คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : The Riddle
Notorious [Tom
Riddle & OC]
Chapter 15 : The
Riddle
พวกเขาออกจากโรงแรมอีกครั้งตอนประมาณหนึ่งทุ่มตรง ดวงอาทิตย์ตกดินช้ากว่าทุกทีเพราะอยู่ในฤดูร้อน
แต่ท้องฟ้าก็เริ่มกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม ยังมีแสงสีแดงอมทองให้เห็นทางฝั่งตะวันตก ทอมถามชาวบ้านแถวนั้นถึงที่อยู่ของพวกก๊อนท์
ได้ความว่าพวกนั้นอาศัยอยู่ชายขอบของหมู่บ้าน ต้องเดินลงแนว ผ่านแนวรั้วต้นไม้ไป
จะพบกับกระท่อมโกโรโกโส ชาวบ้านยังบอกอีกว่า ไม่เหลือใครอยู่ในบ้านนั้นแล้ว
เดิมทีมีสามคนในบ้าน พ่อ ลูกชาย และลูกสาว มีแต่ข่าวลือในทางเสื่อมเสียกันทั้งสามคน
อีกทั้งนิสัยของคนพ่อกับคนลูกก็เหลือจะรับ จึงไม่มีใครอยากยุ่งกับพวกเขา
เมื่อคนตอบเริ่มตั้งคำถามว่าทอมเป็นใคร รู้จักกับพวกก๊อนท์และริดเดิ้ลหรือเปล่า
ทอมก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา ร่ายคาถาลบความจำใส่มักเกิ้ลผู้นั้น
เพื่อไม่ให้ถามซอกแซกและนำเรื่องไปบอกต่อ
ทอมและจูปิเตอร์เดินไปตามทางเดินที่คดเคี้ยว
ลงเนินเขาไปตามที่คนในหมู่บ้านบอก เลยแนวรั้วต้นไม้ที่พันกันยุ่งเหยิง
อาทิตย์ลาลับฟ้า ความมืดและความเย็นแผ่กำจายโดยรอบ ทางเอียงลาดลงเต็มไปด้วยหินและหลุมบ่อ
จูปิเตอร์ใช้ลูมอสให้ส่องแสงที่ปลายไม้กายสิทธิ์ ส่องทางเบื้องหน้า
พวกเขามาถึงบริเวณระหว่างเนินเขาสองลูก
ต้นไม้ขึ้นสูงใหญ่บดบังทิวทัศน์ของหุบเขาจนหมดสิ้น บ้านหลังหนึ่งปลูกไว้ตรงกลาง
ช่างเก่าโทรมจริงดังคำที่ได้ยิน กระเบื้องหลังคาเก่าซีดกะเทาะออกหลายแผ่น
หน้าต่างมีไม้กระดานเอียงกะเท่เร่ กระจกแตกและเป็นคราบฝุ่น ต้นตำแยขึ้นรอบบ้าน
สวนไม่ได้รับการดูแลแม้แต่น้อย จูปิเตอร์กำลังจะบอกเขาว่าคงไม่มีใครอยู่ แต่พลันได้ยินเสียงสวบสาบจากด้านใน
พร้อมกับเสียงขวดแก้วแตก แสดงว่ามีคนอาศัยอยู่แน่ๆ
ทอมใช้คาถาเรียกของดึงตะเกียงโบราณที่วางอยู่บนรั้วบ้านมาถือไว้
เขาจุดไฟจากไม้กายสิทธิ์ และเดินตรงเข้าไปข้างใน จูปิเตอร์เดินรั้งท้าย
เมื่อเธอได้เห็นสภาพภายในบ้าน ก็ต้องรู้สึกคลื่นเหียน ไม่มีมุมใดที่สะอาดเลย
หยากไย่เต็มเพดาน กลิ่นของอาหารขึ้นราชวนให้สะอิดสะเอียน ข้างในมืดมาก
มีเพียงแสงจากเทียนหนึ่งเล่มตรงมุมห้อง ถัดไปคือร่างของชายคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ข้างเตาผิง
ผมเผ้าเครารุงรัง ท่าทางอิดโรย เสื้อผ้าเก่าปอน ทอมยกมือขึ้นเคาะที่ขอบประตูไม้
ส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ว่ามีผู้มาเยือน ทอมเดินก้าวเข้าไป จนหยุดตรงหน้าคนผู้นั้น
ต่างจ้องกันพักหนึ่ง
“แก!”
