คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : A dark lord
Notorious [Tom
Riddle & OC]
Chapter 10 : A dark
lord
เดือนพฤศจิกายนผ่านไป
โดยไม่มีเรื่องน่าสนใจเป็นพิเศษ ผืนดินแถบนี้เคลื่อนเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ
หิมะตกหนักหลายวันจนกองหนาเป็นนิ้ว สร้างความลำบากให้นักเรียนที่ต้องเดินข้ามไปเรียนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษที่ชายป่าต้องห้าม
ถ้าเพเนโลพี เฮสติงส์ยังอยู่ที่ฮอกวอตส์คงบ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อนปลอบตามเคย
ในช่วงเวลาอย่างนี้ จูปิเตอร์ยิ่งคิดถึงเพื่อนของเธอมากกว่าสิ่งใดในโลก
โรซาลินด์ได้เพื่อนใหม่เป็นเด็กบ้านฮัฟเฟิลพัฟ บางครั้งถึงกับชวนมานั่งกินอาหารด้วยกันที่โต๊ะเรเวนคลอ
จูปิเตอร์อยากให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนตอนต้นปีการศึกษา ที่พวกเธอยังเป็นเพื่อนกัน
พูดคุยเล่าเรื่องต่างๆ นั่งเรียนด้วยกัน ทำการบ้านด้วยกันในห้องสมุด
แต่เป็นไปไม่ได้แล้ว ความห่างเหินนี้ช่างประหลาดหรือเกิน
จูปิเตอร์เองก็ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหาโรซาลินด์ตรงๆ
และพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
นอกจากต้องสู้กับสภาพอากาศหนาวเหน็บแล้ว
นักเรียนปีห้าต้องต่อสู้กับปริมาณการบ้านกองเท่าภูเขา สำหรับพรีเฟ็ค
ยิ่งงานเยอะกว่าคนอื่น เข้าประชุม ตรวจตามระเบียงทางเดิน เข้าเวรตอนกลางคืน เมื่อเดือนธันวาคมมาถึง
พวกเขามีอีกหน้าที่คือช่วยกันตกแต่งปราสาทและห้องโถงใหญ่
พรีเฟ็คจากฮัฟเฟิลพัฟเลือกต้นสนที่สวยและใหญ่มากต้นหนึ่งจากในป่าต้องห้าม
และช่วยกันใช้เวทมนตร์ลากกลับมาที่ปราสาท บรรยากาศภายในโรงเรียนคึกคักขึ้นมากหน่อย
เมื่อเทศกาลคริสมาสต์และสิ้นปีใกล้เข้ามาทุกที
จูปิเตอร์ตั้งใจจะอยู่ที่ฮอกวอตส์ในปีนี้ ขณะที่เมอร์คิวรีเป็นคนเดียวที่กลับบ้าน
มาร์สเลือกที่จะอยู่เคียงข้างทอม ริดเดิ้ลอย่างเคย พี่ชายฝาแฝดของเธอไม่กลับบ้านเลยสักปี
สโมสรซลักมีการจัดงานเลี้ยงวันคริสมาสต์คืนก่อนที่นักเรียนจะขึ้นรถไฟกลับบ้าน
ถ้าเป็นปีอื่นที่ผ่านมา
จูปิเตอร์จะชวนเพื่อนของเธอทั้งโรซาลินด์และเพเนโลพีเข้าร่วมด้วย
ปีนี้เธอคงต้องไปคนเดียว จะปฏิเสธศาสตราจารย์ซลักฮอร์นก็ไม่ได้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในเช้าวันอังคารที่โต๊ะเรเวนคลอ
