คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง ข้าเป็นจอมมารที่กลายเป็นแมว(100%)
บทที่2
พวกข้าเป็นปีศาจที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าเข้าใจแน่งั้นเหรอ คำถามนี้เกิดขึ้นในใจข้า คำว่าปีศาจของพวกมนุษย์ คือพวกที่โหดร้าย ชั่วช้า ไร้เหตุผล ไร้มโนธรรม บ้าอำนาจ ถ้าอย่างนั้น ปีศาจที่พวกมนุษย์พูดถึงก็คือ....
ฉึก!! มีดบินลอยมาปักที่เสา ห่างจากใบหน้าข้าไปไม่ถึงครึ่งฝ่ามือ ข้าหันไปทางทิศที่มันจากมา
ก็พบว่าเจ้าหญิงนาตาเวีย กำลังโยนมีดอีกเล่มหนึ่งขึ้นลงบนฝ่ามือ ฝีมือยัยนี่เองเรอะ
นางกำลังนั่งอยู่(อดีต)โซฟาของข้าภายใน(อดีต)ห้องของข้า
นางมองข้าด้วยดวงตาสีดำเยียบเย็น และโหดร้าย...... (ฮือ... ข้าอยากร้องไห้แล้วนะ )
“ข้ารู้สึกว่า เจ้ากำลังด่าข้าในใจ “
เจ้าจะบ้าเรอะ อยู่ๆปามีดมาทำไม
แน่นอนข้าไม่ได้พูด เพราะถ้าขืนโวย ผุ้หญิงคนนี้ มีหวังทำให้ข้ากลายเป็นลูกชิ้นจอมมารแน่ๆ
อะไรนะ.... ข้าอร่อยมั้ย ลูกชิ้นจอมมารนี่ ใส่สงไปในบะหมี่เข้ากันดีนะ ไว้เจ้าลองชิมแล้วจะติดใจ
เดี๋ยวก่อนนะ.... นั่นมันใช่ประเด็นซะที่ไหนกันเล่า
หืม...เจ้าหาว่าข้า กลัวนางงั้นเหรอ ข้าเป็นจอมมารนะข้าไม่กลัวหรอก แค่ข้ายอมอ่อนข้อไปก่อนแค่นั้นล่ะ
จ๊าค !! มีดเฉียดหูข้าแค่นิดเดียวเอง ยัยนี่อ่านใจได้รึไงนะ
ข้า มองเธอกลับไป ด้วยสายตาคำถาม
นางตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น จนข้านึกว่าตัวเองอยู่ขั้วโลกเหนือ
“ข้าเบื่อ อยากซ้อมขว้างมีด “
ถึงเบื่อ ก็ห้ามเอาข้าเป็นเป้าลองมีดเฟ้ย
“เจ้าเบื่อ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ปามีดใส่ข้า “ เก็บอารมณ์ไว้ อย่าไปเต้นตามนาง ท่องไว้ๆ ผู้หญิงธาตุศักดิ์สิทธิ์นะ แล้วอีกประการข้าจะเอาอะไรไปสู้ ตอนนี้ ข้าเป็นแค่แมวตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
ใช่แล้วเจ้าฟังไม่ผิดหรอก ใช่แล้ว แมว แมวที่ร้องเหมียวๆนั่นล่ะ ตอนนี้ข้า เป็น แมว มีสี่ขามีหาง ชอบคลอเคลียเป็นกิจวัตร เจ้าคงสงสัยล่ะสิ ว่าทำไมจอมมารผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้า ถึงกลายเป็นแบบนี้ เอาล่ะ ข้าจะเล่าให้ฟัง
ในวันนั้นข้า โผล่มาในสภาพน่าอับอาย ลูกน้องของข้าก็ได้แต่เงียบเป็นเป่าสาก เมื่อเห็นฉากน่าประทับใจ
“ท่านจอมมารขอรับ ใครน่ะขอรับ “ ปีศาจปลาหนึ่งในลูกน้องข้า รวบรวมความกล้าถาม
นางมองไปรอบๆ ก่อนจะยกดาบยักษ์ขึ้นพาดบ่า
“ที่นี่ที่ไหน “ นางมองด้วยสายตาที่เยียบเย็น ไปยังรอบๆ ลูกน้องข้าหลบตากันให้วุ่นวาย
สักพักนางก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้เอง
“ดินแดนปีศาจงั้นเหรอ “ นางเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองไปข้างนอก ก่อนจะหันมาพูดกับข้า