อีกฝ่ายนั้นแผดเสียง คว้าไม้กายสิทธิ์ หมายจะพุ่งเข้าใส่ทอม
ทอมพูดภาษาพาร์เซลที่จูปิเตอร์ไม่เข้าใจ
ทำให้ชายอีกคนหยุดบ้าคลั่งได้ เซถลาล้มกลับไปบนเก้าอี้ เกิดความเงียบขึ้นอีกอึดใจ
ก่อนพวกเขาจะโต้ตอบกันด้วยภาษาของงู มีเสียงคล้ายขู่ฟ่อ
จูปิเตอร์ไม่รู้หัวข้อสนทนาแม้แต่น้อย เธอยังคงยืนปักหลักอยู่ที่เดิม เยื้องไปทางด้านหลังของทอม
ยิ่งการพูดคุยดำเนินไป ดวงตาของทอมยิ่งฉายแสงแห่งความเคียดแค้นชิงชัง
จนกระทั่งเขาทนไม่ไหว เงื้อไม้กายสิทธิ์ ร่ายคาถาให้ชายคนนั้นสงบไป
ทอมยืนนิ่งกับที่ มือข้างซ้ายกำหมัดเข้าหาตัว เขาหอบหายใจแรง เหมือนคนหายใจไม่ทัน
จูปิเตอร์ขยับตัว คว้าแขนข้างขวาของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะร่ายคาถาอีกครั้ง
เธอค่อนข้างเชื่อว่าครั้งนี้ เขาตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บ
“ปล่อย!”
ทอมกระชากแขน แต่มือเธอเหนียวแน่นเหมือนกาว
“ถ้านายจะทำร้ายเขา ฉันปล่อยไม่ได้”
จูปิเตอร์บอกอย่างใจเย็น เด็กสาวผ่อนลมหายใจ ก่อนถาม “เกิดอะไรขึ้น
เขาบอกอะไรกับนาย?”
ทอมลดแขนข้างขวาลง
จูปิเตอร์จึงยอมปล่อยมือเขา กรามของเขาขบกันแน่น
เครื่องหน้าแสดงออกถึงความรังเกียจและโกรธจัด “มันเป็นพี่ชายของแม่ฉัน ชื่อ
มอร์ฟิน” เขาบอก น้ำเสียงห้วน “มันบอกว่ามาร์โวโล่ คุณตาของฉันตายไปนานแล้ว
บอกด้วยว่าฉันหน้าเหมือนไอ้ริดเดิ้ลนั่นยังกะแกะ มันกลับมาที่นี่ ทอม
ริดเดิ้ลนั่น กลับมาที่หมู่บ้านนี้ ทิ้งแม่ฉันไว้ในลอนดอน
แล้วกลับมาเสวยสุขบนกองเงินกองทอง ปล่อยให้แม่ฉันต้องเอาสมบัติชิ้นสุดท้ายของซัลลาซาร์
สลิธีรินไปขาย แต่สุดท้าย แม่ฉันก็ตายอยู่ดี แม่ของฉัน... ผู้หญิงโสมม ใจร่าน
ที่ล่อลวงผู้ชาย แล้วก็คิดไปเองว่าเขาจะรักตอบ ความรักมีแต่จะทำให้อ่อนแอ หึ
นี่หรือ สายเลือดของสลิธีริน สายเลือดของพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่
ดูที่พวกมันทำสิ ถลุงทรัพย์สมบัติของเขาจนไม่เหลืออะไร มีแต่บ้านเน่าๆโสโครกนี่
เธอยังคิดว่าฉันควรจะไว้ชีวิตมันอีกหรือ”
ทายาทสลิธีรินก้มลงหยิบไม้กายสิทธิ์ของมอร์ฟิน
และกระชากแหวนประจำตระกูลออกจากนิ้วของลุงมาด้วย
ตราของสลิธีรินปรากฏอยู่บนตัวเรือนจางๆ พลอยสีเขียวอ่อนมีรอยขูดขีดเพราะเจ้าของไม่เคยดูแลรักษา
“ฉันจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้หรอก
รู้ไหม” ทอมกระซิบ น้ำเสียงของเขาน่ากลัวข่มขวัญ
ใบหน้าซีกหนึ่งที่สะท้อนแสงไฟจากเทียนไข บูดเบี้ยวเหมือนปีศาจ
“ฉันจะไม่มีชะตากรรมแบบพวกมัน ไม่อยู่อย่างไร้ค่าเหมือนหนอนในรูสกปรก ทุกคนจะต้องจดจำชื่อของฉันได้
หวาดกลัวที่จะเอ่ย เกรงขามเกินกว่าจะเทียบชั้น ฉันจะเป็นแบบตระกูลสลิธีรินในอดีต
และจะต้องเป็นได้มากกว่านั้น” เขาหมุนแหวนในมือซ้าย แสยะยิ้มออกมา
ขณะเงยหน้าขึ้นมองเธอ “กลับไปที่โรงแรมซะ จูล รอฉันที่นั่น”
“ไม่” จูปิเตอร์ส่ายหน้า “ฉันไม่กลับ ถ้านายไม่กลับไปพร้อมกัน”
เขาพ่นลมทางจมูก
“เกิดพิศวาสฉันขึ้นมาแล้วหรือไง จูปิเตอร์ ความภักดีของเธอเป็นของฉัน
ฉันมีสิทธิ์สั่ง และฉันกำลังออกคำสั่ง กลับไปซะ!”
