คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [Predator] : Be fierce.
06:59 3/04/17 แก้คำผิด
Edited 5/Nov/2017
Psyche
Chapter 14 : Be fierce.
[Predator]
มืด นั่นคือสิ่งที่มันรู้สึกเป็นอย่างแรก เปียก นั่นเป็นอย่างที่สอง มืด
เปียก แคบ แต่กลับรู้สึกสบายอย่างสุดพิเศษ แล้วมันก็รู้ทันทีว่าได้เวลาตื่น
ไม่อยากเชื่อว่าจะได้กลับมาอีก นานแค่ไหนแล้ว มันจำไม่ได้ หลงลืมกาลเวลาไปเสียสิ้น
โลกจะเป็นอย่างไร เปลี่ยนแปลงแค่ไหน ไม่อาจรู้ ครั้งล่าสุดมันอยู่ในร่างของผู้ชายคนหนึ่ง
ใช้เขาทำเรื่องที่ไม่มีใครกล้าทำ คือการสังหารจักรพรรดิแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล
ไม่มีใครเข้าถึงตัวได้ นอกจากมันเพียงผู้เดียว มันทั้งกลิ้งกลอก หน้าไหว้หลังหลอก
วางแผนตีสนิทเป็นนาน จนสุดท้าย มันทำสำเร็จ
แต่สิ่งที่มันได้รับตอบแทนคืออะไรอย่างนั้นหรือ มันถูกถอดออกจากร่าง
และไม่ถูกเรียกใช้งานอีกเลย เช่นเดียวกับพี่น้องพรีเดเตอร์อื่น พวกมิสเทรสบอกว่ามันทำเกินกว่าเหตุ
พวกซีเลคเตอร์ก็สนับสนุนเห็นด้วย ฝั่งพวกคอมมานเดอร์ที่ปกครองทหาร
และเป็นหัวหน้ามันโดยตรง ก็ไม่ได้ช่วยอะไร จักรพรรดิไม่เรียกใช้มันนานมาก
คราวนี้เป็นผู้หญิงหรือ?
มันเพิ่งรู้สึกได้ถึงโครโมโซมในร่างกายของบุคคลที่มันกำลังรุกราน โดยปกติจะหญิงหรือชายนั้น
มันไม่เคยเกี่ยง พวกมันไม่เหมือนซีเลคเตอร์ หรือมิสเทรสจอมเรื่องมากที่ยึดเพศของร่างอย่างจริงจัง
พวกเขาไม่มีเพศ ไม่มีใครมีเพศ พวกเขาเลือกเพศกันด้วยรสนิยมส่วนตัวทั้งนั้น
ยุ่งยากวุ่นวาย มันไม่ชอบความยุ่งยากแบบนั้น สตรีอย่างนั้นหรือ? ก็ดี
มันไม่ค่อยมีโอกาสได้ครอบครองร่างสตรี พรีเดเตอร์มักอยู่ในร่างผู้ชายที่อึดถึกทน
คล่องแคล่วว่องไว หรือประเภทมีประวัติเดนตายอยู่แล้ว
จะฆ่าทิ้งทีหลังก็ไม่เสียดายร่าง
แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะต่างออกไป
ถ้ามันมีคิ้ว คงจะขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจไปแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงทีเดียว แต่มีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยที่สมอง
คลื่นภายในปั่นป่วน กระตุกวูบวาบ จังหวะเร็ว เหมือนม้าศึกกระทืบเท้า
มันเคยเจอสมองลักษณะนี้มาบ้าง สมัยเอเธนส์ มันได้สิงร่างศิษย์คนหนึ่งของโสกราตีส แอบเป็นสายให้พวกสปาร์ตาเข้าตียึดกรุง
และยุแยงให้โสกราตีสถูกสอบสวนจนถูกประหารในที่สุด อย่าหาว่ามันยกยอตัวเองเลย
แต่มันเป็นพรีเดเตอร์ที่เก่งกาจ เจอสมองพยศแบบนี้ มันชอบนักที่จะได้จัดการ
มันเริ่มจากแหวกว่ายเข้าไปในสมองเนื้อเทา กล้ามเนื้อสมองกระตุกต่อต้าน
เหมือนกำลังนั่งบนรถม้า ถือทวนและหอกในมือ พร้อมจู่โจม เอาสิ เอาเลย
มีเท่าไหร่ก็ใส่มา ดูซิว่าจะดื้อด้านไปได้กี่น้ำ ยิ่งดื้อ
ร่างกายก็ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น
มันสัมผัสได้ถึงอาการหดเกร็งของร่างกาย
