ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หอสมุดต้องห้ามแห่งดาร์คแลนด์

    ลำดับตอนที่ #54 : ตำนานเฮี้ยนแห่งลอนดอน ทาวน์เวอร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 558
      0
      1 ก.ค. 59

    ตำนานเฮี้ยนแห่งลอนดอน  ทาวน์เวอร์

                   หอคอยแห่งลอนดอนเคยเป็นทั้งวัง ป้อมปราการ คุกและลานประหาร
    ในอังกฤษนี่ มีสถานที่หลายแห่งที่ว่ากันว่ามีคนเคยเห็นวิญญาณของคนที่ตายไปแล้วมาหลอกหลอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามโบราณสถานสำคัญ ๆ เช่นป้อม วัง หรือหอคอยโบราณ Tower of London หรือ หอคอยแห่งลอนดอน เป็นอีก ที่หนึ่งที่ร่ำลือกันว่า "ผีดุ"

                   หอคอยแห่งลอนดอนสร้างมาเกือบพันปีแล้ว เป็นโบราณสถานที่มีประวัติเกี่ยวข้องโดยตรงกับการขึ้นครองราชย์ การแย่งชิงราชบัลลังก์และการสร้างชาติของอังกฤษ ที่นี่เคยใช้เป็นทั้งพระราชวัง ป้อมปราการ ที่คุมขังนักโทษและเป็นลานประหาร

                   ผีที่ร่ำลือกันและมีคนกล่าวอ้างว่ามาปรากฎร่างให้เห็น ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องมาจบชีวิตในป้อมแห่งนี้ ส่วนใหญ่จากไปแบบ "ตายโหง"

                   ความที่ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและลานประหารนี่เอง ทำให้หอคอยแห่งลอนดอนมีประวัติที่ชวนให้ขนลุกและน่าสยดสยองพ่วงเข้าไปด้วย

                   ตึกหลังหนึ่งในหอคอยแห่งลอนดอนซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญกันมากคือ Bloody Tower หรือ หอคอยเลือดเจ้าชายน้อย

                   Bloody Tower เคยใช้เป็นที่ประทับและคุมขังเจ้าชายสองพระองค์ คือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้า วัย 12 พรรษา กับ เจ้าชายริชาร์ด ดยุกออฟยอร์ก พระอนุชาวัย 9 พรรษา

                   กล่าวกันว่าพระเจ้าริชาร์ดที่สามทรงสั่งสังหารพระภาติยะทั้งสองเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์ ห้องที่ว่ากันว่าเจ้าชายทั้งสองพระองค์ทรงใช้บรรทมก่อนถูก "อุ้ม" หายไปอยู่บนชั้นสองของ Bloody Tower บันไดหินที่พาวนขึ้นไปค่อนข้างแคบ ตัวห้องซึ่งอยู่พ้นบันไดไปมีขนาด 4 คูณ 5 เมตร มีผนังสีขาว

                   ฟิล วิลสัน เจ้าหน้าที่ประจำหอคอยแห่งลอนดอนซึ่งพักอยู่ในบริเวณหอคอยด้วยเล่าว่าทำไมคนถึงเชื่อว่าวิญญาณเจ้าชายทั้งสองยังวนเวียนอยู่ในหอคอยเลือดแห่งนี้

                   "ที่ Bloody tower มีคนเคยเห็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้ากับเจ้าชายริชาร์ด พระอนุชาเป็นบางครั้งบางครา ทั้งสองพระองค์ทรงชุดบรรทมสีขาว จับพระหัตถ์กัน ทรงยืนนิ่ง ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ เลือนหายเข้าไปในผนังห้อง บ้างก็มีรายงานว่าเห็นเด็กผู้ชายสองอายุไล่เลี่ยกัน เล่นตามประสาเด็กตามที่ต่าง ๆ ภายในหอคอย ว่ากันว่าริชาร์ด ดยุค ออฟ กลอสเตอร์ พระปิตุลาทรงสั่งฆ่าเจ้าชายทั้งสองเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์แทน"

                   ตามประวัติ หลังจากที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่ พระราชบิดาของเจ้าชายทั้งสองเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2026 ริชาร์ด ดยุกออฟกลอสเตอร์ที่เป็นพระปิตุลา ทรงขึ้นทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนเจ้าชายน้อยทั้งสองที่ไปประทับที่ หอคอยลอนดอน

                   เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงเตรียมเข้าพิธีราชาภิเษกเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้า แต่ท้ายที่สุด คนที่ได้นั่งบัลลังก์กลับเป็นพระปิตุลาซึ่งขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าริชาร์ดที่สาม

