คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : สมาธิ การฝึกฤทธิ์ เชื่อมโยงระหว่างศาสนา สายสมาธิ และมนตราพื้นฐาน
สมาธิ การฝึกฤทธิ์ เชื่อมโยงระหว่างศาสนา
สายสมาธิ และมนตราพื้นฐาน
เรื่องเรกที่ต้องออกตัวก่อนคือ เราขออนุญาติค่อยๆอัพแล้วกันเนื่องจากบางส่วนเป็นเรื่องที่เราคิดเอาเองถ้าใครมีข้อแย้งก็แล้วแต่ท่าน เขียนข้อมูลของตัวเองทิ้งไวจะเอามารวมให้ หน้านี้จะหมายรวมถึงมนตราพื้นฐานด้วย เรื่องหนึ่งที่ต้องเตือนไว้ก่อนคือถึงเราจะให้ข้อมูลแต่ถ้าใครเอาไปลองก็กรุณารู้จักคำว่าทำอะไรรู้ตัวด้วยว่าผลของมันจะสะท้อนกลับสู่ตัวคุณเสมอไม่ว่าทางดีหรือร้าย
สมาธิพื้นฐาน(คิดว่ารู้กันหมดแล้วมั้ง) คนปกติก็ต้องมีอย่างแรกก่อนคือสติบางเวลาอาจจะนานๆถึงจะมีสักครั้งแต่ก็ต้องมีบ้างละ คนที่ไม่เหลือเลยคือคนบ้าแล้ว แต่แน่นอนว่ามันอยู่ไม่นานหรอก เกิดแล้วก็ดับตามธรรมดาของมัน ก่อนจะเข้าสู่
ขั้นที่ 1ขณิกสมาธิ คนที่อ่านหนังสือรู้เรื่องมีทั้งสิ้นดังนั้นอย่าบอกว่าตัวเองไม่มีสมาธิ และฝึกสมาธิไม่ได้ เพราะนั่นคือการโกหกตัวเอง หลายลัทธิศาสนาพัฒนาสมาธิคนของตนจากตรงนี้ด้วยการ ให้อ่านคำภีร์ของศาสนานั้นๆ เราไม่บอกว่าที่ไหนบ้างนะคะแต่ขอบอกว่า สวดมนต์ก็ต้องเริ่มจากที่นี่เหมือนกัน เพราะสวดมนต์คุณก็ต้องอ่าน หรือแม้กระทั่งการละมาดของอิสรามก็ใช่นะจะเริ่มที่นี่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยผ่านไปไกลกว่านี้เพราะเคลื่อนไหวร่างกายมากไปจนหาจุดหยุดไม่เจอ แต่เราไม่ได้บอกว่าเขาไปขั้นอื่นต่อไม่ได้นะ ถ้าหาที่หยุดตัวเองเจอก็ไปได้
ขั้นที่2 อุปัจจจาระสมาธิ ปกติหลายตำราจะเอาส่วนนี้ขึ้นก่อน ก็ไม่ผิดหรอกถ้าคุณคิดจะฝึกจริงๆจังๆต้องเริ่มที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นสมาธิในขณะเฉียดๆ จะได้ฌาณ จะพบปีติในหลายรูปแบบ หลักๆสำหรับคนที่นั่งสมาธิ(ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นอาณาปานสติ แต่เราจะไม่พูดถึงหรอก เพราะต้องนี้เน้นสายฤทธิ์) ก็จะมีตัวเอียงไปเอียงมา ตัวใหญ่ขึ้นตัวเล็กลง ขนลุกซู่ หรืออีกไม่รู้เท่าไร่ ถ้าเป็นสายกสิณ หรือพวกแนวๆนั้นก็จะเห็นดวงกฐินแล้วละ เรื่องที่สำคัญที่สุดคืออย่าไปยึดกับสิ่งที่เกืดขึ้น และอย่าตกใจไม่ม่อะไรให้ปล่อยมันไป ขั้นนี้สำคัญมากเนื่องจากไม่มีใครได้ฌานโดยไม่ผ่านขั้นนี้ ส่วนใหญ่ก็ติดกันอยู่ขั้นนี้ละ
คนที่ไม่ได้ตั้งใจฝึกสมาธิบางคนก็ขึ้นมาถึงนี่ได้เหมือนกัน อย่างเช่นพวกที่ชอบเข้าโบสคาทอริก แล้วไปนั่งอธิษฐานเงียบๆคนเดียวนานๆ คิดอยู่เรื่องเดียวจนมันหายไปเองเลยก็มีสิทธิ์ หรือแม้กระทั่งการสวดมนต์ก็มาถึงนี่ได้ คือพวกที่สวดจนเห็นตัวอักษรขึ้นมาเลยนั่นละ