มือไม้คงจะหงิกงอ เกิดอาการชักแน่ๆแล้ว แต่มันก็ต้องไปต่อ มันซอกซอนเข้าไปจนถึงสมองเนื้อขาว
บริเวณนี้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมทุกเส้นประสาทในร่างกาย ควบคุมส่วนนี้ได้
คือคุมได้หมด มันค่อยๆแผ่ขยายตัวเอง เหมือนน้ำหมึกที่ซึมลงบนกระดาษปาปิรุส
แผ่กระจายไปให้ทั่ว ระหว่างนั้นมันเรียนรู้ภาพความทรงจำของผู้หญิงคนนี้ไปด้วย ถือว่าเป็นการเคารพเจ้าของร่าง
อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าเคยทำอะไรมาก่อน ชื่ออะไร สังคมที่เคยอยู่เป็นอย่างไร
ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการทำงานต่อไป
เธอนอนข้างถนน
เติบโตมาโดยจำเหตุการณ์ที่พ่อแม่ชีวิตไม่ได้ ความทรงจำนั้นยังถูกเก็บไว้ในสมอง
เธอจำไม่ได้เพราะไม่อาจสืบค้นลงมาในสมองของตัวเอง มันทำได้ มันจึงรู้ย้อนไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ธรรมชาติเริ่มสร้างสมองให้
ตอนที่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ความกลัวทุกอย่างเด่นชัด
มีผู้ชายคนหนึ่งที่เธอกลัวมากเป็นพิเศษ แค่เห็นหน้าก็แทบจะมุดหัวหงอแล้ว
แต่มักจะทำใจดีสู้เสือต่อต้าน มันเห็นเธอหนีจากพวกที่ต้องการจับตัวเธอ
ถือว่าเป็นผู้หญิงใจสู้ใช้ได้ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แรงใจเหลือเฟือ
ต่อให้ร่างกายไม่ไหว ก็ยังอดทนพยายาม มันชอบผู้หญิงแบบนี้
กระบวนการทุกอย่างใกล้เสร็จสมบูรณ์
ยึดร่างกายได้แล้ว สมองกำลังถูกควบคุมจนหมด
และมันเริ่มได้ยินเสียงจากจิตใต้สำนึกของผู้หญิงคนนี้ดังขึ้นมา ออกไป เธอไล่เสียงเด็ดขาด
แข็งกระด้าง ทรงอำนาจ นอกจากร่างกายแข็งแรง พลังใจไม่มีวันหมด
จิตวิญญาณภายในยังกล้าแกร่งอีกด้วย ไม่ธรรมดาเลย
สปิริทปลายแถวคงตายทันทีที่พยายามจะยึดครองร่างนี้แน่ๆ ไม่น่า โชคถึงตกเป็นของมัน โอกาสที่จะได้ตื่น
ได้ทำงาน ได้โลดแล่นเป็นอิสระ มันไม่ปล่อยให้ถูกช่วงชิงไปได้โดยง่ายหรอก
มันขยายตัวอีก เกาะกุมทั่วทั้งสมอง ชอนไชเข้าไปทุกพื้นที่ ผลักไสไล่เธอ
กดจิตสำนึกของเธอเอาไว้ ตีรันฟันแทง ยื้อยุดฉุดกระชาก
กระทั่งมันเป็นผู้กอบกุมชะตาทุกอย่างของร่างนี้ไว้ในกำมือ
มันลืมตา
แสงจ้าบาดคมกริบ มันต้องกระพริบตาอยู่หลายที จนภาพตรงหน้าชัดเจน
โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก มันเรียนรู้จากสมองของผู้หญิงคนนี้ทั้งหมดแล้ว มีทั้งไฟฟ้า
อินเตอร์เน็ต จอโทรทัศน์ อาวุธทันสมัยขึ้น มันเห็นสิ่งที่เรียกว่าปืน มีประสิทธิภาพการสังหารเฉียบขาด
มันอยากลองจับจะแย่แล้ว แต่ก่อนอื่น คงต้องสนทนากับผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
ข้างเตียงที่มันนอนอยู่ มันจำได้เขาได้ทันที
เห็นภาพของเขาเยอะพอสมควรในความทรงจำของหญิงสาว เขาน่าจะตัวสูง มันเดาโดยดูจากแผ่นอกกว้าง
แม้จะมีเสื้อผ้าสีดำพรางเอาไว้ เขาก็ยังดูตัวใหญ่ ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์
เมื่อเห็นมันตื่น เขาแค่จ้องมอง ดวงตาสีดำไม่สื่อแววใดๆออกมาทั้งสิ้น
“เธอเป็นใคร?”
