ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Notorious [Tom Riddle & OC]

    ลำดับตอนที่ #13 : A fake

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 62



    Notorious [Tom Riddle & OC]

    Chapter 13 : A fake







             ครอบครัวเบิร์กไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวให้ผู้คนโจษจันในทางลบ จนกระทั่งจูปิเตอร์และมาร์สดวลคาถากันหน้าห้องนั่งเล่นบ้านเรเวนคลอ เป็นการดวลที่จบอย่างรวดเร็วที่สุด เมื่อแฝดน้องล้มแฝดพี่ได้ด้วยคาถาปลดอาวุธ มาร์สยังไม่ทันได้ทำอะไรทั้งสิ้น เกิดคำถามขึ้นอย่างมากมายในหมู่นักเรียน ยังไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด พวกเขาเห็นนายและนางเบิร์กเดินทางมาถึงปราสาทฮอกวอตส์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี และหายเข้าไปในห้องอาจารย์ใหญ่ดิพพิต พี่น้องทั้งสามของตระกูล รวมถึงศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์อยู่ในห้องด้วยเช่นกัน เกือบสองชั่วโมงถัดมา นายและนางเบิร์กออกจากห้องพร้อมลูกชายคนกลาง มาร์สกลับไปที่หอพักสลิธีริน เก็บของลงหีบอย่างรวดเร็ว และออกจากโรงเรียนไปพร้อมพ่อกับแม่ ไม่บอกใครสักคนว่าเกิดอะไรขึ้น แม้กับกลุ่มเพื่อนสนิท



                ก่อนหน้านั้น ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุ จูปิเตอร์นั่งอยู่ข้างเมอร์คิวรี พี่ชายคนโต เฮอร์เบิร์ตและเบลวิน่านั่งคู่กันที่อีกฝั่ง มาร์ส ดัมเบิลดอร์ และอาจารย์ใหญ่ดิพพิตยืนกันทั้งสามคน ดัมเบิลดอร์ให้มาร์สดื่มสัจจะเซรุ่ม และเพิ่งจะสารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง



                มาร์สเล่าว่า เขาได้ยินเรื่องทายาทสลิธีรินจากทอม ริดเดิ้ล เขาเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง ทอมมีความตั้งใจจะตามหาครอบครัวที่แท้จริง จึงใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ขุดคุ้ยหนังสือในห้องสมุด ตามหาพ่อมดที่มีนามสกุลริดเดิ้ล เข้าไปอ่านชื่อทุกชื่อที่อยู่บนถ้วยรางวัลของฮอกวอตส์ ก่อนจะจบปีสี่ ทอมเริ่มคิดว่าบางที เขาอาจจะมาผิดทาง พ่อของเขาอาจไม่มีเลือดผู้วิเศษเลยแม้แต่หยดเดียว เขาจึงหันมาสนใจชื่อกลางของตนที่ได้มาจากคุณตา เมื่อลองค้นชื่อ มาร์โวโล่ ทอมก็พบนามสกุลก๊อนท์ เขาใช้เวลาก่อนปิดเทอมประมาณหนึ่งเดือน สืบต้นสายตระกูลก๊อนท์ย้อนกลับไปเรื่อยๆ จนได้รู้ในที่สุดว่าเขามีเชื้อสายของซัลลาซาร์ สลิธีริน



                มาร์สเก็บเรื่องนี้ไปขบคิดตลอดฤดูร้อนก่อนขึ้นปีห้า เขาเฝ้ารอคอยว่าใครจะได้เป็นพรีเฟ็คของบ้านสลิธีริน เขาหวังลมๆแล้งๆว่าจะเป็นตัวเอง เขาเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยสร้างปัญหา คะแนนไม่สูงมาก แต่เขาก็ยังหวัง กระทั่งเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มส่งนกฮูกมาบอกข่าวว่าทอม ริดเดิ้ลกับสเตลล่า พาร์กินสันได้เป็นพรีเฟ็ค ความอิจฉาริษยาที่สั่งสมมานานเหมือนภูเขาไฟที่พร้อมระเบิด



