ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Salazar Slytherin & OC] : Dark Age

    ลำดับตอนที่ #2 : Snake

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 61




    [Salazar Slytherin & OC] : Dark Ages

    Chapter 2 : Snake







                   

                สัปดาห์ต่อมา ปราสาทฮอกวอตส์คึกคักมากขึ้น ด้วยเหล่าอัศวินจากตระกูลพ่อมดต่างๆเดินทางมาขอพักแรมเป็นเวลาห้าวัน เพื่อเติมเสบียง และจะเดินทางขึ้นเหนือต่อ เพื่อตามล่าไคมีร่าที่รบกวนหมู่บ้านมักเกิ้ลทางเหนือ พวกเขามีกันสิบคน แต่งกายด้วยชุดเกราะหนาหนัก ตัวเสื้อหลากสีสัน แตกต่างกันออกไป และมีตราประจำตระกูลปักเด่นไว้กึ่งกลาง มอร์แกน ผู้ติดตามของลีโอนาทั้งตื่นเต้นและดีใจที่ได้เห็นอัศวินพ่อมดตัวจริงในระยะใกล้ เขาชื่นชมพ่อมดกลุ่มนี้มาเสมอ และมักจะไปอยู่ที่สนามหญ้าด้านข้างปราสาท เพื่อดูพวกเขาฝึกซ้อมการต่อสู้แบบมักเกิ้ล และประลองคาถา พอตกค่ำ มอร์แกนจะร่วมสังสรรค์กับอัศวิน ดื่มเหล้า กินอาหาร และฟังเรื่องเล่าการผจญภัยด้วยดวงตาส่องประกาย ตั้งแต่คืนแรก มอร์แกนก็ฝันอยากจะติดตามพวกเขาไปด้วย



                    สำหรับเธอแล้ว หากมอร์แกนพบหนทางของตนเอง และอยากติดสอยห้อยตามอัศวินพ่อมดสักคนหนึ่ง เธอก็ไม่ว่ากล่าวสิ่งใดเลย มอร์แกนเป็นเด็กดี ช่วยเหลือเธอมาตลอดการเดินทางอันยาวนาน เด็กกำพร้าผู้นี้ติดค้างบุญคุณของพี่ชายเธอที่ช่วยเขาไว้จากการลงโทษตัดมือ มอร์แกนเคยหิวโซจนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากไปขโมยอาหาร พ่อมดแม่มดไม่อาจใช้เวทมนตร์เสกอาหาร เขาโชคร้ายถูกจับได้ และกำลังจะถูกลงโทษ เธอกับพี่ชายผ่านทางไปพอดี และช่วยเหลือเขาให้รอดพ้น นับแต่นั้น มอร์แกนไม่เคยห่างจากลีออน เมื่อลีออนถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ไม่มีทีท่าว่าจะรอด มอร์แกนให้สัตย์สาบานว่าจะติดตามรับใช้ลีโอนา หากเธอเปรยให้มอร์แกนเดินทางไปกับอัศวินกลุ่มนี้ เขาอาจปฏิเสธทันที และไม่พอใจด้วย ลีโอนาจึงไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น



                    ก็อดริกและเฮลก้าปฏิบัติตนเป็นเจ้าบ้านที่ดีเช่นเคย ก็อดริกพูดคุยกับเหล่าอัศวินอย่างสนิทสนม ร่วมปะดาบด้วยบ้าง ต้อนรับเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ของฮอกวอตส์อย่างอบอุ่น เฮลก้าวิ่งวุ่นกับการเตรียมอาหาร เอลฟ์ประจำบ้านทุกตนของเธอหมกอยู่แต่ในครัวช่วงกลางวัน และออกมาทำความสะอาดปราสาทในตอนกลางคืน ส่วนโรวีน่า รักสันโดษ ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการรำคาญใดๆ เธอจะยิ้มและหัวเราะบ้าง เมื่ออัศวินร้องรำทำเพลงในห้องอาหาร และดื่มไวน์ตามคำเชิญของอัศวินผู้หนึ่ง คนที่ออกตัวขวางโลกชัดเจนคือ ซัลลาซาร์ เขาวางหน้านิ่ง ดวงตาลึกทั้งสองข้างไม่ยินดียินร้าย เขาไม่ปราศรัยกับใครเลย เอาแต่เชิดหน้า วางตนอยู่เหนือ และมองพวกอัศวินด้วยหางตา