เสียงทุ้มเอ่ยถาม
ควรตอบอย่างไรดีเล่า
มันคิดอย่างค่อนข้างสับสน “ข้าไม่ใช่ใครทั้งนั้น” เสียงของผู้หญิงคนนี้
ไม่ได้หวานใสน่าฟัง ติดจะเข้มเหมือนผู้ชาย ดีแล้ว มันชอบ
“พรีเดเตอร์?”
อีกฝ่ายพูดเป็นเชิงถามอีก มันพยักหน้า เขามองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เอื้อนเอ่ย “ดี”
ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง มันจึงได้เห็นว่าจริงๆแล้วเขาสูงขนาดไหน
เทียบไม่ได้กับตอนนั่งเลย “ลุกขึ้นมาได้แล้ว มีงานต้องทำอีกมาก”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่ยินดียินร้าย
พรีเดเตอร์เดาออกทันทีว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็นซีเลคเตอร์ที่เลือกร่างให้มัน
ถ้าเป็นทุกทีมันจะพูดขอบคุณอยู่บ้าง
แต่ท่าทางของหมอนี่น่าหมั่นไส้เกินกว่ามันจะอยากปริปาก
มันลุกขึ้นยืน
เห็นว่าตัวเองสวมชุดคนไข้ “ช้าก่อน” มันเรียกเขาไว้ “ให้ข้าไปทำงานด้วยชุดนี้หรือ”
เขามองมันด้วยสายตาดุดัน
คงจะคิดว่ามันยียวนกวนประสาทแล้ว แต่มันเปล่า มันแค่พูดถามออกไปอย่างซื่อๆ
เมื่อมองมาแบบนั้น มันก็หมดสิทธิ์ที่จะถามต่อ ได้แต่เดินตามไป
มันนึกอยากให้ร่างของโบ มาร์เรนมีสักสิบตา ทันทีที่ออกจากห้องแคบ มันเจอกับทางเดินกว้างขวางปูกระเบื้องเงาวับ
ผ่านห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ได้แต่แอบเมียงมองผ่านเร็วๆ พวกแพทย์ พยาบาล
โซลเยอร์เดินกันขวักไขว่ ที่นี่คงเป็นฐานอะไรสักอย่าง
“พอจะรู้อะไรแล้วบ้าง?”
คนเดินนำเอ่ยถาม
“รู้แค่ว่ารอบนี้
เจตนาของจักรพรรดิคงจะแปลกไปแน่ๆ สิ่งที่ข้าเห็นจากสมองของโบ มาร์เรน
ทำให้รู้ว่างานครั้งนี้ พวกเราคิดการใหญ่ไม่ใช่น้อย” มันตอบ
“เลิกพูดเหมือนมาจากศตวรรษที่สิบห้าได้แล้ว”
อีกฝ่ายตอกกลับมา อย่างไม่พอใจ
“ก็ข้ามาจากศตวรรษที่สิบห้า
จะให้พูดแบบสมัยใหม่ทันทีทันใดได้อย่างไรเล่า” มันเถียง
“เธอเรียกตัวเองว่าโบ
มาร์เรนหรือ?” เขาถามอีก
“อะไรกัน
เจ้าเป็นซีเลคเตอร์ไม่ใช่หรือ ชื่อของนางคนนี้ยังไม่รู้ได้อย่างไร” มันพูด
คราวนี้กวนประสาทชัดเจน เขาไม่พูดต่อปากต่อคำกับมันอีก น่าเสียดายอยู่
กำลังสนุกเชียว มันคิดถึงการพูดคุยมากเลย
ตอนนี้ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนว่าทำไมซีเลคเตอร์ไม่รู้จักชื่อของเธอ
เขาพามันมาถึงห้องอาบน้ำรวม ตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีใครใช้
จึงเหลือแค่เขากับมันยืนเดียวดายกันอยู่ที่ประตู
“อาบน้ำแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”
เขาออกคำสั่ง เดินไปเปิดตู้ล็อกเกอร์ หยิบชุดพรางตัวทหารโยนมาให้
แทนที่ออกคำสั่งเสร็จแล้วจะออกไป กลับยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เหมือนตอไม้
“จะยืนดูด้วยหรือไง?”