“ซอมซ่อชมัด ข้าไม่อยากได้ดินแดนของเจ้าแล้ว “ นี่คิดจะยึดแดนปีศาจของข้าจริงๆงั้นเรอะ
เอาไงดีนะ ข้านึก ทางที่จะหนีจากความอับอายไม่ออกเลย แต่ที่แน่ๆ ต้องส่งผู้หญิงคนนี้กลับไปก่อน
หลังจากนั้นค่อย คิดหาทางแก้ตัว ไม่ใช่สิ หาทางอธิบายให้พวกลูกน้องของข้าฟัง
ข้าจัดการร่ายเวทย์อีกครั้ง ข้าตั้งใจจะส่งนางไปยังสุดขอบโลกเลย
แต่ทว่า วงเวทย์ที่ข้าสร้างส่องสว่างเพียงชั่วครู่ แต่เวทย์มนตร์ก็สลายไป
“เจ้าทำอะไร...” นางหันกลับมา ข้าพยายามอีกครั้งแต่ก็เหมือนเป่าลูกโป่งที่รั่ว
ยิ่งข้าส่งพลังเวทย์ไปเท่าไหร่ พลังของข้าก็เหมือนจะหายไป นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ข้ามั่นใจว่าเวทย์มนตร์ระดับพื้นๆแบบนี้ ไม่เกินกำลังของข้าในตอนนี้แน่ๆ มันเกิดอะไรขึ้น
ข้าหันไปมองลูกน้องข้าที่มองข้า เจ้าพวกนั้นทำหน้าเหมือนมีเครื่องหมายคำถามแปะไว้บนหน้าผาก
คงจะสงสัยล่ะสิว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องนั้น เพราะ ทันใดนั้นเอง ข้าสังเกตว่า ทุกคนรอบกายข้า ตัวโตขึ้นเรื่อยๆ เพดานห้องก็ดูเหมือนจะสูงขึ้น ไม่สิ ข้าต่างหากที่ตัวเล็กลง ข้ามองดูมือตัวเองที่มีขนงอกปกคลุม ข้ามีลายเสือสีขาว ข้ามีหางงอก
ข้ากำลังกลายเป็นแมว
หรือว่า......
ผู้หญิงคนนี้คือ ผู้หญิงธาตุศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ที่เกิดวันที่ ดาวปีศาจ และดาวเทพ มาโคจรตรงกัน ซึ่งตามสถิติที่สำรวจโดย มหาวิทยลัยเดม่อน ในรอบหนึ่งพันปีจะมีคนเดียว ผู้หญิงที่เกิดเวลานั้นจะเรียกว่า ผู้หญิงธาตุศักดิ์สิทธิ์ เวทย์มนตร์ จากปีศาจและเทพจะไร้ผล พูดง่ายๆ เวทย์มนตร์ทำอะไรนางไม่ได้ และผลอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ เวทย์ที่ร่ายอาจผิดพลาดและสะท้อนกลับมายังผู้ใช้
งานนี้......ซวยแล้วไง
..........................
"ฮ่าๆ โอย ตลกจริงๆ "
ชายหนุ่มผมทองหน้าตาหมดจด ผิวขาวราวกระเบื้อง ดวงตาสีทองพราวระยับด้วยความชอบใจ กำลังหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย ภายในถ้ำที่ประดับประดาไปด้วยผลึกสีแตกต่างกัน สีฟ้า แดง เขียว ตรงกลางมีเก้าอี้หิน และโต๊ะตั้งอยู่ ที่นี่คือ ถ้ำของ เจ้าโอลาฟ ผู้ที่มีร่างจริงเป็นมังกรเพลิงสีทองซึ่งตอนนี้อยู่ในร่างมนุษย์
โอลาฟเป็นเพื่อนของข้า ตั้งแต่สมัยก่อนข้าเป็นจอมมารซะอีก
" เจ้าจะตลกไปถึงไหน "
ข้าที่อยู่ในร่างแมว พยามระงับอารมณ์ เมื่อคนที่ข้ามาขอคำปรึกษา หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
ขอให้เจ้าสะดุดอากาศหายใจตายไปเลย
"โอ๋ ๆอย่างอนน่า ข้าต้องช่วยเจ้าอยู่แล้ว แต่ก่อนอื่น ...."