ความสำคัญอีกอย่างของขั้นนี้คือพวกที่เรียนสายมนต์ดำทั้งหลาย เอาเป็นว่าเราไม่บอกนะคะว่าเขาทำอย่างไรกัน ต้องไปหาเอาเอง แต่สังเกตุได้จากเวลาปลุกพระ เข้าทรง หรืออะไรทำนองนี้ตัวจะสั่นๆ บอกให้อย่างหนึ่งก้แล้วกัน บทสวดขณะทำสมาธิของกลุ่มเล่นฤทธิ์แบบนี้คือนะ มะ พะ ธะ
ขั้นที่3 ฌาณ1-4 คนที่จะเล่นฤทธิ์ หรือไสยขาวจะต้องเอาให้ได้ฌาณ4 เป็นอย่างน้อย เขาถึงบอกว่าไสย์ขาวแน่กว่าไสยดำ แต่กรณีของไสยขาวมีรายละเอียดอีกมากที่จะไม่พูดถึง ไปหาเอาเองก็แล้วกัน เดี๋ยวเขาหาว่าเราชีโพลงให้กระรอก เรายังไม่ลงรายละเอียดนะเพราะเห็นว่ายังไม่จำเป็นอีกทั้งการฝึกแต่ละอย่างยังออกมาต่างกันอีก
เรื่องแรกคงต้องขอสำรอจในเวบนิดหนึ่งว่ามีใครเคยทำสมาธิมาแล้วบ้าง ไม่ว่าจะวัดไหนก็ตามหรือลิทธิไหนก็ตามใช้ได้หมด รวมไปถึงที่โรงเรียนด้วยนะ คำถามที่สองคือแล้วเห็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นไหม สรุปไม่สัญญาณตอบรับจากรายชื่อที่ท่านเรียก
เรื่องที่ 1 คำเตือน คนส่วนใหญ่คิดว่าสมาธิเป็นของดี ไม่มีพิษมีภัยหรือมีอะไรน่ากลัว คำตอบทั้งถูกแล้วผิดค่ะ เพราะเวลาฝึกเล่นๆ แค่จะเอาสมาะในการอ่านหนังสือไม่เกิดอะไรขึ้น เอาแค่ขณิกสมาธิเล็กๆ ก็ไม่มีอะไรน่าหวาดเสียว แต่ถ้าสูงกว่านั้นเมื่อไรก็เล็กน้อยถึงปานกลาง เกิดได้หลายอย่าง ดั้งแต่แค่เบรอๆ ไปชั่วขณะ ถึงเสียสติ เพราะทำอะไรไม่ระวัง
การเข้าสมาธิถ้าเพิ่งเริ่มกรุณาทำอะไรช้าๆ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดจิตเพื่อเข้าสมาธิหรือการถอนตัวออกจากฌาณ เพื่อกันการกระแทกของจิตที่หลุดออกไป เพราะช่วงแรกจิตของคุณยังไม่ละเอียดพอ ถ้าทำแบบนี้ได้ก็ปลอดภัยแล้ว ถ้าใครทำสมาธิแล้วหลังจากลืมตาขึ้นมาเบรอไปหมดให้ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดู เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง
เรื่องที่2 ถ้ายังไม่มั่นใจในตัวเองมากนัก กรุณาอย่าถอดจิตไปไกลๆ ร่างถ้าคุณยังไม่แน่ใจในความสามารถของตัวเอง เดี๋ยวจะมีมือที่สามมาช่วยป่วนแล้วจะงานเข้า รายละเอียดต้องลองถึงจะรู้ แต่กว่าคุณจะถอดได้ก็ฌาณ4ไปแล้วละนั่น
เรื่องที่3 ก่อนทำสมาธิไม่ว่าคุณจะได้ขั้นใดก็ตามหรือไม่เคยฝึกมาเลย ก็ไม่ควรไปแช่งใคร เพราะมันอาจเกิดขึ้นจริงๆได้ อย่าลือมกรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนองนะท่าน
เรื่องที่4 ไม่ว่าเห็นอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องสนใจปล่อยมันไปอย่าไปใส่ใจมัน ไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร แต่เชื่อเถอะแล้วดีเอง ดีกว่าตกจากฌาณแน่นอนละ
