ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจ....เจ้าเอย

    ลำดับตอนที่ #7 : รักที่ไม่ลงตัว (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 55







    ความรักที่ไม่ลงตัว...

    ผมตื่นเช้ามาด้วยอาการ ที่เรียกว่ามึนหัวนิดหน่อย เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ ผมพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา ในหัวมีแต่ความคิดที่ว่า จะทำยังไง แจ้งตำรวจงั้นเหรอ ไม่ได้ เราไม่มีหลักฐานอะไรเลย นาฬิกาที่หัวเตียงเสียงร้อง แต่ก็ยังไม่ลุกไปปิดมัน สายตายังคงจับจ้องที่เพดานสีขาว


    ทันใดนั้นเอง เสียงมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน เมื่อลองชะโงกไปตรงหน้าต่างก็พบว่านั่นคือรถส่งหนังสือพิมพ์ ผมเดินลงมา เพื่อจะหยิบหนังสือพิมพ์ไปอ่าน เช้านี้ฝนตกพรำๆ คงไม่ออกไปวิ่ง
    ผมเปิดหน้ากีฬา ก่อนจะอ่านผ่านๆที่หน้าบันเทิง ทันใดนั้นผมก็เห็น


    “ นางเอกชื่อดังเมาสิ้นสภาพ ชายหนุ่มปริศนารอรับเข้าบ้าน ใคร? “ 
    ภาพของพี่เอ เมาจนกลับบ้านไม่ไหว พาดหัวตัวเบ้อเร่อ ที่จริงพี่เอไม่เคยบอกที่อยู่ของตัวเอง กับนักข่าวคนไหน ทางต้นสังกัดก็รู้กันอยู่ไม่กี่คน ที่อยู่ที่พี่เอบอกในประวัติให้แฟนๆรู้ ก็ไม่ใช่ที่อยู่จริงๆ


    พี่เอไม่อยากให้สื่อมวลชน เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของพวกเรา พวกเราไม่เคยมีตัวตนในสายตาสื่อ แล้วทำไม
    ...
    นักข่าวถึงได้มาถ่ายบ้านเราถูกได้ล่ะเนี่ย ภาพที่ถ่ายที่จริงก็เป็นบ้านเรา ผู้ชายในรูปก็ผมนี่ล่ะ


    แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น พี่เอไม่เคยมีข่าวกับผู้ชายคนไหนเลยนะ เพราะพ่อกับแม่สั่งไว้ว่า ถ้าพี่เอมีปัญหากับเรื่องนี้เมื่อไหร่ พี่เอจะต้องออกจากวงการทันที เพราะความที่วางตัวดีประกอบกับ ที่ เธอทุ่มเทในการแสดงอย่างสุดความสามารถทุกครั้ง จนทำให้ในที่สุด เธอก็ขึ้นมายืนแถวหน้าในบรรดานางเอกละครทั้งหลาย มามากกว่าสิบปีแล้ว ข่าวนี้มันข่าวทำลายพี่เอชัดๆ


    ขณะที่ผมกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ก็ได้ยินเสียงรถบีบแตรดังมาแต่ไกล
    ผมออกไปดูหน้าบ้าน ก็พบรถของบ้านเรา ขับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบรกอย่างแรง จนทำให้รถหมุนคว้าง

    เฮ้ย!!”ผมร้องเสียงหลง เมื่อรถหมุน ก่อนจะจอดในโรงรถบ้านเราพอดิบพอดี


    ประตูสีแดงสดเปิดออก พร้อมกับร่างระหงของพี่เอที่ก้าวออกมา และแน่นอน กลิ่นที่ผมคุ้นเคยก็ตามมาด้วย
    ว่างายน้องรัก ตื่นแต่เช้าเลยนะ “เสียงอ้อแอ้ จับใจความแทบไม่ได้



    ผมก็ตื่นแต่เช้าทุกวัน “ ผมตอบกลับไปใน ขณะที่พี่เอกระดกขวดเหล้าที่อยู่ในมือ
    พอได้แล้ว เดี๋ยวก็ปวดหัวตายหรอก “ ผมคว้าขวดเหล้าที่อยู่ในมือเธอ


