ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    i can see u #กลัวผีหรอครับ

    ลำดับตอนที่ #1 : fate

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 63




              เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นคอนกรีตดังก้องตรอกแคบไร้ผู้คนในยามวิกาลที่เงียบสงัด เจ้าของร่างเล็กหอบหายใจขณะตวัดสายตากลับไปมองด้านหลังของตัวเองด้วยความหวาดกลัว หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเมื่อยังคงเห็นภาพอมนุษย์ในรูปลักษณ์ที่น่าสยดสยองจำนวนหนึ่งกำลังตามติดหมายจะเอาชีวิตเขาอย่างไม่ลดละราวกับพวกมันไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อยขณะที่ตัวเขาเองจวนเจียนจะหมดแรงลงทุกวินาที

              เขาจะรอดไปจากที่นี่ได้ยังกันไง..

              เท้าคู่เล็กวิ่งลัดเลาะไปตามซอกซอยต่างๆ อย่างไม่รู้จุดหมายระหว่างคิดหาทางเอาชีวิตรอดหวังเพียงจะสลัดวิญญาณร้ายที่ส่งกลิ่นสาบเหม็นคลุ้งจนน่าสะอิดสะเอียดพวกนั้นได้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามหนีเท่าไหร่วิญญาณที่อยู่รอบบริเวณนั้นก็ยิ่งมารวมกลุ่มกันมากขึ้นจนแทบนับจำนวนไม่ได้

              พลั่ก!!

              ร่างกายที่อ่อนล้าพาตัวเองมาจนถึงจุดจบเมื่อข้อเท้าขาวดันไปสะดุดเข้ากับก้อนอิฐที่ถูกวางเรี่ยราดอยู่ข้างทางทำให้กายขาวล้มลงไปกับพื้นถนนก่อนที่จะรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายยันกายลุกขึ้นแต่ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาเป็นสัญญาณว่าเขาไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้วอีกทั้งกำแพงหนาที่ตั้งขวางทางอยู่ตรงหน้ากลายเป็นประตูสู่นรกที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ

              "ฮึก.. ออกไปนะ อย่าเข้ามา" น้ำเสียงแหบพร่าตะโกนใส่เหล่าวิญญาณร้ายที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัวพลางขยับกายถอยหลังจนชิดกำแพงเขาพาตัวเองมาเจอกับทางตันทำให้ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกแล้ว..

    .

    .

    .

    .

    .

              สามเดือนก่อน..


              มือบางจรดปลายปากกาลงบนกระดาษสัญญาเช่าห้องพักพร้อมกับเขียนชื่อของตัวเองลงในช่องผู้เช่าด้วยลายมือหวัดๆ ก่อนที่จะส่งมันคืนให้กับหญิงวัยกลางคนที่ยืนรออยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ไล้สายตาสำรวจที่ซุกหัวนอนแห่งใหม่ที่มีสภาพพอรับได้หลังจากที่เจอหอพักแห่งนี้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต

              ตึกเก่าที่ถูกนำมารีโนเวทใหม่เป็นหอพักสไตล์โมเดิร์นราคาย่อมเยาที่มีขนาดห้องเพียงพอสำหรับหนึ่งชีวิตและอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดทำให้เขาจำต้องหอบข้าวของที่มีอยู่เพียงน้อยนิดมาซบอกหอพักแห่งนี้

              แอชลีย์ เบรย์เดน เด็กหนุ่มวัย 21 ปีที่ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านอันแสนอบอุ่นของคุณป้าที่เป็นเครือญาติคนสุดท้ายมาหาเช่าอพาร์ทเม้นต์ใกล้ที่เรียนและร้านที่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่เพียงลำพังเพื่อใช้ชีวิตแบบเด็กมหา'ลัยอย่างเต็มที่ เขาถูกเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหินเช่นเดียวกับลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนมาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตอยู่ในอาณัติของครอบครัวที่ปูทางอนาคตของเขาไว้ด้วยภาพฝันที่สมบูรณ์แบบ เติบโต เรียนหนังสือ ทำงานเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตและแต่งงานมีครอบครัวที่ดีหากแต่แอชลีย์ไม่ได้ต้องการเช่นนั้น

              สิ่งที่เดียวเขาต้องการมีเพียงการได้ใช้ชีวิตแบบอิสระเท่านั้นเอง..

