ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Salazar Slytherin & OC] : Dark Age

    ลำดับตอนที่ #1 : Guest

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 61




    [Salazar Slytherin & OC] : Dark Age

    Chapter 1 : Guest

     




    6 มีนาคม 994

    ถึง ก็อดริก กริฟฟินดอร์


                     นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เขียนจดหมายถึงท่าน และนานมากทีเดียวที่เราไม่ได้พบกัน ข้าหวังว่าท่านจะสบายดี ข้าได้ยินเสียงเล่าลือ แม้ชีวิตข้าจะระเห็จระเหเร่ร่อน แต่ข้าได้ยินเรื่องของท่านและสหายทางตอนใต้เสมอ โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ ท่านทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ประสบผลสำเร็จ ข้าขอแสดงความยินดีด้วยใจจริง


                    ชีวิตของข้าในนอร์เวย์ไม่ราบรื่นนัก อย่างที่ท่านคงทราบดีอยู่แล้ว เลือดเนื้อเชื้อไขของเกรย์ไฮด์และฮารัลด์ซันถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ข้ายังอยู่ในระหว่างหลบหนี แต่คงจะหลบได้อีกไม่นานแล้ว ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเรื่องไหว้วาน ขอร้อง เห็นแก่วันเก่าๆ และมิตรภาพของเราในหนหลัง ข้ามีน้องสาวอยู่หนึ่งคน เป็นความรับผิดชอบของข้า เป็นหัวใจของข้า ท่านคงจำ ลีโอนา ได้บ้างกระมัง สมัยที่เราวิ่งเล่นในปราสาทเก่าของนอร์ทรัมเบรีย ลีโอนาแอบตามเรามาด้วยเสมอ หากท่านจำได้ ท่านคงรู้ว่าข้ารักน้องสาวมากเพียงใด ชะตาชีวิตของข้าจะไปได้อีกไม่ไกล แต่ข้าไม่ต้องการให้ลีโอนาตามข้าไปด้วย ข้าจะส่งนางลงใต้ ไปพร้อมกับพ่อมดอีกหนึ่งคน ได้โปรด ขอให้ท่านมอบที่พำนักแก่นาง ให้นางพ้นจากอันตรายและผู้ปองร้ายทั้งในแผ่นดินนอร์เวย์และนอร์ทรัมเบรีย เลือดที่อยู่ในตัวพวกเราเป็นเลือดราชสีห์ เป็นเลือดต้องสาปของเอริค ฮารัลด์ซัน กษัตริย์สองแผ่นดิน ทุกผู้ต้องการให้เราตาย


                    ได้โปรดเถิด ก็อดริก ถือว่าเป็นคำขอสุดท้ายในชีวิตของข้า กรุณาปกป้องลีโอนาด้วย


    ด้วยความนับถือ

    ลีออน เกรย์ไฮด์

     



                    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ส่องต้องแผ่นหนังสีน้ำตาลอ่อนในมือของชายหนุ่ม ผ่านมาห้าเดือนนับตั้งแต่วันที่นกฮูกหิมะนอร์เวย์ส่งจดหมายมาถึงหอคอยกริฟฟินดอร์ ความหนักหน่วงภายในใจไม่ได้ลดลงไปตามวันเวลาที่ผันผ่าน ข้างนอกนั่น ที่ไหนสักแห่งบนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย น้องสาวของเพื่อนรักเดินทางรอนแรม โดยมีผู้ติดตามเพียงคนเดียว เขาพอจะนึกภาพหญิงสาวคนนั้นออก ในอดีต อันแสนนาน ในความทรงจำอันรางเลือน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเคยจับมือเขา ระหว่างที่เขาพาวิ่งขึ้นบันไดปราสาท สำรวจไปทั่ว นานยิ่งนัก ที่พวกเขาสามคนเก็บใบเสจมาเผาในกองไฟ และนั่งจ้องเพื่อทำนายอนาคต


