ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยุทธการสะท้านโลก

    ลำดับตอนที่ #2 : ปฎิบัติการล้วงคองูเห่า เมื่อพิมพ์เขียวเครื่องบินฝรั่งเศสโดนจารกรรม (ตอนจบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 856
      0
      20 ธ.ค. 54

    ...เบื้องหลังความสำเร็จของอัล ชวิมเม ในครั้งนี้มีบุคคลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็คือ เมียร์ อมิท และอาฮารอน ยาริฟ ซึ่งได้จัดหานักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งช่วยวางแผนในการโน้มน้าววิศวกรสวิสให้ร่วมมือด้งย ในที่สุดฟรอเอนค์เนทค์ก็ตกอยู่ในภาวะที่รู้สึกว่าภาระทั้งหมดนั้นเป็นของตน และสำคัญต่อตนในการที่จะช่วยให้กองทัพอากาศอิสราเอลมีมิราจไว้ป้องกันประเทศแน่นอนเรื่องนี้มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ฟรอเอนค์เนทค์รู้ว่าเขาจะได้เงินก้อนใหญ่จากการทำสำเนาของแบบพิมพ์เขียวและส่งให้อิสราเอล ซึ่งทุกอย่างดูไม่ยากเย็นอะไร และแบบพิมพ์เขียวนั้นอยู่ในความดูแลของเขาอยู่แล้ว เพื่อเป็นการประกันกับฟรอเอนค์เนทค์ ทางอิสราเอลจะจ่ายให้ล่วงหน้า 2 แสนคอลลาห์แก่เขา 

    ...เท่านั้นเองวิศวกรสวิส ฟรอเอนค์เนทค์ ก็เสมือนปลางับเหยื่อเข้าแล้ว แบบพิมพ์เขียวสำหรับการผลิตชิ้นส่วนด้วนเครื่องจักรกลมีจำนวน 45,000 แผ่น และอีก 150,000 แผ่นสำหรับเครื่องบิน มีน้ำหนักรวมกันประมาณ 2 ตัน ฟรอเอนค์เนทค์คิดว่าเขาต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปีจึงจะทำทุกอย่างสำเร็จ ดังนั้น เจาจึงรายงานผุ้บังคับบัญชาว่า แบบจำนวนมากนี้สมควรถ่ายเข้าไมโครฟิล์มไว้แล้วทำลายแบบพิมพ์เขียวเสีย จะทำให้เก็บรักษาง่ายไม่เปลืองที่และปลอดภัยกว่า เจ้านายอนุมัติตามเสนอทันที เมื่อมีแบบถึงสองชุด-แบบพิมพ์เขียวและไมโครฟิลม์-ชุดพิมพ์เขียวก็จะถูกส่งไปอิสราเอล แต่ปัญหาก็คือจะส่งอย่างไร? 

    ...โรงงานของบริษัทโซลเซอร์ บราเดอรส์ เป็นของเอกชนก็จริง แต่การผลิตเครื่องบินมิราจภายใต้สิทธิบัตรจากฝรั่งเศสถือว่าเป็นความลับสุดยอด ทางการสวิสจึงได้ส่งทหารมารักษาความปลอดภัย ทุกๆ การเคลื่อนไหวมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ การนำพิมพ์เขียวมาถ่ายลงในไมโครฟิล์มก็เช่นเดียวกัน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำก๊อปปี้พิเศษจากการถ่ายไมโครฟิล์มสำหรับส่งให้อิสราเอล 

    ...ภายใต้กฎหมายของสวิตเซอร์แลนด์ แบบพิมพ์เขียวที่ได้สิทธิบัตร จะต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลา 50 ปีจึงจะนำออกมาขายได้ ฟรอเอนค์เนทค์จึงได้ใช้หลายชายที่ชื่อว่า โจเซฟ ฟรอเอนค์เนทค์ ไปติดต่อสำนักงานทะเบียนสิทธิบัตรซึ่งเก็บรักษาพิมพ์เขียวเก่าเอาไว้ และขอซื้อพิมพ์เขียวที่อายุเกิน 50 ปีเหล่านั้น 