    เธอยกขวดเหล้าหนีผม ก่อนจะตอบ
    ไม่ วันนี้เจ๊จาเมา เจ๊จะเมาให้ไอผู้ชายเฮงซวยมันได้รู้ว่า เจ๊เมา”



    ก็เมาอยู่เกือบทุกวันไม่ใช่หรือไง “ ผมส่ายหัวอย่างระอา ก่อนจะเดินตามเธอ ที่เดินดูรอบๆรถ

    เธอกระดกเหล้าเข้าปากอีกรอบ ก่อนจะตอบ
    ม่ายๆวันนี้เจ๊เมาจริงๆ “ เธอชี้นิ้วส่ายไปมา ก่อนจะมองรถ




    เฮ้ยไอหมาน้องร้าก รถเจ๊ไม่มีรอยว่ะ เจ๊เก่งเปล๊า “ เธอส่งยิ้มมาให้
    ผมได้แต่ส่ายหัว ก่อนจะเข้าไปประคองเธอ เพราะเจ้าตัวทำท่าจะล้มได้ทุกเมื่อ



    ครับๆ เก่งครับเก่ง พี่เอผมขอเถอะ วันหน้าวันหลังถ้าจะขับรถ อย่าเมาได้ไหม “
    ผมค่อยๆประคองเธอ ไปนอนที่โซฟาในห้องรับแขก



    เป็นห่วงเจ๊เหรอ น้องเจ๊น่ารักจริงๆ มา วันนี้เรามามาวกัน “เธอกอดคอผมแน่น ก่อนจะหอมแก้มผม

    ผมดันเธอลงนอนกับโซฟา ก่อนจะพูดประโยคเดิมเหมือนทุกครั้ง
    ผมสิบหกเองนะ มาชวนผมกินเหล้าได้ไง“



    ไรว้า เซ็งเลย ผู้ชายนี่มันชวนเซ็ง เหมือนกันหมดทั้งโลกรึไงวะ“ พี่เอพูดทั้งๆที่หลับตา


    ผู้ชาย
    ..

    พี่เอพูดถึงใครน่ะ “ ผมหันไปก็พบว่า เธอหลับไปเรียบร้อยแล้ว

    ..........................................................

    เวลาผ่านก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พี่เอ นอนหมดสภาพอยู่ที่โซฟา สายตาของผมก็จับจ้องอยู่ที่หม้อข้าวต้มกุ้ง ควันหอมๆที่ลอยออกมา ทำให้ผมรู้สึกร้อนจนอยากจะถอดเสื้อซะจริงๆ ทันใดนั้นเองหางตา ก็เห็น พี่บีที่ลงมาในสภาพเสื้อยืดตัวใหญ่กางเกงขาสั้น  ตามมาด้วยพี่ซี ที่ดูเหมือนจะยังไม่ลืมตาตื่นดี เพราะผมยาวสลวยนั่น ดูเหมือนจะยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง  และดวงตาก็หลับข้างหนึ่ง ในมือก็กอดหมอนมาด้วยหนึ่งใบ


    มีอะไรกินวะไอ้หมา “ พี่บีเดินเกาหัว ก่อนจะชะโงกหน้า เข้ามาดูในหม้อ



    ข้าวต้มกุ้งน่ะ “ ผมตอบก่อนจะปิดแก๊ส


    เธอทำหน้าแหยๆก่อนจะตอบ
    ข้าวต้มกุ้งอีกแล้วเหรอ เมื่อวานซืนก็ข้าวต้มกุ้ง “


    ผมเอานิ้วนวดขมับข้างหนึ่ง เพื่อระงับอารมณ์ มือก็คนทัพพีไปเรื่อยๆ
    แล้วพี่จะกินอะไร “


    พี่อยากกินพิซว่าว่ะ “เธอกระดกน้ำเข้าปาก ก่อนจะเปิดทีวีที่อยู่ในห้องครัว



    พิซซ่าที่ไหน จะมาส่งตอนหกโมงครึ่ง “


    พี่ซีที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงกันข้าม ก็เอ่ยขึ้นมาบ้าง
    ส่วนพี่อยากกิน ข้ามต้มปลาน่ะ เขาว่ากินปลาแล้วทำให้ฉลาดนะจ๊ะดี “



    แต่วันนี้มีข้าวต้มกุ้ง “ชักเริ่มหงุดหงิดนิดๆ

    ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ พี่เอที่นอนอยู่ในห้องรับแขกก็ตะโกนข้ามห้องมา
    ส่วนเจ๊ อยากกินไก่เคเอฟซี “

    แต่ล่ะคน...



