ตอนที่ 25 : --------------------------- วังวนแห่งความเน็บหนาว
โฉนดที่ดินเลขที่ 23 เมืองเบนิโต
นครอมาร์เธีย มณฑลบุเออร์
แคว้นแห่งความหนาวเหน็บ
เจ้าของ
ในสายลมที่เหน็บหนาวพลันแว่วเสียงแห่งผู้มีชัยลอยมากับสายลม
"ทำได้ดีเหมือนกันนี่เหล่าผู้ค้นหา แต่ดีที่ว่าจะมีดีแค่นี้หรือเปล่า หึๆๆ
เสั้นทางกำลังจะสี้นสุด คิดว่าพวกเจัาจะไปได้ไกลแค่ไหน
อย่าแข็งตายกันซะก่อนล่ะ"
กุญแจประตูกลแห่งเสั้นทางสายกุหลาบดอกต่อไปคือ
"สู่วิหารใหญ่โตโอฬารช่างน่าประหลาดมีเสาค้ำหว่างฆ่องใหญ่กับที่แขวนเกี่ยวซ้ายมืออย่าช้าใยก่อนที่ตุ๊กตาจะร่ำไห้อย่างชาวผู้ดี"
ภารกิจ "กุหลาบเปลี่ยนสี"
กุหลาบในวังวนแห่งความเหน็บหนาว
บัดนี้สีสันของมันช่างดูอาลัยหมอง
จงใช้พลังจิตของเจ้ามอบสีใหม่ให้แก่มัน
และบอกความหมายของพลังแห่งสีที่มอบให้
ก่อนที่น้ำแข็งจะเกาะกินลึกเข้าไปในใจเจ้า
*ข้อควรระวัง ในการทำภารกิจแต่ละครั้ง โปรดแนบบัตรนักศึกษาของท่านทุกครั้ง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กุหลาบน้อยไยเจ้าจึงดูเศร้าหม่องนักเล่า //ลูบดอกกุหลาบเบาๆ
น่าเศร้านัก ดอกไม้ที่สวยงามและอันตรายเช่นเจ้ากลับดูอาลัยนัก ข้าจะช่วยเจ้าเอง //หมุนมือไปรอบๆดอกกุหลาบพลางร่ายมนต์
(กุหลาบค่อยๆคืนสภาพสวยงามแต่สีของมันกลับเป้นสีขาวสนิท)
สีขาว หมายถึงความบริสุทธิ์ ดอกกุหลาบเปรียบเสมือนสตรีมีทั้งความงามและอันตราย แต่ยังขาดความบริสุทธิ์ ในแบบที่สตรีควรมี
^ ^ จงงดงามเช่นนี้ตลอดไป
กุหลาบน้อยไยเจ้าจึงดูเศร้าหม่องนักเล่า //ลูบดอกกุหลาบเบาๆ
น่าเศร้านัก ดอกไม้ที่สวยงามและอันตรายเช่นเจ้ากลับดูอาลัยนัก ข้าจะช่วยเจ้าเอง //หมุนมือไปรอบๆดอกกุหลาบพลางร่ายมนต์
(กุหลาบค่อยๆคืนสภาพสวยงามแต่สีของมันกลับเป้นสีขาวสนิท)
สีขาว หมายถึงความบริสุทธิ์ ดอกกุหลาบเปรียบเสมือนสตรีมีทั้งความงามและอันตราย แต่ยังขาดความบริสุทธิ์ ในแบบที่สตรีควรมี
^ ^ จงงดงามเช่นนี้ตลอดไป
//ร่ายกลอนกุหลาบ
//วางไว้
ภารกิจที่ 3 "กุหลาบเปลี่ยนสี"
กุหลาบในวังวนแห่งความเหน็บหนาวบัดนี้สีสันของมันช่างดูอาลัยหมอง จงใช้พลังจิตของเจ้ามอบสีใหม่ให้แก่มัน และบอกความหมายของพลังแห่งสีที่มอบให้ก่อนที่น้ำแข็งจะเกาะกินลึกเข้าไปในใจเจ้า
Ans สีรุ้ง เพราะ สีรุ้งเป็นสีที่ผสมผสานทุกสีไว้ด้วยกันและมีพลังทั้งรักษา เยียวยา ปกป้อง และทำลาย