                ทอมเหนือกว่าเขาทุกอย่าง ฉลาด หัวไว เป็นที่รักของอาจารย์ นักเรียนรุ่นน้องให้ความเคารพและชื่นชอบ นักเรียนรุ่นพี่แสดงความปลาบปลื้ม ใครต่อใครพากันเกรงใจ ทั้งที่มันเป็นแค่เด็กเลือดผสม เด็กกำพร้าที่ไม่เคยรู้หัวนอนปลายเท้ามาก่อน บังอาจเผยอหน้ามาเทียบชั้นกับเลือดบริสุทธิ์ ถึงมันจะมีเชื้อสายของสลิธีริน แล้วยังไงเล่า แม่มันใฝ่ต่ำไปคว้ามักเกิ้ลเลวๆที่สุดท้ายก็ทิ้งขว้างหล่อน ตัวมันต้องไปลงเอยที่บ้านเล้าหมูนั่น มันมีหน้าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ชอบออกคำสั่ง ใช้สารพัดวิธีเพื่อให้คนอื่นยอมทำตาม และหลงใหลเสน่ห์ของมัน มาร์สเกลียดมันนัก เกลียดจนไม่คิดว่าจะเกลียดอะได้เท่านี้ อีกทั้งมันยังมาชื่นชอบน้องสาวฝาแฝดของเขาอีก เขาไม่ได้รักใคร่ใยดีจูปิเตอร์ เขาเบื่อด้วยซ้ำที่ทุกคนในฮอกวอตส์จำเขาได้ เพราะเขาเป็นฝาแฝดของเธอเท่านั้น ไม่ได้จดจำตัวเขา ในฐานะที่เป็นตัวเขาเองเลย จูปิเตอร์กับทอมเป็นดาวสว่างสองดวงที่ไม่มีใครกล้าเทียบรัศมี และดาวสองดวงนี้ดันโคจรเข้ามาใกล้กันอีก ทุกสิ่งที่มาร์สเคยหวังว่าจะเป็น หวังว่าจะได้ เมื่อเข้าเรียนฮอกวอตส์ พังพินาศหมด ถ้าไม่มีมัน ไม่มีน้องสาวของเขาด้วย มาร์สอาจมีโอกาสมากกว่านี้



                แต่ละคำที่มาร์สพ่นออกมา เลวร้ายเกินกว่าเบลวิน่าจะรับได้ หญิงวัยสี่สิบหลั่งน้ำตาเงียบๆอยู่ข้างสามี เฮอร์เบิร์ตยังคงรับฟังด้วยท่าทางนิ่งสงบ แต่กำมือทั้งสองแน่นไว้บนหน้าตัก หากเขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าอาจารย์ใหญ่หรือดัมเบิลดอร์ เฮอร์เบิร์ตคงกระโดดจากเก้าอี้ ชักไม้กายสิทธิ์และสาปลูกชาย



                มาร์สเล่าต่อไปอีก ช่วงเปิดเรียนแรกๆ ทอมหมกมุ่นกับการตามหาห้องแห่งความลับ ด้วยความสามารถอันล้นเหลือจนน่าหมั่นไส้ของมัน ไม่นานมันก็หาเจอ แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มันใฝ่สูงอยากจะตามหาสมบัติที่สูญหายของบรรดาผู้ก่อตั้ง ราวกับเป็นสิทธิ์ของมันที่จะได้ครอบครองสิ่งของเหล่านั้น มันถึงไปหาจูปิเตอร์ ใช้ให้เขาไปพูดจาไร้สาระกับน้องสาว เพื่อทดสอบสติปัญญาของเธอ มาร์สยอมทำตามคำขอทุกอย่าง เหมือนทาสรับใช้ จนมาถึงจุดหนึ่งที่เขาเริ่มคิดได้ ทำไมต้องอดทนด้วยล่ะ? เขามีเลือดบริสุทธิ์ เขาสูงส่งกว่ามันหลายเท่า เขารู้คาถาและคำสาปบางชนิดที่มันไม่รู้ เขาอยากกำจัดมัน และถ้าเป็นไปได้ก็อยากสั่งสอนฝาแฝดผู้น้องให้รู้จักอยู่เงียบๆในที่ของตนเอง