“เพราะว่าความภักดีของฉันอยู่ที่นาย
ฉันจึงปล่อยให้นายทำเรื่องโง่ๆไม่ได้” จูปิเตอร์บอกอย่างใจเย็นเหมือนน้ำ
“หลังจากนี้นายจะทำอะไร? ไปที่บ้านริดเดิ้ล ฆ่าพวกเขาทุกคน
แล้วย้อนกลับมาโบ้ยความผิดใส่มอร์ฟินหรือ?”
“อย่าใช้การพินิจใจกับฉัน”
ทอมขู่เตือน ชี้หน้า ไม่ต่างจากงูเวลาขู่ฟ่อก่อนฉกกัด
“ไม่ต้องยุ่งยากพินิจใจหรอก”
จูปิเตอร์ส่ายหน้า ดวงตาของเธอกล้าแกร่งยามมองไปที่เขา
“นายหยิบไม้กายสิทธิ์ของมอร์ฟินมา ถามฉันว่า ควรจะไว้ชีวิตมันอีกหรือ นายเกลียดพ่อของนายมากกว่าเกลียดแม่
เพราะพ่อเป็นแค่มักเกิ้ล สำหรับนายแล้ว ชีวิตและความทะเยอทะยานคงเดินหน้าต่อไม่ได้
ถ้านายไม่กำจัดอดีตเสียก่อน คนเหล่านี้คืออดีตที่นายไม่ต้องการ
คือความอัปยศอดสูที่นายเกลียดชัง แต่นายไม่อยากได้ข้อหาฆาตกรรม ดังนั้น
มีความเป็นไปได้อย่างเดียว นายจะใช้ไม้กายสิทธิ์ของลุง ฆ่าคนที่บ้านริดเดิ้ล
และย้อนกลับมาที่นี่ ใช้ไม้กายสิทธิ์ของตนเองปรับเปลี่ยนความทรงจำของเขา
พอพรุ่งนี้เช้ามาถึง กระทรวงทราบข่าวการตายอย่างเป็นปริศนา
คงตรงรี่มาหาพ่อมดคนเดียวในละแวก มอร์ฟินจะสารภาพหมดเปลือก
การตรวจไม้กายสิทธิ์ของเขาจะพบว่าเขาผิดจริง ทั้งหมดที่พูดมา ฉันเดาใจนายถูกไหม
ริดเดิ้ล”
เขาจ้องเธอพักหนึ่ง
“สมกับเป็นเรเวนคลอ” เขาพูดกัดฟัน “แต่เธอขวางฉันไม่ได้ อย่าคิดว่าฉันจะทำร้ายเธอไม่ลง”
“นายไม่ทำร้ายฉันหรอก”
เธอพูดอย่างมั่นใจ
“ฉันเคยทำไปแล้ว จูล
จำทะเลสาบนั้นได้ไหม?” เด็กหนุ่มพูดจี้จุดเจ็บ
“แต่นายก็เป็นคนช่วยฉันจากทะเลสาบ”
เด็กสาวเลิกคิ้วมอง ท้าทายอยู่ในที “ถ้าฉันเสนอทางเลือกที่ดีกว่าในการจัดการกับพวกริดเดิ้ล
นายจะลองฟังดูก่อนไหม?”
