คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 5 รักรีเทิร์น
นลันชานอนหลับอย่างสบายบนเตียงหนานุ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำได้นอนบนเตียงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ แสงแดดส่องสว่างไสว น้ำลืมตาแต่ต้องหลับลงอีกครั้ง ก็แสงที่สว่างจ้าเกินกว่าที่จะมองได้ เธอต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสงอยู่ครู่นึง และเมื่อมองไปที่ผนังก็ต้องตกใจ เพราะเข็มนาฬิกาบอกเวลา 9 โมงครึ่ง
"ตายๆๆ..ไอ้เด็กแสบเอาฉันตายแน่" น้ำร้องในขณะที่พรวดพราดลุกจากเตียง เปิดประตูห้องวิ่งลงข้างล่างอย่างร้อนรน
แต่เมื่อเธอมาถึงห้องครัวก็ต้องชะงักฝีเท้า เพราะบรรดาหนุ่มๆ ส่งเสียงเจียวจ้าว ออกแนวจะเป็นสงครามย่อยๆ มากกว่าเป็นการเข้าครัวทำอาหาร ภาพเบื้องหน้าทำให้น้ำเลือกที่จะนิ่ง ยืนดูสถานการณ์ แต่แล้วเธอต้องยิ้มออกมากับการกระโดนโหย่งๆ หนีน้ำมันที่กระเด็นจากกะทะ ของเพื่อนฮันเจ ...
"ยิ้มอะไร" เสียงฮันเจดังขึ้นขัดความสุขของน้ำ
"ป๊าววว" น้ำลากเสียงยาวๆ
"ตื่นสายแล้วยังจะทำปากดีอีกนะคุณพี่เลี้ยง" ฮันเจมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
"และนี่อะไรน้ำก็ไม่อาบ" ฮันเจเดินวนรอบสำรวจตัวน้ำ
"แปรงฟันรึยังเนี้ยอย่าบอกนะว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง" ฮันเจยกมือขึ้นบีบจมูกทำเหมือนรังเกียจ เสียงสนทนาดึงความสนใจจากเพื่อนๆ ฮันเจ ต่างก็เดินมาสมทบ
"นี่..." น้ำเปร่งเสียงแต่พยายามเอามือขึ้นมาป้องปากไว้
"นายนี่มันน่าเกียจจริงๆเลย คนอะไรไร้มารยาท"
"เธอนะแหละ..ทำตัวน่ารังเกียจผู้หญิงอะไรลงมาจากห้องทั้งสภาพแบบนี้ได้ด้วย..อี๋" ฮันเจทำเสียงที่น้ำฟังแล้วอยากจะเตะให้สักป๊าบ
แต่เพราะเพื่อนๆ ฮันเจเริ่มจะสนใจ เธอจึงวิ่งหนีขึ้นห้องก่อนที่จะอับอายไปกว่านี้
"เด็กบ้า...เช๊อะถึงฉันจะยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟัน แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันแบบนี้" น้ำบ่นขณะที่ถูตัวอยู่ใต้ฝักบัว อุปกรณ์การอาบน้ำครั้งนี้เป็นอภินันทนาการมาจากฮันเจเมื่อคืน เขาซื้อมาให้เราเหรอเนี้ย น้ำคิด ของดีๆ แพงๆ ทั้งนั้น กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้องน้ำ ไม่อยากจะคิดเลยว่านายจะมีน้ำใจซื้อมาให้ฉัน ฉันทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ นลันชาบ่นกับตัวเอง หลังจากจัดแจงกับตัวเองเรียบร้อยน้ำก็กลับลงมาข้างล่างอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงเงียบไปแล้ว ในบ้านก็ว่างเปล่า