เด็กหนุ่มผู้แสนสมบูรณ์แบบเดินอ้อมจากโต๊ะสลิธีริน และหยุดอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามจุดที่เธอนั่ง ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้วที่พวกเขาไม่คุยกันเลย จนมีข่าวลือในหมู่นักเรียนว่าริดเดิ้ลกับเบิร์กเลิกรากันแล้ว และริดเดิ้ลกำลังติดพันกับสเตลล่า พาร์กินสันอย่างจริงจัง ชนิดที่ว่าไม่เคยห่างกาย ดังนั้น ภาพที่เด็กหนุ่มร่างสูงผอม เจ้าของเรือนผมสีดำ มีปอยผมตกลงเหนือหน้าผาก และนัยน์ตาสีน้ำตาลแสนลึกลับ เดินไปหาจูปิเตอร์ถึงโต๊ะเรเวนคลอ ทั้งที่เขาไม่เคยเดินไปหาผู้หญิงคนไหนก่อน เรียกความสนใจใคร่รู้จากเด็กคนอื่นได้มากทีเดียว เด็กสาวเงยหน้าจากแก้วโกโก้ร้อนที่มีมาร์ชแมลโลว์นุ่มฟูและผงซินนามอน เธอสบตาเขาโดยไม่หลบ พลางสงสัยว่ารอบนี้เขาจะมีแผนอะไรอีก
“อรุณสวัสดิ์ จูปิเตอร์”
เขาเอามือไพล่หลัง พยักหน้าค้อมศีรษะเล็กน้อยให้เธอ เหมือนคุณชายที่หลุดออกจากวรรณกรรมคลาสสิคในศตวรรษที่สิบเก้า
แม้แต่เครื่องแบบนักเรียนที่อยู่บนตัวเขา ช่างเหมาะสมกับเขาทุกสัดส่วน
“สวัสดี ริดเดิ้ล” เธอทักตอบ
รักษามารยาท
“ฉันสงสัยว่ามีใครชวนเธอไปงานเลี้ยงคริสมาสต์ของสโมสรซลักแล้วหรือยัง”
เขาถาม ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มที่น่าตราตรึงใจ
เด็กสาวหลายคนคงยอมแลกทุกอย่างเพื่อเป็นจูปิเตอร์ในเวลานี้
“ฉันไม่จำเป็นต้องมีใครชวน
เพื่อร่วมงาน” เธอตอบ วางแขนทั้งสองไขว้กันที่ขอบโต๊ะ
“ฉันรู้” ทอมยังคงยิ้มอย่างสุภาพ “ฉันแค่อยากถาม
เธอจะให้เกียรติเป็นคู่ควงของฉันในงานไหม”
แก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าตีตัวเองให้ตาย
ทอม ริดเดิ้ลมักจะทำอะไรที่ไม่อาจคาดการณ์ได้เสมอ อย่างเช่นตอนนี้
เธอไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทางสงบ สง่างาม จริงใจ
ครั้งล่าสุดที่พวกเขาเผชิญหน้ากัน เธอทำให้เขาพ่ายแพ้หมดรูป นี่อาจเป็นแผนการล้างแค้นที่เขาเตรียมไว้
หากเธอตอบตกลง จะมีอะไรรออยู่บ้าง
“แล้วสเตลล่า พาร์กินสัน?” เธอถาม
เพื่อถ่วงเวลาในการตัดสินใจของตน
“เธอสังเกตเห็น” ทอมกล่าว
“แน่นอน
มีใครบ้างในฮอกวอตส์ที่จะมองไม่เห็น” จูปิเตอร์ตอบกลับ
นี่ชักเหมือนบทพ่อแง่แม่งอนมากเข้าไปทุกที
“ฉันผิดไปแล้ว จูปิเตอร์” เขาบอก
น้ำเสียงหวานทุ้ม เกือบจะออดอ้อน “อนุญาตให้ฉันได้แก้ไข”
แก้ไข ตลกจริง ผิดไปแล้ว ความผิดของเขามันเหลือคณานับ
จูปิเตอร์ไม่ชอบคนเล่นละคร และทอมกำลังเล่นละครให้เธอดูตรงหน้านี่เลย
ท่ามกลางสายตาหลายคู่ของเพื่อนนักเรียน
