คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter - 3 - กาลเวลา
ฟิ้ว.......เสียงสายลมพัดกลางกลุ่ม Demon’s curse ที่ยืนรอบางสิ่งบางอย่างอยู่ใต้ต้นซากุระวันนี้เป็นอาทิตย์ที่สามของเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นอาทิตย์ของการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสมาสต์ พวกdemon’s curse จึงพากันไปเที่ยวงานเทศกาลคริสมาสต์ในเขตชานเมืองกัน หลังจากที่เดือนที่แล้วได้นัดพบกันที่ใต้ต้นซากุระใจกลางของสวนสาธารณะแห่งหนึ่งแล้ว
“แล้วนี่ ไอ้เท็นท์มันหายหัวไปไหนมันวะเนี่ย มาช้าโครต” เรยาห์พูดกร่นด่าเท็นท์อย่างหัวเสีย เพราะเธอได้โทรศัพท์ไปบอกเท็นท์แล้วว่า ให้มาพบกันเวลา 8 โมง
“อือ แล้วนี่ก็ปาไปตั้ง 8 โมงครึ่งละนะ มัวทำไรอยู่นะ” ว่านน้ำเริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมานิดหน่อย
“เฮ้!! โทษทีนะ มาช้าไปหน่อยน่ะ....คือ...” เท็นท์รีบวิ่งมาจากทางเข้าสวนสาธารณะ แล้วพยายามบอกเหตุผลที่มาช้า
“นิดหน่อยหรอวะ มันตั้งครึ่งชั่วโมงนะเฟ้ย” ฟางรีบขัดจังหวะการแก้ตัวทันที
“เออๆๆ...ผิดก็ได้วะ ว่าแต่จะไปกันเลยมั้ยหล่ะ” เท็นท์ตอบไปอย่างยอมรับผิด แล้วถามความพร้อมของเพื่อนๆ
“ป่ะ...เดี๋ยวก็ไม่ทันไปดูพี่ไมเคิล ประกวดร้องเพลงหรอก” แอมแปร์เริ่มทำเสียงแพรวพราว
“พอเลยยัยแอม เราไม่ได้ไปดูพี่มิเชลแกหรอกย่ะ เราจะไปงานคริสมาสต์นะ” เปียโนท้วงขึ้นก่อนแอมป์จะฝันไปไกล
“อ้าว!?! ก็ที่เราจะไปมันที่เดียวกันไม่ใช่หรอ” แอมแปร์เริ่มหลงทางว่า กลุ่มเพื่อนจะไปที่ไหนกันแน่
“เอาน่า...เดี๋ยวไปก็รู้กันเองหล่ะว่าไปที่ไหนอ่ะ” ปานวาดพูดขึ้นในน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะไม่เคยไปงาน คริสมาสต์ในญี่ปุ่นมาก่อน
พอทุกคนพูดจบ ฟางกับเรยาห์ก็เริ่มเปิดการเดินทาง ทุกคนเริ่มเดินมาเรียงหน้ากันอย่างเป็นระเบียบ ต่างฝ่ายต่างวิจารณ์เรื่องราวสารทุกข์สุกดิบกันไปต่างๆนานา
“เอ๊ะ!! นั่นแสงอะไรน่ะ สวยจัง สีแดงเลือดซะด้วย” เปียโนพูดขึ้นหลังจากที่เห็นแสงสีแดงเลือดค่อยๆสว่างขึ้นจากหลังพุ่มสนเตี้ยข้างทาง เจ้าเท็นท์จอมปัญหาก็รีบเร่งไปก่อคดีสอดรู้สอดเห็นอย่างช่ำชอง
“เฮ้!! นายจะไปไหนน่ะ อย่าเข้าเข้าไปใกล้นะเฟ้ย!!” เรย์ตะโกนบอกเจ้าเท็นท์ให้ระวังตัว แต่เมื่อเจ้าเท็นท์เดินเข้าไป ก็ถึงกับต้องหงายหลังไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนฟุตบาท
“เท็นท์...นายเป็นอะไรวะ อยู่ดีดี....” ฟางรีบวิ่งมาช่วยเพื่อนแต่ก็ต้องตะลึงไปอีกคน เมื่อแสงสีแดงเลือดค่อยๆดับลงไป ให้ปรากฏร่างของหญิงสาวร่างหนึ่งนอนหมดแรงอยู่ตรงบริเวณที่แสงเพิ่งดับไป
เท็นท์คาดว่าเธอสวมชุดใบไม้สีเขียวบางๆพอปกปิดส่วนต่างๆของร่างกายไว้ ซึ่งตอนนี้มันขาดรุ่งริ่งเหมือนโดนมีดกรีดจนยับเยินไม่แพ้กับร่างของเธอซักเท่าไหร่
“โห!!!ใครทำเนี่ย เร็วรีบมาช่วยกันหามไปบ้านชั้นก่อนนะ เดี่ยวให้พ่อชั้นช่วยต่อนะ” แอมป์รีบวิ่งไปดูอาการของหญิงสาวแล้วตะโกนบอกเพื่อนๆให้มาช่วยกัน แต่ร่างของเธอหนักเหมือนท่อนไม้ ทั้งที่ร่างของดูผอมบางได้รูปของนางแบบ =.,=
“ฮึบ!! > {} <” เจ้าเท็นท์วิ่งรี่มาหอบเอาร่างผู้หญิงไปพาดไว้บนบ่า แล้วทันใดนั้น!!!!