"ไปไหนกันอีกละเนี้ย" น้ำพยายามเดินชะเง้อชะแง้ ไปตามส่วนต่างๆ ของบ้าน แต่เสียงแว่วๆ ของบรรดาหนุ่มๆ ดังมาจากทางหลังบ้าน สถานที่โปรดของเธอ น้ำเดินตรงดิ่งไปทางเสียงทันที
ภาพเบื้องหน้าทำเธอแปลกใจพวกเด็กหนุ่มทั้ง 5 คน กำลังกางเต๊นท์กันอย่างขมักเขม่น แต่แล้วเป็นเอเมซที่หันมาเห็นน้ำซะก่อน
"hi.." เอเมซเอ่ยทัก
"hi.." น้ำตอบพร้อมยกมือโบกไปมาในอากาศ
"พวกเราจะแค้มปิ้งกันคืนนี้..คุณสนใจจะร่วมด้วยมั้ย" เอเมซพูดภาษาอังกฤษมันเลยง่ายที่จะเข้าใจ
"งั้นเหรอฟังดูน่าสนุกเน๊อะ" น้ำพูดพร้อมมองหน้าฮันเจที่เดินตรงมาทางเธอ
"แต่ฉันมีงานต้องทำคงไม่สะดวกหรอก"
"ผมขออนุญาตให้เองนะ" เอเมซจับมือน้ำขึ้นมาโดนที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ว่าแล้วก็หันไปหาเพื่อน แล้วก็ส่งภาษาบ้านเกิดชนิดไฟแลบ เล่นเอาน้ำมึนไม่เข้าใจสักคำ
น้ำพยายามเลี่ยงๆ ออกมาจากวงสนทนา แต่เอเมซจับมือเธอไว้ก่อน
"เพื่อนผมอนุญาตให้คุณร่วมวงกับเราได้ครับ" เอเมซแจ้งข่าว แต่สายตาที่ฮันเจมองมายังเธอ แล้วมองไล่มายังมือที่เอเมซจับเอาไว้ มันบ่งบอกว่าเธอกำลังจะเจอพายุใหญ่ในไม่ช้านี้
น้ำฝืนยิ้มเจื่อนๆ ให้เอเมซซึ่งดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงสถานการณ์อันเลวร้ายข้างหน้าของเธอเลย
แต่รอยยิ้มของเขาก็ทำให้เธอยากที่จะปฏิเสธเหมือนกัน
"งั้นมีอะไรให้ฉันช่วยบ้าง" น้ำเอ่ย
"คุณไม่ต้องช่วยอะไรครับ" เอเมซยิ้มหวาน "เป็นกำลังใจก็พอ" 'น้าน' น้ำร้องในใจ ฉันไม่ตายตอนนี้จะตายตอนไหนเนี้ย เฮ้อ น้ำไม่รู้จะทำไง
"งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้แล้วกัน" ว่าแล้วเธอก็หันหลังจ้ำเท้าเข้าบ้านอย่างคนหนีตาย เพราะสายตาของฮันเจที่มองมาที่เธอนั้น มันจะเผาเธอไหม้อยู่แล้ว
น้ำผสมน้ำผลไม้ใส่เหยือกจัดนู่นจัดนี่ เตรียมจะยกเอาออกไปให้
"รู้สึกว่าจะสบายใจเหลือเกินนะ" ฮันเจพูดขณะที่เดินเข้ามาหาเธอในห้องครัว พอน้ำหันมาก็ชนกับอกของฮันเจซะแล้ว
"นี่...มันใกล้ไปมั้ย ถอยออกไปซิ" น้ำพยายามเบี่ยงตัวออกแต่โดนฮันเจใช้แขนทั้งสองล็อกเธอไว้กับเคาร์เตอร์ โดยมีตัวเขาเป็นปราการอีกต่างหาก สรุปถ้ามองจากด้านหลังน้ำเหมือนโดนฮันเจกอดไว้ก็ไม่ผิด
"นี่..นายจะทำอะไร" น้ำพยายามพูดด้วยเสียงที่ปกติ แต่มันก็ยังไม่ดีพอ
"กลัวรึไง...ทีกับเพื่อนผมคุณออกจะชอบไม่ใช่เหรอ" ฮันเจเหน็บแนมเพราะเสียงสั่นๆ ของน้ำเขาจึงขอแกล้งเธอต่ออีกสักนิด โดยที่เขาก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่รู้สึกหงุดหงิดเวลาที่เธอกับเพื่อนเขาใกล้ชิดกัน