                    เวลาผ่าน คนผันเปลี่ยน ชะตากำหนดให้เดินไปคนละทิศทาง เขาผ่อนลมหายใจทางริมฝีปาก ขณะดวงตามองทอดยาวไปไกลยังเส้นขอบต้นสนในป่าต้องห้าม อาทิตย์โผล่พ้น ส่องแสงบาดตา เขารู้ว่าการตอบรับคำขอ จะนำเรื่องราวทางการเมืองอันไม่พึงประสงค์มาสู่ปราสาทฮอกวอตส์ ที่นี่คือโรงเรียน วางตัวเป็นกลางในทุกสงคราม ไม่ว่าผู้ใดจะนั่งบัลลังก์ของมักเกิ้ล และปกครองอาณาจักร ทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก พวกเขาไม่ยุ่งเกี่ยว สหายของเขาเองไม่เห็นด้วยนักที่จะให้ผู้หญิงแปลกหน้า ซึ่งแบกตระกูลเลือดไว้บนบ่าเดินเข้ามาในโรงเรียน ซัลลาซาร์ออกความเห็นชัดเจนว่าเขาควรปฏิเสธ โรวีน่านิ่งฟัง ไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าเห็นด้วย เฮลก้ามองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ พร้อมจะสนับสนุนไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม


                    ก็อดริกพับจดหมายของลีออนและสอดไว้ในลิ้นชักตามเดิม เอลฟ์ประจำบ้านส่วนตัวของเขากำลังเสกให้เสื้อคลุมลอยมาเกาะบนไหล่และผูกเชือกด้วยตัวมันเอง


                    ถึงเวลาแล้ว


                เขาหมุนตัว เดินออกจากห้อง ทางเดินในปราสาทช่างสงบยิ่งในยามเช้า ชุดเกราะเหล็กแวววาวเรียงรายอยู่บนทางเดิน แม้แต่ก้อนอิฐทุกก้อนก็ยังดูแจ่มใส สนามหญ้าด้านหน้าปราสาทยังมีน้ำค้างเกาะชุ่มฉ่ำ เขาก้าวต่อไปบนทางเดิน จนกระทั่งพบเพื่อนร่วมทาง เฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟแต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาวสีเหลืองสดใส บนเรือนผมสีแดงน้ำตาลมีดอกไม้ร้อยเรียง เสียบอยู่ตรงนั้นตรงนี้ เธอหันมายิ้มให้ และเขายิ้มตอบอย่างยินดี ข้างๆเธอนั้น มีเอลฟ์ประจำบ้านเพศหญิงสวมปลอกหมอนสีเทาเดินตาม


                    “ข้าคิดว่าข้าลงมาเป็นคนแรก” เฮลก้าเอ่ยทัก


                    “เจ้าเป็นคนแรก ไม่ผิดหรอก” ก็อดริกตอบ


                    เฮลก้ายิ้ม “ข้าคงตื่นเต้น ไม่ใช่ทุกวันที่เราจะได้ต้อนรับเจ้าหญิง”


                    “นางไม่ใช่เจ้าหญิง” ก็อดริกสั่นศีรษะ “ไม่ใช่อีกแล้ว”


                    “เจ้าเคยบอกข้าว่า ราชสีห์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ย่อมเป็นราชสีห์” เฮลก้าบอก พลางก้าวต่อไปข้างหน้า “เจ้าไม่ได้พบนางมานานแค่ไหนแล้ว?” ประโยคชวนคุย กลายเป็นประโยคคำถาม


                    “นาน” ก็อดริกพยักหน้า “เกือบสิบเจ็ดปี ครั้งสุดท้ายที่ข้าพบลีออนกับน้องสาว เกิดเหตุวุ่นวายในหมู่บ้าน พวกเขาขึ้นหลังม้า และหนีไปตอนกลางคืน ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ใด ได้ยินแต่ข่าวลือ ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องดี ไม่ว่าพวกเขาจะไปอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม ที่นั่นจะมีคนตาย”


                    เฮลก้าพยักหน้า “ข้าเข้าใจว่าทำไมซัลลาซาร์ไม่ชอบความคิดนี้”