“กรุบ......!!O[]Q!!” ฟางกับเรย์รีบวิ่งมาช่วยอีกแรงหลังจากที่เพิ่งได้ยินเสียงกระดูกไหล่ที่ใกล้จะหักของเจ้าเท็นท์
“ไอ้บ้านี่....โชว์พาวอีกละ เดี๊ยะแม่จะให้หอบไป 3 กิโลเรยดีมั้ยเนี่ย” ทุกคนพากันหอบหิ้วร่างของผู้หญิงคนนั้นไปอย่างทุลักทุเล จากตรงที่เริ่มแบกกันไปจนถึงบ้านยัยแอมป์ระยะทางก็ราวๆ 1 กิโลเมตรกว่าๆๆๆ.....
“ง่ะ....ทำไมบ้านยัยแอมป์มันต้องอยู่ไกลที่สุดด้วยวะ.......ยัยแอมป์แกก็หยุดบ่นซักทีเถอะ” ฟางเริ่มเหนื่อยหลังมาได้ครึ่งทาง เป็นครึ่งทางที่รูหูมีความทุกข์ระทมมาก เพราะยัยแอมป์บ่นตั้งแต่ต้นทางมาจนถึงบัดนี้ถูกยัยเปียโนที่เดินอย่างสบายๆใช้มือปิดปากไปเรียบร้อย
“เฮ้อ!.....มาถึงซะที คุณๆๆ คุณเป็นไรมากมั้ย” หลังจากที่เท็นท์วางร่างผู้หญิงคนนั้นไว้บนเตียงคนไข้ในคลินิกของพ่อแอมป์ มันก็รีบมาดูแลเอาใจใส่เหมือนกับว่าเป็นแฟนมันในชาติปางก่อน
“บ๊ะ!!!ไอ้นี่เห็นผู้หญิงสาวๆหน่อยไม่ได้เลย นี่ถ้ารักษาเสร็จมันจะทำอะไรกันอีกไม่รู้นิ” ยัยแอมป์เอือมระอากับพฤติกรรมเจ้าเท็นท์ซะเหลือเกิน จนดูเหมือนป้าแก่คอยเตือนหลาน
“อ้าว แอมป์พาใครมาหน่ะ....อย่าบอกนะว่าลูกไปทำร้ายเธอ เห็นมะ....อุ๊บ!!!” เสียงพ่อเงียบไปชั่วขณะเพราะมีบางอย่าป้องปากเขาอยู่
“พ่อเงียบไปเลยนะ หนูเห็นเขาที่หลังพุ่มไม้ทางเท้าที่จะเดินไปงานคริสมาสต์น่ะ” เสียงแอมป์รีบผุดขึ้นมาเพื่อหยุดคำสบประมาทของพ่อทันที ส่วนทางด้านเท็นท์รีบส่งสายตาอ้อนวอนซะ เมื่อพ่อของแอมป์หันมามอง เป็นนัยน์ว่า รักษาเถอะนะคับ คนนี้เพื่อนลูกขอ
“งั้นรึ....ถ้างั้นเดี๋ยวจะรักษาให้นะ พ่อเริ่มสยองสายตาของเท็นท์ละหล่ะนะ” ยัยแอมป์หันมามองดูว่า เท็นท์มันทำหน้าไง รวมทั้งทุกคน
ฟิ้ว...จิ๊บๆๆ!!!.....เสียงสายลมพัดผ่านพร้อมกับสาดแสงสีทองของรุ่งเช้าวันใหม่เข้ามาทางหน้าต่างบานไม้สีน้ำตาลสด ทำให้ร่างหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนราบอยู่กับเตียงเริ่มขยับตัว
“โอ๊ย!!!นี่มันอะไรเนี่ย พันตัวชั้นยุ่งไปหมด แล้วนี่ที่ไหน แล้วฉันมาได้ไงเนี่ย ” หลังจากที่หญิงสาวลุกขึ้นมาเธอก็เริ่มถามตัวเองแล้วกรีดร้องออกมา ทำให้แอมป์ที่กำลังช่วยแม่หั่นผัก รีบวิ่งขึ้นมาโดยที่ไม่ได้วางมีด
“คุณ...เป็นอะไรไปหรอ ร้องซะลั่นเลย” แอมป์รีบถามด้วยความเป็นห่วง