                มาร์สจึงทำร้ายเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ เขียนข้อความบนกำแพง และในคืนที่ทอมต้องลาดตระเวนทางเดิน มาร์สลอบเสกคำสาปใส่มารีน่า คิง พรีเฟ็คบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่ทำงานคู่กับทอม ตั้งใจให้ความผิดตกเป็นของมันเต็มๆ ถ้ามีการตรวจสอบและอาจารย์รู้ว่ามันเป็นทายาทสลิธีรินด้วยล่ะก็ มันจะต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียน จากนั้นเขาขึ้นไปบนหอคอยเรเวนคลอ เฝ้ารอจูปิเตอร์ให้กลับมาที่หอ



                คำสารภาพทั้งหมด ผนวกกับผลการตรวจไม้กายสิทธิ์ เพื่อพิสูจน์คาถาและคำสาปที่ใช้แบบย้อนหลัง มาร์สไม่สามารถดิ้นหลุดจากข้อหาทำร้ายนักเรียนสองคนด้วยคำสาปอันตรายร้ายแรง และข้อหาตั้งใจประทุษร้ายน้องสาวตนเอง รวมไปถึงตั้งใจป้ายสีผู้อื่นให้มีความผิด



                “แกรู้ไหม จูปิเตอร์ ทำไมยัยเพเนโลพีเพื่อนรักของแก ถึงพยายามฆ่าแกที่ทะเลสาบได้ลง ฉันเอง ฉันร่ายคำสาปสะกดใจใส่เพื่อนแก ให้มันสะกดใจโรซาลินด์อีกต่อหนึ่ง และตอนนี้ยัยโรซาลินด์ก็ยังอยู่ภายใต้คำสาปสะกดใจของฉัน มันถึงไม่คุยกับแกยังไงล่ะ อีโง่ ตลอดเวลาที่แกสงสัยว่าเป็นฝีมือของทอม ริดเดิ้ล โธ่เอ๊ย มันหลงแกจนโงไม่ขึ้นขนาดนั้น สมองมันไม่มีห่าอะไรหรอก นอกจาก...”



                “พอได้แล้ว!” เฮอร์เบิร์ตลุกขึ้นและตบหน้าลูกชายฉาดใหญ่



                น้ำตาไหลอาบสองแก้มของจูปิเตอร์ เมอร์คิวรีโอบไหล่ของน้องสาวและบีบอย่างปลอบโยน แต่เขาก็เผลอลงน้ำหนักมากเกินไป เพราะพยายามอดทนกับความอัปยศอดสูนี้



                หนึ่งสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ที่มาร์สถูกไล่ออกโรงเรียน ฤดูใบไม้ผลิที่จูปิเตอร์รอคอยมาถึงพร้อมกับเดือนมีนาคมที่เขียวขจี ดอกไม้บานสะพรั่ง และสายลมอบอุ่น เธอไม่มีอารมณ์จะดื่มด่ำกับสิ่งที่เฝ้ารอ สายลมกลับหนาวเหน็บ กลิ่นของดอกไม้จืดชืด สีเขียวของต้นไม้พลันหมองหม่น แม้แต่ความสนใจในวิชาเรียนและการสอบว.พ.ร.ส.ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามเดือน ราวกับเป็นสิ่งที่อยู่คนละโลกกับเธอ จูปิเตอร์กลับมาเป็นเด็กสาวที่เงียบงันอีกครั้ง ทั้งที่เธอใกล้หายจากอาการทะเลสาบตามหลอกหลอน มาร์สเป็นผู้ตอกย้ำ และทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก เธอฝันถึงทะเลสาบในตอนกลางคืน มือและเท้าถูกมัด กระแสน้ำสีดำเย็นเฉียบฉุดรั้งดึงลงไปถึงก้นบึ้ง เธอหายใจไม่ออก อึดอัดทรมาน เหมือนอกจะระเบิดออกไปชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ได้ เด็กสาวตื่นโดยมีเหงื่อโทรมกาย และน้ำตาที่ไหลริน