    ก่อนที่ขันติจะกลายเป็นขันแตก เสียงกระดิ่งที่อยู่หน้าบ้านก็ส่งเสียงร้อง 
    ผมวางทัพพีและถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะไปเปิดหน้าบ้าน
    .....


    ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านเขาสวมแว่นตากรอบเงิน ดวงตาดูสงบเงียบ ผมที่หวีเสยขึ้นไปจนดูเนียบบวกกับเสื้อเชิตร์แขนยาว ทำให้เขาดูเหมือนคุณชายที่ไหน หลงทางมาหน้าบ้านเรา
    สวัสดีครับคุณนที มาแต่เช้าเลยนะครับ“



    สวัสดีเช่นกันครับ คุณเอพริว(
    ชื่อในวงการของพี่เออยู่ไหมครับ“ เขาตอบพร้อมกับใช้นิ้วดันแว่นขึ้นไป

    ในมือของเขา หอบเอาแฟ้มเอกสารหนาเตอะมาด้วย คนๆนี้ชื่อนทีเป็นผจก.ส่วนตัวของพี่เอ เขารับสืบทอดวงการนี้มาจากพ่อและแม่ ที่เป็นผู้จัดละครชื่อดัง


    ไม่ทันที่ผมจะตอบ เสียงของพี่เอ ก็ดังขึ้นมา

    “ ใครมาน่ะไอ้หมา ถ้าเป็นนที บอกไปนะว่าเจ๊ไม่อยู่ “


    ผมหันไปมองใบหน้าที่ ถ้าหากว่ายิ้มบ้าง คงจะมีสาวๆมาหลงปลื้มไม่น้อย
    ก็นั่นล่ะครับ พี่เอเขาเมาแบบนี้ แสดงว่าวันนี้ไม่น่าจะมีงานนี่ครับ “



    ถึงพี่เอจะขี้เหล้า เอ่อ
    ..
    ชอบกินเหล้าไปหน่อย แต่ว่าเธอ ก็ไม่เคยให้เสียการเสียงานเลย วันไหนที่เธอต้องทำงาน เธอจะพร้อมอยู่เสมอ แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเมาจนไม่น่าเชื่อว่าเดินไหว 

    คงมีเซลอะไรสักอย่าง อยู่ในตัวผู้หญิงคนนี้ ที่ทำให้แอลกอฮออล์ทำร้ายเธอไม่ได้
    แต่ช่างเถอะ ประเด็นคือถ้าเธอเมาหัวทิ่มแบบนี้ มันจะไม่มีงานนี่นา


    เขาจัดการเอานิ้วชี้ดันแว่นตาขึ้นก่อนจะพูด
    ผมขออนุญาต เข้าไปในบ้านนะครับ “



    ผมพยักหน้าให้อย่าง งงๆ พร้อมหลีกทางให้
     
    ส่วนพี่เอ พอเห็นผู้มาเยือนก็....ทำท่าหลับทันที อยากเธอเหลือเกินว่า เห็นตั้งแต่ปากประตูแล้วครับพี่
    ส่วนคุณนทีที่เห็นพี่เอ ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์

    "
    คุณเอพริว ครับ กรุณาไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยนะครับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน "

    "
    ครอก..." เสียงกรน ที่ผมรู้ว่ายังไงก็แกล้ง ดังขึ้นมาทันที

    เจ้าของสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ เอ่ยปาก
    "
    อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะครับ กรุณาอย่าทำตัวเป็นเด็กๆ 