    ...ฟรอเอนค์เนทค์ได้จัดการให้ตนเองเป็นผู้รับผิดชอบในการถ่ายไมโครฟิล์ม เมื่อถ่ายเสร็จแล้วเขาจะนำพิมพ์เขียวใส่กล่องกระดาษ ทุกการเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสิ้น ต่อจากนั้นกล่องกระดาษจะถูกขนไปขึ้นรถโฟล์คตู้ ซึ่งเขาซื้อในนามของหลานชายเพื่อใช้ในการขนกล่องกระดาษเอาไปเผาที่เตาเผาเศษขยะกลางของเมือง และจะมีเจ้าหน้าที่จดบันทึกทุกครั้งที่กล่องกระดาษที่เผานั้นบรรจุไว้ด้วยพิมพ์เขียว ฟรอเอนค์เนทค์ได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบว่าเพื่อความปลอดภัยของแบบพิมพ์เขียวมิให้ตกอยู่ในมือของผู้อื่น เขาจะต้องทำหน้าที่ควบคุมการขนย้ายแบบพิมพ์เขียวเพื่อนำไปเผาด้วยตนเอง

     

     

    เขาได้เช่าโกดังไว้แห่งหนึ่งระหว่างทางจากบริษัทไปยังเตาเผาที่อยู่กลางเมือง กล่องกระดาษซึ่งบรรจะไว้ด้วยพิมพ์เขียวเครื่องบินมิราจได้ถูกนำไปไว้ที่โกดังนั้น และเขาก็คว้ากล่องกระดาษที่บรรจุพิมพ์เขียวเก่าเกิน 50 ปี ซึ่งหลานชายได้ซื่อมาจากสำนักงานทะเบียนสิทธิบัตรและนำไปขึ้นรถตู้เพื่อนำไปเผาต่อไป กล่องที่ใช้บรรจุพิมพ์เขียวที่เก่าเกิน 50 ปีนั้นเหมือนกับกล่องที่ใช้อยู่ในบริษัททุกประการ เมื่อกล่องถูกตรวจก่อนที่จะโยนเข้าเตาเผาจึงไม่มีใครสงสังอะไรเลย 
    ...ฟรอเอนค์เนทค์จะนำกล่องบรรจุแบบพิมพ์เขียวเครื่องบินมิราจไปให้กับเจ้าหน้าที่อิสราเอลซึ่งนัดพบกันในที่ต่างๆ เช่นที่โฮเต็ล ร้านอาหาร หรือที่จอดรถ ซึ่งไม่ซ้ำกัน เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของคนทั่วไป 

    ...แต่ปัญหาก็ยัง ไม่หมดไป นันคือการนำแบบพิมพ์เขียวออกจากสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าฟรอเอนค์เนทค์จะส่งทางเครื่องบิน ครั้งแรกๆ คงไม่เป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสวิส แต่ถ้าจัดส่งโดยวิธีนี้นานๆ เข้าก็อาจเป็นที่สงสัย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสวิสนั้นเป็นหน่วยที่มีประสิทธิภาพสูงเสียด้วย 

    ...ในที่สุด ยาริฟก็ตกลงใจว่าแทนที่จะส่งแบบพิมพ์เขียวออกทางฝรั่งเศส เขาได้สั่งให้ส่งแบบพิมพ์เขียวผ่านชายแดนสวิสออกทางเยอรมัน สายลับอิสราเอลสี่คนถูกส่งไปยังสะพานข้ามแม่น้ำไรน์ เพื่อคอยดูว่าเมื่อไรการจราจรจะน้อยลง กิจกรรมของเจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นอย่างไร เฉพาะอย่างยิ่งจะสามารถติดสินบนเจ้าหน้าที่ได้หรือไม่ เพื่อทำให้การส่งออกง่ายขึ้น 