                ความเครียด ความเศร้า และสภาพที่ถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจ ส่งผลต่อการเรียนของเธอ จูปิเตอร์เหม่อลอยบ่อยในระหว่างเรียน เธอลืมทำการบ้าน หรือถ้าทำเสร็จทัน จะมีจุดผิดพลาดปรากฏอยู่ในเรียงความ คะแนนจึงออกไม่ดีเท่าเดิม ยิ่งเห็นอย่างนั้น ความเครียดของเธอก็ยิ่งเพิ่ม อยากจะทำให้ดีขึ้น อยากให้ตัวเองคนเดิมกลับมา เธอขลุกตัวคนเดียวในห้องสมุดนานเป็นชั่วโมง แม้แต่เมอร์เทิล วอร์เรนก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวน ได้แต่มองอยู่ห่างๆและถอนหายใจ



                จูปิเตอร์ยังคงสงสัยว่าเธอผิดอะไร? เธอไม่เคยทำอะไรมาร์สเลยสักครั้ง ตั้งแต่เด็กจนโต เธอเป็นน้องสาวคนสุดท้องที่สงบปากสงบคำมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่เคยเรียกร้อง ไม่กล้างอแง ถึงจะกลัวริดเดิ้ลมากแค่ไหน ก็ไม่เคยเขียนจดหมายไปเล่าให้ที่บ้านฟัง เพราะไม่ต้องการให้พวกเขาเป็นห่วง เธอทนได้ เธอก็ยอมทน สู้ได้ ก็ยอมสู้สุดใจ เมื่อมาฮอกวอตส์ เธอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตจะได้มีงานทำ ให้พ่อกับแม่ภูมิใจ แล้วเธอผิดที่ตรงไหน? ในสายตาของมาร์ส เธอแย่มากขนาดนั้นเลยหรือ? แย่เสียจนไม่ควรมีพื้นที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้ น้ำตาของเด็กสาวหยดแหมะลงไปบนหน้ากระดาษหนังสือห้องสมุด เธอต้องรีบปาดมือเช็ดออกไปก่อนจะกลายเป็นคราบ



                แสงโพล้เพล้ของเย็นวันศุกร์แรกในเดือนมีนาคม ส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามากระทบโต๊ะไม้ จูปิเตอร์ปิดหนังสือ ปล่อยให้ดวงตามองเหม่อออกไปยังท้องฟ้าสีน้ำเงิน แสงสีส้มเหลืองอร่ามยังมีให้เห็นเหนือป่าตรงห้าม เธอลุกจากเก้าอี้ เดินไปใกล้หน้าต่าง ยกมือขึ้นแนบกระจก ดวงหน้าขาวซีดของเธอเหมือนวิญญาณ หากมองผ่านกระจกเข้ามาจากด้านนอก ภายในห้องสมุดเงียบสงบ มีแค่เสียงพลิกหน้ากระดาษหนังสือจากโต๊ะที่อยู่ไกลๆ จูปิเตอร์ปล่อยความคิดล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย แต่สุดท้ายก็จะกลับมาวนๆ คิดซ้ำซากเกี่ยวกับเรื่องของมาร์ส และทอม ริดเดิ้ล



                มาร์สบอกว่าเป็นคนสะกดใจเพเนโลพี ทำร้ายเด็กบ้านกริฟฟินดอร์และฮัฟเฟิลพัฟ เขียนตัวหนังสือบนกำแพง แอบอ้างชื่อทายาทสลิธีริน แค่ลำพังมาร์สคนเดียว จะทำเรื่องทั้งหมดที่ว่ามาจริงหรือ? เธอคิดวนเวียนหลายตลบ อยากจะย้อนกลับไปหาหลักฐานว่าพี่ชายฝาแฝดไม่ใช่คนทำ แต่หลักฐานมัดแน่นพร้อมคำสารภาพจากเจ้าตัว ไม่มีใครคิดจะทบทวนอะไรอีก นอกจากจะต้องไล่มาร์สออกจากโรงเรียนไปเท่านั้น เธอไม่รู้ว่าพี่ชายกลับบ้านแล้วเป็นอย่างไร พ่อกับแม่ไม่ได้ส่งข่าวมาแม้แต่น้อย