พรีเดเตอร์ถาม ความทรงจำแวบผ่านเข้ามา “เข้าใจแล้ว
ก่อนหน้านี้เจ้าก็ไม่เคยปล่อยให้นางอยู่ลำพัง มีทั้งทหาร พยาบาลล้อมหน้าล้อมหลัง
ปฏิบัติต่อนางอย่างนักโทษอุกฉกรรจ์ ข้าขอยืนยัน
นางหลับใหลเป็นตายอยู่ที่ก้นบ่อแล้ว ตะกายกลับขึ้นมาไม่ได้แน่”
เขาก็ยังยืนหน้านิ่ง ไร้อารมณ์ ไม่แสดงความคิดเห็น “เอ้า ก็ได้
อยากยืนเฝ้าให้เมื่อยก็ตามใจ” นี่ไม่ใช่ร่างของมัน
แต่เดิมมันก็ไม่มีร่างกายอยู่แล้ว มีแต่จิตวิญญาณเท่านั้น
มันยกมือขึ้นแกะกระดุมเสื้อคนไข้ ระหว่างที่กำลังขยับนิ้วแกะเม็ดที่สาม
มือของมันก็ค้างแข็ง ขยับไม่ได้ดังใจคิด
“เป็นอะไร”
ท่าทางซีเลคเตอร์คงจะสังเกตทุกการกระทำอย่างใกล้ชิด
“ข้าไม่มีมือให้ใช้มาตั้งหกร้อยเจ็ดร้อยปี
ก็ต้องสนิมเกาะกันบ้าง” มันพูดเฉไฉ ที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหานี้มาก่อน
จะอ้างว่าเพิ่งตื่นขึ้นมา ก็ไม่ใช่ มันเคยนอนหลับไปเกือบพันปีมาแล้ว
แต่ไม่เคยประสบเหตุสนิมขึ้น มันกางนิ้วมือทั้งห้าออกจากกัน กางๆหุบๆทดสอบดู
ร่างสูงเดินปราดเข้ามาประกบ ดึงตัวมันเข้าหา
เอื้อมมือมาแกะกระดุมให้มันเสร็จสรรพจนเม็ดสุดท้าย
“ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย”
มันฉีกยิ้ม
เขาเหมือนจะชะงักไป
คิ้วทั้งสองข้างขยับเข้าชนกันราวกับว่ารอยยิ้มบนใบหน้านี้เป็นของแปลก มันไม่ใช่พวกชอบวางมาดแบบคนอื่นๆ
ไม่ชอบปั้นหน้านิ่งหน้าเย็น เหมือนตอไม้เสาหิน มันชื่นชอบที่จะเลียนแบบมนุษย์
ทั้งอารมณ์ การแสดงออกทางสีหน้า และการกระทำต่างๆ คงจะเป็นธรรมชาติของมันอยู่เอง ไม่เหมือนพวกโซลเยอร์ที่เข้าสนามรบและฟังคำสั่งคอมมานเดอร์อย่างเดียว
ไม่เหมือนซีเลคเตอร์ที่มีหน้าที่แค่เลือกและควบคุมดูแลจิปาถะต่างๆ
ไม่เหมือนสเกาต์ที่แค่สะกดรอยตามหาอยู่ห่างๆมนุษย์ ไม่เหมือนมิสเทรสที่นั่งบริหารบนหอคอยงาช้างและออกคำสั่งกับซีเลคเตอร์ท่าเดียว
มันเป็นพวกอเนกประสงค์ ฆ่าได้อย่างเลือดเย็น ทำงานฉับไวเหมือนพายุ ตีสองหน้าก็เก่ง
มันจึงเลียนแบบมนุษย์เป็นกิจวัตรอยู่แล้ว
มันทำตามคำสั่ง
ถอดเสื้อผ้าที่เหลือทิ้ง เดินโทงๆไปใต้ฝักบัว ความทรงจำในสมองของโบบอกให้มันยื่นมือไปหมุนเปิดน้ำที่จุดใด