                    ลีโอนาไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรนักหนา จริงๆแล้วเธอไม่อยากจะเก็บมาใส่ใจ ถ้าหากว่าเขาไม่ได้รินน้ำฟักทองให้เธอดื่มในวันนั้น ประกาศตัวเปิดศึกแบบคลื่นใต้น้ำ ลีโอนาก็คงจะไม่สนใจใคร่รู้เรื่องของสลิธีรินผู้นี้เลย เมื่อลองทบทวนดูอีกครั้ง ลีโอนาไม่มั่นใจว่าในน้ำฟักทองถ้วยนั้นมีสิ่งใดซ่อนอยู่ เธอได้รับคำเตือน จึงไม่กล้าดื่ม แล้วใครกันเป็นคนทิ้งจดหมายเตือนให้เธอ ภายในปราสาทนี้ มีอีกบุคคลที่หลบซ่อน หรือว่าจดหมายจะมาจากโรวีน่า เธอผู้นั้นชาญฉลาด อาจเฉลียวใจว่าเพื่อนผู้ก่อตั้งคิดร้ายต่อแขก จึงส่งจดหมายนั้นมา แต่ทำไมต้องใช้วิธีลึกลับ ทำไมจึงไม่เดินมาบอกเธอตรงๆ หรือว่าโรวีน่ากลัวซัลลาซาร์ แต่เท่าที่เธอสังเกตเห็นมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ ผู้ก่อตั้งทั้งสี่ให้ความเคารพกันอย่างเท่าเทียม ไม่กล้าดูถูกอีกฝ่าย ไม่กล้าลองดีกันเอง มิตรภาพแน่นแฟ้น



                    ยิ่งคิด เธอก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น



                    ลีโอนาย่ำเท้าไปบนพื้นหญ้า อัศวินอยู่ที่นี่เป็นเช้าที่สามแล้ว เธอเห็นพวกเขารวมกันที่สนาม ยืดเส้นยืดสายหลังรับประทานอาหาร ธงประจำตระกูลหลากสีโบกไสว โล่เกราะวางเอียงพิงกำแพงปราสาท ลีโอนาเดินห่างออกมา เมื่อเห็นพวกเขาเริ่มฝึกซ้อมอย่างที่ทำทุกวัน มอร์แกนผละจากเธอและไปร่วมวง ชื่นชมการต่อสู้อย่างชายชาตรี ระหว่างที่ลีโอนาคิดว่าจะใช้เวลายามนี้อยู่ตามลำพัง ชมยอดไม้เหนือป่าต้องห้าม และแสงอาทิตย์ลามเลียบนใบไม้จนน้ำค้างจางหายไปช้าๆ มีบุคคลหนึ่งเดินตัดข้ามสนาม มุ่งหน้ามาทางเธอ ลีโอนายืนนิ่งมองซัลลาซาร์ สลิธีรินในชุดคลุมสีเขียวมะกอก ผมสีเข้มที่เสยขึ้นไปนั้น ปอยข้างหนึ่งร่วงลงระหน้าผาก แสงส่องกระทบโหนกแก้มข้างหนึ่งของเขา แต่อีกข้างกลับอยู่ในเงามืด จึงมีความผสมผสานระหว่างแสงและเงาอยู่ในตัวคนๆเดียว เขาหยุดเดิน เมื่อห่างจากเธอประมาณห้าก้าว ลีโอนาไม่พูด เขาเองก็ไม่พูด ราวกับจะรอดูว่าใครจะเป็นคนเริ่มก่อน



