คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : A night patrol
Notorious [Tom
Riddle & OC]
Chapter 12 : A night
patrol
ความหวาดกลัวห้องแห่งความลับเริ่มที่เด็กปีสี่คนหนึ่งจากบ้านกริฟฟินดอร์ถูกลอบทำร้าย
หลังฝึกซ้อมควิดดิชเสร็จ ทีมกริฟฟินดอร์เดินละจากสนามขึ้นมาที่ปราสาท
เด็กคนหนึ่งแวะเข้าห้องน้ำที่ชั้นสอง และบริเวณหน้าห้องน้ำนี่เอง
กลายเป็นสถานที่เกิดเหตุสำคัญ ร่างของเอ็ดมันด์ โนวิคนอนแน่นิ่งกับพื้น
ลมหายใจรวยริน เขายังไม่ตาย แต่ไม่ยอมตื่นจากการหลับใหลอันยาวนาน
ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นบอกว่า น้ำยาถอนพิษต้องมีส่วนผสมของเมนเดรกที่โตเต็มที่
ขณะนี้ในเรือนกระจกมีต้นเมนเดรกอยู่บ้าง แต่ยังเป็นหน่อเล็กๆ โตไม่เต็มที่
นอกจากนี้ บนกำแพงเหนือร่างของโนวิค มีข้อความเขียนด้วยเลือดไก่สีแดงฉานว่า ทายาทของสลิธีรินกลับคืนสู่ฮอกวอตส์แล้ว
เพียงเท่านั้น ทั้งโรงเรียนต่างตระหนกหวาดหวั่น วุ่นวาย คาดเดาไปต่างๆนานา
ใครคือทายาทของสลิธีริน? สัตว์ประหลาดชั่วร้ายที่อาศัยในห้องแห่งความลับคือตัวอะไร?
ห้องแห่งความลับอยู่ที่ไหน? จะมีผู้โชคร้ายรายต่อไปหรือไม่?
อาจารย์ใหญ่ดิพพิตเรียกประชุมประธานนักเรียนและเหล่าพรีเฟ็คในวันที่สิบสี่
กุมภาพันธ์ ทั้งที่เป็นวันวาเลนไทน์ แต่ไม่มีใครคิดฉลองได้ลง เมอร์คิวรี
เบิร์กอยู่ในสภาวะหนักใจไม่น้อยทีเดียว เขาเป็นประธานนักเรียน
และเป็นเด็กบ้านสลิธีริน
ตอนนี้ทั้งโรงเรียนต่างมองไปทางสลิธีรินเหมือนเป็นตัวเชื้อโรคอะไรสักอย่าง
ถึงอย่างนั้น เขายังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
วางแผนให้พรีเฟ็คช่วยกันตรวจตราตามทางเดิน โดยทำงานเป็นคู่เสมอ
และเนื่องจากมีความไว้วางใจในตัวพรีเฟ็คบ้านสลิธีรินเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
เมอร์คิวรีจึงให้จับคู่แบบต่างบ้าน หากเกิดอะไรขึ้นกับพรีเฟ็คบ้านอื่น
คณะกรรมการทั้งหมดของสลิธีรินจะขอลาออกจากตำแหน่งเอง
สัปดาห์ต่อมา เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างปกติ พรีเฟ็คยังคงเดินเวรทุกคืนไม่มีเว้นพักสักวัน แม้จะเหนื่อยและมีการบ้านกองท่วมสูงเหนือศีรษะแล้วก็ตาม จูปิเตอร์จับคู่กับพรีเฟ็คปีหกบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่ชื่อ วิลเลียม โบนส์ มีหน้าที่เดินตรวจบริเวณชั้นห้าทั้งหมด เวลาเกือบห้าทุ่มครึ่งแล้ว ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากอีกชั้น ทั้งคู่จึงรีบวิ่งลงบันไดไปที่ชั้นสี่ เห็นทอม ริดเดิ้ลถือไม้กายสิทธิ์ไว้ข้างตัว เขากำลังมองไปที่ผนัง แววตาฉงนฉงายและเกือบจะหวั่นวิตก ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ ใบหน้าขาวซีดเหมือนโดนผีหลอก จูปิเตอร์และโบนส์วิ่งไปถึง และมองตามสายตาของเขาไป ต่างมีปฏิกิริยาที่ไม่ต่างกันนัก จูปิเตอร์ยกมือขึ้นปิดปากทันก่อนจะส่งเสียงร้อง พรีเฟ็คสาวปีห้าจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟตัวลอยเหนือพื้น หลับใหลไม่ได้สติ ด้านหลังของเธอ มีเลือดเขียนไว้บนกำแพงอีกแล้ว เลือดสีโคลนต้องหมดไปจากฮอกวอตส์
พรีเฟ็คบ้านอื่นๆต่างวิ่งมายังที่เกิดเหตุ
มีคนไปตามศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์และมาดามคันนิงแฮมมาด้วย มาดามร่ายคาถาให้ร่างของเด็กสาวผู้โชคร้ายลงจากผนังและลอยไปยังห้องพยาบาล
ทอม ริดเดิ้ลยังยืนนิ่งกับที่ คิ้วขมวดยุ่ง มีกระแสไม่สบอารมณ์ในแววตา
โดยที่ไม่มีอธิบายถูกว่าทำไม
“คุณริดเดิ้ล
คุณกับคุณคิงมีหน้าที่เดินเวรตลอดชั้นสี่
คุณคงเป็นคนแรกที่พบคุณคิงในสภาพนี้ใช่ไหม” อาจารย์ถาม
เหล่าพรีเฟ็คยังคงยืนรวมตัวกัน มองไปทางริดเดิ้ลอย่างไม่วางใจ ยกเว้นพวกสลิธีริน
สเตลล่า พาร์กินสันผู้เป็นพรีเฟ็คปีห้าอีกคน
มองดัมเบิลดอร์เหมือนเขาเพิ่งกล่าวหาตัวเธอเองว่าเป็นผู้ร้าย
“ใช่ครับ” ริดเดิ้ลตอบอย่างสงบ “ผมกับมารีน่า
คิงเดินแยกกันคนละทาง เป็นความผิดของผมในข้อนี้
ผมคิดว่าถ้าเดินแยกกันจะตรวจตราได้ทั่วถึงกว่า ถ้าใครเจออะไรไม่ชอบมาพากล
ให้จุดพลุที่ไม้กายสิทธิ์เรียกอีกฝ่ายทันที ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
ไม่มีพลุไฟ มีแต่เสียงกรีดร้อง ผมได้ยินเสียงร้อง ก็เลยตะโกนถามและรีบวิ่งมา
พอมาถึง เธอกลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว ผมช่วยไม่ทัน”
“เธอไม่เห็นคนร้ายบ้างหรือ?”
ดัมเบิลดอร์ซักถาม
“ไม่แน่ใจครับ”
ทอมเอียงศีรษะไปด้านหนึ่ง “ผมทันเห็นเงาคน วิ่งขึ้นบันได แต่ไม่ได้ตามไป
พอวิ่งมาเห็นมารีน่า ผมก็...” น้ำเสียงของเขาขาดหาย
ถ้าเขากำลังเล่นละครว่าตัวเองงุนงงสับสนตกใจ ก็นับว่าเป็นนักแสดงฝีมือดี
“ไม่เป็นไร คุณริดเดิ้ล”
ดัมเบิลดอร์พูดอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันมาทางจูปิเตอร์และวิลเลียม โบนส์
“พวกคุณดูแลชั้นห้า พอจะเห็นใครวิ่งขึ้นบันไดไปบ้างไหม?”