เป็นความรู้สึกพิเศษสุด ศตวรรษที่สิบห้ามีแต่อ่างแคบๆ
ซึ่งมันก็ไม่ค่อยได้อาบน้ำนัก มีแต่พวกเจ้าขุนมูลนายจึงจะได้อาบบ่อย แต่ยังไงคราวนี้
มันไม่กล้าอาบนาน เพราะรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่หลังศีรษะ
คล้ายว่าเร่งให้เร็วๆ มันจำใจปิดน้ำ
ทั้งที่เพิ่งได้ลองอาบฝักบัวและใช้สบู่หอมเพียงครู่เดียว
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย
ซีเลคเตอร์ก็พามันไปเจอกับโซลเยอร์ที่ห้องซ้อมยิงปืน ช่วงเวลาที่เฝ้ารอมาถึงเสียที
มันเป็นคนเรียนรู้เร็ว ความจำดี ฟังครั้งเดียวก็จำได้หมด อีกอย่าง
มันชอบที่จะเรียนรู้จากการปฏิบัติด้วย
ดังนั้นหลังจากฟังและรู้จักปืนชนิดต่างๆในห้องแล้ว มันก็ถูกใจปืนลูกซองมอสเบิร์กห้าเก้าศูนย์มากที่สุด
ปืนขนาดยาว ลูกกระสุนมีประสิทธิภาพทะลุทะลวงสูง
โซลเยอร์บอกว่านี่เป็นปืนที่นาวิกโยธินของสหรัฐอเมริกาใช้เวลาออกภาคสนาม
เมื่อเจอของถูกใจ จะรอช้าอยู่ไย มันเรียนรู้วิธีการประกอบเพียงครู่เดียวก็ทำเป็น
จากนั้นลองเล็งยิง น่าเสียดาย โบ มาร์เรนคงจะสายตาสั้นเล็กน้อย มันยิงไม่เข้าเป้าอย่างที่ตั้งใจ
“ทำได้แค่นี้
อยู่ขอบสนามไปแล้วกัน” เสียงเยียบเย็นของซีเลคเตอร์ ทำให้มันหันขวับไปมอง
ไม่รู้ทำไม แต่สายตาของมันทำให้แววตาของเขากระตุกวูบได้ แปลกจริง
ซีเลคเตอร์คนนี้
มีอะไรไม่ชอบมาพากล
มันเคยยิงธนูมาก่อน
ยินปืนใหญ่มันก็เคย แต่ที่ถนัดที่สุดก็คือใช้ดาบจ้วงแทงอย่างเดียว
การจะใช้ดาบในยุคนี้คงไม่เข้ากันแล้ว มันไม่มีทางเลือก นอกจากฝึกยิงปืนต่อไป
สักพักซีเลคเตอร์ก็ทิ้งมันไว้กับโซลเยอร์ตามลำพัง ดี
มันจะได้มีโอกาสซอกแซกถามเอาความเสียหน่อย
“พี่ชาย
ถามหน่อยสิ” มันเอ่ย ระหว่างบรรจุกระสุนใส่ปืน “ซีเลคเตอร์ท่านนั้นเป็นอย่างไรบ้างหรือ?”
“คุณกริฟฟิธทำหน้าที่ได้ดี
ไม่เคยบกพร่อง” โซลเยอร์ตอบ แล้วก็ไม่ขยายความใดๆต่อ โธ่เอ๊ย ลืมไปเลย
ในนี้มีแต่พวกเดียวกัน ไม่ใช่พวกมนุษย์เสียหน่อย ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา
ป่านนี้คงจะนินทาเจ้านายให้ฟังแล้ว
“แล้ว...”
