ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ------------------ปราสาทเอคคีเซีย อาณาจักรผู้อยู่แสงสว่าง
เอคคีเซีย
อาณาจักรผู้อยู่แสงสว่าง
"ความจริงของปราสาท
....และการล่มสลาย"
ปราสาทที่เชื่อว่าเป็นที่พำนักของชาวไลท์แลนด์ ซึ่งในอดีตเปนพันธมิตรที่ดี และเป็นคู่แข่งชิงดีชิงเด่นกันมานาน กับดาร์คแลนด์
ราชวงศ์ไลท์แลนด์ มักมาพำนักที่นี่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเหตุุบางอย่างทำให้เกิดการแตกเเยกระหว่างสองเมือง และปราสาทแห่งนี้ก็ล่มสลายไปพร้อมกับเนพีอา
ตำราโบราณ
เป็น หนังสือที่เขียนด้วยลายมือเชื่อว่าน่าจะอยู่ในยุคกลางของอาณาจักรเนพีอาถูก เขียนขึ้นมาในประมาณช่วงกลางของศตวรรษก่อนจะล่มสลายหรือหายไปอย่างลึกลับ ซึ่งเป็นเรื่องทียังคงสงสัยในวงการนักโบราณคดีและกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ส่วน ภาษาที่ใช้เป็นภาษาโบราณของชาวดาร์ก เรียกว่า “อาร์เมเนียนดาร์ก” อักษรที่มีตัวอักษรผสมคำได้ แล้วยังเขียนจากซ้ายไปขวาก็ได้ ขวาไปซ้ายก็ได้บนลงล่างก็ยังได้อีก. ในการแปลภาษาได้ใช้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยและตัวโปรแกรมวิเคราะห์ทำให้รู้ ว่าในบางจุดได้มีการเชื่อมโยงภาษา “คอบติกดาร์ก”เข้าไปด้วย บรรดาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางการแปลต่างๆในหลายแขนง
ได้แต่ส่ายหน้าต่อการค้นพบครั้งนี้ว่ามันช่างสูญเปล่าแต่กลับมีค่ายิ่งไป พร้อมๆกันเพื่อไม่ให้สิ่งที่ได้เป็นการไร้ค่า ตัวของเรา อเลน มิคาเอล ยูมาลันวาลอน จึงได้ใช้ความสามารถพิเศษ เรียกว่า
V to (เดา) เริ่มทำการร่วมแปลภาษาและขุดค้นไปตามแผนที่ ที่มีแถมไว้ให้จากทางด้านหลังเหมือนหนังสือสรุปบทเกมท้ายๆไม่งั้นคงต้อง เริ่มใหม่อีกครั้งแต่เสมือนเทวดาช่วยดันปีศาจไสส่งก็เป็นได้หลังจากที่ขุด ค้นพบชิ้นส่วนกระดูกก็ได้พบของมีค่าต่างๆและเมื่อขุดลึกลงไปเราได้ทำการเจอ ภาพวาดของอาณาจักรและเมื่อทำการแปลด้วยความสามารถพิเศษ บรรดาศาสตราจารย์ต่างๆตบมือในชัยชนะการแปลรั้งนี้(อันที่จริงมันมีรูปอยู่ ด้านหลังเลยเดาว่าน่าแปลมาจากอันนี้) ชื่อของปราสาทแห่งนี้มีนามว่า
“ Ekklesia” อาณาจักรผู้อยู่แสงสว่าง
เส้นทางลับ
หนังสือโบราณที่ค้นพบมีชื่อว่า " บันทึกตำนานสุดท้ายระหว่างแสงสว่างกับความมืด"
หลังจากที่ได้ทราบชื่อและที่มาบางส่วนทำให้เกิดความสับสนเพราะเชื่อว่าอาณาจักรดาร์ก
ในสมัยก่อนจะมีแต่ความมืดปกคลุมทั่วทั้งไอหมอกที่หนาแน่นความลับที่แฝงอยู่นั้นคืออะไร?
เพื่อหาคำตอบทางทีมสำรวจเอ็นเจลเริ่มทำการขุดค้นโดยเร็วจนเจอป้ายสลักข้อความไว้แต่เนื่องออกมาจากถ้ำด้านใน
สุดทำให้เกิดแตกเป็นรอบร้าวจำนวนมากและกลายเป็นเศษหินเล็กๆ แต่จากข้อความโบราณที่ได้
"...................ความเป็นดาวย่อมแสดงโดยแสงฉาย
มิใช่หมายเข้มกล้าหรือล้าอ่อน
แต่กล้าต้านต่อแสงอันแรงร้อน
กล้าส่องซ้อนสู้แรงแสงตะวัน..........................."