“ฉันเพิ่งรู้ว่าดวงดาวที่สำคัญที่สุด
คือดาวระดับที่ห้าในระบบสุริยะ” ทอม ริดเดิ้ลจ้องตาของเธอ
หวังจะเห็นความหวั่นไหวอีกครั้ง เหมือนตอนที่เขาพูดประโยคขอให้เธอไปงานกับเขา
จูปิเตอร์ลุกขึ้นยืน
พลางยิ้มหวานที่สุดเท่าที่เธอเคยทำ “ขอโทษนะ ฉันต้องไปเรียนแล้ว”
เธอออกมาทั้งอย่างนั้น เต็มตื้นไปด้วยความสะใจ
รู้เต็มอกว่าเขาต้องหาทางเอาคืนอย่างแสบสันในเร็ววันนี้แน่ เขาเหมือนงูที่บาดเจ็บ
หลบไปพักรักษาตัว และเลื้อยออกมาอีกแล้ว ให้ตายสิ เธอสบถในใจ
เขาไม่มีอะไรเหมือนซัลลาซาร์ สลิธีริน ที่เธอได้อ่านในบันทึกเก่าเขื่องม้วนนั้น เขาเป็นคนในคำทำนายจริง
อันตรายอย่างแท้จริง ผู้เขียนบันทึกนั้นหวังจะให้เขาพบความสงบสุข มีความรัก
และเข้าใจตัวตนแท้จริงของซัลลาซาร์ สลิธีริน
เธออยากจะย้อนเวลากลับไปบอกเหลือเกินว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เขามันชั่วร้าย
เสแสร้ง เจ้าเล่ห์เพทุบาย จูปิเตอร์ยังรู้สึกถึงความหนาวของทะเลสาบตลอดเวลา เมื่อเห็นหน้าเขา
ราวกับน้ำจากทะเลสาบนั่นไม่มีวันปล่อยให้เธอหลุดพ้นไปชั่วนิรันดร์
จูปิเตอร์ตัดสินใจไม่ชวนใครไปงานเลย
แม้อาร์ทิมิสจะเป็นตัวเลือกที่ดี และเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย
แต่เธอเบื่อข่าวลือทั้งหลาย เบื่อว่าคนจะพูดกันอย่างไร แค่เธอปฏิเสธทอม
ริดเดิ้ลในเช้าวันอังคารนั้น ก็เกิดกระแสขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่ต่อว่าเธอ หาว่าใจร้าย
เย็นชา เธอควรจะเจียมตัวซะบ้าง และตอบรับคำขอจากริดเดิ้ลไป
เธออดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดและโมโห
ถ้าพวกนั้นรู้ได้ถึงครึ่งเท่าที่เธอรู้เกี่ยวกับริดเดิ้ล
จะหลงใหลได้ปลื้มเขาอีกไหม
ตอนแรกจูปิเตอร์ค่อนข้างกังวลว่าริดเดิ้ลวางแผนจะจัดการกับเธอในงานเลี้ยงคริสมาสต์
แต่สถานการณ์กลับเงียบสงบอย่างไม่คาดฝัน และงานเลี้ยงก็ถือว่าสนุกสนานในระดับหนึ่ง
ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นเชิญนักเรียนเก่าจากฮอกวอตส์มาร่วมงานหลายคนทีเดียว
บ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำคัญในกระทรวง นักกีฬาทีมควิดดิชชื่อดัง
นักหนังสือพิมพ์จากเดลี่พรอเฟ็ต นักเขียนและนักผจญภัย อาจารย์กว้างขวาง
รู้จักผู้คนเยอะ เพราะสรรหานักเรียนที่มีความสามารถเข้าสโมสร กลายเป็นคอนเนคชันที่ยังคงอยู่
แม้พวกเขาจะจบจากฮอกวอตส์ไปแล้วก็ตาม
จูปิเตอร์มีโอกาสได้ร่วมวงสนทนากับศิษย์เก่าสี่ห้าคน