มันพูดต่อ “ผู้หญิงคนนี้เล่า มีที่มาที่ไปอย่างไร
ทำไมเขาต้องคอยคุมแน่นหนาขนาดนั้น”
“โบลิเวีย
เจนกินส์เป็นตัวปัญหาอย่างหนัก” โซลเยอร์บอก มันได้แต่เลิกคิ้วอย่างงุนงง
ทำไมเรียกมันด้วยชื่อนั้น แต่ก็ช่างเถอะ ชื่อนั้นสำคัญไฉน
“ต้องใช้โซลเยอร์มากกว่าห้านายถึงเอาเธออยู่ จะยิงหรือทำให้บาดเจ็บมากก็ไม่ได้
เพราะว่าคุณต้องมาสิงร่างนี้ และมีงานรออยู่อีกมากมาย
ควรเริ่มงานทันทีเมื่อทุกอย่างพร้อม
คุณกริฟฟิธเป็นคนเดียวที่เธอกลัวและค่อนข้างจะยอมสยบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมประจำ
เธออาละวาดเก่งเป็นที่หนึ่ง ดื้อรั้น ประท้วงด้วยการอดอาหาร แพทย์หญิงอากิระต้องให้อาหารทางสายยาง
บางทีก็ใช้ยาหลอนประสาท ให้เธอเบลอและหลอนไปเลย
เราจะได้ยินเสียงเธอกรีดร้องประจำถ้าอยู่ใต้ฤทธิ์ยา ช่วงที่เธอมีสติครบถ้วน
เธอจะหาทางหนีตลอดเวลาและทำร้ายคนอื่นๆทุกครั้งที่มีโอกาส”
ผู้หญิงคนนี้มีนิสัยเหมือนมันเลย
ไม่น่าเขาถึงเลือกร่างนี้ให้ มันยักไหล่แล้วก็หันไปฝึกซ้อมต่อ
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มันผลาญกระสุนหมดไปเป็นกระบุง
จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าตัวเองแม่นยำ มันจึงยอมเลิก โซลเยอร์พามันไปที่โรงยิม
ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ มันต้องโหนบาร์
วิ่งซิกแซกทำเวลา ลุกนั่งเป็นร้อยครั้ง และลองปะทะฝีมือกับโซลเยอร์หลายต่อหลายคน
กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และโซลเยอร์ร่วมกันประเมินว่ามันผ่านพร้อมออกสู่สนาม
ท้องของพรีเดเตอร์สาวก็ร้องโครกคราก
มันเห็นในความทรงจำของโบ
มื้อสุดท้ายเป็นเนื้อย่าง แค่คิดก็น้ำลายสอ มันชอบเวลาที่มนุษย์กินอาหาร
ความรู้สึกเมื่อรสชาติชุ่มฉ่ำผ่านลิ้น น่าอิจฉาพวกมนุษย์จริงๆ
พวกมันไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองมีประเสริฐแค่ไหน ดูอย่างพวกมันสิ ร่างกายก็ไม่มี
ถ้าตามตำราที่มันเห็นจากความทรงจำของโบ ก็อาจระบุได้ว่าพวกมันเป็นสัตว์เซลล์เดียว
เพียงแต่ต่างออกมาหน่อยตรงที่ พวกมันคิดเป็น เรียนรู้ได้ ทั้งที่ไม่มีสมอง
เป็นแค่กลุ่มควันลอยละล่อง
มันนั่งกินอาหารเย็นกับพวกโซลเยอร์ในโรงอาหาร
พวกเขาไม่ค่อยคุยกันนัก จะให้มันจ้ออยู่คนเดียวก็ใช่ที มันจึงจำใจสงบปากสงบคำ
ลิ้มรสอาหารทุกอย่างที่มีในรายการ นึกอยากให้พวกเขายอมปลุกพรีเดเตอร์ขึ้นมามากกว่านี้
มันจะได้มีเพื่อนไว้พูดคุยบ้าง
แต่พวกเขาคงไม่อยากปลุกขึ้นมาให้วุ่นวายและเกิดวินาศสันตะโร
เพราะเมื่อพวกมันลงสนาม จะเหมือนอสุรกายบ้าคลั่ง ถ้ามีคำสั่งฆ่า จะฆ่าไม่เลือกหน้า
เจอใครที่ไม่ใช่พวกเดียวกันก็ฆ่าหมด มีประสิทธิภาพมากกว่าโซลเยอร์สิบคนรวมกัน จะว่าไป
มันเริ่มคันไม้คันมือ อยากปฏิบัติภารกิจเต็มแก่
โชคเป็นของมัน
ยังไม่ทันที่จะตักของหวานเข้าปาก หูพลันได้ยินประกาศเรียกรวมพลทหารหลายกอง
มันวางช้อนลงทันใด ไม่รู้หรอกว่าตัวเองอยู่หน่วยไหนกองไหน คิดจะเดินตามๆเขาไปก่อน
“พรีเดเตอร์รายงานตัวกับคุณกริฟฟิธที่ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
และ...”