    ...ยาริฟได้รับรายชื่อของผู้ที่น่าจะถูกเลือกให้ทำหน้าที่ขนแบบพิมพ์เขียวผ่านชายแดนสวิสออกไปยังเยอรมันและคนหนึ่งดูเหมือนจะเหมาะกว่าคนอื่นๆ เขาคือ ฮานส์ สเตรคเกอร์ ซึ่งเป็นคนเยอรมันและขณะนั้นเขาทำงานอยู่กับบริษัทขนส่งสวิสขื่อบริษัท รอทซิงเจอร์ (Rotzinger) หน้าที่ของ 
    สเตรคเกอร์คือ นำสินค้าผ่านกระบวการศุลกากร อันว่าบริษัทรอทซิงเจอร์นั้น แม้จะเป็นบริษัทขนส่งเล็กๆ แต่ก็ได้รับความเชื่อถือมานานแล้ว จึงเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ

    .สายลับของอิสราเอลได้ผูกมิตรกับสเตคเกอร์ จนสเตรคเกอร์ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกับสายลับผู้จ่ายไม่อั้น  ครั้นแล้วเมื่อสเตรคเกอร์เอ่ยถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ขึ้นมา เพื่อนชาวอิสราเอลได้ยื่นข้อเสนอกับสเตรคเกอร์ทันที สเตรคเกอร์จะได้รับเงินพิเศษถ้าทำงานให้กับเพื่อนคนหนึ่งของเขา เป็นงานง่ายๆ และไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แค่ขนของข้ามชายแดนสวิสไปยังเยอรมันเท่านั้น เพียงแต่ต้องทำต่อเนื่องกันหลายเดือน สเตรคเกอร์จะได้รับเงินประมาณหนึ่งแสนดอลลาห์ สเตรคเกอร์รับงานนี้ทันที
    .

    ..ฟรอเอนค์เนทค์ พบสเตรคเกอร์เพียงครั้งเดียว เพื่อรับกุญแจของโกดังเล็กๆ ซึ่งเป็นของบริษัทรอทซิงเจอร์ทุกๆ วันเสาร์ฟรอเอนค์เนทค์จะขับรถโฟล์คตู้เพื่อนำกล่องกระดาษไปไว้ยังโกดัง หลังจากนั้นเขากับหลานชายก็จะไปดื่มที่บาร์ชื่อเฮอร์เช่น ถ้าเขาสามารถนำกล่องกระดาษไปไว้ในโกดังเขาจะผงกศรีษะเป็นเชิงทักทายให้กับสเตรคเกอร์ เป็นที่รู้กันว่าทุกอย่างเรียบร้อย สินค้าพร้อมที่สเตรคเกอร์จะไปขนย้ายได้แล้ว สเตรคเกอร์จะไปขนกล่องกระดาษที่โกดังขึ้นรถเบนซ์สีดำขับออกไป เมื่อผ่านชายแดนสวิสแล้วสเตรคเกอร์จะต้องขึ้นเหนือผ่านแบคลฟอเรสต์เข้าสตุทท์การ์ท ที่นั่นมีสนามบินส่วนตัวแห่งหนึ่ง กล่องกระดาษจะถูกขนขึ้นเครื่องบินเซสน่าสองเครื่องยนต์ซึ่งขึ้นทะเบียนในอิตาลีที่รออยู่ เครื่องบินเซสน่าจะบินออกจากสนามนั้นทันที มุ่งตรงไปยังปลายส้นเท้าของบู๊ทอิตาลี ซึ่งจะมีเครื่องบินของอิสราเอลมารับกล่องกระดาษไปยังอิสราเอลอีกต่อหนึ่ง
    ...การขนกล่องกระดาษที่บรรจุแบบพิมพ์เขียวเครื่องบินมิราจซึ่งหนัก 50 กิโลกรัมได้ถูกขนส่งไปยังอิสราเอลครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1968 ปฏิบัติการนี้ดำเนินการมาด้วยดีเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม

    ...จนกระทั่งเดือนกันยายน 1969 เมื่อฮานส์ สเตรคเกอร์ ได้ทำการหละหลวม ประการแรกเขาทำให้คนเห็นขณะนำกล่องบรรจุพิมพ์เขียวขึ้นรถเบนซ์สีดำ และประการทีสองเขาลืมกล่องอีกหนึ่งกล่องไว้ในโกดัง ซึ่งเป็นที่สังเกตของคาร์ล รอทซิงเจอร์ เจ้าของบริษัทขนส่งชื่อเดียวกับชื่อของเขา คาร์ลจึงได้ดึงแบบออกจากกล่องหนึ่งแผ่น และได้พบกับคำว่า Solzer ซึ่งเป็นชื่อของบริษัทสวิสที่ทำธุรกิจในด้านวิจัย และผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน ข้างใต้ชื่อบริษัทเขาพบคำว่า License-Senikama ซึ่งหมายถึงบริษัทโซลเซอร์ ได้รับสิทธิบัครจากบริษัทเซนิกามาของฝรั่งเศส และที่สำคัญคือ ข้อความอีกบรรทัดหนึ่งที่มีความหมายว่า "ตามประมวลกฎหมายอาญา ให้รักษาความลับในทางทหารไว้อย่างสูง" คาร์ลได้ทราบจากคนงานที่ทำงานใกล้เคียงว่า สเตรคเกอร์ได้เคลื่อนย้ายกล่องกระดาออกไปเป็นระยะเวลาหลายเดือนมาแล้ว  เขาจึงรายงานให้ตำรวจทราบ


    ...ทางฝ่ายอิสราเอลลซึ่งได้จับตามอย่ตลอดเวลา เมื่อได้ทราบถึงความหละหลวมและพลาดท่าของสเตรคเกอร์ จึงโทรศัพท์ ความว่า "ดอกไม้ได้ร่วงโรยเสียแล้ว" เพื่อให้เวลากับฟรอเอนค์เนทค์ได้หนีทัน


    ...ฟรอเอนค์เนทค์ตัดสินใจไม่หนี เขาติดคุกในระหว่างคดี 1 ปีเต็ม ทั้งนี้ก็เพราะว่าทางการสวิสต้องการทราบว่าความเสียหายมีขนาดแค่ไหนจึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาคดี และในที่สุดได้ข้อสรุปว่าฟรอเอนค์เนทค์ได้ส่งแบบพิมพ์เขียวเครื่องบินมิราจไปให้อิสราเอลเป็นจำนวนดังต่อไปนี้

    ...2,000 แผ่น สำหรับชิ้นส่วนเครื่องยนต์  80,000-100,000 แผ่น สำหรับจิ๊ก (Jigs-เครื่องมือประกอบการผลิตชิ้นส่วน)  35,000-40,000 แผ่น สำหรับเครื่องมือ (Tools)  80-100 แผ่น สำหรับตัวเครื่องบิน  1,500 แผ่นสำหรับรายการประกอบแบบ (Specifications)
    ...วันที่ 23 เมษายน 1971 ศาลสวิตเซอร์แลนด์ได้พิพากษาให้อัลเฟรด ฟรอเอนค์เนทค์ จำคุก 4 ปี 6 เดือน จากการที่ฟรอเอนค์เนทค์ได้ถูกจองจำระหว่างการสอบสวนและประกอบกับการประพฤติตัวดีเขาจึงได้รับอิสรภาพเมื่อ 21 กันยายน 1972
    ...สองปีครึ่งหลังจากที่ออกจากคุกฟรอเอนค์เนทค์ได้เดินทางไปอิสราเอล เพื่อชมการบินของเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดความเร็ว 2.2 มัค ชื่อว่า คเฟอร์ (Kfir) ซึ่งมีพื้นฐานมาจากมิราจ III และคเฟอร์ได้เป็นกำลังสำคัญของกองทัพอิสราเอลต่อมา

     

     

     

     

     

    ขอบคุณ

    http://www.gunsandgames.net/smf/index.php?topic=54947.msg1318617

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×