โอลาฟหันไปด้านหลัง ล้วงอะไรขยุกขยิกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมา
ต้นหญ้าขนสีเหลือง อยู่ในมือของเจ้านั่น
"นี่ข้า พอรู้ว่าเจ้าทำตัวเองกลายเป็นแมว ข้าก็เตรียมไว้ให้เจ้าเลยนะเนี่ย "
"มันจะทำให้ข้าหายงั้นเหรอ " ข้ามองต้นหญ้าขนสีเหลืองด้วยความหวัง
"เปล่าแต่ข้าจะเอามา ...ทำแบบนี้ " เจ้านั่น แกว่งหญ้าสีเหลืองไปมาต่อหน้าข้า
"นี่เจ้าเห็นข้าเป็นแมวรึไง " ข้าระงับอารมณ์ ที่กำลังขึ้นอย่างรวดเร็ว
ใจเย็นๆ ไว้อย่าไปเต้นตามเจ้านั่น
"ว่าไง...หืม ....." เจ้านั่นส่งรอยยิ้มน่าโมโหมาให้ข้า...
หญ้าแกว่งไปมาต่อหน้าข้าอีกครั้ง
ในที่สุดข้าก็ทนไม่ไหว ...... ข้าตะปบ หญ้าสีเหลืองอย่างรวดเร็ว ชิ อย่ายกหนีสิเฟ้ย
อ๊ะ!! เสร็จกัน เผลอไปจนได้
เจ้าโอลาฟ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหนักกว่าเก่า ก่อนจะกลั้นหัวเราะ เมื่อข้าทำท่าจะหันหลังกลับ
"โอ๋ๆอย่างอนน่า พอเจ้ามาอยู่ในร่างนี้แล้วมันน่ารักซะจน ข้าอดใจไม่ไหวน่ะ "
เจ้าหมอนั่นส่งยิ้ม พร้อมกับเกาคางข้าไปด้วย
อาห์~ ช่างสบายซะจริง อ๊ะ!! ทำซะข้าเกือบ( ? ) เคลิ้มเลย
"ข้าไม่ใช่แมวนะเฟ้ย!! " ข้าเอามือ ซึ่งจริงๆท่าจะพูดให้ถูก มันก็คือขาหน้า ปัดมือหมอนั่น
ที่จริงวันนี้ ข้ามาขอคำปรึกษาจากเจ้าโอลาฟ ว่าจะทำยังไงให้หายจาก การถูกสาปให้เป็นแมว หลังถูกเวทย์มนตร์ตัวเองสะท้อนกลับ ข้าลองทุกวิธีที่ข้ารู้แล้ว ดูเหมือนมนตร์สายมืดที่ข้าใช้ จะไมได้ผล ข้าเลยลองมาถามเผ่ามังกรดู พวกเผ่ามังกรใช้เวทย์มนตร์ ได้ทั้งสายแสงสว่างของพวกเทพ และสายความมืดที่ข้าใช้ เนื่องจากเผ่ามังกรไม่ใช่ทั้งเทพและปีศาจ เลยใช้ได้ทั้งสองสาย เจ้าโอลาฟนี่ก็เป็นราชามังกรรุ่นปัจจุบัน
ข้าเลยมาขอคำปรึกษา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เรื่องซะแล้ว
โอลาฟ สูดลมหายใจกลั้นหัวเราะ ก่อนจะพยามทำสีหน้าเคร่งขรึม
" อืม.....ข้าว่า เจ้าต้องไปโดนพวกมนุษย์ฆ่าตายสักทีหนึ่งน่ะ "
ข้าเอามือ(ขาหน้า)ลูบคางอย่างครุ่นคิด จริงด้วยสินะ ถ้าข้าตายเวทย์มนตร์ที่ข้าร่ายไว้ก็จะถูกรีเซ็ตใหม่หมด
อ๊ะ! ข้าลืมบอกไปสินะ ที่จริงข้าเป็นอมตะน่ะ จนกว่าข้าจะเลิกเป็นจอมมาร ข้าถึงจะตายได้เหมือนปีศาจตนอื่นๆ ต่อให้เอามีดมาแทงพุงข้า ข้าก็จะแค่กลายเป็นผง แล้วคืนชีพในอีกสองอาทิตย์ แต่ถ้าเป็นปีศาจตนอื่น ก็บอกจองศาลาได้เลย ถึงจะมีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ แต่ปีศาจ ก็ไม่ได้เป็นอมตะอย่างที่พวกเจ้าเข้าใจ