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น
พวกเขาออกจากบ้านตระกูลก๊อนท์ ทอมยังคงถือไม้กายสิทธิ์ของมอร์ฟินติดตัวมาด้วย
ขณะเดินตามจูปิเตอร์ขึ้นเนิน เขาไม่วางใจเธออย่างเต็มร้อย ถ้าเธอพลาด
แผนการมีแนวโน้มจะไม่เข้าท่าเมื่อไหร่ เขาจะจัดการที่เหลือต่อเอง
และเขาจะลงโทษเธอให้สาสมกับความอวดดี บังอาจสั่งสอนเขาที่เป็นเจ้านายของเธอ
ทอมคิดถึงเวลาที่เธอร้องไห้แล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ เวลานั้น
เธอจะว่าง่ายกว่าทุกที่ ไม่รู้ทำไม แต่เขาชอบจริงๆที่จะได้เห็นความทุกข์ของเธอ ได้เห็นนางฟ้าปีกยับยู่ยี่บาดเจ็บจนบินไม่ขึ้น
คฤหาสน์ริดเดิ้ลใหญ่โตโอ่อ่าอยู่บนเนิน
มีรั้วรอบขอบชิด สวนหน้าบ้านที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ต่างกับบ้านก๊อนท์เหมือนฟ้ากับเหว
พวกเขาหยุดยืนที่หน้าประตูคฤหาสน์ จูปิเตอร์กระซิบคาถาอาโลโฮโมร่า
แล้วผลักประตูเข้าไปด้านใน ห้องโถงสว่างไสวสวยงาม
ราวกับสงครามโลกครั้งที่สองไม่เคยย่ำเท้ามาถึงที่นี่เลย พื้นปูพรมลายดอกไม้อย่างดี
เครื่องเรือนเงาวับและสะอาดหมดจด พวกเขาได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากห้องอาหาร
ครอบครัวกำลังกินมื้อค่ำอยู่นี่เอง จูปิเตอร์เดินนำ แต่ก่อนที่จะถึงประตู เธอหยุดเท้า
ผายมือให้เขาเดินไปก่อน ตั้งใจให้ทอมเป็นคนเปิดตัว
นายและนางริดเดิ้ล
พร้อมกับลูกชายกำลังกินของหวาน
ห้องอาหารนั้นกว้างขวางมากพอจะนั่งกันได้มากกว่าสิบคน พวกเขาเงยหน้ามองอาคันตุกะด้วยสีหน้าคุกคาม
ไม่พอใจ และสงสัย ชายชราผมสีดอกเลาซึ่งนั่งหัวโต๊ะเลื่อนเก้าอี้ ลุกยืน
จูปิเตอร์เดาว่าคนๆนี้คือปู่ของทอม ริดเดิ้ล
“พวกคุณเป็นใคร?”
นายริดเดิ้ลชราถามเสียงแหบ เขาเพ่งมองผ่านกระจกแว่นตา ดวงตาเบิกกว้างเหมือนเห็นผี
ไม่ต่างจากลูกชายของเขาที่นั่งทางด้านขวา นายริดเดิ้ลในวันกลางคนละม้ายคล้ายทอมเสียจนดูออกว่าเกี่ยวพันกันทางสายเลือด
เขาลุกขึ้นยืนเช่นกัน
“แก!”
ทอม ริดเดิ้ลซีเนียร์ ชี้นิ้วมาอย่างโกรธเคือง “ไอ้ปีศาจ ออกไปจากบ้านฉันซะ!”
ทอม ริดเดิ้ลจูเนียร์หัวเราะอย่างร้ายกาจ
เหมือนปีศาจจริงตามที่ถูกเรียก เขาก้าวออกไปยืนด้านหน้า กวาดตามองปู่ ย่า
และพ่อบังเกิดเกล้า “คิดถึงลูกชายบ้างไหม ริดเดิ้ล?” เขาพูดแล้วยิ้ม มุมปากยกสูง
“แกไม่ใช่ลูกชายของฉัน ฉันไม่เคยมีลูก!” ผู้เป็นพ่อตวาดลั่น
“แกมาที่นี่ทำไม”
หญิงชราลุกขึ้นยืนตาม เธอร่างสูงผอม มีริ้วรอยบนใบหน้า
บนลำคอใส่สร้อยมุกประดับเพชรเส้นโต บ่งบอกฐานะร่ำรวย “เราไม่ต้อนรับแก
เลือดชั่วสามานย์ แกจะทำให้กลิ่นคาวติดอยู่ในบ้านของฉัน
ถ้าแกคิดว่าจะใช้ความเกี่ยวดองกับลูกชายฉัน เข้ามายืนในบ้าน สืบทอดสมบัติ
ก็ฝันไปเถอะ”
ทอมเอี้ยวศีรษะ
เลื่อนดวงตามองจูปิเตอร์เป็นเชิงถาม จะให้เขาไว้ชีวิตคนอวดดีจริงๆหรือ? เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าแล้วพยักหน้าหนึ่งครั้ง