“ไม่ครับ อาจารย์”
วิลเลียมตอบอย่างจนปัญญา “พวกเราลงมาที่บันไดอีกฝั่ง ถ้าเป็นตามที่ริดเดิ้ลบอก
เรากับคนร้ายคงใช้บันไดคนละฟาก”
“เห็นกันแล้วไม่ใช่หรือครับ
สลิธีรินอยู่กับฮัฟเฟิลพัฟ แล้วฮัฟเฟิลพัฟก็โดนเก็บ พวกคนร้ายจะต้องเป็นสลิธีริน”
พรีเฟ็คร่างบึกบึนจากกริฟฟินดอร์ตะโกนขึ้นมา จูปิเตอร์รู้จักเขา
แต่ไม่แน่ใจว่าชื่นชอบหรืออยากคุยด้วยนัก เอไลจาห์ แมคคลากเก้น
เป็นเด็กปีห้าที่เสียงดัง มั่นใจในตัวเองสูง วางท่าเก่งเสียเต็มประดา
และบางครั้งวางตัวกร่าง เป็นศัตรูกับทอม ริดเดิ้ลอย่างออกนอกหน้า
โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจไยดี
“ไม่มีความผิด
จนกว่าจะมีหลักฐานพิสูจน์ คุณแมคคลากเก้น” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างมีเหตุผล “เอาล่ะ
พรีเฟ็ค แยกย้ายกันกลับหอพักเถอะ คืนนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว
ขอให้พวกเธอช่วยกันอย่างขะมักเขม้นในวันต่อไป จนกว่าเราจะจับคนร้ายตัวจริงได้”
พรีเฟ็คทยอยกันหันหลังกลับ
อาร์ทิมิสชวนจูปิเตอร์กลับไปหอเรเวนคลอพร้อมกัน แต่เด็กสาวปฏิเสธ
ให้เหตุผลว่ามีเรื่องอยากคุยกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์
เธอคิดและตัดสินใจมาพักหนึ่งแล้ว เธอรู้อยู่แก่ใจว่าทายาทของสลิธีรินคือใคร แม้จะไม่ค่อยมั่นใจว่าคนร้ายคือริดเดิ้ลหรือไม่
แต่ข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้อาจารย์พิจารณา
ตามดูริดเดิ้ลอย่างใกล้ชิดมากกว่าเดิม คนที่ถูกทำร้ายอาจไม่มีอันตรายถึงชีวิต
ตราบใดที่พวกเขาสามารถหาคนร่ายคำสาปพบ แต่ไม่สามารถวางใจได้เต็มร้อยอยู่ดี
“คุณเบิร์ก คุณริดเดิ้ล
มีอะไรอยากบอกใช่ไหม?”
ดัมเบิลดอร์มองพวกเขาผ่านแว่นตาด้วยดวงตาสีฟ้าที่โอบอ้อมอารี แฝงด้วยสติปัญญาลึกสุดหยั่ง
จูปิเตอร์ไม่ใช่คนเดียวที่รีรอ ปรากฏว่าริดเดิ้ลก็เดินกลับมาเช่นกัน
ทั้งที่เขาเดินลงบันไดไปแล้ว “ไปคุยที่ห้องทำงานของฉันดีไหม อยู่ใกล้ๆนี่เอง”
จูปิเตอร์ไม่อาจปฏิเสธคำเชิญ
ถ้าริดเดิ้ลอยู่ในวงสนทนา เธอไม่มีทางบอกเรื่องที่รู้ให้แก่ดัมเบิลดอร์
ถ้าปากโป้งออกไป เธอคงต้องตกอยู่ในอันตรายแทนพ่อมดแม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ล
ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์อยู่ติดกับห้องเรียนวิชาแปลงร่าง ภายในห้องโปร่งสบาย
อาจารย์เปิดหน้าต่างกว้างรับลม
โต๊ะไม้มันเงาสีน้ำตาลเข้มตั้งอยู่หันหลังให้กับหน้าต่าง อุปกรณ์สีเงินหลายอย่างที่จูปิเตอร์ไม่รู้จักอยู่บนชั้นวาง
