ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mind

    ลำดับตอนที่ #2 : Mission2:Destroy! ล้างผลาญ!

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 57


                สมัยเด็กๆเคยโดนเพื่อนรังแกกันมั๊ยครับ? สมัยเด็กๆนี่ผมไม่ค่อยโดนนะ จะหนักไปทางโดนลูกปืนเฉี่ยวขา เฉี่ยวหน้าซะมากกว่า หมัดก็ไม่ใช้กันหรอก ช้าไป ใช้มีดใช้ปืนมั่นใจกว่า

                ถ้าแกล้งกันเล่นๆก็ยังไม่เท่าไร แต่พวกที่มาแกล้งนี่ พอแกล้งเสร็จจะแย่งขนม ของเล่นไม่ก็เสื้อผ้าไปด้วย แหม่นี่มันปล้นกันชัดๆ วัยเด็กของผมนี่เลวร้ายสุดๆ

                แต่ยังไงๆทุกคนก็ต้องโตเติบขึ้น จะมามัวแพ้ให้กับอุปสรรคเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาได้ยังไงกันละ จริงมั๊ย?

    ……………………………………………………………………………………………….......

                ชายโล้นเสื้อดำเปลี่ยนแขนตัวเองกลายเป็นปืน หลังจากที่เพื่อนโล้นเสื้อขาวถูกผมจับคมดาบเอาไว้จนดึงแขนกลับไม่ได้ ส่วนตัวโล้นเสื้อขาวก็ไม่ยืนเฉย เปลี่ยนแขนข้างขวาให้กลายเป็นดาบเหมือนข้างซ้าย

    ทั้งๆที่เทคโนโลยีมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ยังจะใช้ดาบทั้งสองข้างอีกเหรอ

                ตัวใบดาบที่แขนทั้งสองข้างไม่มีอะไรพิเศษ เป็นดาบใบกว้างธรรมดา ยาวราวๆครึ่งเมตร ถึงมันจะธรรมดา แต่ถ้าโดนแทงซักทีคงไม่ดีเท่าไหร่

                ดาบที่แขนขวาแทงตรงมาที่ช่องท้องพร้อมกับเสียงลั่นไกปืน ผมเหวี่ยงแขนขวาที่จับใบดาบเป็นวงกลมแล้วรีบดึงเข้ามาใกล้ตัว แค่นี้ผมก็ได้ชายโล้นมาเป็นโล่ห์หนึ่งคน

                เสียงกรีดร้องรอบด้านดังขึ้น แต่ผมไม่มีเวลาสนใจ ผมใช้มือหักใบดาบออกมาแล้วถีบตัวไปหาโล้นเสื้อดำ แทงดาบเข้าไปที่คอ โล้นเสื้อดำล้มลงโดยไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้อง แต่คนที่ร้องกลับเป็นคนที่มุงดูแทน

                ...ไม่มีความจำเป็นต้องปราณีกับโจร ถ้าไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า

                ผมเปิดระบบทำความสะอาดเสื้อผ้า ล้างคราบเลือดที่เปรอะ เก็บแว่นไว้ที่เดิม แล้วรีบจ้ำออกมาจากตรงนั้นทันที พวกกุ๋ยแถวนี้ชอบคนเก่งๆ มันจะคอยท้าคนที่มันเห็นว่าเก่ง ผมไม่อยากตกเป็นเป้า ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากฆ่าคน

                หลังจากโดนเสนอขายทั้งยา ของโจร แล้วก็ผู้หญิง ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงจุดหมาย ท่าเรือตลาดนานาชาติเบื้องหลัง

                “น้อง พี่ขอรบกวนอะไรหน่อยได้มั๊ย?” ผมเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ท่าเรือแบบเงียบๆ เรื่องนี้คนต้องรู้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยของผมและ Marverick