ก่อนจะปลีกตัวไปหยิบเครื่องดื่ม ในงานมีทั้งวิสกี้ไฟ และไวน์ด้วย
แต่เธอดื่มแค่บัตเตอร์เบียร์ พลันสายตาก็เลื่อนไปเห็นแก็งของทอม ริดเดิ้ล
กลุ่มของเขาอยู่ในสโมสรซลักทั้งหมดสี่คน คือ แลสแตรงก์ แบล็ก โรซิเออร์
และเอเวอรี่ แต่ละคนคล้องแขนกับเด็กสาวบ้านสลิธีรินมาเป็นคู่
ล้วนแต่เป็นพวกเดียวกับสเตลล่า พาร์กินสันทั้งสิ้น
ทอม
ริดเดิ้ลโน้มใบหน้าลงใกล้ใบหูของสเตลล่า กระซิบบางอย่าง ส่งผลให้สาวเจ้าหน้าแดง
หัวเราะคิกคัก พวกเขาสบตากันพักหนึ่ง สเตลล่ามองเด็กหนุ่มอย่างเชิญชวน
มือที่ตกแต่งด้วยน้ำยาทาเล็บสีเขียวสดลูบขึ้นจากแผ่นอกจนทิ้งไว้ที่ท้ายทอย ปลายนิ้วเสยเข้าไปในเรือนผมของเขา
เธอเผยอริมฝีปากอย่างรอคอย ทอมละสายตาจากดวงหน้าหวานสวยของเด็กสาว
เหลือบขึ้นมองข้ามห้อง หยุดที่จูปิเตอร์พอดี เธอยิ้มมุมปาก
ยกแก้วบัตเตอร์เบียร์ขึ้นอย่างแสดงความยินดี แล้วหันหน้า เดินหนีไปอีกทาง ไม่คิดจะมองต่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคน
สเตลล่าสังเกตเห็นว่าดวงตาของทอมไม่ได้อยู่ที่เธอแล้ว
เด็กสาวเลื่อนมือมาที่แก้มของเขา จับประคองไว้
“กำลังคิดอะไรอยู่คะ” เธอถาม
เบียดร่างเข้าแนบชิดอย่างยั่วยวน
“ไม่มีอะไร” ทอมตอบ
แต่แกะมือทั้งสองของเธอออกจากตัวเขา “ฉันแค่อยากได้เครื่องดื่ม”
เขาเดินผละจากเธอทันทีอย่างไร้เยื่อใย
เดินไปหยิบไวน์จากเอลฟ์ประจำบ้านที่คอยเดินเสิร์ฟไปทั่วงาน
ทอมจิบไวน์
ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องที่ร่างของจูปิเตอร์ เธอสวมชุดสีขาว
ผมที่เริ่มยาวขึ้นแล้วมัดเกล้าไว้ด้านหลัง มีเครื่องประดับชิ้นเล็กๆติดไว้
ท่ามกลางแสงไฟสีนวลตาในงานเลี้ยงและผู้คนที่รายล้อม
เธอโดดเด่นงดงามเหมือนเทพธิดาประจำเทศกาลคริสมาสต์
เขาไม่เคยรู้สึกอยากสอยดาวร่วงจากฟ้ามากเท่านี้มาก่อน แต่ไม่ง่ายเลย
เขารู้ว่าเธอหวั่นไหว แค่เห็นเขาเดินไปหา ก็บังเกิดความรู้สึกที่หักห้ามไม่ได้
เธอควบคุมอารมณ์ตัวเอง วางกิริยาสงบเสงี่ยม เฉยชา ไม่เต้นตามเกม
เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาแค่ปรายสายตามองอย่างเสน่หา ก็แทบจะคลานเข่าเข้ามา
ทอมไม่รู้จะทำยังไงกับเธอแล้ว คำขู่ใดๆเริ่มใช้ไม่ได้ผล เธอยังกลัวเขา
แต่ก็ไม่กลัวมากอย่างที่เคยเป็น
โอไรออน แบล็กเดินมาหยุดยืนข้างทายาทสลิธีรินที่ยังยืนดื่มไวน์อยู่คนเดียว
“บางทีนายควรพิจารณา เข้าหาเธออย่างที่เด็กผู้ชายทั่วไปทำกัน”
“ฉันไม่ได้ขอความเห็น”
ทอมพูดอย่างเย็นชา