ทอมผ่อนลมหายใจออกอย่างเซ็งสุดขีด
เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ของมอร์ฟินออกมาจากกระเป๋ากางเกง ชี้ไปที่คุณย่า
หล่อนผงะถอยหลัง เกรงกลัวทั้งที่ไม่รู้ว่าไม้ผอมๆนั้นคืออะไร
พ่อของเขารีบเดินอ้อมโต๊ะมาดึงหญิงชราไปหลบด้านหลัง ยืนประจันหน้ากับผู้เป็นลูกอย่างท้าทาย
“ฟังให้ดีนะ” ทอมพูด สีหน้าขยะแขยง
“ฉันไม่คิดจะนับพวกมักเกิ้ลอย่างแกเป็นญาติ แม่ของฉันใฝ่ต่ำไปเอากับคนอย่างแก
นั่นก็แย่พอแล้ว แกได้รับเกียรติจากแม่ของฉัน ได้รับเกียรติจากเลือดที่สูงส่ง
แต่เพราะสันดานใฝ่โคลนตมของแก แกทิ้งเธอไป
ถ้าถามว่าฉันสำนึกบุญคุณบ้างไหมที่มีคนอย่างแกเป็นพ่อ หึ ไม่สักนิด ฉันมาที่นี่
ไม่ใช่เพื่อทวงสิทธิ์อะไรทั้งนั้น ทำไมต้องทวง เพราะทุกอย่างในบ้านนี้
มันสมควรเป็นของฉัน”
ปู่ของทอมขยับตัว
หมายจะวิ่งออกไปจากห้องอาหาร เพื่อโทรแจ้งตำรวจหรือเรียกคนมาช่วย
แต่จูปิเตอร์ไวกว่าหลายเท่า เธอยืนกั้นทาง ชี้ไม้กายสิทธิ์เข้าใส่
ส่ายศีรษะช้าๆเป็นการบอกว่า อย่าพยายามดีกว่า
ริดเดิ้ลทั้งสามคนถูกจับตัวมานั่งด้วยกันบนโซฟาที่ห้องรับแขก
จูปิเตอร์นั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ขณะทอมยืนค้ำเหนือร่างพวกเขาอย่างน่ากลัว
เด็กหนุ่มลูบไม้กายสิทธิ์ในมือ มองใบหน้าตื่นตระหนกของแต่ละคน
เขาเห็นเหงื่อเริ่มไหลลงออกจากหน้าผากของพ่อ ทอมยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
หลงใหลในอำนาจที่ตนเองมีเหนือสิ่งมีชีวิตไร้ค่าทั้งสาม เขาหันหน้าไปส่งสัญญาณออกคำสั่งจูปิเตอร์
เด็กสาวจ้องเขาครู่หนึ่งแล้วยอมลุกยืน
“เราจะทำข้อตกลงกับพวกคุณ”
จูปิเตอร์เริ่มพูด น้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าคุณอยากมีชีวิตรอด
ฉันแนะนำว่าให้ทำตามที่ฉันบอก ไม่อย่างนั้น
ฉันไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกคุณได้ เจ้านายของฉัน...”
“ลอร์ดโวลเดอมอร์” ทอมแทรก
เพื่อบอกชื่อที่เขาต้องการให้เรียก
จูปิเตอร์กระพริบตา
พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย และพูดต่อ “เจ้านายของฉัน ลอร์ดโวลเดอมอร์
ไม่ใช่คนจิตใจดีหรือมีความอดทนกับความงี่เง่าขัดขืน หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจ”
เธอมองมักเกิ้ลทั้งสาม แม้จะสงสารอยู่บ้าง แต่จูปิเตอร์ไม่มีทางเลือก
ถ้าเธอไม่ทำอย่างนี้ คงไม่สามารถป้องกันเหตุฆาตกรรมหมู่ได้แน่
เท่าที่เห็นจากสีหน้าและแววตาของทอม เขาพร้อมจะฆ่าคนจริงๆ
เธอรู้ว่าเขาทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิด หรือรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
“หนึ่ง
พวกคุณจะต้องจำไว้ว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่ของพวกคุณอีกต่อไป รวมถึงสมบัติทุกชิ้นด้วย
สอง คุณจะต้องจัดการเอกสาร ยกทรัพย์สิน ที่ดิน บ้านให้กับเจ้านายของฉัน...”
“อีบ้า!”