                    หญิงสาวผ่อนลมหายใจเนิบช้า ยอมเป็นผู้เริ่ม “ท่านจะเสนอให้ข้าดื่มอะไรอีก”



                    มุมปากของเขากระตุก เหมือนจะยิ้มหยัน “เจ้ารู้ได้ยังไง”



                    ลีโอนาชั่งใจครู่หนึ่ง จึงตอบ “การหยั่งรู้”



                    เขาส่งเสียงหึเบาๆจากจมูก ก้าวเท้าเดินเลียบริมชายป่า ลีโอนาเดินตามแต่รักษาระยะห่างมากพอสมควร สนทนากันได้ยิน แต่ไม่ต้องใกล้มากเกิน



                    “ท่านพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว” หญิงสาวพูด มือทั้งสองประสานไว้ด้านหน้า “ข้าขอถาม มีอะไรอยู่ในน้ำฟักทอง”



                    “เจ้าก็หยั่งรู้เอาเองสิ” ซัลลาซาร์ตอบกลับอย่างประชดประชัน



                    “ท่านคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับแขกของกริฟฟินดอร์ อย่างไร พวกท่านก็เป็นเพื่อนสนิทและเคารพอีกฝ่าย ข้าเดาว่าน้ำยาที่อยู่ในนั้น คงไม่ทำให้ข้าถึงตาย แค่ทำให้ข้ากลัวมากพอจะออกไปจากที่นี่ด้วยตนเอง ถ้าไม่ใช่น้ำยาปลูกอวัยวะเพิ่มให้ข้าตกใจ ก็คงเป็นน้ำยาที่ทำให้หลับกระมัง แต่ข้าคิดว่าท่านทำประเจิดประเจ้อไปหน่อย ในปราสาทนี้ มีแค่พวกท่านสี่คน ท่านคือผู้ที่ปรุงยาได้ดีที่สุด เรเวนคลอจะต้องมองออกว่าข้าดื่มน้ำยาของใครลงไป นางอาจจะไม่กล่าวหาท่าน เพราะเกรงใจ แต่สุดท้าย ท่านก็ต้องปรุงน้ำยาถอนให้ข้าอยู่ดีตามคำขอร้องของกริฟฟินดอร์ ข้าจึงคิดว่า แผนการของท่านตื้นเขิน ต่อให้ทำสำเร็จ ก็ไม่เกิดประโยชน์ใด ท่านจะยิ่งหงุดหงิดด้วย เพราะต้องทำน้ำยาถอนพิษให้ข้าอีก ข้าคิดว่า คนฉลาดเช่นท่าน น่าจะเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ออก ข้าจึงไม่เข้าใจจริงๆว่าท่านลงมือเพราะเหตุใด ท่านอาจไม่ชอบข้าเพราะคำสาปติดตามตระกูลของข้าเป็นเงา ไม่ว่าพี่น้องเกรย์ไฮด์จะเหยียบไปที่ใด ที่นั่นต้องพบภัยพิบัติ แต่ข้าไม่คิดว่าท่านจะขี้ขลาดจนกลัวคำสาปแบบนี้ เท่าที่ข้าพอรู้ ตระกูลของท่านดูแลนอร์ฟอล์ก ที่นั่นกำลังมีปัญหาเรื้อรังกับพวกนอร์มันใช่หรือไม่? บางทีการไล่ข้าออกไปจากที่นี่ และส่งข่าวให้นอร์มันมาตามล่าข้า คงเป็นประโยชน์ให้ตระกูลของท่านมาก”