มาสแคนี่จ้องมองกุหลาบงามดอกนั้นด้วยความพิสมัยเป็นที่ยิ่ง...กุหลาบดอกนี้...หากนางบอกว่ามันไร้ซึ่งความงามน่าหลงไหลนางก็คงโกหก ทว่ายิ่งจ้องมองก็ยิ่งรู้สึกหม่นหมองราวสีของดอกไม้นั้นกำลังตอกย้ำให้นึกถึงอดีตที่ทำให้ดวงใจแหลกลาญไม่มีชิ้นดี ...การพลัดพราก.. ...การทรยศ.. "ไม่.." หญิงสาวรำพึงกับตนเอง นางจะไม่คิดถึงอดีตอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้วเด็กหญิงผู้เคยสะอื้นไห้ในมุมมืด จากนี้ไปจะมีเพียงความสุข เสียงหัวเราะ และความรักเท่านั้น นางกระชับผ้าคลุมสีแดงให้แน่นขึ้นพร้อมนึกถึงแต่สิ่งดีๆ แม้น้ำตาจะไหลลงอาบแก้มแล้วก็ยังคงยิ้มอย่างสดใส ต่อไปนี้จะมีเพียงความสุขใจเท่านั้น... ทันใดนั้นน้ำตาแห่งความห่วงใยและคะนึงหาก็หยดลงใส่ดอกกุหลาบ ดอกไม้นั้นพลันเปลี่ยนเป็นสีส้ม
ดอกกุหลาบสีส้ม หมายถึง ความสดใส ความเป็นตัวเอง ความอบอุ่น รวมถึงความรัก ความผูกพัน และสิ่งที่ผ่านมาด้วย
หญิงสาวในผ้าคลุมสีแดงเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเพลิงของนางเหม่อมองท้องฟ้าสีเถ้าถ่าน "น้องรักของพี่..เจ้าไปอยู่ไหนกันนะ.."
ภารกิจที่3 ภารกิจ กุหลาบเปลี่ยนสี
เฮลจ้องมองดอกกุหลาบสีหม่นหมองด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนเพ่งจิตอันแข็งแกร่งไปยับยั้งการกลืนกินสีของกุหลาบ แล้วแปรเปลี่ยนมันเป็นสีน้ำเงิน…. สายตาของเธอวูบไหวขณะมอง ความหมายของกุหลาบสีนำเงินนั้นเชื่อว่าเป็นดอกไม้ แห่งความอดทน แข็งแกร่ง ดอกไม้แห่งความฝันที่สวยงาม และมั่นคงตลอดกาล… หญิงสาวยิ้มบาง “แล้วข้าจะรอคอยท่าน ถึงแม้ว่าท่านไม่อาจสัมผัสและส่งมันไปถึงได้…”เสียงกระซิบผ่านสายลมพัดผ่านดอกกุหลาบที่รับฟังความรู้สึกของนางถึงผู้ที่ต้องการส่งไปจะไม่มีวันได้ยินก็ตาม


คาสึมิมองดอกกุหลาบสีหมองหม่นด้วยนัยน์ตาเศร้าหมอง
เธอหยิบอัณมณี เพอริโดที่เหลือมาจากภารกิจมงกุฏออกมาวางไว้เบื้องหน้าให้กระทบกับแสงจันทร์
เธอคิดว่าถ้าใช้วิธีเดียวกับตอนย้อมผมเจ้าหญิงก็คงจะได้..
คาสึมิตั้งสมาธิ เพ่งจิตอย่างมุ่งมั่น และพยายามจะไม่วอกแวก...
และเมื่อจิตใจสงบนิ่งแล้ว..เพอริโดพลันสลายไปกับแสงจันทร์
ปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อกุหลาบอันต้องแสงจันทรานั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียวสวยงาม
ทันเวลาพอดีก่อนที่น้ำแข็งจะกัดกินหัวใจเธอ..
"กุหลาบสีเขียวนี่..หมายถึงความสงบ เยือกเย็น..