เชื่อว่าน่าจะเป็นข้อความใบ้ที่ไปที่มาของปราสาทเอคครีเซีย
จากเส้นทางลับทำให้พบกับปราสาทเอคครีเซียในที่สุด
ปราสาทร้าง
ซากโบราณทางด้านหน้าทำให้เหล่านักขุดค้นท้อใจเนื่องจากสภาพทีคาดไว้
อาจจะได้ข้อมูลน้อยกว่าที่คาด
เมื่อนำข้อความที่ได้จากแผ่นหินซึ่งแตกไปแล้วกลับมาวิเคราะห์อีกรอบก็พบว่า
แสงดาวในที่นี้น่าจะหมายถึงปราสาทที่1เอคครีเซีย ส่วนคำว่าต้านสู่น่าจะหมายถึง
การต่อกรกับพลังบางอย่างถ้านี่คือข้อความสถานที่ตั้งแล้วน่าจะหมายถึงเมืองที่อยู่บนฟ้า...
ปราสาทเอคคีเซียที่ 1
อยู่ประมาณต้นศตวรรษยุคแรกเริ่มของดาร์ก
จากการตีความจากแผ่นหินในหนังสือโบราณและภาพวาดเข้าด้วยการจึงสันณิษฐานว่า
ไอหมอกได้ปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักรและนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนเสมือนลอยอยู่ในท้องฟ้ารับสู้แสงตะวัน
แต่เมื่อไอหมอกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอาณาจักรจึงเปรียบเสมือนอยู่บนเมฆที่ลอยล่องในท้องฟ้าเหมือนดวงดาว
เปล่งแสงเพื่อทำการสำรวจเราจึงต้องทำการเข้าไปเก็บข้อมูลด้านในของปราสาทกันต่อไป
แต่การพบครั้งนี้นำมาซึ่งความดีใจของเหล่าทีมนักสำรวจกำลังใจกลับมาอีกครั้ง
แต่อุปสรรคข้างหน้านั้นคือตำนานปราสาทเอคครีเซีย !
อาณาจักรผู้อยู่แสงสว่าง
"ความจริงของปราสาท
....และการล่มสลาย"
ปราสาทที่เชื่อว่าเป็นที่พำนักของชาวไลท์แลนด์ ซึ่งในอดีตเปนพันธมิตรที่ดี และเป็นคู่แข่งชิงดีชิงเด่นกันมานาน กับดาร์คแลนด์
ราชวงศ์ไลท์แลนด์ มักมาพำนักที่นี่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเหตุุบางอย่างทำให้เกิดการแตกเเยกระหว่างสองเมือง และปราสาทแห่งนี้ก็ล่มสลายไปพร้อมกับเนพีอา
ตำราโบราณ
เป็น หนังสือที่เขียนด้วยลายมือเชื่อว่าน่าจะอยู่ในยุคกลางของอาณาจักรเนพีอาถูก เขียนขึ้นมาในประมาณช่วงกลางของศตวรรษก่อนจะล่มสลายหรือหายไปอย่างลึกลับ ซึ่งเป็นเรื่องทียังคงสงสัยในวงการนักโบราณคดีและกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ส่วน ภาษาที่ใช้เป็นภาษาโบราณของชาวดาร์ก เรียกว่า “อาร์เมเนียนดาร์ก” อักษรที่มีตัวอักษรผสมคำได้ แล้วยังเขียนจากซ้ายไปขวาก็ได้ ขวาไปซ้ายก็ได้บนลงล่างก็ยังได้อีก. ในการแปลภาษาได้ใช้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยและตัวโปรแกรมวิเคราะห์ทำให้รู้ ว่าในบางจุดได้มีการเชื่อมโยงภาษา “คอบติกดาร์ก”เข้าไปด้วย บรรดาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางการแปลต่างๆในหลายแขนง
ได้แต่ส่ายหน้าต่อการค้นพบครั้งนี้ว่ามันช่างสูญเปล่าแต่กลับมีค่ายิ่งไป พร้อมๆกันเพื่อไม่ให้สิ่งที่ได้เป็นการไร้ค่า ตัวของเรา อเลน มิคาเอล ยูมาลันวาลอน จึงได้ใช้ความสามารถพิเศษ เรียกว่า