เสียงประกาศบอกอย่างนั้นแล้วก็ไปเรื่องอื่นต่อ
มันหยุดเดิน จำได้ว่าเคยเดินผ่านห้องนั้นมาแล้ว มันทำตามที่ประกาศบอก
เดินไปที่ห้องและเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะ
ห้องนั้นกว้างกว่าที่มันแอบมองเข้ามาครั้งแรก จอขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ผนังฝั่งหนึ่ง
ฉายแผนที่ทางทหารของภูเขาที่มันไม่รู้ว่าคือที่ใด ถัดจากจอ
เป็นคอมพิวเตอร์หลายสิบเครื่อง มีเจ้าหน้าที่ประจำตำแหน่ง ทำงานมือเป็นระวิง
ซีเลคเตอร์นั่งอยู่ที่เก้าอี้บนพื้นที่ยกสูงกว่าระดับอื่น
หันหน้าออกสู่จอและเห็นเจ้าหน้าที่ทุกคนซึ่งกำลังทำงานอยู่
“มีงานอะไรให้ข้าทำก็ว่ามา”
มันพูดทันทีที่ขึ้นบันไดไปถึงตัวเขา
“มีกลุ่มมนุษย์ขนาดใหญ่ปักหลักอยู่แถวแคลิฟอร์เนีย
สเกาต์ส่งพิกัดตำแหน่งที่แม่นยำเข้ามา พวกมันอยู่ที่โยเซมิตีพาร์ค
บนหุบเขาอย่างที่เธอเห็นในจอ” ซีเลคเตอร์บอก ไม่ได้หันมามองหน้ามัน “พวกเราจะออกเดินทางในอีกสิบนาที
โซลเยอร์จะลงไปก่อน แต่จะต้องมีมนุษย์ที่เล็ดลอดหนีไปได้
หน้าที่ของเธอคือลงจากเฮลิคอปเตอร์หลังจากระเบิดของพวกโซลเยอร์สงบแล้ว
ตามหาให้ครบทุกคน ฆ่าไม่ให้เหลือ”
“ไม่พิจารณามอบสปิริทให้สักคนหรือ?”
มันถามอย่างอดไม่ได้
เขาหันมามอง
แววตาเหมือนมีน้ำแข็งเกาะ ท่าทางไม่พอใจที่เธอสงสัยและถามคำถาม คุณพระคุณเจ้า
เขาจะมีปัญหาอะไรกับมันนักหนา เหมือนเขาจะไม่ชอบขี้หน้ามันเอาซะเลย
แต่บางทีก็มองมาทางมันแปลกๆ ไม่สิ เขาไม่ได้มองมันหรอก เขามองเธอต่างหาก
ยิ่งเห็นก็ยิ่งน่าสงสัย ยิ่งแผนภารกิจนี้ด้วย ส่วนใหญ่ถ้ามีพรีเดเตอร์แล้ว
ไม่มีทางส่งโซลเยอร์ลงไปก่อนหรอก แค่พรีเดเตอร์คนเดียวก็มากพอในการเปิดฉากจู่โจม
ราวกับกลัวว่าร่างนี้จะบุบสลาย
“มองอะไร?”
เขาถาม
มันมองเขาอยู่จริงๆอย่างที่เขาว่า
แถมสายตาของมันตอนนี้คงจะแสดงออกถึงความเจ้าเล่ห์ไปแล้วด้วย “ถามจริงๆ ซีเลคเตอร์”
มันสูดลมหายใจเข้า หรี่ตาลง “ไม่ได้ผสมพันธุ์มานานแค่ไหนแล้ว?”