                    ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันอีก จนกระทั่งเดินผ่านป่าต้องห้าม และพบพ่อมดอีกคนเดินออกมา สวมแค่เสื้อสีขาวบางเบาและกางเกง ผมสีน้ำตาลดำยุ่งเหยิงถูกเสยขึ้นพ้นหน้าผาก มีรอยขมวดอยู่ระหว่างคิ้ว ดวงตาลึกส่อแววไม่เป็นมิตรกับใคร โหนกแก้มสูงคมเท่ากันทั้งสองข้างเหมือนเทพจับวาง ใบหน้าผอมตอบ ร่างผอมสูง ขายาวเก้งก้าง ก็อดริกและเฮลก้าหยุดรอ กระทั่งชายผู้นั้นเดินมาถึง จึงเอ่ยทัก


                    “ไปทำอะไรในป่าต้องห้ามแต่เช้า” ก็อดริกเป็นคนถาม


                    “ธุระของเจ้าหรือ กริฟฟินดอร์?” อีกฝ่ายถามกลับ เสียงขึ้นจมูก


                    “ข้าจะไม่ทะเลาะกับเจ้าเรื่องนี้อีกรอบ” ก็อดริกพูดอย่างรู้ทัน “ในเมื่อเจ้าไม่ให้ข้ายุ่งธุระของเจ้า เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินธุระของข้าเช่นกัน”


                    “ธุระของข้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ธุระของเจ้า มันไม่แน่” ซัลลาซาร์โต้กลับ ดวงตากวาดมองเพื่อนทั้งสองคน แล้วเอ่ยถามถึงบุคคลที่สี่ “โรวีน่าอยู่ไหนล่ะ เพื่อนที่ฉลาดมากพอ และมีเหตุผลที่สุดของข้า หรือนางไม่อยากให้ตัวกาลกิณีเข้ามาในปราสาทของเรา”


                    “สงบปากไว้บ้าง ก็ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าหรอก สลิธีริน” ก็อดริกมองอีกฝ่ายตรงๆ มีไฟกระแสหนึ่งวูบผ่านดวงตา


                    ซัลลาซาร์ไม่สะทกสะท้าน นัยน์ตามองคู่สนทนาอย่างท้าทาย ก่อนเจ้าตัวจะยักไหล่ หันหลังกลับ ไม่ร่วมทาง ไม่ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ไม่ต้อนรับ เขาเลือกเดินกลับไปยังปราสาท ไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก ตอนที่ตัดสินใจร่วมก่อตั้งฮอกวอตส์ขึ้นมาด้วยกันทั้งสี่คน เขาเป็นคนต่อเติมปราสาทหลังนี้ ขุดลึกลงไปถึงชั้นใต้ดิน สร้างบ้านสลิธีรินไว้ใต้ทะเลสาบ เขาช่วยออกแบบหอพักเรเวนคลอ เขาเลือกพื้นที่สำหรับสร้างเรือนกระจกของฮัฟเฟิลพัฟ เขากับก็อดริกร่ายคาถาใส่ชุดเกราะและรูปปั้นด้วยกัน เพื่อให้มันออกมาปกป้องปราสาทยามจำเป็น ที่นี่คือบ้าน บ้านหนึ่งเดียวของเขา และความคิดที่ว่าจะต้องมีตัวกาลกิณี ที่ไปเหยียบแห่งใด ที่นั่นก็วอดวายสิ้น สายเลือดต้องคำสาปของฮารัลด์ซัน พวกเลือดผสมมักเกิ้ล กำลังจะทำให้บ้านของเขาแปดเปื้อน เขาทนไม่ได้


                    ชายร่างสูงผอมยืนบนหอนาฬิกา ดวงตาฉายแววรังเกียจ เมื่อเห็นโรวีน่า เรเวนคลอเดินออกจากปราสาท ตรงไปยังประตูรั้วใหญ่ของฮอกวอตส์ แม้แต่โรวีน่าที่ควรจะทัดทาน ที่ควรจะเห็นด้วยกับเขา และเข้าข้างความคิดของเขา กลับยอมเดินลงไปต้อนรับผู้หญิงคนนั้น เขาหรี่ตาลง มีความมุ่งร้ายชัดเจน ในเมื่อไม่มีใครกล้าขัดกริฟฟินดอร์ บางทีเขาอาจต้องลงมือด้วยตนเอง คิดได้ดังนั้น ร่างสูงผละจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ก้าวลงบันได เร่งฝีเท้า ตรงไปยังห้องปรุงยาใต้ดินของเขา ซัลลาซาร์หยิบก้านวาเลอเรียนออกมาสี่ก้าน ก้านลาเวนเดอร์อีกสอง ขวดแก้วบรรจุเมือกหนอนฟลอบเบอร์ พร้อมกับเครื่องปรุงพื้นฐาน


