คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Mission1:Mission Begin เริ่มต้นภารกิจ (แก้ไขแล้ว)
เคยถูกเรียกตัวด่วนตอนเช้าๆจากที่ทำงานกันมั๊ยครับ? ผมเจอแบบนี้บ่อยๆ แต่เจอเท่าไหร่ก็ไม่ชินเสียที แถมถ้าถูกเรียกในวันหยุดก็เปรียบได้กับนรกเลยละ
ลองคิดดูนะ หมอนนุ่มๆ ผ้าห่มอุ่นๆ แอร์ที่เปิดไว้ซัก 20 องศา เพราะเปิด 25 องศาไปมันก็ไม่เย็น หลังจากตื่นก็นอนแช่บนเตียงต่ออีกครึ่งวันพร้อมกับวางแผนท่องเที่ยวตลอดพักร้อนแต่ทุกอย่างต้องพักทลายเพียงเพราะมีโทรศัพท์จากหัวหน้า…
“โหว…หัวหน้า นี่พักร้อนผมนะ ปีนึงมีแค่ครั้งเดียว ขอหน่อยสิ ใช้คนอื่นไปทำแทนก็ได้นะๆๆ”
“ไม่ได้! นี่งานใหญ่ ลูกค้าเป็นถึงคนใหญ่คนโต แถมงานนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด” แหม…หัวหน้าพูดแค่นี้ก็จิตนาการถึงหน้าตาอันเคร่งเครียดได้เลยละ “หรือจะให้ฉันโทรไปแคนเซิลงานสัมนาที่แกอยากไปนักหนา”
“ลูกค้าคือใครครับ บอกที่อยู่มาเลย”
…เล่นขู่กันถึงจุดตายแบบนี้ จะให้ไม่ไปได้ไงฟระ? บังคับกันชัดๆ…
…………………………………………………………………………………………………
บอกไว้ก่อนเลยว่างานของผมไม่ใช่พนักงานฝ่ายขายหรือพนักงานกินเงินเดือนธรรมดาๆ
ผมน่ะมีคนรู้จักเยอะแยะมากมายนับหมื่น คนติดต่อทุกวันเป็นพันๆ โทรศัพท์เข้าวันละไม่ต่ำกว่าสิบสาย นี่ยังไม่รวมที่ติดต่อมาทาง Social Network ชื่อดังอย่าง HiFace+ อีกนะ
…ตื๊อ ตื๊ด ตื๊ด ตื๊อ ติ๊อ ตื๊ด (ดนตรี)…
นั่นไง แค่ระหว่างขับรถไปทำงานก็มีคนโทรมาละ เพียงผมกดปุ่มบนพวงมาลัยหน้าจอคู่สนทนาก็เด้งขึ้นมาทันที ‘เทคโนโลยี’ นี่มันดีจริงๆ
“สวัสดีครับ ผมเป็นเลขาของท่านประธานนิรตัย ต้องการติดต่ออะไรไม่ทราบครับ…”
อ๊ะ ผมลืมบอกไปสินะ ผมเป็นเลขาส่วนตัวของท่านประธานทุกๆสายของท่านต้องผ่านผม เพจท่านผมก็เป็นคนดูแล ลูกค้าของท่านทุกคนผมก็รู้จัก
…ผมไม่ได้โกหกนะ ผมติดต่อคนเป็นพันๆจริงๆ…
แต่หน้าที่จริงๆของผมก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แค่ภรรยาท่านประธานกลัวว่าท่านประธานจะแอบกุ๊กกิ๊กกับเลขาสาวสวย เลยให้ผมมาเป็นเลขาให้เสียเลย
…หวังว่าท่านประธานจะไม่เอาผมไปเป็นเมียเก็บนะ…
ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงจุดหมาย หลังจากต้องรับโทรศัพท์จากลูกค้าเป็นสิบๆสาย ลูกค้าเหล่านี้ไว้ใจ Niratai Corp. มาก ทั่วโลกต่างให้การยอมรับเลยว่า Niratai Corp. เป็นบริษัทส่งออกอาหารที่หนึ่งของโลก
…แต่ลูกค้ารายนี้พิเศษหน่อย ถึงกับต้องให้ผมมาหาเองเลยทีเดียว…