                “อะไรครับพี่” เจ้าหน้าที่ทำหน้าเนือยๆ เหมือนรำคาญ

                “พี่อยากได้บันทึกเดินเรือในรอบ 3 วันนี้น่ะ ขอเป็นเฉพาะเรือขนส่งสินค้านะ”

                “เฮ้อ คงไม่ได้หรอ” ไม่ต้องรอให้พูดจบ คนเราเวลาขอให้ทำอะไรไม่มีทางอยู่แล้วที่จะยอมช่วยฟรีๆ

                “อะ เอานี่ไป แค่นี้น่าจะพอทำให้อยากช่วยได้นะ” ผมควักเงินออกมา 5000 ฟันด์ ยื่นมันให้กับเจ้าหน้าที่

                จะยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อยยังไง ถ้าโลภแล้ว เห็นเงินก็ต้องตาโตกันทั้งนั้น

                “ได้ความว่ายังไงบ้างขรับ” Big-Boy โผล่ออกมาทั้งๆที่ผมยังไม่ได้กดปุ่มบนสายรัดข้อมือ

                “คนพัฒนาระบบของนายนี่นิสัยเสียนะ ดันใส่ระบบไร้มารยาทอย่าง Non – Permission มาซะได้” ผมบ่นเล็กๆ แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากบันทึกการเดินเรือ “นี่ไงเจอละ มี 2 เที่ยว ของเมื่อวานซืนกับเมื่อวาน ลูกค้าของทั้งสองเที่ยวคือ Destoroy แต่ทั้งสองเที่ยวนั้นเป็นการขนของมาไม่ใช่ขนของไป… Big-Boy หาข้อมูลของ Destoroy สิ”

                “ตามประสงค์ขรับ”

                ปัจจุบันมีบริษัทที่ผลิต AI ออกจำหน่ายมากมาย AI ของแต่ละบริษัทจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น AI ของ Zauberer Corp. (Zauberer ภาษาเยอรมัน แปลว่า พ่อมด)

    บริษัทเวทยมนตร์ชั้นนำของโลก AI ของบริษัทนี้นั้นถูกบันทึกคัมภีร์จำนวนมหาศาลลงไป ระดับของคัมภีร์ก็ตามแต่ราคาของ AI

                ส่วน Big-Boy ก็เป็น AI ของบริษัทที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ในยุคที่โลกขับเคลื่อนไปด้วยข้อมูลแบบนี้ ใครที่กุมข้อมูลได้มากกว่าย่อมชนะไปกว่าครึ่ง และบริษัทที่เป็นแหล่งข้อมูลที่แน่นยิ่งกว่า guru.com หรือห้องสมุดแห่งใดในโลกคือ Beste Corp.

                เนื่องด้วยการที่ Big-Boy เป็น AI ของหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูล ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะถามคำถามใดๆออกไป

                “Destoroy เป็นบริษัทส่งออกอาวุธและเทคโนโลยีขรับ มีสำนักงานใหญ่ในอยู่ใน ทซีน่าแพนเจีย และสำนักงานย่อยอยู่ที่ นอวีแกนท์นิวเทอร์ร่า เปิดบริษัทครั้งแรกเมื่อปี 354 N.A. ผู้บริหารคนแรกชื่อ

                “พอละๆ ฉันไม่ได้อยากได้ข้อมูลเชิงลึกขนาดนั้น” ผมรีบห้ามปราม ก่อนที่จะได้ข้อมูลไปถึงเบอร์รองเท้าของพนักงานทำความสะอาด “ก่อตั้งตั้งแต่ปี 354 N.A. เลยเหรอ เป็นบริษัทที่เก่าพอดูเลยแหะ แต่มาขนของผ่านตลาดนานาชาติเบื้องหลังแบบนี้ แสดงว่าไม่ใช่บริษัทที่สะอาดนักหรอก”

                “เอายังไงต่อขรับ?”

