดีทีเดียว เสื้อตัวยาวสีเขียว หมวกสีน้ำตาลอ่อน และรองเท้าแบน เขาเหลือบสายตามองเธอตั้งแต่ผมสั้นกุด เสื้อตัวหลวมสีแดงหม่น ผ้าเส้นเล็กผูกเอว กางเกงสีน้ำตาล แค่มอง ไม่ได้พูดสิ่งใด แต่ขยับตัว เดินไปข้างหน้า ยื่นมือให้เธอ



    “จับมือข้าไว้” เขากล่าว



    ลีโอนาคว้ามือซัลลาซาร์ แล้วทั้งคู่ก็หายตัวไปจากหน้าประตูรั้วของฮอกวอตส์  











    TALK

    ก่อนหน้านี้ ลองค้นกูเกิลด้วยคำว่า Costume in 10th century เอ๊ะ พวกเขาแต่งตัวกันยังไงนะ พอได้ภาพมาแล้ว อ้าว... จะบรรยายยังไงล่ะเนี่ย  เขียนไปง่ายๆอย่างนั้นแล้วกัน 5555  ใครอยากได้ภาพเสื้อผ้ายุคนั้น ลองค้นอากู๋ดูนะคะ 

    อย่างเรื่อง กระดาษ ... ในยุค 994AD กระดาษยังไม่แพร่หลายในยุโรปเลยค่ะ เท่าที่ไปค้น พบว่า กระดาษจากจีนเริ่มเข้ามามีบทบาทในศตวรรษที่ 11  แต่ในฟิค ฉันตีขลุมไปว่า พอจะมีใช้ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 10 นี้เลยละกัน คนที่มีกระดาษใช้ ก็ให้เป็นขุนนาง กับพวกคนรวย รวยมากๆ รวยมากพอจะติดต่อค้าขายกับจีนอ่ะ (มโนไป เสริมเติมแต่งไป)

    อันที่จริง ตอนไปขุดประวัติผู้ก่อตั้ง  ดูเหมือนแต่ละคนจะตายกันช่วงศตวรรษที่ 11 แต่ไม่ระบุว่าปีไหน และจริงๆแล้ว ตอนที่ก่อตั้งฮอกวอตส์ (ปี 993AD มั้ง ไม่รู้ว่าข้อมูลถูกต้องแค่ไหน แต่ถ้าเจ.เค. เคยเขียนไว้ในเล่มสองว่าโรงเรียนก่อเป็น 1000 ปีมาแล้ว  และเหตุการณ์ในเล่มสอง มันเป็น กรกฎา 1992 - มิถุนา 1993 ก็พอตีขลุมมั่วว่าฮอกวอตส์ก่อตั้งปี 993 ละกัน) อย่างที่บอก ... จริงๆตอนก่อตั้งฮอกวอตส์ เหล่าผู้ก่อตั้ง น่าจะอายุเยอะกันแล้ว (แบบในรูปซัลลาซาร์หัวล้าน ก็อดริกเคราดกครึ้ม) แต่ในฟิคที่ฉันเขียนออกมานี้ ให้พวกเขาอยู่ในช่วงยี่สิบตอนปลายเท่านั้นเองค่ะ (เด็กไปหน่อยสำหรับการคิดใหญ่ก่อตั้งโรงเรียนนะ แต่ช่างมันเถอะ) 

    สำหรับตอนหน้า ก็จะเป็นฉากในหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขาเนอะ ฟังดูโรแมนติก (หรอ????) 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×