เธอคิดว่าอาจารย์น่าจะประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ดัมเบิลดอร์เดินไปหลังโต๊ะทำงาน
ลากเก้าอี้ออก และนั่งลง พร้อมกับเชิญให้พวกเขานั่งที่เก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะ
เกิดความเงียบโรยตัวพักหนึ่ง ไม่มีใครคิดจะเริ่มก่อน กระทั่งทอมขยับตัว
“ผมคือทายาทของสลิธีริน”
เด็กสาวหันขวับ
แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คือคนสุดท้ายบนโลกที่เขาน่าจะบอกความลับนี้
มันหมายความว่าอย่างไร? จูปิเตอร์คิดตามอย่างรวดเร็ว
ฟันเฟืองในสมองของเธอตีรันฟันแทงทำงาน ริดเดิ้ลไม่เคยทำอะไรโดยไร้เหตุผลหรือไร้ประโยชน์ต่อตนเอง
เขาบอกความจริงออกมาอย่างนี้ มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่ง คนร้ายไม่ใช่เขา
กำลังมีใครบางคนในฮอกวอตส์ใช้ชื่อทายาทสลิธีรินและห้องแห่งความลับ สอง
คนร้ายคือเขานั่นแหละ แต่ใช้วิธีเดียวกับคราวก่อน เขาไม่ลงมือเอง
หลอกล่อหรือใช้คำสาปสะกดใจ บังคับให้คนอื่นทำ เขาวางหมากเตรียมการไว้
ให้ตนตกอยู่ในสภาพผู้ต้องสงสัย
ออกมาสารภาพกับดัมเบิลดอร์เองว่าเขาเกี่ยวโยงกับสลิธีริน แต่ไม่ใช่ผู้ร้าย
เพื่อให้ดัมเบิลดอร์ไว้ใจ เมื่อคิดดูแล้ว จูปิเตอร์ค่อนข้างเชื่อว่าข้อสองเป็นไปได้มากกว่าข้อแรก
“ฉันไม่แปลกใจ” ดัมเบิลดอร์บอกตามตรง
“เธอคงจำได้ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีหนึ่งพันเก้าร้อยสามสิบแปด
ฉันไปพบเธอที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเคยบอกฉันว่าคุยกับงูได้”
“ผมไม่ได้ทำร้ายใคร” ทอมยืนยัน
“ลองใช้การพินิจใจกับผมได้เลย อาจารย์จะรู้ว่าผมพูดความจริง”
“ฉันไม่ได้คิดว่าเธอเป็นคนทำ ทอม” ดัมเบิลดอร์ส่ายศีรษะ พลางพ่นลมหายใจทางจมูกอย่างหนักใจ “มีใครรู้อีกบ้างว่าเธอคือทายาทของสลิธีริน นอกจากคุณเบิร์กที่นั่งอยู่ตรงนี้”
“เพื่อนสนิทของผมรู้กันทุกคน” ทอมตอบ
มือทั้งสองที่วางบนตักกำเข้าหากัน “พวกนั้นสัญญาว่าจะไม่บอกใคร
และผมรู้ว่าจูปิเตอร์ไม่มีทางบอกคนอื่นแน่นอน”
เด็กสาวที่นั่งด้านข้างเลิกคิ้วเล็กน้อย
ฟังแล้วเหมือนเขาไว้วางใจให้เธอเก็บความลับ แต่ถ้าคิดดีๆจะพบว่าไม่ใช่
เขารู้ว่าเธอไม่ปริปาก เพราะหากเธอพูดออกไป
เขาพร้อมที่จะทำให้เธอหรือคนที่เธอห่วงใยตกอยู่ในอันตราย
“นี่กลับน่าแปลกใจ”
ดัมเบิลดอร์กระซิบกับตัวเอง
“ทำไมครับ” ทอมถามเสียงแข็งกระด้าง
“อาจารย์คิดว่าผมเป็นคนทำใช่ไหม?”