นางริดเดิ้ลชราตวาด “แล้วเราจะไปอยู่ไหนกันล่ะ”
อยู่ที่ไหนย่อมดีกว่าตาย จูปิเตอร์โบกไม้กายสิทธิ์หนึ่งครั้ง
ริมฝีปากบนและล่างของนางริดเดิ้ลติดแน่นเหมือนกาว ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
หล่อนพยายามส่งเสียง แต่มีแค่เสียงอู้อี้เท่านั้น
ริดเดิ้ลชายที่เหลือนั่งกระสับกระส่ายบนเก้าอี้อย่างหวาดกลัว
ไม่มีใครกล้าพูดออกความเห็น หรือสบประมาทอีกเลย
“สาม พรุ่งนี้เช้า เก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าให้เรียบร้อย
บอกคนสวนของคุณว่าจะพวกคุณจะไปเที่ยวต่างประเทศ
ให้เขาเตรียมตัวต้อนรับเจ้านายคนใหม่ของบ้าน สี่
พวกคุณจะต้องบอกคนสวนว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว และต้องทำตามนั้นจริงๆ ห้า
คุณไม่มีสิทธิ์พูดคุย เล่าเรื่องเหตุการณ์วันนี้ให้ใครฟัง ถ้าคุณคนใดคนหนึ่งผิดคำพูด
ท่านลอร์ดจะรู้ และตามล่าคุณจนเจอ ฉันคงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ขอให้รู้ไว้อีกว่า เราไม่จำเป็นต้องนั่งคุยกับคุณดีๆ
มีคาถามากมายที่จะทำให้พวกคุณสติฟั่นเฟือน ไม่เป็นตัวเอง ลืมสิ้นทุกอย่าง
ที่ท่านลอร์ดเลือกปล่อยพวกคุณเช่นนี้ นับว่าเป็นความกรุณาแล้ว”
นางริดเดิ้ลมีน้ำตาไหลอาบด้วยความกลัว
ได้แต่พยักหน้า และถลึงตามองสามีกับลูกชายให้ยอมรับข้อตกลง
นายริดเดิ้ลผู้ถือทรัพย์สินทั้งหมดลงมือร่างจดหมายบนกระดาษ
เพื่อส่งให้ทนายความประจำตระกูล ต่อไปนี้ สิทธิ์ขาดในสมบัติทั้งหมดของริดเดิ้ลจะตกเป็นของทอม
ริดเดิ้ลจูเนียร์ จูปิเตอร์จ้องมองทุกขั้นตอน ทั้งการเขียน ดึงมาอ่านตรวจสอบอีกรอบ
จนถึงผนึกจดหมายปิดซอง พร้อมจะให้คนสวนนำไปส่งตอนเช้าพรุ่งนี้
“ให้เรามีเงินติดต่อไปสักหน่อยเถอะ”
นายริดเดิ้ลชราเอ่ยขอร้อง
จูปิเตอร์หันไปหาทอมอย่างขอความเห็น
เด็กหนุ่มลุกจากเก้าอี้หน้าเตาผิง มองไปรอบบ้าน
แล้วสุดท้ายหยุดที่สร้อยไข่มุกงามล้ำของคุณนายริดเดิ้ล
“สร้อยที่คอนั่นก็มากพอแล้ว”
ทอมพูดอย่างใจร้ายเย็นชา แฝงด้วยความประชดประชัน “เหมือนกับเมโรเพ ก๊อนท์
พวกแกรู้ไหมว่าหลังจากลูกชายแกทิ้งเธอไป เธอเหลือแค่ล็อกเก็ตชิ้นเดียว พยายามเอาตัวรอดในลอนดอนทั้งที่ท้องโย้ใกล้คลอด
พวกแกมีกันตั้งสามคน และไม่มีใครกำลังท้อง คงอยู่กันได้สบาย” เขายิ้มเย็น
สองมือประสานกันไว้ด้านหน้าอย่างเรียบร้อยเหมือนสุภาพบุรุษของแท้
นางริดเดิ้ลมองหลานชายตัวเองอย่างเจ็บแค้น
แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ารับชะตากรรมที่รอคอยในวันพรุ่งนี้ เพียงพริบตาเดียว
ทั้งชีวิตที่เคยสุขสบาย มีหลังคาคุ้มหัว ตอนนี้เสมือนเรือพลิกคว่ำกลางอ่าว
มีแค่ชุดชูชีพตัวเดียว พยุงกันไว้ถึงสามคน และเป็นคนสามคนที่ไม่เคยต้องทำงานหนัก
ผจญโลกโหดร้าย ยิ่งเป็นช่วงสงครามด้วยแล้ว พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะรอดไปได้กี่น้ำ
การไว้ชีวิต แต่ปล่อยให้ทุกข์ยาก ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ต้องอดอยากกันเมื่อไหร่ ฆ่าพวกเขาทิ้งเสียยังดีกว่า
เมื่อจบเรื่อง
ทอมอนุญาตให้ครอบครัวริดเดิ้ลขึ้นไปนอนบนห้องของตัวเองอีกหนึ่งคืน
ส่วนตัวเขากับจูปิเตอร์เดินกลับโรงแรมในหมู่บ้าน ก่อนไป