    ได้ผล พี่เอทะลึ่งตัวขึ้นมาทันที
    "
    หมายความว่าไง  ว่าใครแก่ยะ ไอ้เด็กบ้า " (หมายเหตุพี่เอ อายุ28 ส่วนคุณนทีอายุ21)
    พี่เอรู้สึกตัวขึ้นมาทันที ว่าหลงกลคนตรงหน้าเข้าให้แล้ว ก่อนจะทำเสียงฮึดฮัด แล้วลุกขึ้นไปข้างบน

    แวบเดียวเท่านั้น ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว 
    จนผมไม่แน่ใจ ว่านั่นใช่ยิ้มหรือเปล่า  

    แต่ก็ได้ผลแฮะ ดูเหมือนผู้หญิงกับอายุนี่ เป็นคำต้องห้าม พอๆกับคำว่าอ้วนเลย


    "
    กรุณาอย่าขึ้นไปนอนต่อนะครับ " น้ำเสียงไร้อารมณ์ ตามหลังไป

    "
    รู้แล้วย่ะ

     

    ผมเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะเปิดตู้เย็น เพื่อจะเอาน้ำไปให้แขก  เมื่อผมหันมาผมก็พบว่าพี่บีกับพี่ซีกำลังสุมหัวกัน  คุยอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ แต่ดูแล้ว ท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่  เสียงหัวเราะแปลกๆ ออกมาจากวงสนทนา ผมเดินผ่านทั้งคู่ไป ก่อนจะถูกดึงเสื้อ เมื่อผมหันมาก็พบว่าพี่บีนั่นเอง ที่ดึงเสื้อผม

    พี่บี พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนสนุกสนาน

    ไอ้หมา แกว่าคุณนทีเป็นไง  ฉันว่าโดนว่ะ เหมือนพระเอกเกาหลีเลย “

     

    พี่ซีพูดด้วยน้ำเสียงที่อายๆ

    ส่วนพี่ว่า เขาดูเป็นสุภาพบรุษดีนะจ๊ะ “

     

    ผมหลับตาเพื่อจะระงับอารมณ์ 

    พวกพี่ลืมอะไรไปรึเปล่า  ผมเป็นผู้ชายนะ “

     

    ผมโดนพี่บีผลักออก ก่อนจะพูด

    เออว่ะลืม  ไปไกลๆเลย แถวนี้ผู้ชายไม่ต้อนรับย่ะ ไปชิ่วๆ “ พี่บีโบกมือไล่ผม

     

    ผมกลอกตาด้วยความเซ็ง

    เฮ้อ.....ผู้หญิง


                        
    หลังจากผมอาบน้ำแต่งตัว ผมก็พบว่าพี่เอยังคงไม่ลงมา  ผู้หญิงนี่แต่งตัวนานจริงๆ
    พี่บีกับพี่ซี ก็กำลังดูซี่รีย์(แน่นอนว่าเกาหลี ) อยู่ที่ห้องครัว ส่วนที่ห้องรับแขก คุณนทีก็กำลังเปิดดูแฟ้มที่เอามาอย่างเงียบๆ ผมอดที่จะเอ่ยปากถามไม่ได้

    "
    เอ่อให้ผมขึ้นไปตามไหมครับ  "

    คุณนทีเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้ม ก่อนจะตอบ
    "
    ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ " เขาพูดก่อนหันไปสนแฟ้มงานตรงหน้าต่อ

    ผมอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ก่อนจะหันไปเปิดทีวีเพื่อฆ่าเวลา โฆษณาพี่เอโผล่มาในทีวีพอดี คุณนทีเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะหันกลับไปสนใจแฟ้มงานตรงหน้าต่อ


    ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดานก่อนจะคุ่นคิดถึงสิ่งที่จะเกิดข้างหน้า  ผมจะทำไงดีนะ ในหัวผมมืดแปดด้าน ผมจะทำไงดี ตำรวจงั้นเหรอ  จะไปบอกว่า สวัสดีครับ ผมเห็นนิมิต นายแบร์เพื่อนผม โดนฆ่าตาย ตำรวจจะได้ส่งผมเข้าโรงพยาบาลบ้าน่ะสิ  ทำไงดีนะ ผมหยิบเอาสร้อยคอของน้ำอุ่นขึ้นมาดู มันยังคงให้สัมผัสที่เรียบลื่นและเย็นเฉี...ไม่สิตอนนี้มันร้อน...ร้อนขึ้น... ภาพรอบๆตัวค่อยๆมืดลงทุกที   ...จนในที่สุดมันก็มองอะไรไม่เห็น 