“เปล่าเลย ทอม” ดัมเบิลดอร์รีบตอบ “เท่าที่ฉันรู้
กลุ่มคนที่เธออ้างว่าเป็นเพื่อนสนิท จงรักภักดีและเทิดทูนเธออย่างมาก ที่ฉันบอกว่าน่าแปลกคือคนในกลุ่มของเธอจะกล้าบอกความลับให้คนอื่นรู้
หรือกล้าที่จะกระด้างกระเดื่องต่อเธอด้วยหรือ”
คำพูดของอาจารย์สอนวิชาแปลงร่างนับว่าไม่ธรรมดา
เขาไม่เพียงแค่รู้ถึงอิทธิพลของริดเดิ้ลเท่านั้น
แต่ยังรู้ด้วยว่าเพื่อนร่วมชั้นสลิธีรินหวาดกลัวริดเดิ้ล
มากกว่าจะนับเป็นเพื่อนจริงๆ
“ผมไม่รู้” ทอมตอบ น้ำเสียงเย็นชาเกือบจะไม่พอใจ
“ผมยืนยันกับอาจารย์ได้อย่างเดียวเท่านั้น ผมจะลากคนที่แอบอ้างชื่อของสลิธีรินออกมาให้ได้”
“กล้าหาญทีเดียว”
ดัมเบิลดอร์พูดประชดหรือไม่ ยากจะคาดเดา
อาจารย์เลื่อนสายตาจากริดเดิ้ลมาที่จูปิเตอร์ “ฉันคิดว่าคุณเบิร์กอาจจะอยากคุยกับฉันตามลำพัง
เธอมีอะไรอยากพูดอีกหรือเปล่า ทอม” นัยน์ตาสีฟ้าหันกลับไปที่เด็กหนุ่มอีกครั้ง
แว่นตากรอบพระจันทร์เสี้ยวตั้งตรงบนดั้งจมูก ทอม
ริดเดิ้ลส่ายศีรษะเพื่อบอกว่าเขาหมดเรื่องพูดแล้ว เขากล่าวลาอาจารย์
และได้รับคำว่าราตรีสวัสดิ์ตอบกลับ
ดัมเบิลดอร์รอจนเด็กหนุ่มเดินออกนอกประตูไป และรอต่ออีกพักหนึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าริดเดิ้ลเดินไปพ้นแล้ว จึงพูด “คุณเบิร์ก ที่ผ่านมา
นับว่าคุณมีความอดทน ใจเย็น และสติปัญญาเป็นเลิศน่าชื่นชม
คุณเป็นนักเรียนคนแรกนับตั้งแต่เฮเลน่า เรเวนคลอ ที่สามารถตามหาห้องลับเรเวนคลอพบ”
จูปิเตอร์ไม่แสดงอาการประหลาดใจออกไป
ดัมเบิลดอร์เป็นอาจารย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่ง
และเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ปลื้มทอม ริดเดิ้ลเฉกเช่นเดียวกับอาจารย์ท่านอื่น
เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาอาจติดตามดูพฤติกรรมของทอม ริดเดิ้ล รวมไปถึงนักเรียนที่เด็กหนุ่มเกี่ยวข้องด้วย
จูปิเตอร์สงสัยว่าหูตาของดัมเบิลดอร์กว้างไกลครอบคลุมฮอกวอตส์มากแค่ไหน
เธอคงตัดสินใจไม่ผิดที่คิดจะพึ่งพาศาสตราจารย์ท่านนี้
“หนูพบบันทึกที่ภรรยาของซัลลาซาร์
สลิธีรินเขียน และได้รู้เจตนาหลายอย่างที่ประวัติศาสตร์บิดเบือนเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการเข้าใจผิดมาตลอด
ในบันทึกนั้นยังกล่าวถึงคำทำนายของแม่มดแห่งโวลวา