              "ขอบคุณครับ" แอชลีย์เอ่ยปากขอบคุณตามมารยาทและเอื้อมมือไปรับกุญแจห้องก่อนที่จะสาวเท้าออกจากล็อบบี้ขึ้นบันไดไปยังชั้นสามของตึกพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบโตอีกหนึ่งใบที่เป็นสัมภาระเพียงชิ้นเดียวของเขา

              "มีคนอยู่จริงไหมเนี่ย" เสียงเล็กพึมพำเบาๆ เมื่อเริ่มสังเกตว่าหอพักที่มีคนอยู่เต็มเกือบทุกห้องนั้นกลับเงียบสงัดจนผิดวิสัยดวงตากลมโตสีนิลมองหาห้องพักหมายเลข 313 ที่อยู่เกือบสุดโถงทางเดินอย่างเป็นกังวล แอชลีย์มีเวลาไม่มากนักในการตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าห้องพักเพราะเหลือห้องว่างอยู่เพียงห้องเดียวและมีคิวจองต่อยาวเป็นหางว่าว หากเขาไม่รีบตัดสินใจก็คงต้องระเห็จไปหาหอพักแห่งใหม่อยู่ดี แน่นอนว่าแอชลีย์พลาดโอกาสในการขึ้นมาสำรวจห้องก่อนการเซ็นสัญญาซึ่งเป็นสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดแต่ทันทีที่ประตูห้องพักถูกเปิดออกเจ้าของห้องคนใหม่ก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมาด้วยความพึงพอใจ

              เด็กหนุ่มผิวซีดเดินสำรวจห้องสตูดิโอขนาดกะทัดรัดสีขาวสะอาดตาที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีเดียวกัน เตียงนอนขนาดสี่ฟุตถูกตั้งไว้กลางห้องขนาบข้างด้วยตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ด้านบน ทีวีกับไมโครเวฟถูกตั้งอยู่ปลายเตียง ด้านในสุดเป็นห้องน้ำติดกับระเบียงหลังห้องที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันไม่ต่างจากรูปถ่ายที่แอชลีย์เห็นมาจากอินเตอร์เน็ตสักเท่าไหร่ซึ่งก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกโล่งใจขึ้นเปราะหนึ่ง

              มือบางเปิดประตูกระจกใสที่เชื่อมกับระเบียงหลังห้องออกเพื่อถ่ายเทอากาศและลดกลิ่นอับภายในห้องพักที่ไร้ผู้เช่าอาศัยมานานหลายเดือนก่อนที่จะลงมือจัดเก็บเสื้อผ้าและของใช้ในกระเป๋าเดินทางให้เข้าที่เข้าทาง

              "เห้อ.."

              แอชลีย์ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับทิ้งกายลงบนเตียงนุ่มขนาดพอดีตัวเมื่อเปลือกตาทั้งสองข้างเริ่มจะหนักอึ้ง ร่างกายของเขากำลังเรียกร้องหาการพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับภารกิจตามหาหอพักมาครึ่งค่อนวันจนเกินกว่าที่จะทำสิ่งอื่นจึงปล่อยให้ตัวเองจมสู่ห้วงนิทราขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำจวนเจียนจะลับขอบฟ้า..




              แสงไฟสลัวจากท้องถนนสาดเข้ามาภายในห้องพักที่เจ้าของห้องยังคงหลับสนิท ลมหนาวพัดเข้ามาผ่านประตูระเบียงที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ทำให้กายเล็กต้องนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา

              ปุก.. ปุก

              เสียงปริศนาดังขึ้นภายในห้องพักหมายเลข 313 ทำลายความเงียบในยามวิกาลโดยที่เจ้าของห้องเองก็ไม่ทันได้รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

    ปุก.. ปุก

              เงาร่างสีดำทะมึนเจ้าของเสียงปริศนากำลังนั่งห้อยขาอยู่บนหลังตู้เสื้อผ้าที่ถูกตั้งชิดกับผนังห้องไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก ส้นเท้ากระทบกับประตูตู้ตามแรงโน้มถ่วงจนเกิดเสียงดังเป็นจังหวะคลอด้วยเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่กำลังหลับอยู่บนเตียง เงาดำเอียงคอมองเด็กหนุ่มพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา

              นานมาแล้วที่ห้องๆนี้ไม่มีคนเป็นเข้ามาอยู่อาศัยจนแทบจะลืมไปแล้วว่าควรจะต้อนรับแขกคนนี้อย่างไร..

              "นายเป็นของฉันเด็กน้อย"


    ㅡ icsu ㅡ


              แอชลีย์ป้องปากหาวและปรือตาขึ้นมองกระดานหน้าห้องเรียนที่เต็มไปด้วยลายมือขยุกขยิกของอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ มือเล็กเท้าคางกับเลคเชอร์ขณะกำลังจดสิ่งที่ได้ยินลงในสมุดโน้ตเล่มเล็กเก็บไว้อ่านในช่วงปลายภาคเรียนพลางชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองทุกสิบนาทีและภาวนาให้มันช่วยเดินเร็วขึ้นอีกสักหน่อยเพราะเวลาสามชั่วโมงกับการเรียนผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวกับถูกยืดเวลาให้นานขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า

              เสียงเปิดประตูห้องเลคเชอร์จากทางด้านหลังดังขึ้นหลังจากที่เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง พวกเด็กมาสายกรูกันเข้ามาในห้องเรียนอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการสอนและทยอยแยกกันไปหาที่นั่งอย่างแนบเนียน

              "ตรงนี้ว่างไหมครับ?"