                   ตอนนั้น เจ้าชายทั้งสองยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่จากนั้นก็หายไปอย่างเป็นปริศนา 

                   ห้องชั้นสองใน Bloody Tower ที่ว่ากันว่าเป็นห้องเกิดเหตุ มีวิดิทัศน์สั้น ๆ จากภาพยนตร์ของเซอร์ลอว์เรนส์ โอลิเวียร์ ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2498 เกี่ยวกับการหายไปของเจ้าชายทั้งสอง

                   ในหนังดังกล่าว พระปิตุลาของเจ้าชายทรงสั่งให้มหาดเล็กคนสนิทเอาหมอนปิดปากปิดจมูกเจ้าชายทั้งสองขณะ กำลังบรรทม

                   เมื่อปี พ.ศ. 2217 ช่างซึ่งกำลังทุบบันไดหินทางใต้ของ White Tower หรือ หอคอยขาวในหอคอยแห่งลอนดอน พบหัวกระโหลกเด็กสองหัว ตอนนั้นคนเชื่อว่าเป็นกระโหลกของเจ้าชายทั้งสองและพระเจ้าชาร์ลส์ที่สองที่ครองราชย์
    อยู่ ทรงสั่งให้นำกระดูกไปผังที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็พิสูจน์ได้เพียงแต่ว่ากระโหลกนั้นเป็นของเด็กอายุราว 10 ขวบ

                     อีกวิญญาณที่เล่าขานกันว่ามาปรากฎให้เห็นบ่อย ๆ ที่หอคอยแห่งลอนดอนคือวิญญาณของพระนางแอน โบลิน มเหสีองค์ที่ 2 ในพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด ซึ่งถูกบั่นพระเศียรเมื่อปี พ.ศ. 2079 โดยบางครั้งมาแบบผีหัวขาดด้วย พระนางแอน โบลีน เป็นพระราชินีองค์แรกของอังกฤษที่ทรงถูกประหารชีวิต

                   ฟิล วิลสัน เจ้าหน้าที่ประจำหอคอยแห่งลอนดอนเล่าว่า
                  
                   "มีคนเจอพระนางแอน โบลินหลายที่ครับ ทั้งที่ Tower Green ในควีนส์เฮาส์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นสถานที่พระนางประทับก่อนถูกประหาร พระนางต้องโทษประหารฐานนอกพระทัยพระเจ้าเฮนรี่ แต่พระนางทรงร้องขอพระสวามี ไม่ให้ใช้ขวานตามธรรมเนียมอังกฤษเพราะทรงหวาดกลัวมาก ทรงขอให้ใช้ดาบตามธรรมเนียมฝรั่งเศส พระเจ้าเฮนรี่ทรงทำตามพระประสงค์สุดท้ายของพระราชินี ทรงจ่ายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์นำเพชฌฆาตมาจากเมืองคาเล่ส์ในฝรั่งเศส ว่ากันว่าเพชฌฆาตคนนี้ฝีมือแม่นมาก ฟันฉับเดียว พระเศียรหลุดทันที แต่พอเพชฌฆาตยกพระเศียรขึ้นชู พระเนตรของพระนางยังลืมอยู่และพระโอษฐ์ก็ขมุบขมิบ ผู้คนที่ไปดูการประหารเชื่อว่าพระนางทรงสาบแช่ง"

                   ในอังกฤษ ดูเหมือนจะมีพระนางแอน โบลินเพียงพระองค์เดียวที่ถูกประหารชีวิตด้วยใช้ดาบบั่นพระเศียร นอกนั้นใช้ขวานตามธรรมเนียม

                   จุดประหารมีชื่อว่า ทาวเวอร์กรีน เป็นสนามหญ้าอยู่ในเขตหอคอยแห่งลอนดอน ทุกวันนี้ทางหอคอยปรับพื้นที่ให้เห็นชัดเจนขึ้น ทำเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็ก ๆ มีรั้วกั้นเป็นสัดส่วน ตั้งตรงหน้าโบสถ์หลวง เซนต์ปีเตอร์ แอด วินชูล่า (St Peter ad Vincula) พอดี
                  
                   บริเวณตรงนี้ยังเป็นที่ประหารเจ้านายชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคนรวมถึงพระนางแคทเธอรีน ฮาวเวิร์ด มเหสีองค์ที่ 5 ในพระเจ้าเฮนรี่ที่แปดด้วย แต่ที่เฮี้ยนที่สุดคือวิญญาณของพระนางแอน โบลีน