                    นอร์ฟอล์ก คือพื้นที่ทางตะวันออก ติดทะเลเหนือ เคยถูกรุกรานโดยชาวสแกนดิเนเวียมาแล้วในหลายศตวรรษก่อน แต่พวกแองโกลแซ็กซอนก็ชิงคืนมาได้ ตอนนี้พวกนอร์มัน หรือ กลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นในนอร์มันดี มีสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างกษัตริย์ชาลส์ที่สามแห่งฟรานเซียตะวันตก (ส่วนหนึ่งของประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน) กับกษัตริย์รอลโล ผู้ปกครองไวกิ้ง พวกเขากำลังจ้องไปทางนอร์ฟอล์กที่อยู่ติดทะเล หมายมั่นจะชิงกลับคืน แน่นอนว่าหากนอร์มันได้ตัวลีโอนาไปต่อรองกับเอิร์ลฮากอน ซิการ์ดซัน แห่งนอร์เวย์ เขาจะตอบแทนด้วยการเป็นพันธมิตรกับพวกนอร์มัน ฟรานเซียและไวกิ้งจะได้ประโยชน์มากกว่าการรุกรานนอร์ฟอล์ก บ้านเกิดของสลิธีรินจะปลอดภัย อย่างน้อย ก็ช่วงสั้นๆ มีเวลามากพอให้สั่งสมกำลังคนเตรียมรับมือ



                    ฮาร์กอน กับฮารัลด์ เกรย์ไฮด์บิดาของลีโอนา เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฮาร์กอนมีศักดิ์เป็นอาของลีโอนา พวกเขาขัดแย้งกันทางการเมือง แย่งชิงบัลลังก์ เริ่มจากการที่ฮารัลด์สังหาร ซิการ์ด บิดาของฮาร์กอน และก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ ต่อมาไม่กี่ปี ฮาร์กอนร่วมมือกับญาติอีกคน ล่อลวงฮารัลด์เดินทางไปเดนมาร์ก และสังหารเขาเสีย ตั้งแต่นั้นมาลีออนและลีโอนาก็ต้องระหกระเหิน หนีหัวซุกหัวซุน ให้พ้นจากน้ำมือการล้างแค้นของฮาร์กอน



                    ส่วนเรื่องคำสาปเลือด มีมาตั้งแต่สมัยปู่ของลีโอนา เอริค ฮารัลด์ซัน ผู้มีสมญานามว่า เอริค ขวานเลือด เป็นกษัตริย์แห่งนอร์เวย์ ยกทัพรุกรานลงมาถึงนอร์ทรัมเบรีย สังหารลูกหลานของกษัตริย์เอเธอร์สแตนแห่งนอร์ทรัมเบรีย พวกเขาจึงสาปส่งเอริค สาปทั้งตระกูลและลูกหลานที่จะเกิดในอนาคต ไม่มีวันได้พบความสงบสุข จะต้องฆ่าล้างกันเอง และนำความวิบัติไปทุกที่



                    หลังจากลีโอนาพูดจบ ทั้งเธอและซัลลาซาร์ต่างยืนเงียบ นิ่งงัน ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ความรู้สึก แต่มีกระแสไม่พอใจพาดผ่านแววตา ส่งความเย็นวาบวูบหนึ่งไปตามไขสันหลังของหญิงสาว



                    “ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนอร์ฟอล์กอีกแล้ว” เขาพูด ลีโอนาสังเกตเห็นมือข้างหนึ่งของชายหนุ่มกำเข้าหาตัวแน่น



                    “บางที ท่านอาจใช้เรื่องของข้าเป็นประโยชน์ หาทางกลับไปคืนดีกับญาติที่นอร์ฟอล์กได้”



                    ทันทีที่สิ้นประโยค ลีโอนาก็รู้ว่าเธอดึงดันและผลักเขาจนมุมเกินไป พริบตาเดียว ไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือของซัลลาซาร์ ชี้ตรงมาที่ลีโอนา อยู่เกือบชิดปลายจมูกของเธอ ลูกนัยน์ตามองโดยไม่หลบ แต่ภายในของเธอกลับสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น หลายช่วงหายใจผ่านไป เขายังยืนนิ่ง ดวงตาลึกโหลคู่นั้นแข็งกระด้าง ส่อความอำมหิต แต่แล้ว เขาดึงแขนกลับ สอดไม้กายสิทธิ์ไว้ในเสื้อคลุม มุมปากยกเป็นรอยยิ้มแฝงนัย เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย นอบน้อมต่อสุภาพสตรีเป็นการจบบทสนทนา และหันหลังกลับ เดินจากไป



