ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Red Passione ลิขิตรักสีเลือด

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 57





    บทนำ




     
     
    วอชิงตัน ดี ซี ,สหรัฐอเมริกา

     
     
        ยามบ่ายคล้อยของวันหนึ่งในฤดูหนาว วันที่ท้องฟ้าหม่นราวกับจะมีหิมะและหยาดฝนปรายลงมาตลอดเวลา เมฆลอยครึ้มต่ำและสายลมแรงนั้นเป็นอุปสรรคชั้นดีของคนที่คิดจะย่างเท้าออกจากบ้าน ทว่าบนถนนเพนซิลวาเนีย อเวนิว ถนนเส้นหลักที่นำไปจนถึงเดอะไวส์เฮาส์ ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและสถานที่สำคัญรอบๆนั้นยังคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนหลากหลาย บ้างมาเดินเที่ยวและถ่ายรูป บ้างมาชมวิว ขายของ นักศึกษาสาวจากโรงเรียนศิลปะนั่งวาดรูปอย่างตั้งอกตั้งใจ ทุกอย่างนั้นยังคงดำเนินไปแม้ว่าจะเป็นวันที่หนาวเหน็บก็ตาม

     
     
          ร่างของชายหนุ่มสองคนเดินควงแขนจับมือกันมาท่ามกลางผู้คน พวกเขาใส่เสื้อโค้ทตัวยาว พร้อมทั้งมีหมวกกันลมและผ้าพันคอผืนหนา ลักษณะเหมือนคนกลัวหนาวเต็มอัตราดูน่าขันไม่น้อย ท่าทีชี้ชวนกันให้มองดูอาคารทำเนียบขาวอย่างสนอกสนใจนั้นบ่งชัดว่าเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวมากมายที่มาเยือน ณ ที่แห่งนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครแปลกใจอันใด เมื่อทั้งคู่ชี้ชวนกันไปเดินต่อแถวตามไกด์เข้าไปยังหอสมุดรัฐสภาอเมริกันที่อยู่ห่างเพียงเส้นถนนคั่น

     
     
          แถวที่เคยยาวเหยียดในวันปกติดูจะสั้นลงเมื่อวันนี้เป็นวันที่สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ ร่างของนักท่องเที่ยวสองคนเดินเข้ามาพลางตามไกด์ไปอย่างง่ายๆ พวกเขาเดินเข้ามาในห้องโถงกลางของห้องสมุดซึ่งสร้างในสไตล์อิตาเลียนเรเนซองต์ เสาหินอ่อนสูงลิ่วงามจับตาเช่นเดียวกับผนังห้องที่ถูกตกแต่งด้วยรูปวาดและภาพเขียนหลากหลาย เช่นเดียวกับเพดานโถงสูงและพื้นหินอ่อนเงาวับ งดงามสมกับเป็นสถานที่สำคัญ

     
     
          ผู้คนส่วนใหญ่ยกกล้องถ่ายรูปมาบันทึกภาพบ้างก็ชี้ชวนกันดูอย่างตื่นเต้น ชายหนุ่มนักท่องเที่ยวทั้งสองก็มองไปรอบๆด้วยสีหน้าสนอกสนใจไม่น้อย หากเพียงครู่พวกเขาก็เดินลงไปชั้นใต้ดิน ผ่านห้องน้ำไปยังประตูที่เปิดให้ผู้เข้าใช้เข้ามายังส่วนของห้องสมุด


     
           กฏที่เขียนอยู่บนป้ายก่อนทางเข้าบอกไว้ชัดเจนว่าผู้ที่จะใช้ได้ต้องเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ชายหนุ่มทั้งสองอ่านแล้วได้แต่ถอนใจ ทว่ากลับไม่คิดจะเดินหันหลังจากไป เพราะเพียงครู่เดียว บัตรสมาชิกหอสมุดรัฐสภาอเมริกันก็ปรากฏอยู่ในมือ

     
     
         ปลายนิ้วซีดขาวทั้งสองยื่นบัตรแสดงตัวแก่เจ้าหน้าที่ก่อนจะผ่านเครื่องตรวจไปโดยง่าย ห้องสมุดแห่งนี้มีสามชั้น บรรจุหนังสือไว้นับหลายพันเล่ม การค้นหนังสือที่อยากได้ ทางที่ดีที่สุดควรจะค้นจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่วางบริการอยู่ หากแต่ทั้งสองคนไม่คิดจะไปข้องเเวะกับมัน ต่างก็เดินขึ้นยังชั้นสองอย่างคุ้นเคย ก้าวผ่านชั้นหนังสือที่ทำจากไม้โอ๊คชั้นดีไปเรื่อยๆจวบจนถึงหนังสือเกี่ยวกับตำนานต่างๆ ปลายเท้าของทั้งคู่จึงหยุดเคลื่อนไหว

     
     