                “ฉันจะติดต่อหัวหน้าก่อน” ผมส่งบันทึกเดินเรือกลับไปให้เจ้าของ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยัง Marverick

                “ฮัลโล นั่นคิมใช่มั๊ย ขอสายหัวหน้าด่วนเลย” ปกติแล้วคิมจะเป็นคนคอยรับโทรศัพท์แทนผมเวลาผมลงภาคสนาม ไม่ก็เอลซี่

                “เอ่อได้ครับ หัวหน้าครับ หัวหน้า คุณเดดริคโทรมาครับ” นี่ก็แหกปากไม่เกรงใจชาวบ้านเลย

                “เอ้าๆ ว่าไงไนท์ ได้เรื่องอะไรบ้างมั๊ย?”

                “ได้เรื่องใหญ่เลยละหัวหน้า ผมลองวิเคราะห์จากข้อมูลที่มีอยู่คาดว่า UEMP น่าจะโดนขนส่งไปทางเรือ ผ่านตลาดนานาชาติเบื้องหลัง ผมลองเช็คย้อนหลังดูแล้วในรอบ 3 วันก็มีแค่ Destoroy เท่านั้นที่ขนของมาลงที่นี่ แต่ยังไงๆก็ต้องไปเช็คละนะ”

                “ดีมาก ไม่ประมาทดีที่สุด แต่ระวังตัวไว้ด้วยละ Destoroy น่ะ มีพวกเก่งๆอยู่หลายคน”หัวหน้าทำเสียงจริงจัง แบบนี้ก็คงต้องระวังไว้บ้างแล้วละ

                “งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วละหัวหน้า แค่นี้แหละ เลิกกัน” ผมเตรียมจะกดปุ่มวางสาย แต่หัวหน้าก็ห้ามไว้ก่อน

                “เดี๊ยวก่อนไนท์

                “หา? มีอะไรเหรอหัวหน้า” ทำเสียงแบบนี้ แสดงว่ามีเรื่องไม่ปกติแล้วละ

                “เอ่อพวกเราได้ลองตรวจสอบ AI ตัวที่อยู่กับนายแล้ว เราพบว่ามันติดบัคน่ะนะ นายช่วยส่งมาให้เราตรวจอย่างละเอียดได้มั๊ย เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้ทันที”

                “Big-Boy น่ะเหรอ” แปลกแหะ ปกติหัวหน้าไม่น่าใส่ใจกับบัคแบบนี้ เรื่องแบบนี้แค่ให้ช่างเทคนิคเคาะคีย์บอร์ดนิดหน่อยบัคก็ปลิวไปหมดแล้ว “ได้สิครับหัวหน้า” แต่แค่ส่งให้ตรวจสอบนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

                “ขอบใจมาก เดี๊ยวฉันจะให้ทีมช่างดึงข้อมูลมาเลย นายก็อยู่ให้รอดจนกว่าจะได้ AI คืนละ แค่นี้ละ เลิกกัน” หัวหน้าพยายามพูดติดตลกทุกครั้ง แต่เซ้นต์ด้านนี้ของหัวหน้าคงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะมันไม่เคยตลกเลย

                เตรียมตัวให้ดีละ Destoroy อัศวินจะไปเคาะประตูหน้าบ้านแกละนะ

    ……………………………………………………………………………………………….......

                ห่ากระสุนนับร้อยสาดซัดดั่งสายฝน ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ไม่มีเสียงดังเปรี้ยงปร้างๆ ผมคงนึกว่าตัวเองกำลังดูฝนดาวตกอยู่

                “จับตัวมันมาให้ได้! จับตายเลยยิ่งดี!” เสียงดังกระโชกโฮกฮากดังมาจากอีกฝั่งของตู้คอนเทนเนอร์เหล็ก ซึ่งเป็นเสียงของฟาฟเฟอร์ หัวหน้าของพวก Destoroy