ถึงตอนนี้ เจ้าคงสงสัยล่ะสิว่าทำไม ข้าไม่เอามีดมาแทงพุงตัวเอง คือมีกฎข้อบังคับไว้น่ะว่า ถึงข้าจะเป็นอมตะ แต่ถ้าข้าฆ่าตัวตาย (การเอามีดจิ้มพุงตัวเอง ก็เป็นการฆ่าตัวตายอย่างหนึ่งนะ) ข้าก็จะตายจริงๆ แล้วถ้าไม่ใช่ธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นธาตุแสงสว่าง ก็ทำอะไรข้าไม่ได้ จะให้ลูกน้องข้ามาแทงพุง พลังความมืดก็จะปนเปื้อนในดาบ ข้าก็ไม่ตายอีก ยุ่งยากจริงๆ แล้วก็อีกประการ ธาตุศักดิ์สิทธิ์ จะแสดงพลังก็ต่อเมื่อ ผู้ที่ใช้มีความมุ่งมั่นซึ่งเป็นด้านสว่างมากพอ พูดง่ายๆ ต้องมีความตั้งใจจะเอามีดมาจิ้มพุงข้า เพราะฉะนั้น ผู้กล้าคือคำตอบ
.......................................
อีกสองสามวันต่อมา
บนยอดปราสาทของพระราชา ข้ามองดูผู้คนมากมาย ที่มาชุมนุมกันที่ ลานกว้างหน้าปราสาท ตรงนั้นมีลานประลองย่อยๆ ข้างถนน และแน่นอน เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน การพนันจึงเกิด
ตรงโน้นมีร้านขายขนมด้วยแฮะ
อืม…หอมดีแฮะ ไว้เดี๋ยวเสร็จงาน ข้าไปลองเดินดูดีกว่า
ตรงใจกลางงานมีเวทียกพื้นสูง มีก้อนหินหนึ่งก้อน ที่ข้าแอบไปปักดาบเอาไว้
แฮ่ม...ข้าสลักไว้ด้วยนะว่าดาบปราบจอมมาร
หืม....อะไรนะลายมือข้าห่วยงั้นเหรอ ข้าบรรจงแล้วเฟ้ย เดี๋ยวก่อนนะ นั่นมันใช่ประเด็นซะที่ไหนกันล่ะ
เอาล่ะถึงไหนแล้ว.... ข้าลายมือห่วย.... ข้าแค่เขียนสวยแล้วนะ เจ้าเรียนมาน้อยเลย อ่านไม่ออก มาว่าข้าลายมือห่วยได้ไง อ๊ะ!!! เจ้าทำข้าเกือบออกทะเลแล้วนะ
อะ แฮ่ม....
เอาล่ะเข้าประเด็นก่อน.....คือเรื่องของเรื่อง เมื่อสองสามวันก่อน ข้าเอาดาบที่จะมาปราบข้า ไปปักที่ก้อนหินเก่าๆข้างทางเดินปราสาท ดาบเล่มนี้ข้าเป็นคนออกแบบเองเชียวนะ เลิศหรูอลังการงานสร้างซะไม่มี
ตอนแรกข้านึกว่า
“โอ้โห นั่นดาบในตำนานนี่ “แล้วก็คงมีผู้กล้ามากมาย มาแย่งชิงกัน
ข้าจะได้คัดเลือกผู้กล้าที่จะมาเอาดาบมาจิ้มพุงข้า เห็นข้าเป็นแบบนี้ ข้าก็เลือกนะเออ ข้าไม่ใจง่ายขนาดที่จะให้ใครก็ไม่รู้ เอาดาบมาแทงข้าง่ายๆ หรอก
ข้ารออยู่วันหนึ่งก็แล้ว สองวันก็แล้ว สามวันก็แล้ว ข้าก็นึกว่าจะมีใครเห็นซะอีก แต่ก็ไม่มีใครเห็น แถมที่เจ็บกว่านั้น ยังมีคนเอาป้ายโฆษณาร้านขายหมูไปแขวนอีกด้วย