สีเขียวก็หมายถึงความอมตะได้ด้วยนะ...การรักษาด้วยสิ อ๊ะๆๆ โชคดีก็มี โชคร้ายก็ด้วยใช่มั้ยนะ~~~"
"ฉันชอบสีเขียวเพราะความหมายข้างต้นนี่แหละค่ะ"
ภารกิจ นิทานของปราชญ์
รูปปั้น
ณ.ท่ามกลางภูเขา อันเป็นที่พำนัก ของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของรูปปั้นที่สลักโดยช่างผู้เชี่ยวชาญในสมัยก่อน รูปปั้นนั้นวางอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเขา และเขาก็ไม่ได้เอาใจใส่มันเลย
อยู่มาวันหนึ่ง ชายซึ่งมีความรู้จากในเมืองคนหนึ่ง ผ่านมายังบ้านของเขา และมองเห็นรูปปั้นนั้น เขาถามเจ้าของว่าจะขายหรือไม่
เจ้าของหัวเราะแล้วพูดว่า " ใครกันเล่า ที่จักซื้อหินก้อนเก่าและสกปรกเช่นนี้"
ชายจากในเมืองตอบว่า " ฉันจะให้เงินเหรียญนี้แก่ท่านเพื่อรูปปั้นนั้น"
ผู้เป็นเจ้าของรู้สึกประหลาดใจเป็นล้นพ้น
รูปปั้นนั้นก็ถูกย้ายเข้าไปในเมือง โดยอัญเชิญไปบนหลังช้าง
หลังจากดวงจันทร์ผ่านไปหลายครั้ง ชายจากภูเขาได้เข้าไปในเมือง ขณะที่เขาเดินไปตามถนน เขาเห็นฝูงคนที่ร้านหนึ่ง และมีชายคนหนึ่งตะโกนด้วยเสียงอันดังลั่นว่า "เชิญท่านเข้ามาข้างใน เข้ามาชมรูปปั้นที่ประหลาดที่สุด และงดงามที่สุดในโลก ด้วยเงินเพียงสองเหรียญ เข้ามาชมฝีมืออันอัศจรรย์ที่สุดของช่างผู้ชำนาญที่สุดในงานแกะสลัก"
แล้วชายจากภูเขาก็จ่ายเงินสองเหรียญเข้าไปข้างในร้านเพื่อรูปปั้นนั้น ซึ่งตัวเขาเองขายไปเพียงเหรียญเดียว
ภารกิจขั้นที่ 4 สำหรับสายปราชญ์บัณฑิต
ภารกิจ นิทานของปราชญ์
องค์หญิงแห่งจีน กำลังท้อใจ ไม่มีเรื่องเล่าให้เด็กนอกรั้ววังฟัง
องค์หญิงฮุ่ยซานผู้เปี่ยมด้วยปํญญากำลังเหนื่อยใจ
หลังจากที่ออกไปเล่านิทานให้เด็กๆนอกรั้ววังฟังมาเป็นแรมปี
ตอนนี้องค์หญิงไร้ซึ่งนิทานปรัชญาไปเล่าให้เด็ก ๆ เหล่านั้นเสียแล้ว
"เจ้า...เจ้าที่อยู่ตรงนั้น ช่วยข้าหานิทานปรัชญาจะได้ไหม..."
"โย่ววว เด็กๆ เป็นไงสบายดีป่ะ?"
เด็กสาวเอ่ยทักเด็กน้อยๆนอกรั้วก่อนจะมองลึกลงไปในแววตาอันโศเศร้าของพวกเด็กๆ
"มาเดี๋ยวเล่านิทานให้ฟังดีกว่านะ นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า...ฝูง!"
กาลครั้งหนึ่งผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ณ ปราสาทอันหนาวเหน็บสุดหัวใจ
"นี่ๆ เจ้านะ บินให้มันดีๆหน่อยสิ"นกตัวหนึ่งในฝูงเอ่ยขึ้นในขณะกำลังบินข้ามผ่านเมืองอันหนาวเหน็บที่ถูกล้มอรอบไปด้วยภูเขาน้ำแข็งอีกทั้งยังมีทะเลสาปล้อมไว้อีกชั้น เขาพูดกับเพื่อนนกที่เพิ่งจะบินได้ไม่นาน
"เอาน่าอดทนหน่อย ถ้าผ่านภูเขานี่เข้าไปก็จะสบายแล้ว" นกตัวแรกพูดให้กำลังใจเพื่อน พร้อมกับบินไปด้วยกัน
"แกรู้ได้ยังไง?" นกปีกแข็งถามสั่นๆ ทั้งเขาและเพื่อนต่างพลัดพรากจากพ่อและแม่ทั้งคู่
"แม่ข้าบอกมา...ไปเถอะอย่าช้าเลย เดี๋ยวจะหลงฝูงเอา"
แล้วทั้งคู่ก็บินไปพร้อมๆกัน ในฝูงนกอันยิ่งใหญ่
เมื่อข้ามผ่านภูเขาน้ำแข็งได้แล้ว นกทั้งสองตัวแทบจะร่วงหล่นเพราะปีกของทั้งคู่เริ่มแข็งกระพีไม่ขึ้น
ยังโชคดีที่จ่าฝูงเข้ามาช่วยไว้ได้ และบินให้ช้าลงเพื่อรอนกบินใหม่ทั้งสอง
"เอาล่ะอีกไม่กี่ไมล์ก็จะถึงบ้านใหม่แล้ว พร้อมหรือยัง !!!"