“นี่ไม่ใช่ความเห็น
เป็นคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ” โอไรออนตอบอย่างกวนประสาท
“ถ้าเราจบจากโรงเรียนแล้วก็ว่าไปอย่าง นายจะลักพาตัวเธอมา ขังเธอไว้
ทำให้เธอเป็นของนายโดยสมบูรณ์ ย่อมทำได้เมื่อเวลามาถึง
และสถานะของพวกเราอำนวยมากกว่านี้ แต่ในระหว่างนี้ เรายังเป็นนักเรียน
ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากมอง จีบ ขโมยจูบ ขโมยเวลาสักชั่วโมงพาไปหลบตรงมุมแคบๆ
แต่จูปิเตอร์ เบิร์กไม่เหมือนใคร การล่อลวงยั่วยวนอย่างหวานซึ้งใช้ไม่ได้ผลกับเธอ”
“แล้วอะไรถึงจะได้ผล”
ทอมถามเสียงสะบัด ห้ามตัวเองไม่ทัน ทั้งที่เขาพูดไว้แท้ๆว่าไม่อยากได้ความเห็น
“ความดี ความจริงใจ รักแท้ ใครจะรู้”
โอไรออนกระดกเครื่องดื่มจนหมดแก้ว และกระดิกนิ้วเรียกเอลฟ์ประจำบ้านให้เปลี่ยนแก้ว
“ซึ่งนายดันไม่มีสักอย่าง” เขาพูดต่อ หัวเราะในลำคอ แล้วเดินแยกออกไป
ทายาทสลิธีรินรู้สึกรำคาญ งุ่นง่าน
ไม่สบอารมณ์ เขาไม่ได้พูดคุยกับใครอีกตลอดงาน
จนกระทั่งถึงเวลาที่อาจารย์ซลักฮอร์นประกาศให้นักเรียนกลับหอนอน
เขามองไปทางจูปิเตอร์ ปรารถนาให้เธอเดินออกไปคนเดียว และดันได้สมใจอยากเสียด้วย
เพราะอาร์ทิมิสจะเดินไปส่งคู่ควงของตนที่บ้านฮัฟเฟิลพัฟ
รอยยิ้มพึงใจปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม เขาส่งสายตาเรียกลูกสมุนทั้งสี่ให้เข้ามาหา
สั่งสั้นๆว่าให้เคลียร์พื้นที่ทางเดินไปหอเรเวนคลอ
อย่าให้ใครผ่านขึ้นบันไดไปได้โดยเด็ดขาด จะใช้วิธีใดก็ตามแต่สะดวก
จูปิเตอร์เปิดปากหาว
หยิบเสื้อคลุมขึ้นสวมทับชุดที่ใส่ ขณะเดินไปบนระเบียงที่ไร้ผู้คน จนกระทั่งก้าวเท้าขึ้นบันไดขั้นแรก
เด็กสาวจึงรู้สึกผิดปกติ หันไปมองเบื้องหลัง
มีเด็กเรเวนคลอหลายคนร่วมงานเลี้ยงสโมสรซลัก บัดนี้งานจบแล้ว เธอควรมีเพื่อนร่วมทางบ้างสักสองสามคน
แต่ทางเดินเงียบฉี่ มีแต่รูปภาพตามผนังที่เคลื่อนไหวเป็นเพื่อน
เธอต้องไม่ประหลาดใจอยู่นานนัก เพราะเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเลี้ยวมุมปรากฏกาย
“นายทำอะไรกับพวกเรเวนคลอที่เพิ่งออกจากงานเลี้ยง”
เธอถามทันที ไม่ต้องอ้อมค้อมกันอีก
“แบล็กชวนพวกเขาไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้”
ทอม ริดเดิ้ลตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติสามัญ
“ไม่ยักรู้ว่ามีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ด้วย”
น้ำเสียงของเธอมีแววประชด เขาหัวเราะเบาๆขณะเดินเข้ามาใกล้ เธอยังยืนบนขั้นบันได