                พวกนี้ก็แปลกคน ผมแค่เข้ามาถามเรื่องสินค้าที่เอามาเมื่อ 2 วันก่อน แล้วขอตรวจโรงงานด้วย พวกนี้ดันกระวีกระวาดเป็นกระต่ายตื่นตูม หาว่าผมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาตรวจของเถื่อน ทั้งๆที่จริงถ้าไม่มีหมายตรวจก็ตรวจไม่ได้แท้ๆ

                ผมได้ยินเสียงคนเดินมาหยุดอยู่ตรงมุมของตู้คอนเทนเนอร์ ตอนแรกผมโดนต้อนอยู่หลังตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งเป็นจุดอับ หนีออกไปไม่ได้ ตอนนี้พวกมันยังคิดจะต้อนเข้ามาอีกเหรอ

                ชาย 3 คนโผล่ออกมาพร้อมกับปืน M4A1 พร้อมสาดกระสุนเข้ามาไม่ยั้ง กระสุนดีแดง ขาว เขียวพุ่งตรงไปที่ศีรษะ ระบบป้องกันตัวเลื่อนเป็นระดับ 2 ทันที จากแว่นที่ครอบแค่ใบหน้า เปลี่ยนเป็นหมวกที่กันทั้งศีรษะแทน

                แน่นอนว่าแค่กระสุนปืนย่อมไม่ระคายผิว

                อันที่จริงสีของกระสุนปืนไม่ได้มีคุณสมบัติอะไร มันเป็นแค่รสนิยมของผู้ใช้เท่านั้น อีกอย่าง สีของประกายไฟยามที่กระสุนพุ่งออกไปก็สวยสุดๆเลยละ

                มีดเล็กๆ 2 เล่มปรากฏขึ้นใต้ฝ่ามือ การตวัดมือเบาๆก็เพียงพอแล้วที่จะส่งมีดแบบ EMS เข้าคอเป้าหมาย หลังจากมีดบินออกไปผมพุ่งไปหาชายที่เหลืออีกคน รอจังหวะที่มีดเสียบชายอีก 2 คนไปก่อน แล้วดึงมีดออกมาปักที่หัวใจและลำคอของชายอีกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเก็บมีดทั้ง 2 เล่มไว้ที่เดิม

                ทำไงได้ วันนี้พกมีดมาแค่ 2 เล่มนี่นา

                โรงงานของ Destoroy มีขนาดไม่ใหญ่ แม้จะเป็นสำนักงานใหญ่ แค่เดินเข้ามาก็เป็นตู้คอนเทนเนอร์เรียงกัน 3 ตู้ กับคอนโทรลเลอร์วางเรียงกันยาวๆ ไปจนสุดโรงงาน

                คอนเทนเนอร์ 2 ใน 3 ระเบิดเละเป็นซากพร้อมกับอาวุธเถื่อนที่ขนมาไปแล้ว จากการขว้างระเบิดมั่วซั่วของฟาฟเฟอร์

                เนื่องจากยังต้องถามถึง UEMP ผมจึงเลือกที่จะยังไม่หนีออกไป แต่จากสภาพถามไปก็คงไม่ตอบ เหลือทางเดียวคือต้องทำให้ฟาฟเฟอร์อยู่ในสภาพที่สู้ไม่ไหว

                ลูกน้องอีก 8 คนของฟาฟเฟอร์ยังสาดกระสุนออกมาไม่หยุดเหมือนกระสุนไม่มีวันหมด นี่น่าจะเป็นเทคโนโลยี Warp – Ammo ที่ติดตั้งในอาวุธปืนรุ่นใหม่ มันทำให้แม็กกาซีนของปืนเชื่อมต่อกับคลังแสง เมื่อลั่นไกออกมา กระสุนจะถูกดึงออกมาจากที่คลังแสงโดยตรง หมดปัญหาการรีโหลดกระสุน

                ผมดึงปืน 2 กระบอกออกมาจากศพ กระบอกหนึ่งเก็บไว้ให้ฝ่ายวิจัย อีกกระบอกหนึ่งเอามาใช้เองเปิดระบบป้องกันระดับ 3 เกราะที่ไหล่ก็เปิดออก แล้วเลื่อนออกมาเป็นชุดเกราะเต็มยศ            ใช้ประโยชน์จากของของศัตรู หนึ่งในกลยุทธ์พิชิตชัย