เสียงของมันไม่ใช่เบาๆ
ทำเอาเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังเดินขึ้นมาเพื่อรายงานอะไรบางอย่างชะงักค้างอยู่ตรงบันได
เปลี่ยนใจ หันหลังเดินลงไปอย่างไม่อยากยุ่ง สิ่งที่มันถามเป็นเรื่องธรรมชาติ จริงอยู่ที่พวกมันทั้งหมดไม่มีเพศ
เป็นแค่กลุ่มควัน วิธีการสืบพันธุ์ก็แบบเดียวกับสัตว์เซลล์เดียว
แตกตัวออกจากกันได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครทำอะไรแบบนั้นแล้ว พวกมันมีจำนวนพอดี
จักรพรรดิเองก็ไม่มีคำสั่งให้ขยายพันธุ์เพิ่ม
จำนวนประชากรเริ่มคงที่มาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ทว่าธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
จะสั่งห้ามกันได้ที่ไหน พวกมันก็อาศัยร่างมนุษย์ทำเรื่องแบบนั้นแทน ทำไปเถอะ
ยังไงก็ไม่แตกตัวมีประชากรสปิริทเพิ่ม แต่จะมีประชากรมนุษย์เพิ่มไปตามกฎของการทำเรื่องนั้น
ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครปล่อยให้ร่างมนุษย์ผู้หญิงที่ตนสิงตั้งครรภ์ขึ้นมาง่ายๆหรอก
มันยุ่งยาก เจ็บปวดทรมาน
ดูท่า
ตอนนี้มันคงมีปัญหาแล้ว คุณซีเลคเตอร์มองมาเหมือนจะบีบคอมันตายได้
มันจึงยกมือขึ้นโบกไปโบกมาอย่างไม่ถือสาเสียเอง “ข้ารู้แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง
จะให้ขึ้นเฮลิ... อะไรนั่นลำไหนล่ะ”
คงจะเป็นโชคดีของมัน ระหว่างที่บรรยากาศมาคุถึงขีดสุด
โซลเยอร์รายหนึ่งส่งเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสารเข้ามาว่าเฮลิคอปเตอร์พร้อมแล้ว
กองกำลังเตรียมเคลื่อนพล มันฉีกยิ้มอีกครั้ง กระเหี้ยนกระหือรือเต็มแก่
ร่างสูงนั้นลุกจากเก้าอี้ เดินนำอย่างเคย ไม่บอกอะไรมันเลยว่าตกลงจะให้ขึ้นลำไหน
มันจึงเดาสุ่มเอาเองว่าคงลำเดียวกับเขา หวงร่างนี้นักไม่ใช่หรือ
คงไม่อยากให้มันหรือเธอไปขึ้นลำอื่นหรอก
พรีเดเตอร์นั่งกอดและลูบปืนลูกซองมอสเบิร์กห้าเก้าศูนย์อย่างรักใคร่ชอบพอ
ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ขึ้นจากพื้น
มันส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายตื่นเต้นเพราะไม่เคยบินมาก่อน ถ้าไม่มีเข็มขัดรัดติดอยู่กับที่นั่ง
มันอาจจะลุกขึ้นยืนไปที่ท้ายลำแล้วก็ได้ แต่พอคิดอีกที
แบบนี้มันเสี่ยงกับการถูกถีบตกลงไปตายได้โดยง่าย
ถ้ามันไปกระตุกต่อมของซีเลคเตอร์เข้าอีก ดังนั้นมันจึงสำรวมกิริยา
นั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวเสียบ้าง จนกว่าจะถึงที่หมาย
การเดินทางกินเวลายาวนานมาก
จากที่มันกระตือรือร้น ชักจะเบื่อหน่าย ทิวทัศน์ตอนแรกว่าน่าตื่นตาตื่นใจ เริ่มคุ้นชิน
มันเป็นพวกอยู่นิ่งนานๆไม่ค่อยได้ เคาะนิ้วบ้าง กระดิกเท้าบ้าง ทำเสียงป๊อกๆในปาก
เมื่อเหลือบเห็นสายตาน่ากลัวของคุณซีเลคเตอร์ส่งมานั่นละ มันถึงยอมหยุด ผ่านไปอีกครึ่งหนึ่งของเวลาอันน่าเบื่อ
มันได้ยินเสียงโซลเยอร์เคลื่อนไหว นักบินบอกทางวิทยุว่าถึงที่หมายแล้ว
เฮลิคอปเตอร์แนวหน้ากำลังจะปล่อยโซลเยอร์ลงพื้นที่ สักพักมันได้ยินเสียงปืน
แค่ได้ยินก็ตื่นเต้น เลือดสูบฉีดเดือดพล่าน
ในช่วงแรกมันยังไม่ต้องลงไป
ได้แต่สังเกตอยู่ข้างบน ถือปืนแนบกับตัวแน่น ได้ยินเสียงระเบิดตูมตาม
ใจสั่นรัวนักแล แทบทนอยู่เฉยไม่ได้แล้ว เห็นพวกโซลเยอร์วิ่งกันอยู่ข้างล่าง
กับมนุษย์หน้าโง่ทั้งหลายที่เตลิดเปิดเปิง
“ลงไปได้แล้ว”
เพิ่งมีคราวนี้เองที่คำสั่งของคุณท่านซีเลคเตอร์เหมือนเสียงสวรรค์
ความคิดเห็น