หนูค้นคว้าข้อมูลของแม่มดกลุ่มนี้แล้ว
พบว่าถูกทำลายไปตั้งแต่ปีคริสตศักราชเก้าร้อยเก้าสิบหก หรือเก้าร้อยเก้าสิบเจ็ด
คำทำนายพูดถึงนายแห่งศาสตร์มืดที่จะถือกำเนิดจากสายเลือดของซัลลาซาร์ สลิธีรินในอีกพันปี
ทอม ริดเดิ้ล เกิดวันที่สามสิบเอ็ด ธันวาคม ปีเก้าร้อยยี่สิบหก
ครบหนึ่งพันปีพอดีนับตั้งแต่คำทำนายได้กล่าวไว้ หนูให้ริดเดิ้ลอ่านบันทึก
เพราะหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
หลังจากรู้ว่าจริงๆแล้วผู้ก่อตั้งบ้านสลิธีรินคิดอย่างไร” จูปิเตอร์อธิบาย
“คงไม่เป็นไปตามที่คุณคิดใช่ไหม
คุณเบิร์ก” ดัมเบิลดอร์ถาม
“ไม่แน่ใจค่ะ” จูปิเตอร์ตอบ ดวงหน้าใสพลันหม่นลงด้วยความเครียดและสับสน “เขา...” เด็กสาวขยับตัวบนเก้าอี้อย่างไม่สบายนัก “เขาเจ้าเล่ห์ ฉลาด เป็นจอมแผนการ ถึงจะทำความผิด แต่หาทางหลบเลี่ยงได้เสมอ ไม่เคยลงมือด้วยตนเอง แต่จะใช้มือคนอื่น เพื่อไม่ให้ใครสาวมาถึงตัว ความคิดของเขายากที่จะเข้าใจ และหลายๆครั้ง ดูไม่ออกว่าเขาจะทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร? เพื่อความสะใจ สาแก่ใจ เพื่อแค่นั้นหรือ?”
“เขาเป็นคนที่เข้าใจยากตั้งแต่เด็ก”
ดัมเบิลดอร์บอก วางสองมือประสานกันไว้บนโต๊ะ “อย่างที่ฉันบอกในตอนต้น ก่อนที่เขาจะได้เข้าฮอกวอตส์
ฉันไปพบเขาที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าในลอนดอน เขาแปลกแยกจากเด็กคนอื่น
มิสซิสโคลผู้ดูแลสถานที่นั้นบอกว่าเขาทำให้เด็กๆกลัว มีเด็กสองคนเดินตามเขาเข้าไปในถ้ำตอนที่พวกครูพาเด็กไปทัศนศึกษา
เด็กสองคนนั้นยังคงมีอาการประสาทหลอน ริดเดิ้ลบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไร
แต่มิสซิสโคลมั่นใจว่าเขาเป็นคนทำ นอกจากนี้ ยังมีอุปนิสัยอย่างหนึ่งที่น่าสังเกต
เขาชื่นชอบสิ่งของสวยงามมีค่า แต่เป็นของคนอื่น ถ้ามีโอกาส เขาจะฉกฉวยมาเป็นของตน
ฉันเตือนเขาเรื่องนี้แล้วว่าการขโมยเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในฮอกวอตส์”
จูปิเตอร์นึกถึงรัดเกล้าเรเวนคลอที่เขาอยากได้นักหนา
มีแต่เมอร์ลินเท่านั้นที่รู้ว่าเขาจะอยากได้อะไรอีก “วิญญาณของเฮเลน่า เรเวนคลอ
เคยบอกบางอย่างกับหนู อดีตเนิ่นนานนั้นไร้ค่า จงเปลี่ยนปัจจุบันกาล และเธอบอกอีกด้วยว่า...”