                เด็กสาวขมวดคิ้วจนปวดตา เธอใช้นิ้วนวดกระบอกตาอย่างเบามือ ความเศร้าหมองกัดกินมาตลอดทั้งอาทิตย์และจมดิ่งไปกับถ้อยคำเลวร้ายของมาร์ส ตอนนี้ถึงเวลาต้องทบทวนเสียที เธอมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังผลักดันพี่ชาย แต่คำถามคือ จะจัดการเขาได้อย่างไร หรือเธอควรต้มน้ำยาสัจจะเซรุ่มแล้วหลอกล่อให้เขาดื่ม น้ำยาไม่มีกลิ่น สี รส น่าจะตบตาเขาได้ แต่ทอมระวังตัวแจ เขาจะยอมดื่มอะไรที่เธอยื่นให้ในห้องโถงใหญ่หรือ? มีทางไหนจะทำให้เขายุติได้ ให้คนอื่นรู้ว่าเขามันชั่วแค่ไหน จูปิเตอร์อึดอัดกับเรื่องนี้ที่สุดแล้ว รู้แต่พูดไม่ได้ รู้แต่ทำอะไรไม่ได้ เธอเสียทั้งเพื่อน แล้วตอนนี้ก็เสียพี่ชาย ในอนาคตจะมีอะไรอีก ร่างที่ยืนริมหน้าต่างทอดถอนใจเสียงดังเฮือก เธอหันหน้ากลับเข้ามาในห้องสมุด จึงได้รู้ว่าไม่ได้อยู่คนนี้ในบริเวณนี้อีกต่อไป



                ร่างผอมของเด็กหนุ่มยืนพิงชั้นวางหนังสือ เขาเพิ่งลดไม้กายสิทธิ์ลงหลังจากร่ายคาถาสร้างกำแพงเวทมนตร์ไม่ให้ใครได้ยินเสียงและเข้ามารบกวน ลูกนัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องแทบไม่กระพริบ แค่เพียงสายตามอง บังเกิดความวูบวาบร้อนๆหนาวๆ จนเธอเบือนหน้าหนี หลบสายตาคู่นั้น เขาขยับเดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหา ยังอยู่ในชุดนักเรียนแต่ไร้เสื้อคลุมผ้ามดสีดำ เนกไทสีเขียวสลับเทาเงินของเขาถูกร่นลงมาจนหลวม บนเสื้อกั๊กสีดำไม่ได้ติดตราพรีเฟ็คหรือตราประจำบ้าน เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน ปล่อยชายออกนอกกางเกง เขาเหมือนพร้อมจะกลับเข้าหอพักสลิธีรินมากกว่าจะมาอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน จูปิเตอร์ไม่เคยเห็นคนแต่งตัวไม่เรียบร้อย หรือปล่อยสบายๆมาก่อน นับว่าแปลกตา



                “เธอเป็นแบบนี้ ฉันรู้สึกไม่ดีเลย จูล” เขาพูด เสียงนุ่มนวลน่าฟัง แสงสุดท้ายที่ลอดเข้ามาหายลับไป ห้องสมุดมืดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนคบเพลิงตามมุมต่างๆถูกจุดขึ้นด้วยเวทมนตร์ พร้อมกับโคมไฟระย้าคริสตัลส่องประกาย



                “เป็นแบบไหน” เธอถาม ใครกันล่ะ ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพนี้



                “การควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่เหมาะกับเธอ” ทอมกระซิบ ใบหน้าของเขางดงามราวกับรูปสลักหินอ่อน เมื่อแสงภายในห้องสมุดตกกระทบบนโหนกแก้มแหลมเพรียว



                “ฉันรู้ว่าเป็นฝีมือของนาย ถึงพูดไปจะไม่มีใครเชื่อ พิสูจน์ไม่ได้ แต่ต้องเป็นนายแน่ๆ ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความบอบช้ำ โดยที่เธอไม่อาจควบคุมไว้ได้