เขาหยุดยืนด้านล่าง และต้องแหงนหน้ามองเธอ
“ฉันมีของขวัญคริสมาสต์ให้เธอ จูล”
เขาพูด แล้วหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาโบก ใช้คาถาไร้เสียง เพียงพริบตาเดียว
กล่องของขวัญขนาดเล็กจ้อยผูกด้วยริบบิ้นสีเขียวปรากฏในมือของเขา
“แทนคำขอโทษต่อเรื่องแย่ๆที่ฉันเคยทำไม่ดีต่อเธอ ช่วยรับไว้ได้ไหม”
เขายื่นกล่องนั้นขึ้นไป ไม่ยอมก้าวขึ้นบันไดไปยืนระดับเดียวกับเธอ
คนอย่างเขาไม่เคยต้องยอมทำอะไรขนาดนี้มาก่อน และดูไว้ได้เลย
เขาจะเรียกคืนทุกเม็ดแน่
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายไม่ได้บรรจุคำสาปไว้ในกล่อง”
เธอถาม มองอย่างไม่ไว้ใจ
เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
นิ้วเรียวสวยแกะริบบิ้นและเปิดฝากล่อง ในแสงสลัวของคบเพลิงบนทางเดิน
เธอเห็นว่ามันเป็นสร้อยเส้นหนึ่ง สายทำจากหนังสีน้ำตาล
ตัวจี้รูปกลมมีกระจกด้านหน้า ให้เห็นดอกไม้บอบบางขนาดเล็กสีขาวเกสรสีเหลืองด้านใน
ดอกเดซี่นั่นเอง เขาหยิบสายสร้อยออกมา เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีคำสาปแอบแฝง
ของขวัญไม่ได้มีราคาค่างวดมากมาย จูปิเตอร์สงสัยว่าเขาทำขึ้นเองหรือเปล่า
เพราะเธอไม่เคยเห็นสร้อยอย่างนั้นมีขายที่ไหน เขาก้าวขาขึ้นบันไดมาทีละขั้น
จนอยู่ระดับเดียวกัน
“ฉันอยากใส่ให้นะ
แต่มันคงต่ำต้อยเกินไป ถ้าเทียบกับชุดและเครื่องประดับบนผมเธอ”
เขาเก็บสร้อยลงกล่องและผูกริบบิ้นไว้เหมือนเดิม พร้อมกับยื่นมาข้างหน้า
“นายต้องการอะไร” เธอถาม
ยังไม่ยอมรับของขวัญ
ทอม ริดเดิ้ลชะงักไปครู่หนึ่ง
แล้วตัดสินใจพูดตามความจริง “ฉันอยากอ่านบันทึกม้วนนั้นที่เราได้จากห้องเรเวนคลอ
ถ้าเธอจะกรุณา ฉันอยากรู้เรื่องของซัลลาซาร์ สลิธีรินจากมุมอื่นๆ”
“สร้อยเส้นเดียวกับคำขอโทษ
แลกกับประวัติศาสตร์พันปีหรือ?” จูปิเตอร์มองเขาอย่างเหนือกว่า
“ฉันไม่เคยต้องออกไปเดินหาดอกไม้มาทำสร้อยให้ใคร
ไม่เคยขอโทษใคร ไม่เคยให้ของขวัญใคร จะเอาอะไรจากฉันอีก จูปิเตอร์”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน และเหมือนจะเอ็นดู ช่างผิดนิสัยจนชวนขนลุก แต่อย่างน้อยรอบนี้
เขาไม่มีที่ทางจะรุกรานจู่โจมเธอ หรือแตะต้องตัวเธอ นับว่าพัฒนาแล้ว
“ก็ได้” เธอยอมตกลง
เปิดกระเป๋าใบเล็กที่ถือมาด้วย และล้วงมือลงไปหยิบของ
เธอใช้คาถาขยายพื้นที่เพื่อจะได้ใส่ม้วนกระดาษที่แสนสำคัญแล้วพกไปได้ทุกที่
“พกติดตัวตลอดเวลาหรือ?”
ทอมถามอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
“ใช่” เด็กสาวเรเวนคลอพยักหน้า
“เพราะฉันกลัวว่าใครบางคนจะมาขโมย” ทอมพ่นลมทางจมูกเฮือกหนึ่ง
มองเธอหยิบม้วนกระดาษเก่าออกมาอย่างใจเย็น เธอยื่นให้เขา
แต่เมื่อเขาจะยื่นมือไปรับ เธอดึงกลับ “สัญญากับฉันเรื่องหนึ่งก่อน”
ทอมเห็นแววตากังวลของเธอ แล้วพยักหน้า
“ว่ามาสิ”
“สัญญาว่านายจะไม่ทำลายบันทึกนี้
และต้องคืนกลับมาให้ฉันในสภาพเดิม” เธอบอก
“ฉันสัญญา” เขาพูดอย่างจริงจัง
การยื่นหมูยื่นแมวเกิดขึ้นตรงบันได
ช่างเป็นภาพที่น่าขัน คนหนึ่งยื่นของขวัญ อีกคนยื่นม้วนกระดาษ
ราวกับไม่ใช่การยื่นของธรรมดา แต่เป็นปฏิญาณไม่คืนคำไปเสียอย่างนั้น
“ราตรีสวัสด์ จูล”
ทอม ริดเดิ้ลก้าวกับเธอ
รู้อยู่แล้วว่าเธอจะไม่พูดตอบ จึงเดินลงจากบันไดไปทันที
เขาต้องกลับห้องนั่งเล่นรวม เวลานี้ไม่มีคนนั่งแล้ว ต่างขลุกตัวใต้ผ้าห่มกันหมด
บรรดาลูกสมุนของเขายังไม่กลับจากอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ทอมเลือกที่นั่งใกล้เตาผิง
อาศัยแสงไฟช่วยให้มองเห็นตัวอักษรเลือนรางบนบันทึก หน้ากระดาษเก่ากรอบ บอบบาง
แค่จับเปิด ยังต้องทะนุถนอมอย่างดี เขาเสกให้โต๊ะเตี้ยลอยมาหา
และวางม้วนบันทึกลงบนโต๊ะ แววตาของเขามีความกระหายอยากรู้
คำทำนายที่ซัลลาซาร์กล่าวถึงในบันทึกส่วนตัวอาจจะอยู่ในหน้ากระดาษนี้
เขาดำดิ่งลงไปในประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ตั้งแต่สมัยปีค.ศ.994 ผู้เขียนบันทึกคือภรรยาของซัลลาซาร์ สลิธีริน เล่าถึงครอบครัวของตนเอง
การเดินทางระหกระเหินมาจนถึงฮอกวอตส์ มิตรภาพที่ได้รับจากผู้ก่อตั้งทั้งสี่
และความรักอันแสนอ่อนโยนจากซัลลาซาร์ พวกเขาแต่งงานกันในเดือนมิถุนายน ปีค.ศ.998
สี่ปีนับจากวันที่เจอกัน ยิ่งอ่าน
เขาก็เข้าใจว่าทำไมจูปิเตอร์สั่งให้สัญญาว่าจะไม่ทำลายทิ้งและต้องคืนบันทึกให้เธอ
เรื่องราวที่เขาเคยรับรู้เกี่ยวกับสลิธีริน มันเกือบจะผิดทั้งหมด
แน่นอนว่าพวกเขาคลั่งเลือดบริสุทธิ์
ซัลลาซาร์รับแต่เด็กเลือดบริสุทธิ์เข้าบ้านสลิธีริน แต่ต้นกำเนิดห้องแห่งความลับ
ไม่ได้มาจากการทะเลาะเบาะแว้งกับกริฟฟินดอร์
จนเขาสร้างห้องนั้นเก็บสัตว์ประหลาดไว้ทำลายลูกมักเกิ้ล ไม่ใช่เลย
ทอมเลื่อนสายตาอ่านต่อไป จนถึงกลอนบทหนึ่ง สองบรรทัดแรก ตัวอักษรเลือนมากจนอ่านไม่ออก
เห็นได้ชัดแค่สองบรรทัดท้าย
สีมรกตอสรพิษเชื่อง
ผู้นามเรืองเลือดบริสุทธิ์ตลอดสาย
แปดเปื้อนเลือดต้องสาปพาวอดวาย
กำเนิดนายแห่งศาสตร์มืดอีกพันปี
โวลวา ค.ศ. 926
ทอม ริดเดิ้ลเกิดในปีค.ศ. 1926
หนึ่งพันปีนับจากที่มีคนที่ชื่อโวลวานี้เอ่ยคำทำนาย กำเนิดนายแห่งศาสตร์มืดอีกพันปี
หมายถึงตัวเขาใช่ไหม?
เขาคือคนที่ชะตาลิขิตให้เป็น นายแห่งศาสตร์มืด
TALK
อยากจะพูดใส่ผู้ชายบางคนว่า "ขอตัวไปอ้วกก่อน" จังเลยค่ะ 555+
หน้าเฮอร์ไมโอนี่ลอยมาเลยทีเดียว
ทอมมี่บอยรู้เสียแล้วว่าคำทำนายกำหนดมาอย่างนั้น จะเป็นยังไงต่อไปนะ?
ความคิดเห็น