    แล้วผมก็เห็น

    นี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย...
    เมื่อมองดูรอบๆ ก็พบว่าแม้จะรู้ว่าเป็นบ้านผม แต่ก็ไม่ใช่ มันมีบางอย่าง  บางอย่างที่แตกต่าง ภาพที่ตั้งอยู่หัวทีวีก็เป็นภาพเมื่อสิบปีก่อน พ่อกับแม่เอาภาพนี้ไปเมืองนอกด้วยนี่นา โซฟาก็ไม่ใช่ตัวนี้ ตัวนี้ผมจำได้ว่าพี่ซีทำพังไปแล้ว
    พี่เอกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ อยู่ที่โซฟา

    "
    พี่เอ.. " ผมเดินเข้าไปใกล้เธอก่อนจะเรียก

    เธอเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยิ้มกว้าง
    "
    ว่าไงจ๊ะน้องรักของเจ๊ หน้ามุ่ยมาเชียว " เธอตอบกลับมา แต่เธอไม่ได้มองผม แต่มองเลยไปด้านหลัง  เมื่อหันไปมองที่ด้านหลังของผมก็พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง  หน้าตาเหมือนผมมาก ไม่สิ ไม่ใช่เหมือน  นี่มันผมนี่นา  แต่เป็นผมเมื่อหกปีก่อน

    ตัวผมอยู่ในชุดนักเรียนที่ยับเยิน เหมือนไปมีเรื่องกับใครมา
    จากที่เห็นผมว่าตอนนี้ ผมน่าจะอยู่สักประมาณป.5-.6ได้ล่ะมั้ง

    "
    ให้ตายเถอะ คนเราสมัยนี้  จะมีน้ำใจกับเด็กไม่ได้หรือไงนะ ผักผมเละหมดเลย "  ผมชูผักซึ่งยับเยินมาให้พี่เอดู

    พี่เอตบเข่าดังฉาดใหญ่
    "
    ใครทำน้องเจ๊  เดี๋ยวเจ๊ไปกุดหัวมันให้ "

    "
    ไม่ต้องหรอกพี่เอ  ยัยเจ๊สองคนนั่นไม่รู้หรอก ว่าเล่นอยู่กับใคร"  
    ผมชูผักซึ่งติดป้ายว่า  ลดราดาหมดแล้วหมดเลย ก่อนจะยักคิ้วให้   

    ทันทีที่ผมพูดจบ
    พี่เอก็ลุกขึ้นมากอดผม  ก่อนจะหอมแก้ม
    "
    น้องเจ๊เก่งจังเลย เป็นเจ้าบ่าวได้แล้วสินะ "

    "
    ปล่อยนะ ผมไม่ใช่ตุ๊กตาของพี่นะ  " ผมพยามขัดขืนแต่ก็ไม่ได้ผล พี่เอยิ่งกอดผมแน่นเข้าไปใหญ่
    เล่นเอาตัวผมต้องกลอกตา ด้วยความเซ็ง

    พอพี่เอปล่อยผม ผมก็หันกลับไปด้านหลังก่อนจะพูดว่า 
    "
    มีคนมาหาพี่น่ะ เห็นเขายืนกางแผนที่อยู่ ผมเลยช่วยบอกทางให้ "


    "
    ใครเหรอ  เรารู้จักหรือเปล่า " พี่เอเลิกคิ้วขึ้นมาข้างหนึ่ง

    "
    ไม่รู้จัก แต่ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าบ้านน่ะ "

    พี่เอเงยหน้านึกอะไรบางอย่างก่อนจะตบมือเมื่อนึกออก
    "
    อ๋อ...นึกออกแล้ว ไปเชิญเขาเข้ามาสิ สงสัยเป็นผู้จัดการเจ๊คนใหม่น่ะ "