เรื่องที่5ยังคิดไม่ออกวันหลังแล้วกัน
มาว่ากันถึงวิธีการทำสมาธิ
การทำสมาธิมีที่จำแนกออกไปแล้วทั้งหมด40ชนิด แบ่งเป็น(เราเอาตามพุทธนะ เพราะครอบคลุมที่สุดเท่าที่เจอมาแล้ว) ถ้าคิดจะทำ เลือกเอาอย่างเดียวก็พอ กรุณาอย่าโลภ ถ้าจะเอาหลายอันก็ทีละอย่างนะเดี๋ยวไม่ได้อะไรเลย
ก่อนจะทำสมาธิเพื่อให้ได้ผลดีที่สุดกรุณาถีบทุกอย่างในหัวทิ้งไปให้หมด ก่อนจะเริ่ม เพื่อให้ง่ายต่อผลสำเร็จ และให้เหลือไว้แต่สิ่งที่เป็นจุดกำหนดจิตพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม(แต่ไอ้ที่ว่ามานั่นยากที่สุดเลย)
มาถึงเรื่องที่ทุกคนสนใจกันที่สุดแล้ววิธีการทำสมาธิมีทั้งหมด40วิธีดังกล่าวมาแล้ว แบ่งเป็น
1.ใช้วัตถุเป็นที่รวมจิตให้สงบ(กสิน10)
2.สิ่งที่ไม่สวยงามของเน่าเสีย(อสุภะ10)
3.ใช้การระลึกถึง(อนุสติ10)
4.ธรรมที่ใช้ในการดำเนินชึวิตอันประเสริฐ(อัปปมัญญา4)
5.อาหารที่ต้องเน่าเสีย(อหาเร ปฏิกูลสัญญา)
6.พิจารณาธาตุสี่ในกาย(จัตุธาตุววัฏฐาน)
7.สิ่งไม่มีรูปจับต้องไม่ได้เป็นอารมณ์(อรูป4)
เอาละทีนี้มาว่ากันที่รายละเอียด เราจะไม่เอาอะไรยากๆมาพูดเด็ดขาด ส่วนที่บางส่วนใช้คำตามบาลีเพื่อว่าใครจะไปหาข้อมูลที่อื่น
เริ่มจากที่นิยมใช้ที่สุดในสายฝึกฤทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งก่าวถึงในเวทมนต์ของนิยายหลายเรื่อง
กสิน10
1 ดิน (ปฐวีกสิน) หรือที่เรียกว่าเพ่งดิน อุปกรณ์ หาดินให้ได้ก่อน ดินอะไรก้เอามาเถอะ ไม่ต้องตามตำราเปะหรอก(ใน กทม หายาก) สองจานสักใบใว้ใส่ดิน จากนั้นก็นั่งมองจนเกิดภาพดินในหัวชัดๆ(หรือใครจะไปนั่งมองดินในสวนที่บ้านก็ตามสะดวก) แล้วหลับตาลงพยายามคิดถึงดินในจานตรงหน้านั่นละ พยายามให้ภาพปรากฎในหัวนะ แต่ถ้าไม้มีก็ช่างมันไม่ต้องเกร็ง ปล่อยไปสักพัก เดี๋ยวก็มาเองละ (เราไม่เคยลองบอกไม่ได้ว่าถ้าเพ่งจนเห็นภาพแล้วจะเป็นไง)
เอาเท่าที่เขาเล่ามานะ คืออธิษฐานให้อะไรก็ได้กลายเป็นของแข็ง เดินบนน้ำหรืออากาศพวกนั้นน่ะละ สร้างภาพตัวเราขึ้นมาหลายๆคน แล้วก็ลดระยะทาง เราเน้นนะว่าถ้าจะอธิษฐานให้อะไรเป็นของแข็งหรือเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกรุณากำหนดพื้นที่ด้วยเดี๋ยวชาวบ้านแตกตื่น มันเดือดร้อนเขาด้วย อวดตัวไม่ดีนะคะ
2 น้ำ(อาโปกสิน) อุปกรณ์หาง่ายมาก ยิ่งเดี่ยวนี้น้ำท่วมยิ่งยิ่งง่ายใหญ่ วิธีการเหมือนดินทุกประการณ์ ถ้าใครขี้เกียจหาอุปกรณ์จินตนาการณ์เอาในหัวเลยก็ได้(ถ้าคุณทำได้นะ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยถนัดการวาดภายในหัวกันนักหรอก) กสินชนิดนี้มักเป้นส่วนหนึ่งของนิยายหลายเรื่อง โดยเฉพาะนิยายแบบเก่า ไม่ว่าแม่มดโลกไหนก็ส่วนใหญ่ใช้น้ำเป็นสื่อเวทมนต์ทั้งสิ้น ส่วนที่ต่างไปคือพิธีกรรม