                    ไม่ได้ทำให้ถึงตาย แต่ก็จะไม่ฟื้นขึ้นมาง่ายๆ


                    ระหว่างนั้น บริเวณหน้าประตูใหญ่ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอีกสามคนยืนอย่างสงบเสงี่ยม ต่างมีสัญชาตญาณที่รับรู้ได้ว่าแขกกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาที และเป็นจริงตามนั้น ด้านล่างของเนินเขา ปรากฏร่างหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่บนหลังยูนิคอร์นสีขาวสะอาด เป็นภาพที่หาได้ยากยิ่ง แม้ยูนิคอร์นจะเป็นสัตว์ที่ชื่นชอบเพศหญิงมากกว่าเพศชาย แต่มันเป็นสัตว์ที่ควบคุมได้ยาก ไม่อ่อนน้อมให้ใครโดยง่าย บัดนี้ ได้เห็นกันแล้ว ลีโอนา เกรย์ไฮด์ แขกระยะยาวของฮอกวอตส์ มีความสามารถพิเศษทีเดียว


                    ร่างสมส่วนของหญิงสาวตั้งตรง ไม่หวั่นไหว ผมสีดำยาวถึงกลางหลังปล่อยสยาย โบกไสวนิดๆในสายลม ผิวขาวเนียนดั่งไข่มุก ดวงหน้ารูปไข่ แก้มกลมเต็มอิ่ม แม้จะเดินทางมาไกล ผ่านภยันตรายมากมายรายทาง แต่เธอยังดูสง่าผ่าเผย และมีรัศมีแห่งความเยาว์วัยเปล่งประกาย แววตาอาจโศกไปบ้าง บ่งบอกถึงเรื่องราวหนหลังที่ต้องพบเจอ แต่ไม่มีสิ่งใดบดบังความสดใส ชื่นบาน ดั่งดอกไม้กลางฤดูร้อนไปได้ ยูนิคอร์นเยื้องย่างกายอย่างไม่รีบร้อน จนถึงหน้าประตู จึงหยุดเท้าให้ผู้ที่อาศัยบนหลังค่อยๆก้าวลง เธอก้มศีรษะให้แก่ยูนิคอร์นแสนงาม พร้อมคำขอบคุณผ่านริมฝีปากอิ่ม ยูนิคอร์นผงกหัว ก่อนจะหันหลัง เท้าเหยาะย่างจากไปตามทางของมัน เธอมองตามครู่หนึ่ง เหมือนจะอาวรณ์ แต่ก็ตัดใจ และหันมายังประตูปราสาทที่เปิดรอต้อนรับ


                    เจ้าบ้านทั้งสามมีลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ลีโอนามองพวกเขาทีละคน เริ่มจากคนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอ และเป็นสหายรักของพี่ชาย ก็อดริก กริฟฟินดอร์เปลี่ยนไปมากจากที่เธอจำได้ ลีโอนาเคยตัวสูงเท่าเขามาก่อน แต่ตอนนี้เขาตัวโตกว่า สูงใหญ่ อกกว้างอย่างชายชาตรี ท่าทางองอาจราวกับนักรบมักเกิ้ลที่เธอพบเห็น เขาดูไม่เหมือนพ่อมดเท่าไหร่นัก ถัดไป ที่ยืนเคียงเขา ลีโอนาเดาว่าเป็นเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ เธอร่างอวบนิดๆ สวมชุดสีเหลือง และมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอย่างใจดี ถัดไปอีก คงเป็นโรวีน่า เรเวนคลอ หญิงสาวผิวขาวซีด ผมสีดำหยักศกล้อมกรอบหน้าเรียวยาว สูงสง่า สวยงามลึกลับ และแววตาที่ดูเหมือนจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างมากจนไม่สนใจอะไรอีก ก็อดริกก้าวเข้ามาหาเธอเป็นคนแรก พร้อมโค้งศีรษะลง ลีโอนารีบย่อตัวลงอย่างนอบน้อม