                หลังจากทบทวนดูแล้ว ผมก็มั่นใจว่าเอาอยู่ เดินควงปืนออกไปเผชิญหน้าตรงๆ สาดกระสุนใส่ทุกคนที่อยู่ตรงหน้า ส่วนกระสุนที่ยิงกลับมาก็ไม่ได้สนใจ เพราะร่างกายกับส่วนหัวมีเกราะคอยป้องกันอยู่ ส่วนส่วนอื่นๆในร่างกายก็มีนาโนแมชชีนคอยซ่อมแซมเช่นกัน

                เสียงกรีดร้อง เลือดที่สาดกระเซ็น เสียงปืนดังกระหน่ำ หลังจากผ่านทั้งหมดที่กล่าวถึงมา ภาพตรงหน้าก็เหลือเพียงแต่คนเจ็บที่นอนเรียงราย ผมจงใจไม่ยิงให้ตาย เพราะถ้าฟาฟเฟอร์ตายไป แหล่งข้อมูลสุดท้ายก็จะหายไปด้วย

                แต่ร่างของฟาฟเฟอร์กลับไม่อยู่แถวนั้น

                กว่าจะรู้ตัวก็โดนหอกแทงเข้ากลางหลังเสียแล้ว

                ขนาดเกราะที่ทำจากแร่อดามันไทน์ยังโดนแทงทะลุอย่างง่ายดาย โชคดีที่ร่างกายผมติดตั้งระบบระงับความเจ็บปวดไว้ ทำให้บาดแผลไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวใดๆ

                แขนขวาตวัดกลับแล้วกราดยิงใส่คนที่อยู่ด้านหลังทันที แต่ไม่ทันทีจะโดนเป้าหมาย ปืนกลับโดนหอกแทงจนทะลุกลายเป็นเศษ ไวกว่าความคิด หอกแทงรัวเข้ามาอีก 2 ครั้ง แต่คราวนี้ผมเอี้ยวโดนหลบได้หวุดหวิด แม้ครั้งที่ 2 จะแทงเฉียดสีข้างไปก็ตาม

                ผมหันหลังกลับพร้อมคว้าปืนที่เก็บไว้อีกอันออกมายิง แต่ลั่นไกไปก็ไม่มีกระสุนออกมาก จึงจำใจต้องทิ้งปืนไป สุดท้ายได้มารู้ทีหลังว่าฟาฟเฟอร์ปิดระบบ Warp – Ammo ไป

                ฟาฟเฟอร์แทงหอกตรงเข้ามาที่ขา ผมยกขาหลบทันแต่โดนหอกที่ตวัดขึ้นฟาดปลายคาง ผมไร้ทางเลือกจึงต้องหยิบอาวุธออกมาบ้าง

                แผ่นหลังของผมค่อยๆเลื่อนออก พร้อมกับดาบที่ปรากฏออกมา ผมใช้แขนขวาคว้าดาบแล้วฟาดลงไปที่หอกทำให้เห็นมันอย่างชัดเจน

                “หอกราชันย์” หอกสีทองอร่าม ยาวกว่า 2 เมตร หอกที่เป็นตำนานว่าสามารถแทงทะลุได้ทุกๆสิ่ง

                “ของแกก็ไม่ใช่ย่อยนี่ ดาบนั่นน่ะ” ดาบของผมชื่อดาบปากมังกร มีลักษณะเป็นดาบซี่ถี่เหมือนปากมังกร ในอดีตเคยเป็นดาบของวีรบุรุษอัคคี แต่ดาบเล่มนี้แค่ของเลียนแบบเท่านั้น