                   ฟิล วิลสัน เล่าให้ฟังเพิ่มจากประสบการณ์ของไกด์คนหนึ่งว่า

                   "มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพานักท่องเที่ยวเข้าชมโบสถ์หลวงเซนต์ปีเตอร์ แอด วินชูล่า พอบรรยายให้นักท่องเที่ยวฟังเสร็จก็ออกมาจากโบสถ์ มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งถามขึ้นมาว่าตอนที่อยู่ในโบสถ์ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นใคร ไกด์ก็ตอบกลับไปว่าไม่มีใครยืนอยู่ข้างหลังผมหรอก แต่นักท่องเที่ยวคนนั้นก็ยังคะยั้นคะยอ แถมอธิบายเพิ่มว่าผู้หญิงที่ยืนข้างหลังนั้นรูปร่างไม่สูงเท่าไหร่ ใส่ชุดดำและยืนอยู่ตรงหลุมฝังศพพระนางแอน โบลิน"

                   อีกคนที่ถูกบั่นคอในต่างกรรมต่างวาระ แต่ตรงที่เดียวกับพระนางแอนโบลินคือเลดี้เจน เกรย์  เลดี้เจน เกรย์ ทรงเป็นราชินีอังกฤษนาน 9 วันในปี พ.ศ. 2096 พระนางแมรี่ทิวดอร์ทรงเป็นผู้สั่งประหาร

                   มีคนเห็นเลดี้เจน เกรย์ ครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2500 เนื่องในโอกาสครบรอบ 403 ปีที่พระนางถูกบั่นพระเศียรคอ ยามสองคนเล่าว่าเห็นร่างในชุดสีขาวที่ชั้นใต้ดินของหอคอย

                   การประหารที่น่าสยดสยองมากครั้งหนึ่งคือการบั่นคอ มาการ์เร็ต โพล เคาน์เตสแห่งซอลส์เบอรี่ ฐานเป็น   กบฎต่อแผ่นดิน นางไม่ยอมคุกเข่าเอาหัววางลงที่แท่นประหารเพื่อให้เพชฌฆาตบั่นคอและพยายามจะหนี ด้านเพชฌฆาตก็เป็นมือใหม่ ต้องพยายามใช้ขวานตัดคอนางให้ขาด

                   ว่ากันว่าวันดีคืนดีโดยเฉพาะในวาระครบรอบวันที่นางถูกบั่นคน ก็มักมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงแผดร้องและเสียงวิ่งหนีดังอยู่ในบริเวณหอคอยยอดเฮี้ยน

                   บริเวณที่ว่ากันว่ามีวิญญาณมาหลอกหลอนให้เห็นบ่อยที่สุดคือ Salt Tower ซึ่งในสมัยราชวงศ์ทิวดอร์ใช้เป็นที่คุมขังนักบวชคณะเยซูอิต 

                   บริเวนชั้นบนของหอคอยจะเห็นร่องรอยที่นักโทษขีดเขียนตามผนังกำแพงด้วย

                   "ในบรรดาหอคอยทั้งหมดของหอคอยแห่งลอนดอน ว่ากันว่า Salt Tower เป็นหอคอยที่เฮี้ยนที่สุดครับ มียามคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเขาพยายามจะขึ้นไปชั้นบนของหอคอย แต่ขึ้นไปไม่ได้ เหมือนกับว่ามีกำแพงมากั้น แต่ที่แปลกคือมองไม่เห็นกำแพง ก่อนนั้นมียามอีกคน ต้องตื่นขึ้นมาตอนดึกเพราะรู้สึกว่ามีอะไรมารัดคอ พ่อหนุ่มคนนี้ร้องเสียงหลงสุดชีวิต รีบวิ่งออกมาจากห้องพัก ทั้งในชุดนอนนั่นแหละครับ ตะกุกตะกักเล่าให้เพื่อนฟังว่ามีคนพยายามจะฆ่า หลังจากนั้น เขาไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปใน Salt Tower อีกเลย" ฟิล วิลสัน จากหอคอยแห่งลอนดอนเล่า

                   ในเอกสารที่ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ส่งให้ทางบีบีซี ยังขยายความน่าขนลุกของ Salt Tower เพิ่มเข้าไปอีกโดยบอกว่าพอตกดึกแล้ว ไม่เพียงแต่คนเท่านั้นที่ไม่กล้าเข้าไปในหอคอยแห่งนี้ แม้แต่สุนัขก็ยังขยาด

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×