จ่าฝูงตะโกนถามเพื่อนนกในฝูง ก่อนจะรีบนำไปทันที ปล่อยให้นกบินใหม่อยู่กับผู้ดูแลคนอื่น
"พร้อมมมมม !!!"
เสียงฝูงนกดังลั่น ก่อนจะบินต่ำลงอย่างรวดเร็ว
เบื้องหน้าเป็นทุ่งหญ้าแสนสุข มีทั้งนกน้อยตัวอื่นๆ และอาหารมากมาย
ฝูงสัตว์ต่างพากันยินดีเมื่อพบกับฝูงนกที่กำลังพุ่งลงมายังพื้นพสุธา
"เฮ่ !!! "
"ว้าว มีนกใหม่ด้วยเหรอเนี่ย เข้าฝูงได้ด้วย เก่งจริงๆ"
สัตว์น้อยใหญ่ต่างชื่นชมในความพยายาม เพราะนกบินใหม่ทั้งสองตัวนี้ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบินข้ามภูเขาน้ำแข็ง และทะเลสาป มาพร้อมฝูงนกที่แข็งแกร่ง....
"นิทานจบแล้วว รู้ไหมนกทั้งสองตัวนี้ทำไมถึงเข้ามาอยู่ในฝูงได้ เพราะเขามีความพยายาม ถึงจะไม่มีใครอยู่เคียงข้างอย่างเข้าใจจริงๆ ก็ยังมีเพื่อน ถึงจะไม่รู้จักก็ตาม...."
ดูเหทือนนิทานเรื่องนี้จะไร้สาระ ฮ่าๆๆๆ
ภารกิจ"นิทานของปราชญ์"
นิ้วมือทั้งห้า
ครั้งหนึ่งนิ้วมือคนทั้ง 5 นิ้วเกิดโต้เถียงกัน โดยแต่ละนิ้วต่างก็ถือว่านิ้วของตนมีความสำคัญกว่านิ้วอื่น
“นิ้วฉันสำคัญกว่าทุกนิ้ว เพราะเป็นนิ้วแห่งความมีอำนาจสามารถชี้สั่งการให้ใครทำอะไรก็ได้และสามารถชี้แนะสั่งสอนให้คนอื่นทำตาม” นิ้วชี้เริ่มต้นคุยอวดความยิ่งใหญ่ของตนเองก่อนนิ้วอื่น ทำให้นิ้วอีก 4 นิ้ว ไม่พอใจที่ถูกคุยทับถมจึงตอบโต้ไป
นิ้วกลางบอกว่า “นิ้วของฉันยาวและสูงกว่าพวกท่านทุกนิ้ว จึงต้องสำคัญกว่านิ้วอื่น ไม่เช่นนั้น พวกท่านคงไม่มาห้อมล้อมคอยปกป้องดูแลนิ้วของเราหรอก”
นิ้วนางอวดบ้างว่า “นิ้วของฉันเป็นนิ้วของผู้มีสง่าราศรีมีเกียรติกว่านิ้วอื่น เวลาคนจะสวมแหวนเพชร แหวนทอง เขาก็จะสวมที่นิ้วฉัน”
นิ้วก้อยก็บอกว่า “นิ้วฉันแม้จะเล็กหรือเรียวกว่านิ้วอื่นๆ แต่เป็นนิ้วนำทาง ใครจะกราบพระหรือไหว้พระ หรือไหว้ผู้ใหญ่ นิ้วฉันก็จะถึงก่อนและอยู่ใกล้ชิดกว่านิ้วไหน ถือว่าเป็นนิ้วที่มีบุญ หรือเวลาใครจะคืนดีกัน หรือหนุ่มสาวจะควงคู่กันให้หวานชื่นเขาจะเกี่ยวก้อยกัน”
นิ้วหัวแม่มือได้ฟังก็บอกว่า “ใครจะสำคัญอย่างไรก็แล้วแต่ หากไม่มีนิ้วหัวแม่มือเวลาจะหยิบจับของอะไรจะหยิบถนัดได้อย่างไร เวลาใครลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แม้แต่เข้าโรงรับจำนำ หรือการแสดงหลักฐานแทนการลงลายมือชื่อ เขายังต้องใช้นิ้วฉันพิมพ์ลายนิ้วมือ”