ผมยืนมองตึกระฟ้าที่สูงเกือบ 500 เมตร เป็นตึกรูปลักษณ์ธรรมดา แต่มีความสำคัญมหาศาล เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวในแพนเจียที่สามารถติดต่อกับ The High Council ได้
“ไม่ทราบว่ามาติดต่อใครค่ะ” เสียงของประชาสัมพันธ์สาวพูดซ้ำเป็นครั้งที่ร้อย มีผู้คนไม่น้อยเลยที่พยายามจะติดต่อกับ The High Council แม้จะมีเพียงไม่กี่คนก็เถอะที่ได้ติดต่อกับ The High Council จริงๆ แถมถึงได้ติดต่อก็ไปได้แต่พูดคุยกับสมาชิกระดับล่างๆ
เนื่องจากนัดไว้แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องรอ ผมขึ้นลิฟต์ที่เตรียมไว้ได้ทันที เพื่อไปยังห้องเดียวที่จะติดต่อกับวุฒิสมาชิกของ The High Council ได้ ‘The BlackRoom’
ลิฟต์ตัวนี้เป็นลิฟต์แก้ว เป็นลิฟต์เพียงตัวเดียวที่พาไป The BlackRoom ได้ ด้วยความที่มันเป็นแก้ว และด้วยความสูงของตึก ทำให้ผมของเห็นอีกฟากของแผ่นดินแพนเจียนี้ได้
อาจารย์ประวัติศาสตร์เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนแผ่นดินถูกแบ่งแยกออกเป็น 7 ทวีป ก่อนที่ทั้งหมดจะเข้ามารวมตัวกันแล้วถูกเรียกว่าแพนเจีย หลังจากนั้นอีกไม่นานก็ดันมีแผ่นดินใหม่ผุดออกมาจากทะเล คนนั้นสมัยนั้นเรียกมันว่า New Terra ถึงตอนนี้มันจะไม่ New แล้วก็เถอะ
อีกฟากของแพนเจียก็คือ New Terra นั่นเอง ขนาดของมันใหญ่พอๆกับแพนเจีย เพียงแค่มันไม่มีทะเลทราย ไม่มีหิมะเหมือนที่แพนเจียมี
ระดับความสูง 500 เมตร ลิฟต์แก้วตัวนี้ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 วินาที ‘เทคโนโลยี’ นี่มันดีจริงๆ
ภายใน The BlackRoom เป็นห้องแคบๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากห้องทั้งห้องเป็นสีดำตามชื่อของมัน
“อะไรกันวะ ทำไมไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ใจเย็นๆสิ คุณเดดริค”
จู่ๆห้องที่เป็นสีดำก็สว่างจ้าขึ้นมาด้วยแสงจากโฮโลแกรมที่ฉายไปยังพื้นที่สีดำ ภาพภายในคือวุฒิสมาชิกของ The High Council ทั้ง 6 คน แต่ทุกๆคนกลับถูกคาดตาเอาไว้
‘ขนาดมาถึงที่ที่เดียวที่ติดต่อได้ ก็ยังไม่ใช่ตัวจริงอีกเรอะ แถมยังทำตัวลึกลับขนาดนี้ มันจะเป็นปริศนาอะไรกันนักหนา’
“พวกเราเรียกคุณมาถึงที่นี่ แสดงว่าต้องมีปัญหาใหญ่ คุณรู้ใช่มั๊ย คุณเดดริค?” วุฒิสมาชิกคนนึงเอ่ยปากถาม น้ำเสียงของเขาฟังดูน่าเกรงขาม เพียงได้ยินขนของผมก็ลุกกราวไปทั้งตัว
“ค…ครับ” คราวนี้ไม่ใช่แค่ขน ขนาดเหงื่อยังไหล เรี่ยวแรงเหมือนถูกดูดไป คนพวกนี้ไม่ดูธรรมดาเสียแล้ว
ครั้งแรกที่ได้ยินคำว่าวุฒิสมาชิกก็พาลทำให้นึกถึงพวกลุงกับป้าแก่ๆที่นั่งในห้องประชุม แต่คนพวกนี้ไม่ใช่!