“กรี๊ด!!!!!!” หญิงสาวรีบหันกลับมาพร้อมทั้งกรีดร้องอีกครั้ง
กริ๊งก่อง.......เสียงกริ่งหน้าบ้านแอมป์ดังขึ้น แล้วแอมป์ก็รีบวิ่งอย่างกระหืดกระหอบมาเปิดประตู แล้วดันหลังเท็นท์เข้าไปในบ้าน
“กรี๊ด!!!!” เท็นท์สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง
“นั่นอะไรน่ะแอมป์”
“ก็พี่สาวคนเมื่อวานนั่นหล่ะ พอชั้นวิ่งเข้าไปหา พี่เค้าก็รีบอยู่มุมห้องเลยอ่ะ” แอมป์ตอบคำถามของเพื่อนไปอย่างกระวนกระวาย แล้วก็พักหายใจ แล้วพูดต่ออย่างเมามันส์
“แถมยังเพ้ออะไรไม่รู้เท่าที่ชั้นจับต้นชนปลายได้ ก็น่าจะ แบบ.....อย่าฆ่าชั้นเลย ฉันเจ็บปวดพอแล้ว
อะไรประมาณนี้อ่ะ” เมื่อแอมป์พูดจบ เท็นท์ก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
“คุณคับไม่เป็นไรแล้วนะคับ สบายใจได้นะคับ มันแค่ผ้าก๊อตเอง” เท็นท์พูดบอกผู้หญิงคนนั้นเมื่อวิ่งมาถึงหน้าห้องของเธอ ในขณะที่เธอกำลังฉีกผ้าก๊อตออกจากตัวเธอ เธอก็หยุดชั่วครู่
“ผ้าก๊อตคืออะไรหรอ” หญิงสาวตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงของเธอช่างอ่อนหวานราวกับเสียงนกร้องยามเช้า ทำให้เท็นท์อยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่
“อะ..อะไรนะคับ อ๋อ! ผ้าก๊อตคือ...อ้าวคุณมาจากไหนเนี่ยไม่รู้จักผ้าก๊อตหรอคับ” เท็นท์เริ่มงงกับคำถามของเธอ
“ฉันมาจากเขตป่าเอกิดาวะน่ะ ฉันพัดหลงจากท่านพ่อของฉันมาหน่ะ แล้วมีราชินีฝาแฝดแห่งแดนประหารเบอเรนดัสท์สองคนจับฉันไปทรมาน อย่างที่เห็นนี่หล่ะ ฉันดูเหมือนจะถูกฆ่าไปแล้ว แต่ก่อนฉันจะตายหน่ะ ฉันเห็นแสงสีแดงเปล่งออกมาจากอัญมณีของฉัน แล้วฉันตื่นอีกทีก็มาอยู่ที่นี่หล่ะ แล้วพวกเธอหล่ะเป็นใครหรอแต่งตัวไม่เหมือนบ้านเมืองฉันเลย” พอผู้หญิงคนนั้นพูดเรื่องตัวเองซะหมดเปลือก เธอจึงรีบถามกลับไปทันที
“55555 ตาหลกฟุ้ย ตายแล้วฟื้น แสงจากอัญมณี คุณนี่ช่างแต่งเรื่องนะคับ 555+” เท็นท์กับแอมป์หัวเราะอออกมาอย่างเคยทุกครั้งด้วยความตลก ส่วนด้านผู้หญิงคนนั้นมองด้วยฉงนปนเคืองนิดๆ
“นี่ หัวเราะอะไรกันหน่ะ ตอบคำถามชั้นมาก่อนสิ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนน่ากลัว ทำให้เท็นท์กับแอมป์หัวเราะแทบไม่ออก