    ร่างเล็กๆของผมก็วิ่งจี๋หายไปทางประตูทันที
    สักพักหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในห้อง เขาคือคุณนทีนั่นเอง  คุณนทียังอยู่ในชุดนักเรียน ม.ปลาย
    แววตาเฉยชา และท่าทีที่สงบนิ่ง เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่ต้น

    "
    สวัสดีครับ  ผมคือผู้จัดการคนใหม่ของคุณ  ผมชื่อนที  "

    "เธอเนี่ยนะ ผู้จัดการคนใหม่ " พี่เอชี้หน้าคุณนทีอย่างตกใจ

    คุณนทีขยับแว่นตา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
    "ชี้หน้าคนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาทนะครับ  คุณมีคอนเซ็ปเป็นนางเอกเรียบร้อย วันหน้าวันหลัง กรุณาระมัดระวังด้วย "

    พี่เอหดนิ้วกลับ ก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างขัดใจ
    "จะเป็นไปได้ยังไง เด็กม.ปลายอย่างเธอเนี่ยนะ"

    "ในการทำงาน คำว่าอายุไม่เกี่ยว กับฝีมือหรอกครับ "
    เขามองไปที่หนังสือพิมพ์ที่อยู่บนโต๊ะ  ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
    "และผมมาเพื่อทำคุณให้คุณเป็นนางเอกอันดับหนึ่ง"

    จริงสินะ เมื่อก่อน พี่เอไม่ดังแบบนี้ ถึงจะมีงานละคร แต่ก็แค่บทตัวประกอบ ที่ไม่โดดเด่นอะไร
    ยิ่งช่วงหลังๆ  เธอยิ่งแทบไม่มีงานเลย เหตุเพราะดาราหน้าใหม่ๆที่กล้าแต่งน้อยชิ้น กล้าทำตัวหวือหวา กำลังมาแรง   ผู้จัดการคนเก่าเคยแนะนำให้เธอทำแบบนี้   แต่พี่เอก็ปฏฺเสธทุกครั้งไป  เธอบอกว่า ถึงเธอจะถูกมองว่าด้อยค่า แต่ก็ไม่ใช่เหตุที่จะทำตัวเราให้ด้อยค่าตาม  แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามคำว่าศักดิ์ศรีย่อมกินไม่ได้ งานของเธอกำลังน้อยลงทุกที  ถึงพ่อกับแม่จะส่งเงินมาให้พวกเรา  แต่พี่เอ ก็มักจะกันส่วนนี้ไว้ใช้จ่ายภายในบ้าน เธอแทบไม่ได้แตะเงินส่วนนี้เลย

    ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลาง  ก่อนดำมืดอีกครั้งหนึ่ง
    แล้วก็เริ่มสว่างขึ้นอีกครั้ง ภาพตัดมาคราวนี้  ที่นี่ที่ไหนกันนะ  ผมเหลียวมองไปรอบๆ  ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
    แต่เวลาน่าจะไม่ผ่านจากคราวที่แล้ว มากมายนัก  น่าจะสักสองสามปีก่อน    ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นสำนักงาน  ที่ไหนสักที่   ผมเห็นพี่เอ กำลังนั่งอ่านอะไรสักอย่างอยู่ที่โซฟา


    อยู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาทางผม  ก่อนจะพูด
    "อยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่  "

    พี่เอเห็นผมเหรอเนี่ย  ทำไมคราวนี้เห็นล่ะ
    "เอ่อ พี่มองเห็นผมเหรอครับ  "
    แต่ทว่าพอผมมองดีๆ พี่เอไม่ได้มองผม เธอมองเลย ไปยังด้านหลัง

    "นายอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ "
     
    คุณนทีนั่นเอง เขายืนกอดอกอยู่ในมุมมืด ผมถึงได้ไม่สังเกตเห็นในตอนแรก 
    "ผมได้ยินว่า คุณบอกพี่อ้อว่าคุณจะไม่ไปแคสติ้งละครเรื่องนี้งั้นเหรอ "
    แววตาดุดัน จนผมเองยังต้องกลืนน้ำลาย  ถูกส่งผ่านมา