ข้าคิดว่า ถ้าปล่อยไว้ ดาบที่ข้าอุตส่าห์ทำขึ้นมา มีหวังได้เป็นราวตากผ้าของใครสักคนเป็นแน่
ข้าก็เลยให้ เจ้าปีศาจสายฟ้า ทำฟ้าผ่าที่ก้อนหินก้อนนั้นเรียกร้องความสนใจ
พอมีคนมาให้ความสนใจ ก็แกล้งไปปล่อยข่าวว่า
"เห็นเขาบอกว่านี่ คือดาบในตำนาน"
แล้วเชื่อไหม สามวันแค่นั้นล่ะ ลือหึ่งไปทั้งเมือง ดาบที่เกือบจะกลายเป็นราวตากผ้า มีคุณค่าทางอาหารขึ้นมาทันที ไม่ได้สงสัยกันเลย ที่ว่าเค้าว่ากันว่า แล้ว ไอ้เค้าที่ว่าน่ะใคร
แล้วหลังจากนั้นพระราชาอ้วน ก็สั่งให้คนมาดึงดาบออก
ฮ่า ฮ่าไม่มีทางซะล่ะ ดาบปราบมารที่ข้าทำ ไม่ใจง่ายนะ ขอบอก หลังจากนั้นเจ้าพระราชาอ้วน ก็เลยจัดงานประลองเพื่อคัดหาผู้กล้าที่จะมาดึงดาบไปปราบข้า นี่ล่ะเรื่องราวทั้งหมด ที่ทำให้ข้ามาอยู่ตรงนี้
ข้ามองดูผู้คนที่มาเที่ยวงานเพลินๆ ทันใดนั้นเองแตรก็ถูกเป่าขึ้น พรมแดงก็ถูกปูอย่างว่องไว แล้วพระราชาเดินขึ้นมาบนเวที คงจะมากล่าวเปิดงานสินะ สายตาของผู้คนนับร้อยจับจ้อง ร่างอวบอัดของเจ้านั่น เป็นสายตาเดียวกัน
พระราชา กระแอมในลำคอ ก่อนจะกล่าว อารัมภบทเสียยืดยาวว่าอาณาจักรแห่งนี้เกรียงไกรและยิ่งใหญ่เพียงใด เจ้านั่นเหนื่อยยากเย็นใด กว่าจะสร้างมาได้ บลาๆๆๆ เจ้านั่นพูดหาเสียงให้ตัวเอง จนข้าเกือบจะหลับกระทั่ง
“เอาล่ะ ทุกๆคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า เมื่อวันก่อนจอมมารได้ปรากฎตัวขึ้นที่ปราสาท พร้อมกับขู่ทำลายบ้านเมืองของเรา ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงต้องการจัดการประลองหาผู้กล้า ที่จะมาอาสาดึงดาบในตำนานเล่มนี้ “
เออดีมากเข้าเรื่องสักที
จากนั้น บรรดาผู้ที่จะมาประลอง ก็ขึ้นไปบนเวที โบกไม้โบกมือ ให้บรรดาแฟนคลับทั้งหลาย
อ๊ะ !! ข้าเห็นป้ายไฟแวบๆด้วยนะ
อืม......ทุกอย่างจะเห็นไปตามแผนของข้า
ตูม!! มีเงาดำร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากไหนก็ไม่รู้ ลงตรงกลางเวทีเลย
สไตร์ค!!! เอ๊ย !! ทุกคนที่อยู่บนเวทีล้มลงไม่มีเหลือ ใครกันฟะ เมื่อฝุ่นจางลงข้าก็พบว่า
นาตาเวีย นั่นนาตาเวียแน่ๆ สายตาโหดเหี้ยมและเย็นชากว่านี้ ไม่มีอีกแล้วในสามโลก ถึงนางจะอยู่ในชุดรัดรูปที่ปิดบังใบหน้า จนมองแทบไม่รู้ก็เถอะ แต่ข้าจำนางได้ทันที
“แค่กๆ เจ้าเป็นใคร “มากค์ v11 เอ๊ย หนึ่งในผู้เข้าประลองถาม ชายคนนี้สง่า รูปหล่อ จนน่าจะไปเป็นพระเอกหนัง ปัดฝุ่น ที่ฟุ้งกระจายก่อนจะเอ่ยปาก