                    “ฮอกวอตส์ขอต้อนรับ” เขากล่าว พร้อมรอยยิ้มบางๆ


                    “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ลีโอนาตอบรับ


                    “ในจดหมาย ลีออนบอกว่าเจ้าเดินทางกับพ่อมดอีกหนึ่งคน” ก็อดริกพูดเป็นเชิงถาม


                    “มอร์แกนยังรั้งอยู่ที่หมู่บ้าน ซื้อของใช้จำเป็น ข้าวของและเสื้อผ้าของข้าอยู่กับเขา เขาจะขึ้นมาที่นี่ตอนบ่าย” ลีโอนาตอบ “ถ้าอย่างไร ข้าจะออกมารับเขาเอง”


                    “ไม่ต้องหรอก” เฮลก้าพูดขึ้น “กลิตเตอร์จะมารับเขาแทนเจ้า” เธอผายมือไปยังเอลฟ์ประจำบ้านที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ข้าคือเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ ข้าเป็นผู้ดูแลเอลฟ์ประจำบ้านทุกตนที่ฮอกวอตส์ และนับแต่นี้ต่อไป กลิตเตอร์จะเป็นเอลฟ์ที่คอยรับใช้เจ้า”


                    “ขอบคุณท่านมาก” ลีโอนาย่อตัวลงอีกครั้ง


                    “เข้าไปข้างในกันเถอะ แดดเริ่มจะร้อนแล้ว” โรวีน่าพูดขึ้น โดยที่เงยหน้ามองดูท้องฟ้า


                    “ยินดีที่ได้พบ ท่านคงเป็นโรวีน่า เรเวนคลอ” ลีโอนาเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ


                    “ยินดีเช่นกัน” โรวีน่าพยักหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


                    ลีโอนาได้พักอยู่บนหอคอยเรเวนคลอ ไม่ห่างจากหอพักของบ้านเรเวนคลอมากนัก หลังจากเอ่ยคำทักทาย เธอเล่าเรื่องการเดินทางอย่างหลบๆซ่อนๆตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเพียงคร่าวๆเรียบร้อยแล้ว ลีโอนาจึงมีโอกาสได้อยู่ตามลำพังในห้องพักของเธอ จะเรียกว่าตามลำพัง ก็พูดไม่ได้เต็มปาก เอลฟ์ประจำบ้านที่ชื่อกลิตเตอร์ยืนมองตาแป๋วรอคอยคำสั่งอย่างกระตือรือร้น ลีโอนาจึงขอน้ำหนึ่งแก้วและขนมปังหนึ่งชิ้น เมื่อได้รับคำสั่ง มันจึงดีดนิ้วหายตัวไปครู่หนึ่ง และกลับมาอย่างรวดเร็ว ลีโอนาต้องลองนึกถึงคำสั่งที่ยากกว่าเดิมหน่อย จึงสั่งให้มันไปตามหามอร์แกน และพาเขาเดินมาที่ประตูเมื่อเขาพร้อม ด้วยคำสั่งนี้ ทำให้เธอมีเวลาที่จะอยู่คนเดียว และปรับสภาพเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่