“มีคนขโมย UEMP ออกไป เราต้องการมันกลับมาโดยด่วน”
…………………………………………………………………………………………………
ผมก็รีบกรองข้อมูลทั้งหมดออกมาทันที หลังจากการคุยกับเหล่าวุฒิสมาชิกนานนับสิบนาที แต่ร่างกายรู้สึกเหมือนว่ามันผ่านไปเป็นวันๆ ดั่งทฤษฏีของนักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งที่กล่าวว่า ‘อยู่กับสาวงามหนึ่งชั่วโมงเหมือนหนึ่งนาที แต่นั่งท่ามกลางเปลวไฟหนึ่งนาทีเหมือนหนึ่งชั่วโมง’
…และเวลาที่ผ่านไปแค่สิบนาทีนี้ ก็ทำให้ผมรู้ว่า “เทคโนโลยี” กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตเสียแล้ว…
“ทางนั้นเขาว่ายังไงบ้าง เดดริค” ยังไม่ทันจะสตาทร์รถหัวหน้าก็ดันโทรเข้ามา เป็นสายเรียกเข้าที่ปฎิเสธไม่ได้ เหมือนที่โดนไปเมื่อเช้า
“หัวหน้ารู้จัก EMP ใช่มั๊ย? สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่จะหยุดการทำงานของวงจรไฟฟ้าน่ะ”อันที่จริงผมไม่ต้องถามด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีแล้วหัวหน้าไม่รู้
“อืม แล้วยังไงต่อ เล่ามาทีเดียวซิ”
“The High Council มีโปรเจ็ค UEMP ขึ้น เป็นการสร้างสนามแม่เหล็กขนาดมหึมาที่จะหยุดการทำงานของเครื่องจักรและเทคโนโลยีทั้งหมดในอาณาเขต แต่เครื่อง UEMP รุ่น Prototype ถูกขโมยไป พวกนั้นไม่อยากให้ UEMP ถูกเปิดการใช้งานเพราะยังไม่รู้ผลลัพธ์ แล้วก็อยากให้เราค้นหาแล้วนำมาคืนให้เร็วที่สุด”
“ที่ว่าขนาดมหึมาน่ะ เท่าไหร่?” เสียงของหัวหน้าเริ่มเครียดขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังคงความเยือกเย็นไว้ได้ ช่างน่าชื่นชมจริงๆ
“ทั้งโลก…”
“งานใหญ่จริงๆด้วยแหะ ถ้าเราทำไม่สำเร็จมีหวังหายนะมาถึงหน่วยแน่นอน เอาละ เดดริค แจ้งข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมาเลย คิม เตรียมบันทึกข้อมูลที่ได้รับมาด้วย เอลซี่ เปิดระบบปฏิบัติการของ Maverick System ไว้เลย บอกทุกหน่วยด้วยว่างานใหญ่มาถึงแล้ว”
“ครับ/ค่ะ” เสียงของคิมกับเอลซี่หนึ่งสมาชิกองค์กรทหารรับจ้าง Marverick ลอยมาตามสาย ทุกคนดูขยันขันแข็งกันจริงๆ ขนาดหัวหน้ายังกระตือลือล้นลงมาที่ฐานลับก่อนจะแจ้งข้อมูลภารกิจเสียอีก
“ฟังดีๆละ ฉันจะพูดรอบเดียว UEMP เครื่องสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าถูกขโมยไปเมื่อ 3 วันก่อน ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 3 ตัน ขนาดใหญ่มาก The High Council ตรวจสอบทั้งในแพนเจียทั้งหมดแล้วก็ไม่พบ เนื่องจากหากว่าข่าวนี้แพร่กระจายไปทั้งโลกอาจวุ่นวาย เราจึงจำเป็นต้องเงียบและไวที่สุด ต้องไม่มีใครนอกจากสภาและพวกเรา Marvarick รู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“แสดงว่าเครื่องโดนย้ายไปที่นิวเทอร์ร่าแล้วสินะ แล้วจะเริ่มสืบจากที่ไหน”