    "ใช่ ฉันคิดว่าตัวเองไม่ไหวหรอก หนังเรื่องนี้ดาราดังๆ เยอะแยะไปหมด ฉันว่า ฉํนทำไม่ได้ "
    พี่เอก้มหน้าลงมองพื้น

    "คุณรักวงการนี้มั้ย " คุณนทีก้าวเข้ามาใกล้พี่เอ

    "รักสิ  รักมากด้วย " พี่เอเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะก้าวถอยหลังหนีคุณนที

    "งั้นก็พิสูจน์ให้ผมเห็นสิ  เราต่ำต้อยเพราะเรามองที่พื้น ไม่ใช่เพราะเรามองที่สูง   "
    คุณนทีก้าวประชิดพี่เอ ก่อนจะจับไหล่
    " ผมบอกแล้ว ผมจะทำให้คุณเป็นนางเอกอันดับหนึ่ง และผมไม่เคยผิดคำพูด อย่าหลบตาผม  มองตาผมสิ"


    พี่เอเงยหน้าขึ้นมานิดหนึ่งแล้วก้มหน้าลง ก่อนจะเอ่ยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน
    "อะ...อ..อือ .....ฉันเชื่อนาย " แล้วเธอก็ดูเหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง
    พี่เอผลักอกก่อนจะ
    "กะ...ก..ใกล้...ไปแล้วนะ ....ไอ้เด็กบ้า "  

    สาบานได้ว่ารอยยิ้มที่คุณนทีส่งให้พี่เอ  มันดูเจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้

    ........................................

    ผมจำได้ว่าพี่เอไปแคสติ้งละครเรื่องนั้นและผ่านอย่างงดงาม  เพราะผมเองนี่ล่ะที่เป็นคนทำอาหารเลี้ยงฉลองให้ทุกคน  และบทนั้นทำให้พี่เอ ดังเป็นพลุแตก  งานต่างๆหลั่งไหลเข้ามาหาพี่เอ อย่างไม่ขาดสาย
    พี่เอดังขึ้นเรื่อยๆอย่างฉุดไม่อยู่  และความที่วางตัวดี หรือว่าเธอดูวางตัวห่างเหินจากใครก็ตามที่คิดจะเข้าใกล้เธอ
    ทำให้คำว่าเจ้าหญิง ก็เริ่มใครสักคนเรียก และในที่สุดก็กลายเป็นฉายาของเธอ

    ภาพตัดไปเรื่อยๆ  เป็นภาพตอนเธอถ่ายแบบ  ถ่ายละคร  อยู่ต่อหน้าสื่อ  ภาพตอนซ้อมบท
    และทุกครั้งมีคุณนทีอยู่ข้างๆเสมอ  รอยยิ้มที่เธอส่งให้คุณนที  จะไม่มีวันได้เห็นจากสื่อ มันเกือบเหมือน รอยยิ้มที่มีให้พวกเรา  แต่ทว่ามีบางอย่างที่แตกต่างออกไป  รอยยิ้มที่มีให้พวกเราพี่น้อง แตกต่างจากสื่อนะ  ไม่รรู้จะอธิบายยังไง  แต่ลองคุณเป็นน้องชายของผู้หญิงคนนี้  คุณจะรู้สึกได้

    ภาพตัดมาอีกครั้งหนนี้ ผมอยู่ที่เดิม ห้องเปลี่ยนไปบ้าง  และผมเห็นหนังสือพิมพิ์วันที่วันนี้
    แต่เป็นเมื่อหนึ่งปีก่อน  พี่เอกำลังอ่านบทละครอยู่บนโซฟา  เสียงเปิดประตูทำให้พี่เอเงยหน้าขึ้นมามอง
    "นายมาพอดีเลย ช่วยฉันซ้อมบทหน่อย "  คุณนทีนั่นเอง

    สายตาที่บ่งบอกบางอย่างถูกส่งผ่านมา  ทั้งเว้าวอน และ.....โหยหา
    พี่เอขยับตัวอย่างอึดอัดก่อนจะเอ่ย
    "ปะ...เป็นอะไร "