“ข้าคือสมุนมือขวา ของจอมมาร มีนามว่า ปีกทมิฬ “ นางเป็นลูกน้องข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย
นับจากหลังที่ข้าไปปรึกษาเจ้าโอลาฟ ข้ากลับมาก็ไม่เห็นหน้านางอีกเลย นางมาที่นี่ได้ยังไง
“เจ้ามีจุดประสงค์อะไร “ เจ้าอัศวินรูปหล่อ ชัดดาบออกมาด้วยท่าทางที่เท่โดนใจ
เรียกเสียงกริ๊ดจากสาวๆข้างล่างเวทีได้สนั่น
“ช้ามาเพื่อกำจัดผู้กล้า ….” นางชักดาบตอนไหนก็ไม่รู้ ข้าเองยังมองไม่ทัน
แต่ที่รู้ๆ ดาบของเจ้านั่นเหลือแค่ด้าม
“หนอยแน่ะ ด้วยเกียรติของข้า ข้าไม่ยอมแพ้หรอก “ เจ้านั่นทำท่าจะใช้มือเปล่า เข้าไปสู้กับนาง
นาตาเวียสบัดข้อมือนิดเดียว แต่ว่าเจ้านั่นก็กระโดดหลบได้ทัน
“ดาบเจ้าไม่ต้องระคายผิวข้าหรอก “รอยยิ้มสุดเท่ถูกส่งผ่านมา
นางไม่ตอบอะไร แต่ผิวปากอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะมองที่ปลายดาบ ทุกคนมองที่ดาบนาง
ก่อนจะพบว่า
เข็มขัดเส้นหนึ่งอยู่ที่ปลายดาบ แค่นั้นกางเกงของผู้ชายคนนั้นก็หลุดลง
นางแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเบาๆ แต่เจ็บไปถึงขั้วหัวใจ
“ หึ …..มีแค่นี้เองเหรอ “
ข้าพึ่งรู้ว่ามนุษย์นี่ ทำสีหน้าได้แดงขนาดนั้น
พวกที่เหลือคงรู้แล้วว่า เข้าไปคนเดียวคงได้โชว์จ้ำบ๊ะกลางเวทีเป็นแน่ เลยเข้าไปรุมพร้อมๆกัน
ไม่ทันถึงสามวินาที เหล่า ผู้กล้าก็ล้มไปแล้วห้าคน
ถ้าถูกจัดการเรียบ ข้าแย่สิ ใครจะมาเป็นผู้กล้าอีกล่ะทีนี้
ข้ามองซ้ายมองขวา หาคนที่จะมาจัดการกับนาง
อ๊ะ! ทันใดนั้นข้าก็เห็น
ในบรรดาผู้คนที่หลบบรรดาลูกหลงจากเวทีประลอง มีคนๆเดียวที่คอยปกป้องผู้คนจากลูกหลง เขาไม่ได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อชิงดีชิงเด่น แต่กลับคอยปกป้องผู้คน
อาห์~นี่ล่ะผู้กล้าในฝันของข้า นี่ล่ะ คนที่จะพามนุษย์ไปสู่แสงสว่าง
ข้าร่ายเวทย์ทะลุมิติ เพื่อนำเอายาลูกกลอนที่เจ้าโอลาฟให้ไว้ออกมา
ข้ายังไม่ได้บอกสินะ ข้าอยู่ในร่างนี้ ข้าใช้ได้แต่เวทย์มนตร์พื้นฐาน แต่เวทย์มนตร์ขั้นสูง ข้าใช้ไม่ได้
แต่ถ้ามียาของเจ้าโอลาฟ ข้าก็จะสามารถใช้พลังได้ชั่วคราว ว่าแต่ ...อืมไหนๆ ฉลากยา ว่าไงนะ
ยาสีฟ้า จะทำให้ใช้พลังเวทย์ได้ชั่วคราว
ยาสีแดง จะทำให้ เพิ่มพลังเวทย์
ยาสีเหลือง จะหยุดพลังเวทย์
ปล.รักนะเด็กโง่
อืม...สรุปคือข้าต้องกินยาสีฟ้าสินะ แต่เจ้าบ้านั่นลืมอะไรไปรึเปล่า
แมวตาบอดสีเฟ้ย!!!
ความคิดเห็น