“ปกติเวลาหัวหน้าจะหาข่าวแบบนี้จะหาที่ไหนละครับ มันก็ต้องตลาดนานาชาติเบื้องหลังสิ”
ตลาดนานาชาติเบื้องหลัง ตลาดที่เป็นศูนย์รวมของทั้ง 3 เชื้อชาติ ในการซื้อขายข่าวและของโจร เรียกได้ว่าเป็นตลาดมืดก็ไม่ผิดนัก
“เริ่มฉลาดแล้วนี่ไอ้หนู เอาละคิม เอาข้อมูลของ UEMP ไปกระจายข่าวให้ทั่วฐานนะ พนักงานทุกคนต้องรู้เรื่องนี้ไว้ จะทำให้การหาง่ายขึ้น ส่วนแก ‘ไนท์’ ต้องการผู้ช่วยมั๊ย?”
“แหม่…ไม่ต้องรีบเรียกชื่อรหัสกันก็ได้นะ ‘คิง’”
หัวหน้าเป็นคนที่ชอบเล่นหมากรุกมาก มากจนถึงขั้นเอาตัวหมากมาตั้งเป็นชื่อรหัสของพนักงานเลยทีเดียว
“งานนี้ผมขอลุยเดี่ยวละกัน พวกวุฒิสมาชิกอุตส่าห์ให้ AI มาตัวนึง เขาบอกว่านี่รุ่นล่าสุดเลยนะ”
ว่าจบผมก็โชว์สายรัดข้อมือให้หัวหน้าดูผ่านหน้าจอสื่อสาร มันเป็นสายรัดข้อมือสีดำที่มีปุ่มอยู่ปุ่มเดียวกับตัวหนังสือที่สลักไว้ว่า ‘Big-Boy III’ และมีตัวหนังสือจางๆรอบๆสายรัดที่ถูกพิมพ์ว่า “Beste Corp”
“งานนี้ถึงกับให้ AI มาใช้งานกันฟรีๆ แสดงว่าเรื่องด่วนจริงๆสินะ”
“อืม แต่หัวหน้าไม่ต้องกังวลหรอก เรื่องนี้ผมจัดการได้ แค่นี้แหละ เลิกกัน”
ผมตัดสายจากหัวหน้าทิ้งไป กดปุ่มเล็กๆบนสายรัดข้อมือ หน้าของเด็กชายคนหนึ่งก็ปรากฏออกมาเป็นภาพโฮโลแกรม
“สวัสดีขรับ กระผมคือ Big-Boy III กระผมได้รับหน้าที่ส่งเสริมและช่วยเหลือคุณตลอดภารกิจนี้ คุณคือเดดริคใช่มั๊ยขรับ”
เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงเจื๊อยแจ๊วของเด็ก ผมนึกไม่ออกเลยว่าทำไมพวกสภาถึงกำหนดให้ AI เป็นเด็กที่ดูไร้เดียงสาแบบนี้
“อืม แต่เรียกไนท์เถอะตอนนี้เรามีเวลาไม่มาก ฉันต้องการไปถึงตลาดนานาชาติแบบไวที่สุด ช่วยแสดงแผนที่ที่รถไม่ติดที”
“ตามประสงค์ขรับ”
ด้วยมันสมองของ AI และตีนผีของผมเราเดินทางมาถึงตลาดนานาชาติภายในเวลาไม่นานนัก
ตลาดนานาชาติมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่พอๆกับเมือง เมืองหนึ่งเลยทีเดียว อยู่ซ้อนทับระหว่างเมืองหลวงทั้ง 3 ของแพนเจีย ทั้งยังเป็นตลาดแลกเปลี่ยนที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในคอสมอสอีกด้วย (κόσμος ภาษากรีก แปลว่า โลก)
“เราจะเริ่มสืบจากตรงไหนกันก่อนขรับ”
ผมคนเดียวรึเปล่าทีฟังสำเนียงของ AI แล้วมันขัดๆชอบกล?