“นี่โตเกียวไงคับ ในญี่ปุ่นไงคับ” แอมป์ตอบผู้หญิงคนนั้นไป
“โตเกียว โตเกียว มันที่ไหนล่ะ อยู่ในดินแดนเอลิเมนท์โซลรึปล่าวล่ะ” แอมป์กับเท็นท์มองหน้ากันเพราะฉงนในคำถามของเธอ ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นก็กำลังพึมพำคำว่า โตเกียว อยู่คนเดียวในมุมห้อง
“นี่อย่าเข้ามานะ....” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นเมื่อเท็นท์ค่อยๆคลานเข้ามาใกล้ขณะที่เธอกำลังพึมพำกับตัวเองอยู่
“เธอชื่อไรหรอ แล้วอายุเท่าไหร่” เท็นท์รีบถามผู้หญิงคนนั้นทันที
“เอริกะ อายุ 15 ปี” เธอตอบไปอย่างมั่นใจ
“ห๊า!!! 15 ปี!!!” เมื่อเท็นท์กับแอมป์ได้ยินดังนั้น เจ้าเท็นท์ก็รีบคลานด้วยความเร็วเหนือแสงตรงรี่ไปหาเอริกะทันที
“ใช่ 15 ปี ทำไมหรอ” เอริกะทวนคำพูดของเธออย่างสงสัยว่ามันน่าตะลึงตรงไหน
“คือว่า...ผมไม่เคยเห็นใครน่ารักขนาดนี้มาก่อนเลยอ่ะ” และแล้วเจ้าเท็นท์เริ่มปล่อยคำหวานไปทีละคำสองคำระหว่างซักประวัติของเอริกะ ซึ่งตอนนี้เท็นท์แทบจะไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ ฝั่งแอมป์รีบโทรเรียกเพื่อนๆมาที่บ้าน
“ฮาโหล.....โทรมาแต่เช้าเชียวนะแอมป์ ...ฮ้าว!....มีรายหรอ” เสียงของฟางที่กำลังงัวเงียลุกจากที่นอนดังขึ้นที่โทรศัพท์ของแอมป์
“รีบมาบ้านชั้นเถอะ เอริกะน่ะตื่นแล้วนะ เจ้าเท็นท์กำลังจีบอยู่น่ะ รีบๆมาหล่ะ...” แอมป์รู้สึกเป็นห่วงเอริกะมาก
“ใครหรอเอริกะน่ะ” ฟางถามอย่างฉงน
“ก็คนเมื่อคืนไงหล่ะ มันแปลกนะเอริกะหน่ะ แผลเธอหายเร็วมากเลยหล่ะ” ตอบกลับไป
“อ่า...เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนละกัน งั้นเดี๋ยวชั้นจาโทรบอกคนอื่นๆเองนะ” ฟางรับอาสาโทรหาเพื่อนร่วมกลุ่มเอง
กริ๊งก่อง......เสียงกริ่งหน้าบ้านแอมป์ดังขึ้น หลังจากนั้นทุกคนเดินขึ้นไปที่ห้องชั้นสองที่เอริกะพักอยู่ แล้วตอนนี้เจ้าเท็นท์กำลังพูดเล่นกับเอริกะอย่างถูกคอ
“อ้าวมากันแล้วหรอ.....มาเร็วสิ เอริกะกำลังถามหาอยู่พอดีเลย” เท็นท์รีบกวักมือเรียกเพื่อนๆมานั่งล้อมวงกันเพื่อแนะนำตัวให้เอริกะได้รู้จัก
............................................................................................................................................................
ความคิดเห็น