                    ห้องพักของเธอกว้างขวาง สะดวกสบาย ผิดหูผิดตาจากทุกสิ่งที่เธอต้องเผชิญมา เธอจะปลอบใจให้ตนเชื่อว่าปลอดภัยดีแล้วได้หรือไม่ ภาพสุดท้ายของลีออนยังฝังติดดวงตาทั้งสองข้าง พี่ชายของเธอบาดเจ็บสาหัสจากคมดาบและคำสาปชั่วร้าย เขาไม่ยอมให้เธออยู่ดูใจ ผลักไสเธอออกมา สั่งให้เดินทางมาถึงที่นี่ เพราะชีวิตยังอีกยืนยาว เธอต้องไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรือคำสาปแช่ง ลีโอนาปิดเปลือกตาลงช้าๆ ความเหนื่อยยากจากการเดินทาง ไม่มากเท่ากับความเหนื่อยที่ทับถมอยู่ในใจ เป็นความเหนื่อยที่ไม่มีวันสิ้นสุดลงเสียที


                    เธอยกมือขึ้นนวดกระบอกตา ทันใดพลันได้ยินเสียงบางอย่าง คล้ายเสียงลม เสียงเปิดประตู และเสียงฝีเท้า ลีโอนาลดมือลงและหันไปมองหาต้นตอ แต่ทั้งห้องกลับว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของใคร กลิตเตอร์ยังไม่กลับมา หญิงสาวลุกจากเก้าอี้ ดวงตามองกวาด เงาขยับเคลื่อนไหวอยู่หลังฉากกั้นแต่งตัว คล้ายกับว่ามีใครคนหนึ่งเพิ่งก้าวผ่านไปเมื่อครู่ เธอหยิบไม้กายสิทธิ์เตรียมพร้อม


                    โฮเมนัม ริเวลิโอ” ลีโอนากระซิบร่ายคาถา แต่กลับไม่มีสิ่งใดปรากฏออกมาจากผลของคาถาเผยตัวมนุษย์ เธอขมวดคิ้ว เดินเข้าไปใกล้ฉากกั้นที่ตั้งห่างจากกำแพงทีละก้าว ไม่มีใครเลยสักคน หรือเธออาจตาฝาด ก็เป็นไปได้ แสงอาทิตย์ฤดูร้อนต้นเดือนสิงหาคม อาจทำให้เธอเห็นภาพพิลึก หรืออาจเป็นภูตผีในปราสาทออกมากลั่นแกล้งเล่นตลกๆ เธอสั่นศีรษะกับตนเอง แล้วเดินย้อนกลับไปที่เก้าอี้


                    บนเก้าอี้กลับปรากฏกระดาษขนาดเล็กแผ่นหนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่ เหมือนใครบางคนได้เสกขึ้นมา ลีโอนาไม่กล้าใช้มือแตะ เธอโบกไม้กายสิทธิ์เล็กน้อย เพื่อให้แผ่นกระดาษลอยขึ้นจากเก้าอี้ ปรากฏต้องหน้าชัดเจน มีตัวอักษรสลักเป็นข้อความ


                    อย่าดื่มน้ำฟักทอง


                    เป็นคำเตือน หรือ คำขู่ ลีโอนาไม่แน่ใจ แต่เธอรู้สึกไม่สบายใจนัก กระดาษเป็นสิ่งของราคาแพง มีแต่ชนชั้นสูงจึงมีเงินซื้อ ขนาดพี่ชายเธอ จะเขียนจดหมายหาก็อดริก กริฟฟินดอร์ทั้งที เขายังไม่อาจหาซื้อกระดาษได้ จำต้องเขียนบนแผ่นหนังที่เลาะออกจากเสื้อคลุมของเขาเอง แต่บุคคลผู้นี้ใช้กระดาษเขียนข้อความสั้นๆหาเธอ ลีโอนามีความรู้น้อยนิดเรื่องกระดาษ แต่มั่นใจว่าไม่ใช่กระดาษปาปิรุสของอาณาจักรในทะเลทรายลุ่มน้ำไนล์ กระดาษชนิดนั้นแผ่นบาง แค่โดนน้ำ ก็เปื่อยยุ่ยสลายไป แต่กระดาษนี้ หนากว่า น่าจะเป็นกระดาษจากแผ่นดินใหญ่ทางตะวันออกที่ไม่ได้มีขายทั่วไป ใครกันจะมีเงินมากพอ สั่งซื้อมาได้