“ฉันจะลองหาข่าวก่อนว่าพวกที่ขโมยไปน่ะ เป็นพวกไหน ผู้ใช้เทคโนโลยี? ผู้ใช้พลังจิต? หรือผู้ใช้เวทย์? นายคิดว่าไงละ”
“มีโอกาสเป็นผู้ก่อการร้าย 78% ประชาชนทั่วไป 9% องค์กรอิสระ 13% รัฐบาล 0% ขรับ”
“แหม่…วิเคราห์แบบที่โปรแกรมมาเลยนะ ไอ้ผู้ก่อการร้ายน่ะฉันคิดไว้อยู่แล้วละ แต่ไม่รู้ว่าพวกไหนแค่นั้นเอง ผู้ใช้เทคโนโลยีเป็นไปได้น้อยที่สุด แต่ยังไงๆก็ไม่อยากตัดทิ้ง”
ผมเดินทอดน่องไปเรื่อยๆผ่านซุ้มของตลาดนานาชาติ พ่อค้าแม่ค้าพวกนี้ขายทั้งอาวุธ ตำราเวทย์ อาหาร ยา เสื้อผ้า เยอะแยะมากมายสมกับเป็นตลาดนานาชาติจริงๆ
ส่วนตลาดนานาชาติเบื้องหลังถ้าจะไปก็ลำบากกันหน่อย เพราะต้องมุดลงท่อระบายน้ำ ผ่านรังโจร ผ่านซ่อง กว่าจะถึงตลาดนานาชาติเบื้องหลังก็เสี่ยงพอดู โดยตลาดนานาชาติเบื้องหลังได้เชื่อมต่อกับทะเล มีประโยชน์ในการขนถ่ายสินค้าผิดกฎหมาย
เข้าถึงยาก แต่ก็คุ้มถ้าเข้ามาได้
“จากการคาดเดาของฉัน UEMP น่าจะถูกส่งข้ามทวีปไปแล้ว นายลองตรวจสอบสิว่าในช่วงเวลา 3 วันนี้มีเครื่องบินที่ใหญ่พอจะบรรทุกของขนาด 3 ตันรึเปล่า”
Big-Boy เงียบไปพักใหญ่ หน้าจอแสดงภาพตัวเลขนับร้อยชุดขึ้นมาแทนเด็กชาย
“ไม่มีขรับ”
“แสดงว่าไปได้แต่ทางเรือ เช็คสิว่า 3 วันนี้มีเรือขนสินค้าออกเรือบ้างรึเปล่า”
ตัวเลขอีกชุดปรากฏขึ้นมา แต่คราวนี้ Big-Boy ไม่เงียบนานเท่าครั้งแรก ไม่ถึง 5 วินาทีด้วยซ้ำ
“ไม่มีขรับ”
“แสดงว่าฉันเดาถูก ตอนนี้ไม่มีสถานีขนส่งทางอากาศที่ตรวจสอบไม่ได้ แต่มีสถานีขนส่งทางน้ำที่ตรวจสอบไม่ได้ เป็นไปได้ว่าจะมีการขนส่ง UEMP กันทางท่าเรือนี้แหละ”
“ฉลาดจังนะขรับ”
“แหม่ๆ…ไม่ต้องชมก็ได้ เหอๆๆ”
เกิดมาไม่เคยโดน AI ชม ก็ต้องเขินเป็นธรรมดาเนอะ เหอๆ
“เอาละ จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าฉันทำงานให้ใคร ฉันคงต้องปิดระบบนายไปก่อน”
ไม่ต้องรอคำตอบรับของ Big-Boy ผมกดปุ่มเดิมซ้ำทันทีทำให้ระบบหยุดทำงาน ภาพโฮโลแกรมของ Big-Boy ก็หายไป