V to (เดา) เริ่มทำการร่วมแปลภาษาและขุดค้นไปตามแผนที่ ที่มีแถมไว้ให้จากทางด้านหลังเหมือนหนังสือสรุปบทเกมท้ายๆไม่งั้นคงต้อง เริ่มใหม่อีกครั้งแต่เสมือนเทวดาช่วยดันปีศาจไสส่งก็เป็นได้หลังจากที่ขุด ค้นพบชิ้นส่วนกระดูกก็ได้พบของมีค่าต่างๆและเมื่อขุดลึกลงไปเราได้ทำการเจอ ภาพวาดของอาณาจักรและเมื่อทำการแปลด้วยความสามารถพิเศษ บรรดาศาสตราจารย์ต่างๆตบมือในชัยชนะการแปลรั้งนี้(อันที่จริงมันมีรูปอยู่ ด้านหลังเลยเดาว่าน่าแปลมาจากอันนี้) ชื่อของปราสาทแห่งนี้มีนามว่า
“ Ekklesia” อาณาจักรผู้อยู่แสงสว่าง
เส้นทางลับ
หนังสือโบราณที่ค้นพบมีชื่อว่า " บันทึกตำนานสุดท้ายระหว่างแสงสว่างกับความมืด"
หลังจากที่ได้ทราบชื่อและที่มาบางส่วนทำให้เกิดความสับสนเพราะเชื่อว่าอาณาจักรดาร์ก
ในสมัยก่อนจะมีแต่ความมืดปกคลุมทั่วทั้งไอหมอกที่หนาแน่นความลับที่แฝงอยู่นั้นคืออะไร?
เพื่อหาคำตอบทางทีมสำรวจเอ็นเจลเริ่มทำการขุดค้นโดยเร็วจนเจอป้ายสลักข้อความไว้แต่เนื่องออกมาจากถ้ำด้านใน
สุดทำให้เกิดแตกเป็นรอบร้าวจำนวนมากและกลายเป็นเศษหินเล็กๆ แต่จากข้อความโบราณที่ได้
"...................ความเป็นดาวย่อมแสดงโดยแสงฉาย
มิใช่หมายเข้มกล้าหรือล้าอ่อน
แต่กล้าต้านต่อแสงอันแรงร้อน
กล้าส่องซ้อนสู้แรงแสงตะวัน..........................."
เชื่อว่าน่าจะเป็นข้อความใบ้ที่ไปที่มาของปราสาทเอคครีเซีย
จากเส้นทางลับทำให้พบกับปราสาทเอคครีเซียในที่สุด
ปราสาทร้าง
ซากโบราณทางด้านหน้าทำให้เหล่านักขุดค้นท้อใจเนื่องจากสภาพทีคาดไว้
อาจจะได้ข้อมูลน้อยกว่าที่คาด
เมื่อนำข้อความที่ได้จากแผ่นหินซึ่งแตกไปแล้วกลับมาวิเคราะห์อีกรอบก็พบว่า
แสงดาวในที่นี้น่าจะหมายถึงปราสาทที่1เอคครีเซีย ส่วนคำว่าต้านสู่น่าจะหมายถึง
การต่อกรกับพลังบางอย่างถ้านี่คือข้อความสถานที่ตั้งแล้วน่าจะหมายถึงเมืองที่อยู่บนฟ้า...
ปราสาทเอคคีเซียที่ 1
อยู่ประมาณต้นศตวรรษยุคแรกเริ่มของดาร์ก
จากการตีความจากแผ่นหินในหนังสือโบราณและภาพวาดเข้าด้วยการจึงสันณิษฐานว่า
ไอหมอกได้ปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักรและนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนเสมือนลอยอยู่ในท้องฟ้ารับสู้แสงตะวัน
แต่เมื่อไอหมอกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอาณาจักรจึงเปรียบเสมือนอยู่บนเมฆที่ลอยล่องในท้องฟ้าเหมือนดวงดาว
เปล่งแสงเพื่อทำการสำรวจเราจึงต้องทำการเข้าไปเก็บข้อมูลด้านในของปราสาทกันต่อไป
แต่การพบครั้งนี้นำมาซึ่งความดีใจของเหล่าทีมนักสำรวจกำลังใจกลับมาอีกครั้ง
แต่อุปสรรคข้างหน้านั้นคือตำนานปราสาทเอคครีเซีย !
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น