                    ลีโอนาไม่มีโอกาสได้ขบคิดนานนัก เอลฟ์ประจำบ้านตนหนึ่งเคาะประตูเรียก บอกว่าอาหารกลางวันพร้อมแล้วในห้องโถงใหญ่ เธอจึงต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน และเก็บกระดาษแอบไว้ในลิ้นชักโต๊ะ


                    ปราสาทฮอกวอตส์กว้างใหญ่ไพศาล ชวนให้หลงทาง ถ้าไม่มีเอลฟ์ประจำบ้านเดินนำ ลีโอนาอาจไปโผล่อีกทีที่หอดูดาว และคงหาทางกลับลงมาเองไม่ถูก ห้องโถงใหญ่ของปราสาทสว่างไสวเพราะหน้าต่างสองฝั่งยาวจรดพื้น ผ้าม่านเปิดพ้นสายตา เตาผิงขนาดใหญ่ตั้งอยู่สองฝั่ง แต่ไม่ได้ใช้งาน อากาศอบอุ่นกำลังดี โต๊ะยาวสี่ตัวบัดนี้ว่างเปล่า ลีโอนาเดาว่าในเวลาปกติ นักเรียนคงนั่งรับประทานอาหารกันบนโต๊ะยาวนี้ ด้านหน้ามีพื้นยกสูงและโต๊ะยาวอีกตัว คงจะเป็นโต๊ะสำหรับผู้ก่อตั้งทั้งสี่ ขณะนี้ ทั้งก็อดริกก็พร้อมแล้วที่หัวโต๊ะ เก้าอี้ทางขวาและซ้ายเว้นไว้หนึ่งตัว คงจะไว้รอลีโอนา ถัดไปนั้นจึงเป็นที่นั่งของเฮลก้าและโรวีน่า เธอตัดสินใจเดินตรงไปนั่งลงข้างเฮลก้า เพราะรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า


                    “ห้องพักเป็นอย่างไรบ้าง” เฮลก้าถาม


                    “สะอาด กว้างขวาง เรียบร้อยดี ขอบคุณมาก” ลีโอนาตอบราบเรียบ ไม่เอ่ยถึงกระดาษปริศนาที่เธอพบ


                    “หากขาดเหลืออะไร เจ้าบอกได้เสมอ” ก็อดริกพูดอย่างใจดี


                    “แค่นี้ก็มากพอแล้ว” ลีโอนาพูดอย่างเจียมตัว มองไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ยังว่างเปล่า ถัดไปคือโรวีน่าที่กำลังจิบน้ำส้มอยู่เงียบๆ ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่ “ข้ารู้มาว่าพวกท่านมีกันสี่คน...”


                    “ซัลลาซาร์ คงกำลังจะมา” เฮลก้าบอก


                    ซัลลาซาร์ สลิธีริน เธอเคยได้ยินแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเขาพูดกับงูได้ แม้แต่ชื่อและนามสกุลของเขาก็เหมือนเสียงขู่ฟ่อของงู


                    ลีโอนาไม่ต้องฉงนสงสัยเรื่องของบุคคลที่สี่นานนัก ยังไม่ทันจะหายใจเข้าออกครบสิบครั้ง เขาก็เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ผ่านประตูเล็กด้านข้าง ร่างผอมสูงซ่อนไว้ในชุดคลุมสีเขียวเข้มและดำ แววตาประกายสีทองแวบปราดมาทางลีโอนาครู่หนึ่ง ก่อนจะเสไปทางอื่นอย่างไม่สนใจไยดี เหมือนเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ เท่านี้ เธอก็พอเข้าใจความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีต่อเธอ ตลอดหลายปี เธอกับพี่ชายเดินทางไปขอพักอาศัยกับหลายตระกูล ทั้งในสกอตแลนด์ หรือนอร์เวย์ ในบ้านเหล่านั้น จะต้องมีหนึ่งคน หรือสองสามคนไม่พอใจกับการมาถึงของเธอ ชื่อเสียงของพี่น้องเกรย์ไฮด์ ไม่น่าปลื้ม เธอเข้าใจเป็นอย่างดี และไม่คิดจะชวนคนเหล่านี้คุย