                    ลีโอนาผ่อนลมออกทางจมูกอย่างโล่งใจ ยกมือทาบอก หายใจเข้าออกเร็วๆหลายครั้ง แวบหนึ่ง เธอมั่นใจว่าเขาจะร่ายคาถารุนแรงใส่เธอแน่แล้ว แต่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ไม่เสี่ยงมีปัญหากับกริฟฟินดอร์ที่เป็นเพื่อนสนิท หลังจากนี้ เธอไม่ควรยุแหย่เขาอีก แม้จะหมั่นไส้กับท่าทางของเขามากแค่ไหนก็ตาม



                    หญิงสาวก้าวเท้าเดินต่อ เพื่อให้ใจสงบลง เดินไปได้ครู่หนึ่ง เธอได้ยินเสียงสัตว์ร้องเมี๊ยวอยู่ใกล้ๆ แมวตัวเล็กก้าวพ้นจากป่าต้องห้าม สีขาวน่ารักน่าเอ็นดู มันเยื้องย่างเข้ามาหาเธอที่หยุดยืนมอง และนัวเน้าพันอยู่รอบขา



                    “มาจากไหนเนี่ย?” ลีโอนาเอ่ย ก้มตัวลง ลูบบนศีรษะเล็กจ้อยของแมว มันร้องอย่างออดอ้อน จนเธออดใจไม่ไหวและอุ้มมันขึ้น นัยน์ตาสีเขียวสุกสว่างของมันจ้องมองเธอ ลีโอนายิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู แต่แล้วมันกลับดิ้นขลุกขลัก กระโจนตัวลงไปข้างล่าง วิ่งแผล็วเข้าสู่ป่าต้องห้าม “เดี๋ยวก่อน...” เธอร้องเรียก มองดงต้นไม้อย่างไม่แน่ใจนัก แต่คงไม่เป็นไร แมวจะเข้าป่าไปได้ลึกแค่ไหนเชียว



                    ลีโอนาตัดสินใจเดินตามเข้าไป ป่าเขียวขจี เย็นฉ่ำ กิ่งไม้ระเกะระกะ เธอต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ช่วยแหวกทาง ขณะนั้นก็ร้องเรียกเจ้าแมวตัวเล็กนั่นด้วย เธอเดินลึกเข้าไป ลึกเข้าไป โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งหยุดที่ต้นไม้ใหญ่ แมวแกว่งหานั่งอยู่ด้านหน้า



                    “อยู่นี่เอง” ลีโอนาพูดกับมัน “มานี่เถอะ” เธอร้องเรียก มันใช้ดวงตาสีเขียวมองจ้อง หางสะบัดไปมาอย่างดื้อดึง



                    ฉับพลันนั้นเอง ร่างของแมวแปรเปลี่ยน หางของมันยาวขึ้น ขนร่วงออกจนหมด กลายเป็นผิวหนังเรียบลื่นเป็นลายตารางเหมือนมีเกล็ด ขาทั้งสี่หดกลับเข้าด้านใน หูทั้งสองข้างหายไป ร่างยักย้าย เลื้อยตรงเข้ามา ลีโอนาถอยหลัง ดวงตาเบิกกว้างมองงูตัวใหญ่เท่าแขน แลบลิ้นสองแฉก ส่งเสียงขู่ฟ่อ น่าสะพรึงกลัว ลีโอนาโบกไม้กายสิทธิ์ แต่คาถาของเธอพลาดเป้า เธอชะงักขา เมื่อได้ยินเสียงสวบสาบจากด้านหลัง ทันทีที่หันกลับไปมอง จึงเห็นงูดำอีกสองตัวเลื้อยเข้าหา พวกมันแผ่แม่เบี้ยอย่างดุร้าย มาดมั่นเอาชีวิต



                    “อีวาเนสโค”



                    ลีโอนาร่ายคาถาอันตรธานใส่มัน งูตัวหนึ่งหายวับไป เหลืออีกสองตัวที่ตีวงเข้าใกล้ โดยเธออยู่ตรงกลาง หัวขยับจะฉกให้ได้



                    “ดิฟฟินโด!