                “เธอพูดเรื่องอะไร” เขาทำเป็นหน้าซื่อตาใส



                “มาร์ส พี่ชายฝาแฝดของฉันต้องออกจากโรงเรียน ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้อิจฉา ไร้ความเมตตา ทำร้ายน้องสาว ทำร้ายเพื่อนนักเรียนคนอื่น ฉันรู้จักพี่ชายของฉัน เขาอาจไม่ใช่คนดีมีศีลธรรมนัก แต่เขาไม่ทำเรื่องโง่ๆอย่างท้าฉันดวลหน้าหอเรเวนคลอ หรือแอบอ้างเป็นทายาทสลิธีริน เขาไม่มีความกล้ามากขนาดนั้นหรอก” จูปิเตอร์บอก ใบหน้าของเธอแข็งกร้าว เย็นชา แสดงความชิงชังผ่านแววตา “ฉันจะถามนายอีกครั้งนะ ริดเดิ้ล นายทำอย่างนี้เพื่ออะไร ฉันทำอะไรให้นาย ฉันทำผิดอะไรต่อนาย ทำไมนายต้องเกลียดฉันขนาดนี้ เกลียดจนไม่อยากเห็นฉันมีความสุข...” เสียงของเธอสั่นขึ้นเรื่อยๆ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ ไม่ยอมให้เขาสะใจ แต่ทุกอย่างมาถึงทางตัน และเธอกลัว กลัวว่าเขาจะไม่ยอมหยุดจนกว่าเธอจะไม่เหลืออะไรเลย ทั้งพ่อแม่ เมอร์คิวรี หรือแม้แต่ตัวตนของเธอเอง



                “จูปิเตอร์” ทอมเรียกชื่อ พร้อมเดินเข้ามาใกล้อีกก้าว แต่ไม่รุกล้ำมากกว่านั้น “ฉันไม่ได้สั่งมาร์สให้ทำเรื่องอย่างนี้ ไม่ใช่ฉัน ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ เป็นฝีมือของมาร์ส เขาหักหลังฉันด้วยเหมือนกัน เขาหลอกให้ฉันเชื่อว่าเขาอ่อนแอ ต้องการให้ฉันกับเพื่อนปกป้อง แต่จริงๆแค่อยากให้ฉันตายใจ เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง ฉันเจอห้องแห่งความลับพร้อมกับเขา ถึงเขาจะไม่ได้ลงไปในห้องนั้นด้วย แต่ฉันขึ้นมาเล่าให้ฟังว่าเจออะไร นั่นมากพอที่จะให้เขาวางแผน สร้างเรื่องทุกอย่างขึ้นมา ไม่ใช่ฉัน จูปิเตอร์ ฉันเคยให้มาร์สช่วยทดสอบเธอโดยให้พ่นคำพูดร้ายๆเกี่ยวกับตัวฉันจริง ฉันเคยข่มขู่เธอจริง แต่ฉันไม่เคยทำร้ายเธอ ไม่เคยคิดที่จะทำ เรื่องที่ทะเลสาบก็ไม่ใช่ฝีมือของฉัน ตอนที่ฉันได้ยินเสียง ตอนที่วิ่งลงไปและช่วยเธอขึ้นมา ฉันกลัว ใช่ ฉันมีความกลัวเหมือนกับคนอื่นๆ ถึงจะมีไม่บ่อยก็เถอะ...”



                จูปิเตอร์ส่ายศีรษะอย่างแรง “ไม่ ฉันไม่เชื่อนาย” เธอพูดลอดไรฟัน “นายเคยตั้งใจจะทำร้ายฉันในห้องเรเวนคลอ ตอนที่นายอยากได้กระดาษม้วนนั้นจนใจแทบขาด นายข่มขู่ฉันด้วย นายฉลาด เป็นจอมวางแผนการ นายเป็นคนสั่งให้มาร์สทำ เขาไม่ได้... ไม่ได้ทำเองด้วยความตั้งใจแน่ๆ”