                    “หลังอาหาร เราควรคุยเรื่องเพลงโรงเรียนอีกครั้ง” ซัลลาซาร์พูดขึ้น บอกกับเพื่อนผู้ก่อตั้งของเขา


                    “ได้สิ เรายังแต่งไม่จบนี่” ก็อดริกพยักหน้าเห็นด้วย


                    “ข้าไม่ชอบท่อน บ้างเป็นหูดบ้างตะกละน่าดู เราเป็นโรงเรียนนะ” โรวีน่าบอก เสียงตึงเครียด


                    “แต่ข้าว่าตลกดีนะ” เฮลก้ายิ้มกว้าง


                    “ก็ตลกทั้งเพลงแล้ว จนไม่น่าเป็นเพลงโรงเรียน” โรวีน่าแย้ง “ข้ายินดีเขียนให้ใหม่ทั้งเพลง ถ้าพวกเจ้าลงความเห็นว่าข้าควรเขียน”


                    “มีชีวิตชีวาหน่อย โรวีน่า” ก็อดริกพูดแล้วยิ้ม “เพลงโรงเรียนที่ไม่ธรรมดาจะติดอยู่ในใจนักเรียนตลอดไป เมื่อพวกเขาจบไปแล้ว หากหลายปีผ่านไป อยากระลึกถึง พวกเขาจะได้มีความสุข ขำขัน ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเสมอ”


                    ลีโอนามองไปทางก็อดริก ฟังแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ เธอไม่สงสัยเลยว่าเขาคงเป็นครูที่ดีมากแน่ๆ ก็อดริกกับเฮลก้าให้อารมณ์ความรู้สึกคล้ายคลึงกัน แข็งแกร่ง แต่อ่อนโยน ใส่ใจ มีชีวิตชีวา และมีความสุข โรวีน่า คือคนที่ใช้หลักเหตุผล เป็นคลังความรู้และข้อเท็จจริงต่างๆ ส่วนซัลลาซาร์... เธอขยับลูกนัยน์ตาเหลือบมองพ่อมดที่นั่งฝั่งตรงข้าม ยังไม่รู้ว่าควรคิดอย่างไร หรือเขาเป็นคนแบบไหน


                    “แขกของเราได้ลองชิมน้ำฟักทองฝีมือเฮลก้าหรือยัง?” อยู่ๆ ซัลลาซาร์ก็พูดขึ้น พลางโบกไม้กายสิทธิ์ใช้เหยือกน้ำฟักทองเคลื่อนไปหาเขา นิ้วเรียวยาวเหมือนโครงกระดูกคว้าหูจับ และรินน้ำฟักทองใส่ถ้วย “ลีโอนา เกรย์ไฮด์ ข้ายินดีต้อนรับเจ้าสู่ปราสาทฮอกวอตส์” ไม่เพียงพูดเท่านั้น เขาขยับถ้วยน้ำฟักทองที่เป็นคนรินให้ ข้ามโต๊ะมาหยุดตรงหน้าหญิงสาวพอดี


                    อย่าดื่มน้ำฟักทอง


                คำเตือนบนกระดาษแล่นปราดเข้าสมอง เธอก้มลงมองน้ำในถ้วย แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเยือกเย็นของอีกฝ่าย สองสายตาประสาน ยากจะอ่านความนัย แต่แล้ว ลีโอนายกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา เอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ


                    “ข้าไม่ชอบฟักทองเลยจริงๆ คงต้องขอผ่านไปก่อน ขอเป็นน้ำส้มได้หรือไม่” พูดแล้ว ก็มองไปทางโรวีน่าที่มีเหยือกน้ำส้มวางอยู่ใกล้ๆ โรวีน่าจึงร่ายคาถาส่งเหยือกมาให้กับลีโอนา “ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าว แล้วรินน้ำส้มลงแก้วอีกใบ ก่อนจะเลื่อนสายตาสบกับซัลลาซาร์อีกครั้ง


                    มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาส่องประกาย แฝงเล่ห์เหลี่ยม    











    TALK

    สาบานว่านั่นซัลลาซาร์ ไม่ใช่โวลเดอมอร์ !


                        

                            

                      

                              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×