มือได้ฟังนิ้วทั้ง 5 อวดความยิ่งใหญ่ของตน ก็สุดแสนรำคาญ จึงห้ามปรามและอธิบายให้ฟัง “ลองนึกดูให้ดี ถ้าเกิดมีใครตัดนิ้วหนึ่งนิ้วใดขาดหายไป นิ้วพวกท่านที่เหลือจะทำงานได้สะดวกหรือ แล้วมือของเราก็คงต้องพิกลพิการ ดูไม่งามอย่างนี้หรอก ทุกนิ้วล้วนมีความสำคัญทั้งนั้น ถ้าไม่สามัคคีกัน แล้วจะร่วมกันทำงานให้สำเร็จได้อย่างไร”
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 21 เมษายน 2557 / 18:24
ภารกิจ นิทานของปราชญ์
ความฝัน
ชายผู้หนึ่งฝันว่าเขาฝัน ครั้นเมื่อตื่นขึ้น จึงไปหาหมอดู แสดงความปราถนาให้หมอทำนายทายทักความฝันให้
หมอดูจึงกล่าวกับชายผู้นั้นว่า " จงมาหาฉันเมื่อความฝันนั้น ท่านได้รับตอนท่านตื่น ฉันจะอธิบายความหมายของมันได้ แต่ความฝันขณะที่ท่านหลับนั้น ไม่ได้อยู่ในภูมิปัญญาของฉัน หรือจินตนาการของท่านเลย"
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 เมษายน 2557 / 21:58
ภารกิจ นิทานของปราชญ์
ท่านก็คือสิงห์หนุ่ม เสมือนผู้ปกปักผืนป่า ป้องกันอันตรายให้กับสัตว์น้อย
บ้านเมืองจะอยู่สุขได้ก็ด้วยกำลังของท่าน ปิดเปลือกตาของท่านลงแล้วพักผ่อนเสีย
กำลังของท่านจะย้อนมา
ภารกิจขั้นที่ 4 สำหรับสายปราชญ์บัณฑิต
ภารกิจ วาดภาพแด่เเม่ทัพเหวียงฮุ่ย
เราขอมอบภาพวาดนี้ให้
ท่านเหมือนดั้งนกกระยางผู้สง่างาม
ยิ่งนัก โปรดคลายความเหนื่อยล้า
พร้อมพักกายาแล้วสู้ต่อไปเถิด
ภารกิจ การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 พฤษภาคม 2556 / 23:09
ภารกิจ วาดภาพแด่เเม่ทัพเหวียงฮุ่ย
ดอกเหมย คนจีนถือว่าเป็นดอกไม้ชนิดเดียวของประเทศที่บานสู้หิมะในฤดูหนาว ไม่บานแข่งกับดอกไม้อื่น จึงเปรียบเสมือนคนที่ไม่สู้กับคนอื่น สงบเสงี่ยม ไม่อวดตัว
ภารกิจ"ภาพวาดแด่แม่ทัพเหวียงฮุ่ย"
"ภาพครอบครัวเสือขาว 4 ตัว กำลังกอดกันอย่างกลมเกลียว ใบหน้านั้นแสดงถึงความสุข เต็มไปด้วยบรรยากาศที่แลดูอบอุ่น
เสือขาว ถึงแม้จะเป็นสัตว์ที่ดุร้าย น่าเกรงขาม แต่เมื่อได้อยู่กับครอบครัว จะทำให้ดูอ่อนโยนและมีความสุข
เสมือนท่านแม่ทัพ ถึงแม้ท่านจะอ่อนล้าเพียงใด สิ่งหนึ่งที่ทำให้ท่านมีความสุขที่สุดได้...คือครอบครัวของท่าน"
ภารกิจขั้นที่ 4 สายปราชญ์บัณฑิต
ภารกิจ : วาดภาพแด่แม่ทัพเหวียงฮุ่ย
ภาพหญิงงาม นางอันเป็นที่รัก....
ภาพหญิงงาม นางอันเป็นที่รักของท่าน นางกำลังมองท่าน และส่งยิ้มน้อยๆมาให้ท่าน
ในวันที่เราเหนื่อยล้า บางเวลา เราอาจจะหยิบรูปของใครสักคนขึ้นมาดู
รูปนั้นอาจทำให้เราลืมความล้า ลืมสิ่งที่ทำให้เราหดหู่ใจไปชั่วขณะ
ทำให้เราคลียิ้มโดยไม่รู้ตัว
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 19 เมษายน 2556 / 16:40