                เธอยอมรับไม่ได้หรอก ความคิดของเธอถูกต้องแล้ว ทอม ริดเดิ้ลคือผู้วางแผนไว้อย่างแนบเนียน ซ้อนหลายชั้นอย่างรอบคอบ ทำให้เธอหัวหมุนและตามไม่ทัน เขาตั้งใจกำจัดเพื่อนสนิทของเธอ พี่ชายของเธอ จูปิเตอร์นึกถึงคำพูดร้ายกาจที่เธอเคยพูดไว้ เธอพร้อมจะต่อรองเพื่อเมอร์คิวรีและตัวเอง แต่เลือกที่จะไม่ปกป้องมาร์ส เธอเลือกทำอย่างนั้นและนี่คือผลที่ได้รับ เขาทำลายมาร์สไปจริงๆ เพื่อเอาคืน เพื่อให้เธอรู้ว่าใครเป็นคนคุมเกม



                “นายมันปีศาจ”



                จูปิเตอร์พ่นคำนั้นออกมา พร้อมหยาดน้ำตาหยดลงบนแก้ม ทอมถอนหายใจ สีหน้าของเขาเหมือนเจ็บปวดมากจริงๆ ทุกอย่างดูจริง จนเธอสับสนและปวดหัว



                “ต้องทำยังไง เธอถึงจะเชื่อใจฉัน จูล?” เขากระซิบถามตัดพ้อ ขยับมาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆจนยืนประชิดตัว จูปิเตอร์ไม่สามารถควบคุมน้ำตาได้อีกแล้ว เธอเกลียดที่มายืนร้องไห้ต่อหน้าเขา ตอนนี้เขาคงรู้สึกดีแล้วสิ รู้สึกได้รับชัยชนะ มีอำนาจเหนือเธอ ขณะที่เธออ่อนแอ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และไม่เข้าใจเลยว่า ทำไม ทำไมเขาต้องทำร้ายเธออย่างนี้



                “ฉันผิดอะไร” จูปิเตอร์เสียงดังขึ้น ตะโกนใส่หน้าเขา “ตอบฉันมาสิ นายต้องการอะไรจากฉัน นายเป็นบ้าอะไร ทรมานฉันทำไม ครอบครัวฉันทำอะไรให้”



                ไม่มีเลย จูปิเตอร์ ทอมตอบในใจ เธอไม่เคยทำสิ่งผิดต่อเขา ไม่เคยทำให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ เขาไม่ได้เกลียดเธอ แต่สิ่งที่เขาต้องการจากเธอ มีมากมายนัก ร่างกายของเธอ เส้นผมของเธอ หัวใจที่แหลกสลายของเธอ ความสวยงามที่ต้องบอบช้ำ เหมือนดอกไม้ถูกขยำในกำมือ เขาอยากเห็นเธอเป็นแบบนั้น อยู่ภายใต้ความเมตตาของเขาเพียงผู้เดียว เขาอยากเห็นเธอในสภาพนี้มานานแล้ว ยืนร้องไห้อ้อนวอนตรงหน้า ไม่ใช่วางท่าเฉยไม่สนใจ การกำจัดมาร์สด้วยวิธีนั้น ช่างเป็นแผนการที่ชาญฉลาด ปากเธอพร่ำบอกว่าเธอไม่สนใจมาร์สอีกแล้ว เพราะทรยศต่อความไว้วางใจของเธอ แต่ทอมรู้ โอ้ เขารู้สิ่งต่างๆเสมอ ฝาแฝดมีสายใยที่ไม่ธรรมดา มาร์สพยายามปฏิเสธเยื่อใยที่มีให้น้องสาว แปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญและอิจฉาริษยา แต่สำหรับจูปิเตอร์ เธออยากได้การยอมรับจากทุกคนในครอบครัว เธอโหยหาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้อง เธอมีความรักเต็มไปหมดทั้งใจ ให้พ่อแม่ ให้พี่ชายทั้งสอง และให้เพื่อนๆ ความรักคือจุดอ่อนที่สุดของเธอ 



                เธอไม่ได้เกิดมาเพื่อรักคนอื่น จูปิเตอร์ ความรักของเธอต้องเป็นของเขา ทุกอณูจิตใจ วิญญาณ เขาอยากได้ทุกอย่าง อยากสัมผัสเธอทุกส่วน เธอจะร้องเรียกชื่อเขาเพียงคนเดียว จดจำเขาได้แค่คนเดียว ไปจนกว่าเธอจะสิ้นลมหายใจ หรือเขาอนุญาตให้เธอตาย