"คุณไม่ชอบผม เพราะผมไม่ถึงเนื้อถึงตัวคุณใช่มั้ย" ฮันเจพยายามก้มหน้าลงต่ำ เข้าใกล้ใบหน้าของน้ำ
"ถ้านายคิดจะทำอะไรบ้าๆ ละก็ ขอบอกว่านายจะต้องเสียใจแน่ๆ" เธอขู่เขาทั้งๆ ที่ขาตัวเองก็ยังสั่น แขนก็ไม่มีเรี่ยวแรง สมองก็ออกจะเบลอๆ
"นายยังจำฤทธิ์เข่าของฉันได้มั้ยละ" เธองัดเอาไม่ตายที่เธอเคยใช้มันกับฮันเจได้ผลมาแล้วขึ้นมาขู่อีกครั้ง
"มันคงใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้นยายพี่เลี้ยงตัวแสบ" ฮันเจพูดรอดไรฟัน เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเสียท่าให้ผู้หญิง เมื่อนึกขึ้นมาเขาก็เจ็บใจทุกทีไป
น้ำพยายามตั้งสติคิดหาวิธีรับมือกับการกระทำครั้งนี้ของเขา เหมือนฮันเจจะรับรู้ได้
"ไม่ต้องคิดหาตัวช่วยหรอกคุณ" เขายิ้มมุมปากเป็นการเยาะเย้ย "เพราะเพื่อนผมกำลังยุ่งกับการกางเต๊นท์ คงไม่มีใครว่างมาช่วยคุณหรอก"
"นายนี่เก่งแต่กับผู้หญิงจริงๆ เลยนะ" น้ำโพร่งออกไป
"ว่าไงนะ" ฮันเจเกือบจะตะคอก จากมือที่จับเคาร์เตอร์เปลี่ยนมาจับไหล่เธอไว้ บีบมันจนน้ำต้องกัดริมฝีปากกั้นความเจ็บปวด ให้ตายฉันก็ไม่ขอร้องคนอย่างนายให้ปราณีฉันเด็ดขาด น้ำคิด
เธอเชิดหน้าสู้ฮันเจอย่างท้าทายแม้ความเจ็บปวดที่ไหล่ของเธอจะทวีความรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ของฮันเจก็ตามแต่น้ำก็ไม่ปริปากร้องขอความเห็นใจ
ฮันเจเองก็เหมือนจะรับรูถึงความเจ็บของน้ำได้จากแววตา แต่เขาก็แปลกใจว่าทำไมเธอถึงไม่ร้องขอให้เขาหยุด เพียงเธอบอกเขาก็พร้อมจะหยุดทันทีเหมือนกัน แต่เมื่อเห็นความอวดดีของเธอยิ่งทำให้เขาอยากสั่งสอน ผู้หญิงดื้อตรงหน้าคนนี้ให้หลาบจำ
ว่าแล้วฮันเจก็ก้มลงจูบบดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างไม่ปราณี น้ำเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กันพยายามดิ้นรนแต่ด้วยแรงของเธอรึจะสู้ฮันเจได้ แล้วอารมณ์ขุ่นๆ ของฮันเจตอนเห็นเอเมซจับมือ ทำอ้อนเธอ ตอนนี้มันกำลังค่อยๆจางไป พร้อมกับรสจูบที่เริ่มนุ่มนวลขึ้น
"ฮันเจ" เสียงของซอยจิยู ร้องเรียกมาแต่ไกล เพราะฮันเจบอกจะมาเอาของแต่หายมานาน เขาเลยมาตาม
น้ำผลักฮันเจออก พยายามปรับสีหน้าให้ปกติ ก่อนที่เพื่อนของเขาจะมาเจอ ตาเธอแดงๆ ฮันเจมองอาการของน้ำแล้วนึกโกรธตัวเอง ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ แต่อย่าหวังว่าเขาจะแสดงให้เธอรู้เลย ไม่มีวันซะหรอก ....