         กวาดสายตาไปบนชั้น ระบบการจัดวางหนังสือของหอสมุดแห่งนี้ใช้ระบบ L.C ที่แบ่งหนังสือออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ตามประเภทของหนังสือ ดังนั้นในชั้นที่พวกเขายืนอยู่จึงมีหนังสือเกี่ยวกับตำนานมากมายหลากหลายชนิด หลายภาษา ปลายนิ้วขาวซีดค่อยๆไล่ดูตามชั้น ก่อนที่จะหยิบหนังสือปกแดงเข้มขลิบทองอันมีชื่อว่า'ตำนานเรื่องเล่าเก่าแก่ของอิตาลี'

     
     
        หนึ่งในสองนั้นหัวเราะ จะขันเพราะด้วยเหตุใดไม่ทราบแต่อีกหนึ่งนั้นฟาดปลายนิ้วตีลงไปเบาๆเป็นเชิงดุ ริมฝีปากนั้นจึงยกเป็นรอยยิ้ม


     
        "ไม่เห็นต้องมาถึงที่นี่..." ชายผู้หัวเราะนั้นเอ่ย ขณะที่เปิดหนังสือออก กลิ่นฉุนจางของน้ำหมึกและเยื่อกระดาษอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังสือที่เก็บมาเนิ่นนานก็อวลขึ้นมาจางๆ ข้อมูลในหนังสือบอกช่วงเวลาตีพิมพ์เป็นช่วงปลายคศ.ที่18 อายุของหนังสือเก่าหลายร้อยปีที่มีให้อ่านนี้แม้จะเก่า แต่ก็เป็นเพียงตัวก๊อปปี้จากของต้นฉบับเท่านั้น


     
        "ฉันแค่อยากเห็นของจริง" คำตอบนั้นดังมาจากอีกคน ปลายนิ้วเรียวซีดหากแต่สีเข้มกว่าแตะลงบนกระดาษหน้าสารบัญแล้วไล่ลงช้าๆ ด้วยท่าทีใจจดใจจ่อ 

     
     
        "ตรงนี้ก็เป็นของเลียนแบบ" คนถือหนังสือหัวเระาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดข้องเมื่ออีกฝ่ายบอกให้พลิกไปยังหน้าร้อยแปดสิบเอ็ด

     
     
        "จะอย่างไรก็มีของจริง ฉันอยากเห็น" คนพูดส่งเสียงจิ๊กจั๊กเบาๆในลำคอก่อนจะร้องอย่างตื่นเต้น "เจอแล้วๆ"

     
     
        "อยากเห็นอะไร ลายมื---" พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงร้องของคนที่อยากเห้นของจริงนักก็ดังขึ้น ปลายนิ้วนั้นชี้ไปยังชื่อตำนานบทหนึ่งในนั้น ขณะที่คนมองเริ่มหัวเราะ

     
     
        "...นี่ไงล่ะ..'ตำนานผีดูดเลือดแห่งปาโดวา'เจอแล้ว" ริมฝีปากเล็กออกเสียงด้วยท่าทีตั้งอกตั้งใจพลางยิ้มกวาน ก่อนจะหวาดตามองรายละเอียดคร่าวๆแล้วหัวเราะ ดันไหล่อีกคนเบาๆ

     
     
        "เอ๊า อ่านสิ"

     
     
        "หืม ทำไมต้องเป็นฉัน..." คนถือหนังสือเลิกคิ้ว ถามกลับ

     
     
        "ก็นายบอกว่ารู้จักมันดีไม่ใช่เหรอ อ่านให้ฉันฟังหน่อย" ดวงตาคู่นั้นกระพริบออดอ้อนพลางเกาะที่ไหล่ เจอไม้นี้เป็นใครก็ต้องใจอ่อน คนถูกอ้อนถอนใจเบาๆอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะสอดปลายนิ้วไล้แผ่นกระดาษสีน้ำตาลอ่อนจาง แล้วอ่านเบาๆ

     
     
         "ปาโดวา เป็นเมืองในแคว้นเวเนโตที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการโทรคมนาคมของบริเวณนี้  เมืองปาโดวา ยังถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือของอิตาลี ภายในตัวเมืองนั้น มากมายไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศ..."

     
     
           "และเนื่องจากความเก่าแก่และสำคัญของเมืองปาโดวา จึงมีตำนานเล่าขานมากมาย ตำนานหนึ่งที่ถือว่าโด่งดังมากที่สุดนั้นคือ'ตำนานผีดูดเลือดแห่งปาโดวา' ซึ่งถูกสันนิษฐานว่าเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นในสมัยคศ.ที่15-16 อันเป็นยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมของอิตาลี ในอดีตที่แผ่นดินแห่งนี้ยังไม่รวมตัวเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ์โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ปาโดวาเป็นส่วนหนึ่งของเวนิส และถูกปกครองโดยดยุกแห่งเวนิสหรือโดเจแห่งเวนิส....."
     


         น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังกังวานเบาๆในหอสมุดขนาดใหญ่  บุรุษอีกคนยืนอยู่ด้านหลังก้มมองดูใจความในหนังสือพลางนิ่งฟังไปด้วยอย่างตั้งอกตั้งใจ



     
         เรื่องราวและตำนานของผีดิบแห่งปาโดวา จะเป็นเช่นไรกันนะ..




     
     
     
     +++++++++++++




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×