ความสามารถของอาโปกสินคือควบคุมน้ำนั่นเอง ทีเห็นชัดๆเลยในคัมภีร์ไบเบิล ตอนที่กล่าวถึงเรื่องของโมเสท แต่ทำอะไรก็ไปอ่านเอาเองก็แล้วกัน บอกแต่ว่าถ้าคุณจะทำขนาดนั้นก็ต้องพยายามหน่อยละ ส่วนทั่วไปก็ขอให้ฝนตก ขอให้ฝนหยุด(ถ้าจะลองก็กำหนดบริเวณกับเวลาหน่อยนะ เดี๋ยวน้ำท่วมไม่รู้ด้วย) ขอให้ตัวเองโดนฝนแล้วไม่เปี่ยกก็ได้นะ(ความจริงเป็นหนึ่งในกสินที่ฝึกง่ายและปลอดภัยที่สุดเลย)
3 ไฟ(เตโชกสิน) หลายคนเชื่อว่าเป็นกสินที่มีพลังสูงที่สุดในหมู่กสินด้วยกัน(แต่เราคิดว่าเหมือนกันนั่นละ ขึ้นกับความสามารถของผู้ใช้มากกว่า) วิธีการก็ง่ายๆ เพ่งไฟนั่นละ แต่อย่าอุตริไปจ้องไฟตรงๆ ละ แนะนำให้ใช้วิธีมองสักพักและพยายามสร้างรูปขึ้นใหวตัวเองแล้วมองรูปนั้นแทน ของที่จะเอามาใช้ในกรณีนี้มี1 กองไฟ (ถ้าจุดได้นะ) 2 เทียน (อันนี้ง่ายหน่อย แต่ให้ผลยาก) 3 เพ่งดวงอาทิตย์(มีคนตาบอดมาแล้ว อย่าไปมองตรงๆดีกว่า)
ผลของกสินไฟก็คือจุดไฟนั่นละ ถึงบอกว่ามันแรงที่สุดไง เพราะถ้าไม่ระวังก็เผาบ้านตัวเองไปด้วย เราขอเตือนว่าอะไรก็ตามที่มีประโยชน์ก็มีโทษ อย่าเยวเอาไปเผาใครเข้าล่ะ
4 วาโยกสิน ก็คือลมนั่นละ ก่อนอื่นให้คิดถึงการเคลื่อนไหวของลม ลมบก ลมทะเล ลมช่องหน้าต่าง ลมหายใจได้หมด (แต่ไม่ใช่ลมบ้าหมูนะอันนี้ไม่เกี่ยว) เพียงแต่เราจับกระแสไหลของลมเป็นหลัก ในสมัยก่อนเขาเน้นให้มองการเคลื่อนไหวของใบไม้ที่ถูกลมพัด แต่เดี๋ยวนี้เอาพัดลมเป่าตัวเองแล้วจับความรู้สึกของลมก็พอแล้ว ซึ่งในกรณีนั้นไม่เกี่ยวกับอาณาปาณสติแต่อย่างใด
ความสามารของวาโยกสินคือ อธิษฐานขอให้ลมพัด ขอให้ตัวเบาลอยขึ้นไปกับลม ย้ายที่ตัวเองหรือสิ่งของต่างๆ
ในที่สุดสี่ธาตุเอกก็ครบจนได้ ทีนี้จะกล่าวถึงกสินอื่นๆกันละ
5 นีลกสิน เพ่งสีเขียวอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียวใข้ได้ทั้งสิ้น(แต่อย่าไปต่อยตาเพื่อนจนเขียนแล้วเพ่งล่ะ อันนี้ไม่ดีเดี๋ยวโดนสวน) ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ กระดาษสีเอามาตัดเป็นกลมๆแล้วแปะลงบนกระดาษขาวหรือแม้แต่กระดาษทาสีเขียวก็ใช้ได้
ประโยชน์ของนีลกสินคือทำให้ฟ้ามืดครึ้ม เอาไว้กันแดดเวลาร้อนๆ ก็น่าจะดี
6 ปีตกสิน(สีเหลือง)
7 โลหิตกสิน(สีแดง)
8 อาโลกสิน(แสงขาว)
วันนี้เท่านี้ก่อนหมดเวลาแล่ว
ถ้ามันช้าไม่ทันใจหรือต้องการข้อมูลอะไรก่อนก็ไปทวงเอาที่ห้องของFaeryได้นะคะ จะพยายามลงให้ก่อนแต่จะเร็วแต่ไหนก็ขึ้นกับงานเยอะหรือเปล่า
เข้ามาว่าจะต่อให้ แต่เห็นคนอ่านแล้ว แฟรี่บินหนีไปทำใจก่อน
ความคิดเห็น