“วันนี้เหมือนเราได้เหยื่อแล้ววะ ห้าห้าห้าบวก”
“นั่นสิ ไอ้น้อง! เอาเงินมาแบ่งกันใช้สิ”
ชายหัวโล้นสองคนที่เหมือนหลุดออกมาจากรายการมวยปล้ำ แต่หน้าเหมือนหลุดออกมาจากสิงหาสับ เข้ามาขู่กรรโชกผม คนนึงใส่เสื้อดำกางเกงขาว อีกคนเสื้อขาวกางเกงดำ รสนิยมบ้าอะไรเนี่ย
“ให้ตายสิ สมชื่อเบื้องหลังจริงๆ นี่ขนาดยังเข้าไม่ถึงนะเนี่ย เดินเข้ามาแค่ไม่ถึง 20 ก้าวก็เจอกุ๊ยซะละ โสมมจริงๆนะที่นี่น่ะ”
“ไอ้เด็กนี่ วอนตีนแล้วไง!”ชายเสื้อขาวใช้แขนซ้ายต่อยตรงมาที่หน้า แม้มันจะดูงี่เง่า แต่ผมก็รู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
การยั่วยุให้ศัตรูโจมตีเข้ามาก่อนถือเป็นศาสตร์อย่างนึง อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าควรรับมือยังไง
แค่ชั่ววินาทีเดียวที่มีเรื่องเหล่าผู้คนต่างเข้ามาชมกันมากมาย ราวกับนี่เป็นมวยข้างถนน ไม่ว่าใครๆต่างก็ชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวดสินะ เฮ้อ นี่แหละมนุษย์
มือซ้ายค่อยๆกลายเป็นคมดาบ คมดาบที่จะปลิดชีวิตของผมถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง แค่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ผมเปิดระบบป้องกันตัวไว้ตั้งแต่คุยกับกุ๊ยสองคนนี่แล้ว
คมดาบพุ่งเข้าปะทะแว่นที่โผล่ออกมาใบหู แว่นนี่ช่วยปกป้องหน้าผากยาวมาถึงจมูก แถมยังเป็นกล้องส่องทางไกลและอุปกรณ์ไฮเทคได้อีกนานาชนิด
“เฮ้ย! แม่งเป็นไซบอร์คเหมือนกันโว้ย” ชายโล้นคนที่ต่อยมาร้องโวยวาย พยายามจะชักมือกลับ แต่ช้าไปผมใช้มือจับคมดาบเอาไว้ไม่ให้มันหนีไป
ประกายดวงตาสีแดงสาดส่องผ่านแว่น เลือดที่ไหลออกมาเพราะคมดาบ ผมชอบสีแดงของเลือดนี่จริงๆ
แต่ชอบสีแดงของเลือดคนอื่นมากกว่า
อ๊ะ! ผมลืมบอกสินะ ว่าอาชีพจริงของผมน่ะ เป็นนักฆ่าผสมสายลับ อาจารย์ประวัติศาสตร์บอกว่า สมัยก่อนเขาเรียกอัศวิน
“Let’s dance” ได้เวลาอัศวินบุกแล้ว…
ความคิดเห็น