                    เธอตะโกนลั่น เมื่องูสีขาวเลื้อยกระโดดขึ้นจากพื้นมาที่แขนของเธอ คาถาถูกกับปากที่อ้าค้างของมันอย่างจัง ส่งผลให้ปากของมันถูกฉีกไปจนถึงลำตัว ร่างตกแอ้งแม้งกับพื้น จมอยู่ในกองเลือดของมันเอง เหลืองูตัวสุดท้ายหมายจะฉกเข้าที่ขา ลีโอนาสะบัดตัวไหวทัน ร่ายคาถาอันตรธานอีกครั้ง ร่างของมันจึงหายไป หญิงสาวหอบหายใจ เหงื่อผุดพราย ไหลลงมาตามกรอบหน้า เธอใช้หลังมือปาด แล้วรีบวิ่งออกจากป่าให้เร็วที่สุด



                    ลีโอนาไม่หยุดวิ่งจนเข้ามาในปราสาทอย่างปลอดภัยแล้ว และเกือบชนเข้ากับมอร์แกน เด็กหนุ่มที่ติดตามเธอมาตั้งแต่นอร์เวย์ เขามีท่าทางตื่นเต้น และมีความสุข



                    “ข้ามีข่าวที่ไม่น่าเชื่อมาบอกท่าน และอันที่จริง ต้องขออนุญาตท่านด้วย” มอร์แกนพูดอย่างกระตือรือร้น แล้วก็ชะงักไป เพราะเห็นหน้าซีดเซียวของเจ้านาย “ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า เหงื่อแตก หน้าซีดเชียว”



                    “ไม่เป็นไร” ลีโอนาส่ายศีรษะ “เจ้ามีเรื่องอะไรก็ว่ามาเถอะ”



                    มอร์แกนกระพริบตาครู่หนึ่ง แล้วยอมเปิดปาก “ท่านกาลาฮัด จากตระกูลมักมิลลัน ออกปากชวนข้าไปร่วมขบวนล่าไคมีร่า ข้ารู้ว่าข้ามีหน้าที่ดูแลท่าน แต่การเดินทางไปกลับจากหมู่บ้านทางเหนือ รวมกับเวลาที่ต้องใช้ในการปราบปรามไคมีร่า กินเวลาเพียงสิบสี่คืนเท่านั้น ท่านจะอนุญาตให้ข้าไปหรือไม่?”



                    “ทำไมอยู่ๆท่านกาลาฮัดจึงออกปากชวนเล่า” ลีโอนาถาม อัศวินกาลาฮัด แห่งมักมิลลัน เป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ ใบหน้ากลมอิ่มเอิบ เสียงดัง อัธยาศัยดี เขาเล่าให้ทุกคนฟังอย่างภาคภูมิใจว่าตระกูลของเขาสืบเชื้อสายจากหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมของกษัตริย์อาร์เธอร์ ก็คือเซอร์กาลาฮัดผู้พิชิตเดอะโฮลี่เกรล ตัวเขาเองได้ใช้ชื่อนี้ เพราะมีปานรูปถ้วยทองคำที่แขนข้างขวา



                    มอร์แกนยักไหล่ผอมๆของเขา “เขาบอกข้าว่า เขารู้มาจากท่านสลิธีรินว่าข้าใฝ่ฝันอยากร่วมเดินทางกับอัศวินสักครั้งหนึ่งในชีวิต เขาก็เลยอยากจะลองให้โอกาสข้า”



                    สลิธีริน ทั้งประโยค ลีโอนาจับใจความได้แค่คำนั้น



                    “ข้าไปได้หรือไม่” มอร์แกนถามอย่างลุ้นสุดตัว “ถ้าข้าไป จะถือว่าผิดคำสัญญาหรือเปล่า?”