    "ไม่มีอะไรครับ "คุณนทีเดินไปรับบทจากมือพี่เอ  ก่อนจะมองดูมัน

    พี่เอ กระแอมคอให้โล่ง ก่อนจะเริ่ม เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าสร้อยก่อนจะเอ่ย
    "ทำไมทำแบบนี้ ไหนคุณว่า  จะมีฉันคนเดียวไงคะ "

    "ผมไม่ได้ทำ มันไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรทั้งนั้น "

    "โกหก คุณโกหก" 


    คุณนทีเอื้อมมือไปจับหัวไหล่พี่เอก่อนจะมอง
    "ขอให้เชื่อผม  ขอให้เชื่อได้เลย  ผู้ชายคนนี้ไม่เก่งอะไรเลย  นอกจาก...." เขากลืนอะไรบางอย่างลงคอก่อนจะพูด
    "รัก....รักคุณ  ผมรักคุณและจะรักให้ดีที่สุด "


    พี่เอใบหน้าค่อยๆขึ้นสี 

    "อะ...เอ่อ  คือพอก่อนก็ได้มั้ง "
    คุณนทีดึงพี่เอเข้าไปใกล้ก่อนจะใช้สายตาหนักแน่น  จ้องมองคนตรงหน้า
    "นายพะ....พอ...ได้...แล้ว "

    "  เชื่อผมอาจเป็นคนไม่ค่อยดีนัก แต่
    ผมรักคุณและจะรักให้ดีที่สุด "
    พี่เอใบหน้าค่อยๆขึ้นสีจัด และก้มหน้าลง แต่คุณนทีเชยคางเธอขึ้น  ก่อนเอ่ยเบาๆ
    "เชื่อผมได้มั้ย "

    "ค...คะ...ค่ะ " ใบหน้าทั้งสองค่อยๆโน้มเข้าหากัน

    แกร๊ก...เสียงเปิดประตูดังขึ้น  พี่เอผลักอกคุณนทีจนล้มลงทันที

    "สวัสดีค่ะ ทำอะไรกันอยู่เอ่ย " ดวงหน้าเล็กโผล่หลังประตู  ก่อนจะโผล่เต็มตัวและเดินเข้ามา
    เธอคนนั้น เป็น หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับคุณนที    เธอมีหน้าตาที่น่ารักเลยทีเดียวล่ะ  ผมมัดแกละทั้งสองข้างทำให้ดูเด็ก  แต่ทว่ามัน ก็ทำให้ดูน่าทนุถนอมในเวลาเดียวกัน  ดวงตาที่สดใสคู่นั้นละลายใจผู้ชายได้ง่ายๆ
    เธอเดินเข้ามาก่อนส่งรอยยิ้มสดใสมาให้

    คุณนทีปัดฝุ่นก่อนจะยืนขึ้น 
    "กำลังซ้อมละคร อยู่น่ะ "

    พี่เอเอาบทมาพัดหน้าตัวเอง  ทั้งๆที่ผมเห็นว่าแอร์เปิดอยู่
    "นายเล่นเก่งเหมือนกันนี่  ไม่ลองไปแคสติ้งดูล่ะ "

    เธอยิ้มกว้างแล้วตบมือทีหนึ่ง ก่อนจะพูด
    "ว้าว  พี่นทีได้คุณเอพริว ( ชื่อในวงการพี่เอ )ชมเองเลยนะคะ   เห็นไหมนิดหน่อยบอกแล้ว พี่นทีเข้าวงการได้สบายเลย "

    "พูดมากน่ะ แล้วเรามาทำอะไรที่นี่ "  ทำเอาหญิงสาวหน้าเสีย

    พี่เอไปยืนขวางหน้าก่อนจะดุคุณนที
    "จะดุไปไหนยะ แค่นี้ก็แทบไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้แล้ว " พี่เอหันหน้าไปหาหญิงสาวด้านหลังก่อนจะเอ่ย
    "น้องน่ารักจังเลยชื่อะไรคะเนี่ย "


    "หนูชื่อนิดหน่อยค่ะ "  เธอเดินเลยไปควงแขนคุณนทีก่อนกล่าว  " และหนุ....เป็นคู่หมั้นคุณนที "
    บทที่อยู่ในมือพี่เอ ตกพื้นแทบจะในทันที














    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×