เขาร่ายคำสาปไว้ที่คนพวกนั้น ผลของมันคล้ายกับปฏิญาณไม่คืนคำ
ถ้าคิดจะเล่นตุกติกไม่ทำตามข้อตกลง พวกมันต้องตายอย่างอนาถ แย่ยิ่งกว่าถูกคำสาปพิฆาตหลายเท่า
พวกเขามาถึงโรงแรมตอนสามทุ่มครึ่ง
จูปิเตอร์แวะสั่งแซนด์วิชและชอคโกแลตร้อนสองชุดที่เคาน์เตอร์
เมื่อได้อาหารตามที่ต้องการ เธอจึงเดินตามเขากลับขึ้นห้อง
ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เพราะเป็นโต๊ะตัวเดียวที่มี
ต่างแกะแซนด์วิชออกจากห่างและเริ่มกินอาหารค่ำอย่างง่ายๆ
ทอมชำเลืองตามองเธอหลายครั้ง เขายังไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของเธอนัก
เขาชอบวิธีจัดการกับพวกริดเดิ้ลที่เธอเสนอ
นอกจากจะให้พวกนั้นออกจากหมู่บ้านไปพ้นๆหน้า
ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกลับไปยังโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าอีก
เพราะเขามีบ้านเป็นของตัวเอง ในอนาคต สามารถใช้คฤหาสน์ริดเดิ้ลเป็นป้อมปราการ
ทำอะไรก็ได้อย่างที่เขาอยากทำ ตอนแรกเขาคิดจะฆ่าพวกมันให้หมดเกลี้ยง
ลบล้างอดีตให้สิ้น แต่วิธีของเธอดีกว่า
มัดพวกมันไว้ด้วยคำสาปที่ไม่อาจปากโป้งบอกคนอื่น
ลบความทรงจำของมอร์ฟินเกี่ยวกับครอบครัวริดเดิ้ล มอร์ฟินก็จะจำเขาไม่ได้ไปด้วย และดูจากสภาพโสโครกอ่อนแรงของมัน
อีกไม่นานก็คงตายไปเอง แต่ทอมยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมจูปิเตอร์จึงเสนอทางนี้ให้
แถมยังยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา แม้จะแลกด้วยความปลอดภัยถาวรของคนตระกูลเบิรก์ก็ตาม
เธอไม่น่าจะยอมง่ายขนาดนี้ นอกจากจะมีแผนอะไรในใจ
“เราจะไม่ถูกไล่ออกใช่ไหมที่ใช้เวทมนตร์นอกโรงเรียน”
จูปิเตอร์ถาม
ทอมหัวเราะ
“เธอกลัวเรื่องร่องรอยจริงจังเกินไปแล้ว
กระทรวงเวทมนตร์ไม่ได้ว่างงานขนาดตามดูเด็กได้ทุกคน
ร่องรอยตรวจจับไม่ได้ใส่ไว้ที่ตัวบุคคล แต่ใส่ไว้ในละแวกที่มีเด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์ เพราะฉะนั้น
หมู่บ้านลิตเติ้ลแฮงเกิลตันที่มีพ่อมดอย่างมอร์ฟินอาศัยแค่คนเดียว
ไม่มีเวทมนตร์ตรวจจับร่องรอยของเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์อยู่แถวนี้หรอก”
“เป็นอย่างนี้เอง”
จูปิเตอร์พยักหน้าเข้าใจ แล้วจิบช็อคโกแลตร้อนจากแก้วของเธอ
มื้อค่ำที่แสนเรียบง่ายจบลง
พวกเขาผลัดกันเข้าห้องน้ำ เพื่อเตรียมตัวเข้านอน แล้วปัญหาก็มีอยู่ว่า
ในห้องมีเตียงเพียงหลังเดียว ไม่มีโซฟาหรือเก้าอี้ยาว พวกเขามีกันสองคน
จะแบ่งกันอย่างไร จูปิเตอร์ยืนเก้กังขัดเขิน หยิบหมอนออกมาหนึ่งใบ
เดินเลี่ยงไปทางเก้าอี้ ทิ้งตัวลงนั่ง พยายามจัดท่าให้นั่งสบาย
เธอได้ยินเสียงหัวเราะขำขันเสียเต็มประดาจากทอม ริดเดิ้ล เขาเอนกายลงบนเตียง
ขยับชิดไปด้านหนึ่ง ก่อนจะตั้งศอกขึ้นชันศีรษะ มืออีกข้างตบที่ฟูกข้างตัว
ใบหน้าของเด็กสาวพลันร้อนฉ่า แก้มกลายเป็นสีชมพู
“นอนบนเตียงเถอะ
จูล ฉันไม่ทำอะไรเธอ” อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
“ไม่เป็นไร”
จูปิเตอร์ตอบ
“เธอเดินทางมากับฉันโดยไม่กลัว
ยื่นข้อต่อรอง ยอมภักดีต่อฉัน จัดการกับพวกริดเดิ้ลอย่างอยู่หมัด