                    “ไปเถอะ” ลีโอนาผงกศีรษะ “ข้ารู้ว่าเจ้าชื่นชมเหล่าอัศวินพ่อมดมากเพียงใด แค่สิบสี่คืน ไม่ได้ทำให้เจ้าเป็นคนผิดคำสัญญา ข้าอนุญาตให้ไป และขอสั่งให้เจ้าระวังตัว อย่าป่วยไข้ อย่าเป็นภาระของเหล่าอัศวิน”



                    “ข้าไปได้!” เด็กหนุ่มทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อ “ขอบคุณ ขอบคุณท่านมาก ข้าจะรักษาตน ระวังให้ดี ไม่ให้เป็นภาระ และรีบกลับมาภายในสิบสี่คืน ข้าต้องไปเก็บของแล้ว ขอบคุณท่านอีกครั้ง” เขาก้มศีรษะคำนับจนต่ำ แล้วรีบวิ่งออกไปอย่างร่าเริง



                    ลีโอนาอยู่ตามลำพัง ครุ่นคิด ฉงนสงสัย ซัลลาซาร์ สลิธีรินวางแผ่นสิ่งใด จึงพูดกับกาลาฮัดให้เอ่ยปากชวนมอร์แกน ถ้าเขาคิดว่าการที่ไม่มีมอร์แกนอยู่ แล้วเธอจะดูแลตัวเองไม่ได้ล่ะก็ เขาคิดผิดแล้ว เธอจัดการกับงูสามตัวที่เขาส่งมาลอบทำร้ายเธอโดยตัวเองคนเดียว หญิงสาวมองเข้าไปยังโถงทางเดิน บังเอิญเห็นเขายืนเอียงพิงผนัง กอดอก ริมฝีปากประดับรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก นัยน์ตาจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า  



                    สลิธีรินมีแผนอะไรกันแน่   










    Talk

    ในหนังสือแฮร์รี่ เล่ม 6 ฉันชอบคำพูดของทอม ริดเดิ้ลที่ตอบศาสตราจารย์ซลักฮอร์น ว่า "Intuition" มากเลยค่ะ ในหนังก็ชอบนะ กรอดูหลายที 5555 ถ้ามีโอกาสเขียนเรื่องของซัลลาซาร์ ก็คิดว่าต้องใส่ คำๆนี้ลงไปให้ได้เลย แต่ดันมาใส่ให้ลีโอนา พูดแทนอะนะ 


    สำหรับการเขียนเรื่องนี้ ก็ต้องหาข้อมูลค่อนข้างเยอะค่ะ หาแล้ว เอามาปะติดปะต่อเสริมเติมแต่งเข้าไปอีก ครอบครัวของลีโอนาจึงยุ่งเหยิงแบบนั้น  จริงๆแล้ว  Harald Grey-Hide ที่เป็นต้นแบบคุณพ่อของลีโอนา ไม่ได้นามสกุลเกรย์ไฮด์นะคะ  เขาเป็นเชื้อสายของราชวงศ์ Fairhair แห่งนอร์เวย์  คำว่า Grey-hide เป็นฉายาของเขาค่ะ แผลงมาจาก Grey Cloak หรือเสื้อคลุมสีเทาอีกที  ฉายานี้มาจากเหตุการณ์บนเรือขนส่งผ้าคลุมขนแกะสีเทาของชาวเรือไอซ์แลนด์  ชาวไอซ์แลนด์ประสบปัญหาขายผ้าคลุมไม่ได้  ฮารัลด์ที่เป็นกษัตริย์ตอนนั้นจึงขอให้พ่อค้านำผ้าคลุมนี้มาให้หน่อย เมื่อได้มาแล้ว เขาก็หยิบมาใส่ทันที  เกิดเป็นแทรนด์แฟชั่นผ้าคลุมขนแกะสีเทา ไปเลย   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×