              "ว่างครับ" แอชลีย์ตอบรับโดยไม่หันกลับไปมองเมื่อชายแปลกหน้าอีกคนที่อ้อมมาจากด้านหลังเอ่ยปากถาม อีกฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ออกและนั่งลงที่โต๊ะข้างเขา แต่สิ่งที่สะกิดต่อมสงสัยของคนตัวเล็กคือกลิ่นหอมอ่อนๆที่อบอวลอยู่ในตั้งแต่ประตูบานนั้นถูกปิดลง น่าแปลกที่กลิ่นหอมนั้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและอยากจะสูดดมมันอยู่ตลอดเวลาจนเริ่มจะเสียสมาธิ

              มันคือกลิ่นของใครกัน..

              แอชลีย์ยังคงได้กลิ่นหอมหวานอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งเลิกคลาส กายเล็กแทรกตัวผ่านผู้คนที่ยืนออกันอย่างแออัดเพื่อตามหาเจ้าของกลิ่นนั้นซึ่งดูเหมือนจะเป็นของใครสักคนที่นั่งอยู่หลังห้อง

              "ขอโทษนะครับ" แผ่นหลังบางถูกสะกิดเบาๆจากด้านหลังทำให้แอชลีย์ต้องละความสนใจจากการตามหาเจ้าของกลิ่นนั้นและหันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตัวโตซึ่งเป็นคนเดียวกับที่นั่งข้างเขาเมื่อครู่นี้

              "ครับ?"

              กลิ่นนั้นหายไปแล้ว..

              คลาดกันจนได้..

              "คุณลืมไว้บนโต๊ะ" ชายหนุ่มส่งสมุดโน้ตเล่มเล็กคืนเจ้าของขี้ลืมที่มัวแต่สนใจกลิ่นหอมจนลืมของๆตัวเอง

              "ขอบคุณครับ"

              "ผมชื่อเจย์เดน เรียนโฟโต้นะครับ" อีกฝ่ายถือโอกาสแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้กับเพื่อนน่วมคณะอย่างเป็นมิตร

              "แอชลีย์ครับ เรียนอนิเมชั่น" แอชลีย์แนะนำตัวกลับตามมารยาทด้วยความมึนงง ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอ่อนเหยียดตรงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ผ่านใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูนั้น เขาไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักเพราะบุคลิกที่จืดชืดไม่มีสีสันไม่ต่างจากผิวกายซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาทำให้น้อยคนนักที่จะเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อน เจย์เดนชวนคุยต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่แอชลีย์จะขอปลีกตัวออกมาเพราะรู้สึกอึดอัดที่ต้องคุยกับคนแปลกหน้า ท่าทางโรคนี้คงแก้ไม่หายจริงๆ

              สายลมอ่อนๆพัดผ่านเรือนผมสีบลอนด์เป็นประกายที่กำลังหยอกล้อกับแสงสีส้มยามบ่ายระหว่างเดินเท้ากลับหอพัก นัยน์ตาสีนิลตัดกับผิวกายขาวซีดขับเน้นให้ดวงตากลมโตเป็นจุดที่โดดเด่นที่สุดในร่างกายเพราะทั้งสีผิวและสีผมทำให้เจ้าตัวแทบจะกลืนหายไปกับแสงแดดจัด

              แอชลีย์หยุดยืนอยู่ริมฟุตปาธเพื่อรอสัญญาณไฟข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยพลางมองซ้ายขวาให้แน่ใจก่อนที่จะสาวเท้าพาตัวเองข้ามถนนสองเลนไปอีกฝั่งหนึ่ง

              โครม!!

              เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นหลังจากที่รถคันหนึ่งพุ่งตรงมาโดยไม่สนสัญญาณไฟจราจรชนร่างเล็กจนกระเด็นลอยกลับไปกระแทกกับฟุตปาธ แอชลีย์นอนจมของเหลวสีแดงข้นขณะที่คนอื่นๆต่างวิ่งมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ

              กลิ่นนั้น.. แอชลีย์ได้กลิ่นนั้นอีกแล้ว..

              "แอชได้ยินหรือเปล่า?" เสียงเรียกดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่งใกล้ตัวแต่เด็กหนุ่มผิวซีดแทบจะไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว ร่างทั้งร่างชาดิกไปทุกส่วน สติสัมปชัญญะที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็กำลังจะหลุดลอยไปในอีกไม่กี่วินาทีนี้

              "แอชอย่าเพิ่งหลับนะ"

              สิ่งสุดท้ายที่แอชลีย์รับรู้กลับเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆที่ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำกับเงาร่างของชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่เหนือร่างของเขาก่อนที่ทุกๆอย่างจะดับวูบไป



    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×