เด็กสาวขมวดคิ้วแน่นจนหน้าตายู่ยี่ “เธอบอกว่าหนูอาจเปลี่ยนใจเขาได้
หนูรู้ว่าเธอเป็นเพียงวิญญาณที่อาศัยอยู่มานานมากแล้ว
บางทีหนูอาจไม่จำเป็นต้องฟังเธอ แต่ปริศนาที่เธอให้ ช่วยหนูเจอห้องลับเรเวนคลอ
หนูไม่รู้ว่าควรจะ...”
“เฮเลน่า เรเวนคลอ ยึดติดกับอดีตมากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ”
ดัมเบิลดอร์อธิบาย “เธอขโมยรัดเกล้าเรเวนคลอจากผู้เป็นแม่ หนีไปไกล
บารอนเลือดคือคนที่ตามหาเธอจนพบ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เฮเลน่าไม่เคยเล่าละเอียด ทั้งบารอนและเฮเลน่าต่างบันดาลโทสะกันทั้งคู่
บารอนฆ่าเธอ และฆ่าตัวตายตาม รัดเกล้าจึงสาบสูญ
วิญญาณของเธอกลับมาที่ฮอกวอตส์เพื่อรับรู้ว่าโรวีน่าผู้เป็นแม่ตรอมใจเสียชีวิตแล้ว
ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน วิญญาณของเธอจะต้องโศกเศร้าอย่างนี้เรื่อยไป
ฉันได้แต่เดานะ คุณเบิร์ก ฉันเดาว่า เธอคงอยากช่วยป้องกันบางอย่างเท่าที่เธอทำได้
เธอเคยรีบมาหาฉัน ตอนที่ริดเดิ้ลเข้าโรงเรียนปีแรก
เธอบอกว่าริดเดิ้ลหน้าตาละม้ายคล้ายซัลลาซาร์
สลิธีรินเสียจนเธอคิดว่าซัลลาซาร์กลับมาจริงๆ
เธอเคยเป็นนักเรียนรุ่นแรกๆของฮอกวอตส์ และได้เรียนกับซัลลาซาร์
และถ้าภรรยาของเขาสนิทสนมกับโรวีน่า เรเวนคลอ เฮเลน่าจะต้องสนิทสนมด้วยอย่างแน่นอนสมัยยังเป็นเด็ก”
“เธอถึงอยากให้หนูช่วยเปลี่ยน”
จูปิเตอร์กระซิบกับตัวเอง แล้วพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “แต่อาจารย์คะ
ทำไมเธอถึงเลือกมาคุยกับหนู”
“เรื่องนั้น...” ดัมเบิลดอร์เอ่ย
“คงทำได้แค่เดา”
“หนูควรทำอย่างไรดีคะ” จูปิเตอร์ถาม
นัยน์ตาเบิกกว้าง เมื่อนึกถึงอีกเรื่องขึ้นมาได้ “อาจารย์คะ
ริดเดิ้ลขอร้องให้หนูช่วยไปกับเขา ช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้
เขาตั้งใจจะไปตามหาคนในครอบครัวจริงๆที่ยังเหลืออยู่”
“อาจเป็นเรื่องดี
ถ้าเขามีเพื่อนไปด้วย” ดัมเบิลดอร์พยักหน้า
จูปิเตอร์เม้มริมฝีปาก
จำได้ว่าตอบตกลงกับเขาไปแล้ว เธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้
แค่ไม่เข้าใจเท่านั้นว่าทำไมเขาต้องการให้เธอไปด้วย ดูแล้ว
ช่างเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่น่าจะอยากให้ใครรู้ เขาไม่ยอมขอให้เพื่อนสลิธีรินไป