                ไม่มีเวลาให้สนทนา ผมยกดาบขึ้นจากหอก ฟันไปที่ท้องของฟาฟเฟอร์ เกิดเป็นแผลเล็กๆ แต่ก็ถูกหอกแทงสวนมา ผมไม่หลบกลับใช้จังหวะนี้เรียกมีดออกมาแทน ท้องถูกแทงเป็นรู แต่ก็ส่งสามารถส่งมีดไปที่ท้องกับหน้าอกอีกฝ่ายได้

                ฟาฟเฟอร์ก็ไม่หลบเช่นกัน เขาปล่อยมือออกจากหอกใช้เท้าถีบหอก พร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นการ์ดมีด

                ร่างกายของผมเสียหายหนัก หอกแทงทะลุปอดกับกระเพาะอาหาร ผมไม่มีเวลามาสนใจบาดแผล ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนที่ไม่ได้คาดการเอาไว้

                มีดเล่มนึงถูกคว้าเอาไว้ก่อนจะสัมผัสกับแขนฟาฟเฟอร์ ผมคว้าไว้แล้วค่อยขว้างไปใหม่อีกรอบให้เวลาไม่เหลื่อมกันมาก

                เมื่อมีดเล่มแรกสัมผัสกับแขน ฟาฟเฟอร์ยกการ์ดลงทันที แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือมีดเล่มที่ 2 มาช้ากว่าที่เขาคาดไว้ ส่งผลให้ตอนนี้มีมีดเล่มนึงพุ่งเข้าไปที่กลางหน้า และไม่มีทางหลบทัน

                ถ้าไม่คว้ามีดไว้มีดจะติดอยู่ที่แขนฟาฟเฟอร์ทั้ง 2 เล่ม แต่ถ้าปาออกไปช้าฟาฟเฟอร์จะหลบได้ จังหวะเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ แม้เสี้ยววิก็พลาดไม่ได้

                แต่ผมปล่อยให้ฟาฟเฟอร์ตายไม่ได้

                มีดนี่ถูกติดตั้งระเบิดขนาดเล็กไว้ แม้ทำให้ตายไม่ได้ แต่ถ้าระเบิดใกล้หน้าขนาดนี้ก็สามารถทำให้สลบไปพักใหญ่ได้ แต่คนที่มีความอดทนสูงแบบฟาฟเฟอร์คงไม่สลบง่ายแบบนั้น อย่างมากก็คงทำได้แต่มึนไปพักใหญ่

                ตูม!!!

                “เอาละ บอกเรื่องที่รู้เกี่ยวกับ UEMP มาซะ!” เป็นไปตามคาด ฟาฟเฟอร์ไม่สลบ ระเบิดนี่แค่ทำให้เกิดแผลเล็กๆที่ใบบนหน้ากับแขนเขาเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็ทำเขายืนไม่อยู่

                “ไม่ไม่รู้เรื่อง” ฟาฟเฟอร์ตอบเสียงแหบ ตาเหมือนจะปิดทุกขณะ

                “เฮ้ย! ตอบมาซะดีๆนะโว้ย!” ผมเริ่มหงุดหงิด ทำไมพวกผู้ร้ายต้องปิดความจริงไว้ตลอด พูดกันง่ายๆไม่ได้เลยรึไงนะ

                “แกมาถล่มโรงงานฉันซะเละเทะเพราะเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย” พูดได้เท่านี้ฟาฟเฟอร์ก็สลบไป ดูเหมือนเขาจะไม่ถึงอย่างที่คิดไว้

                สุดท้ายผมก็ไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องส่งฟาฟเฟอร์ไปให้ทาง Marverick ช่วยสอบสวน แต่จากการคาดเดาของผม ไม่เกินวันพรุ่งนี้เรื่องทุกอย่างน่าจะจบ UEMP กลับสู่มือเจ้าของ ผมได้ใช้พักร้อนต่ออย่างคุ้มค่า

                ชีวิตผมมันก็ชิลๆแบบนี้แหละ หุหุหุ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×