                “นายหยุดเสียทีได้ไหม” เธอยังเอ่ยขอร้อง “ฉันไม่ไหวแล้ว ไม่อยากเล่นเกมบ้าๆนี่แล้ว นายปล่อยฉันกับคนรอบข้างฉันไปได้ไหม” 



                ทอมเอื้อมมือขึ้นแตะข้อศอกของเด็กสาว ดึงพรวดเดียวให้เข้าหาตัว เหวี่ยงแขนทั้งสองโอบกอดเธอไว้อย่างแน่นหนา มือข้างหนึ่งลูบศีรษะของเธอขึ้นลงอย่างปลอบโยน กลิ่นของเส้นผมลอยแตะจมูกเขา หอมชื่นใจ คล้ายกับดอกเดซี่แสนบอบบางที่เหมาะกับเธอ จูปิเตอร์ไม่ดิ้นหนีสักนิด เธอกำลังเหนื่อยล้าท้อใจ เขาฉกฉวยโอกาสนี้เก็บเกี่ยวสัมผัสและความอบอุ่นจากร่างเด็กสาว ปลายจมูกของเขาฝังลงบนต้นคอ ไซร้ขึ้นไปจนถึงกกหู เธอสั่นสะท้าน เขาตระกรองกอดเธอไว้อย่างแนบชิด กระซิบแผ่วเบาแสนหวานข้างหู




                “ไม่ร้องไห้นะ คนดี”         












    TALK 

    ไม่ร้องนะคนดี เดี๋ยวพี่จะปลอบเอง แล้วพี่ก็จะทำร้ายหนูอีก 55555+

    นี่มันความสัมพันธ์แบบไหนกัน =*= 


    ขณะนี้ มีนักอ่านท่านหนึ่งยินดีออกแบบปกให้ฟรีค่ะ 

    ทั้งฟิคทอมมี่ และฟิคซัลลี่เลย 

    คนนี้ค่ะ คนนี้ //ผายมือ  -> https://twitter.com/LewPhiangor

    ฉันจะจ้างเขาจัดหน้าด้วยเลย >////< ดีใจจังค่ะ

    รวมเล่มซัลลี่ก็คงจะเสร็จก่อนมั้ง มาอุดหนุนกันนะคะ :)) 


    ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ขอบคุณนักอ่านทุกคนค่ะ ขอบคุณมากจริงๆที่เข้ามาอ่านเรื่องที่ฉันเขียน

    ฉันเขียนมานานมากแล้วค่ะ ตั้งแต่อายุ 11 เริ่มลงเว็บเด็กดีตอนอายุ 13 ตอนนั้นแทบไม่มีใครอ่านเลย ไม่มีใครคอมเม้นท์เลย แฟนคลับก็มีแค่สองสามคน (หนึ่งในแฟนคลับ คือเพื่อนสนิทสมัยม.ต้น 555+) เขียนมาตลอด ทิ้งช่วงบ้าง แต่ก็ไม่เคยเลิกเขียนได้จริงๆ ทั้งที่เจ็บปวดหลายครั้ง คิดเลิกหลายครั้ง แต่ก็กลับมาตายรังที่การเขียน เพราะเวลาเขียน ฉันจะรู้สึกเหมือนมีชีวิตมากกว่าปกติค่ะ คือ ชีวิตโดยทั่วไปก็มีความสุขดีนะคะ แต่การเขียนทำให้รู้สึกตื่นเต้น มีความสุข ได้เป็นตัวของตัวเอง 

    เพราะฉะนั้น จากคนที่เคยเขียน แล้วไม่มีใครอ่าน ไม่มีใครให้ความสนใจ เขียนไม่ได้เรื่องเลย (มันตลกจริงๆนะ เคยไปเปิดสมุดดูผลงานตอนเด็กๆน่ะ) ตอนนี้มีคนอ่าน มีนักอ่านที่น่ารัก มีนักอ่านที่บอกว่ารอตอนต่อไปอยู่นะ ฉันดีใจมากจริงๆ เป็นแรงใจให้เขียนต่อไป ให้พยายาม ให้เลิกกลัวที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ 

    ขอบคุณนะ :)  




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×