ยังมีเรื่องที่ต้องกลัวอีกหรือ” ทอมถามอย่างกระเซ้าเย้าแหย่ “คืนนี้
ฉันเหนื่อยมากแล้ว อาหารก็ไม่อร่อย อยากจะรีบนอน
พรุ่งนี้ต้องไปจัดการอะไรๆในคฤหาสน์ริดเดิ้ลอีก ฉันไม่คิดอยากออกกำลังกายแน่ๆ”
เขาพูดจบ ก็ทิ้งศีรษะลงบนหมอน และนอนตะแคงหันข้างเข้าผนังไป
ดูพูดจาเข้า จูปิเตอร์อยากจะสาปเด็กหนุ่มบนเตียงนัก
เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่ง นอนบนเตียงย่อมสบายกว่าอยู่แล้ว
อีกทั้งเขาไม่ได้มีท่าทีคุกคาม เธอผละจากเก้าอี้เดินไปถึงเตียง
วางหมอนจัดให้เข้าที่และล้มตัวลงนอน จากมุมของเธอ
สามารถมองเห็นวิวนอกหน้าต่างได้แจ่มชัด เวลากลางคืนในฤดูร้อน
ได้ยินเสียงจั้กจั่นร้องจากพงหญ้าตรงไหนสักแห่ง ฟ้าโล่ง ดาวพร่างกระจาย
จูปิเตอร์เฝ้ามองท้องฟ้าจนรู้สึกง่วง และผล็อยหลับไป
เธอไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวจากคนที่นอนข้างตัว ทอมลืมตา พลิกกายหันมาทางเธอ
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองดวงหน้าของเด็กสาวที่หลับตาสนิท หายใจสม่ำเสมอ
ได้กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายดอกไม้จากตัวเธอ เขายื่นมือออกไปช้าๆอย่างระมัดระวัง
ปลายนิ้วไล้แตะบนผิวแก้มของเธอ จูปิเตอร์ย่นจมูก รู้สึกว่าการหลับใหลถูกรบกวน
ทอมจึงรีบชักมือกลับ พลิกตัวนอนหงาย ฟังเสียงหายใจแผ่วเบา เขาหลับตาลง
ปล่อยให้การหายใจของตนสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกับเธอ
ก่อนฟ้าสาง
จูปิเตอร์ลืมตาตื่น เมื่อหันไปมองข้างตัว เห็นศีรษะของเขาเอียงพับมาทางเธอ
ทอมยังหลับสนิทไม่รู้สึกตัว
เด็กสาวบ้านเรเวนคลอค่อยๆเคลื่อนกายลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบ
เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ล้วงมือหยิบของในกระเป๋า กระดาษใบหนึ่งพร้อมกับปากกาขนนก
เธอเขียนโน้ตสั้นๆพร้อมลงชื่อกำกับ แล้วเปิดหน้าต่างอย่างเบาเสียงที่สุด บราวนี่นกฮูกสีน้ำตาลที่จงรักภักดีและรู้งานโฉบบินลงมาเกาะที่ขอบหน้าต่างตามเวลาที่นัดหมาย
จูปิเตอร์ไม่ได้พามันมาด้วย เธอปล่อยให้มันบินวนรอบหมู่บ้าน
หาอาหารกินเองสักช่วงหนึ่ง เมื่อผูกกระดาษที่ขาของมันเรียบร้อยแล้ว
บราวนี่ก็บินออกไปท่ามกลางเช้าตรู่อันเงียบสงัด เธอยืนมองมันอยู่หลายนาที
พลางคิดว่า ดัมเบิลดอร์คงเบาใจเรื่องครอบครัวริดเดิ้ลไปได้บ้าง
ทอมกระพริบตา
ยังนอนนิ่งไม่ขยับอยู่บนเตียง มองเห็นทุกการกระทำของเธอ และในช่วงที่จูปิเตอร์ไม่ได้ระวังตัวเหมือนทุกที
เพราะคิดว่าเขายังหลับอยู่ เขาแอบใช้การพินิจใจ จนรู้แล้วว่าเธอส่งจดหมายไปหาใคร
Writer
มามะ มานอนบนเตียงกันเถอะ >///<
ถ้าสังเกตดีๆ ฉันเปลี่ยนชะตาชีวิตของริดเดิ้ลไปสองครั้งแล้วนะคะ
เรื่องห้องแห่งความลับ กับ เรื่องครอบครัว
เอ... ต้องบอกว่า จูปิเตอร์เป็น "ตัวช่วย" ในการเปลี่ยนสินะ
พรุ่งนี้ ขออนุญาตไม่อัพค่ะ
อยากไปดู อลาดิน หลังเลิกงาน
A whole new world ......
ตอนนี้ ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร Dark Age เพิ่มเลยค่ะ
กรุณาถามได้เต็มที่ว่า "ชาติไหนจะเสร็จ" 55555+
ยิ่งกว่าเต่าก็ฉันนี่แหละ :)
ความคิดเห็น