แสดงว่าต้องการเก็บไว้เป็นความลับ แล้วทำไมจึงมาขอให้ไปด้วยเล่า? จะว่าขอร้องก็ไม่ใช่
เพราะมันพ่วงมาด้วยข้อตกลงว่าเขาจะต้องปล่อยให้เมอร์คิวรีมีชีวิตปีเจ็ดในฮอกวอตส์ที่สงบสุข
เขาจะไม่แตะเมอร์คิวรีเด็ดขาด
เมื่อจูปิเตอร์เงียบไปพักหนึ่ง
ดัมเบิลดอร์ก็เล็งเห็นว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว เธอควรกลับหอคอยเรเวนคลอ เด็กสาวกล่าวลาอย่างมีมารยาท
และเดินออกจากห้องทำงานของอาจารย์ เมื่อเธอเกือบจะถึงขั้นบนสุดของบันได
จูปิเตอร์ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมถามอาจารย์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกรินเดลวัลด์
อยากรู้ว่าอาจารย์ยังตามหาเขาอยู่ไหม มีส่วนช่วยกระทรวงในการสู้รบหรือไม่
แต่ถ้าถามไป อาจารย์คงจะไม่บอกรายละเอียดมากก็ได้
เพราะเธอเป็นแค่เด็กนักเรียนคนหนึ่ง เด็กสาวเดินเลี้ยวมุมอาคารจนใกล้ถึงประตูทางเข้าห้องนั่งเล่นรวม
ปรากฏว่าบนทางเดิน ไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว พี่ชายฝาแฝด มาร์ส
เบิร์กยืนพิงผนังอยู่ข้างประตูเหมือนรอใครอยู่
“มาร์ส มาทำอะไรที่นี่?” จูปิเตอร์ถาม
พลางมองไปรอบบริเวณ พี่ชายยืนอยู่คนเดียวจริงๆ
“มีคำสั่งให้รอเธอจนกว่าจะกลับถึงหอ”
มาร์สพูดกระชากเสียง เหมือนรำคาญเต็มประดา
“ฉันมาถึงแล้วอย่างปลอดภัย
พี่กลับห้องเถอะ” จูปิเตอร์บอก
“ดี” มาร์สพูดอย่างประชดประชัน
ผละแผ่นหลังออกจากผนังเย็น
เด็กหนุ่มมองน้องสาวฝาแฝดหันหน้าไปทางประตูโค้ง
ฟังปริศนาที่เป็นรหัสเข้าห้องนั่งเล่นรวม ระหว่างที่เธอกำลังขบคิดก่อนจะตอบนั้น
มาร์สหยิบไม้กายสิทธิ์ออกจากใต้เสื้อคลุม ชี้ตรงไปที่น้องสาวฝาแฝด
“เขาสั่งให้สาปฉันด้วยหรือ มาร์ส”
จูปิเตอร์หันขวับ พร้อมไม้กายสิทธิ์ในท่าเตรียม
TALK
เซอร์ไพร์ส! เผอิญเสร็จธุระเร็ว และเขียนตอน 14 จนจบได้ค่ะ ถึงเอาตอน 12 นี้มาลงอย่างสบายใจ
ดำเนินมาถึงตอนที่ 12 แล้ว ยังรู้สึกว่าดำเนินเรื่องได้ช้าอยู่เลยค่ะ Y^Y
ตอนนี้คิดว่า ถ้าเขียนจบ จะรวมเล่มขายค่ะ คิดว่ารอบนี้จะจริงจังแล้วนะ
มีใครสนใจจะซื้อบ้างคะ?
เรื่องราคายังไม่อาจรู้ได้จริงๆ เพราะยังไม่รู้เลยว่าจะจบที่กี่หน้า ค่าออกแบบปก กับจัดหน้าอีก ค่าพิมพ์อีก ยังไม่รู้จะจ้างใครออกแบบปกให้ ฟังดูยุ่งยากจังเลยเนอะ 555+ แต่จะลองสู้ดูสักตั้งค่ะ จริงๆก็ กลัวและกังวล มากๆเลย
ความคิดเห็น