"ไง มาทำอะไรที่นี่..ไหนว่าจะไปเอาน็อต" จิยูถามเมื่อเห็นฮันเจอยู่ในครัวแทนที่จะเป็นห้องเก็บเครื่องมือ
"นี่ไง" ฮันเจโบกมือที่ถือน็อตที่เขาเพิ่งลวงออกมาจากกระเป๋ากางเกงหมาดๆ ไปมาในอากาศ
"แค่แวะมาดูคุณพี่เลี้ยง เผื่อว่าจะอู้งานอีก" ฮันเจพูดแต่ไม่มองหน้าน้ำสักนิด พรางเดินมากอดคอ จิยู ลากออกมาพร้อมกัน
"เออ..ให้มันได้อย่างนี้ซิ" น้ำบ่นออกมา
"ฉันนี่จะมีอะไรดีบ้างในสายตานาย" น้ำพูดประโยคนี้ออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เออคลอ เธอปาดมันทิ้งทันที
น้ำเดินตามหาลุงชวนไปรอบๆ บ้าน กะว่าจะขอติดรถออกไปตลาดตอนบ่ายด้วย อยากออกไปพักสมองหาอะไรที่บันเทิงให้กับตัวเองบ้าง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นับครั้งได้เลยที่ได้ออกไปนอกบ้าน
“ลุงชวน” เจอตัวซะที “ลุงจะเข้าเมืองมั้ยค่ะวันนี้”
“คุณน้ำมีอะไรรึป่าวครับ” ลุงชวนถามกลับ
“พอดีน้ำจะไปซื้อของในเมืองนิดหน่อยค่ะว่าจะติดรถลุงไปด้วย” เธอแจ้งจุดประสงค์ “บอกไม่จำเลยค่ะลุง ว่าอย่าเรียกคุณๆ น้ำไม่ใช่พวกบ้าอำนาจนะค่ะ” พูดไปเบ้หน้าไปประชดคนที่อยู่หลังบ้าน
“ผมต้องไปซื้อของให้คุณฮันเจครับ..ว่าจะไปพอดี แล้วหนูน้ำพร้อมมั้ย”
หันรีหันขวาง ‘เอาไงดีหว่ายังไม่ได้บอกเจ้าเด็กแสบเลย..ลุงก็ดันรีบอีก’ “ไปเลยก็ได้ค่ะ” ตัดปัญหาซะดื้อๆ ไม่ต้องบงต้องบอกมันหรอก
ว่าแล้วก็พาตัวเองยัดเข้าไปในรถกะบะยี่ห้อ มาสดารุ่นเดอะ ที่ขนาดกะทัดรัดเหลือเกิน ลุงขวนเจ้าของพาเจ้ากระป๋องเคลื่อนที่ไปอย่างนุ่มนวลสมกับที่คุ้นเคยกันมานานแรมปี
ระหว่างทางน้ำพูดคุยสัพเพเหระกับลุงชวน เรื่อยมา แปลกที่อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนไม่เคยคุยกันมากมายเท่าวันนี้
“ลุงว่าไงนะค่ะ” น้ำตกใจเกือบตะโกนถาม
“อย่างที่ลุงบอกหนูนั่นแหละ” คนสูงวัยยังคงยืนยันคำเดิม
“เจ้าเด็กบ้....” น้ำงับปากตัวเองได้ทันก่อนสรรพนามเรียกเจ้านายตัวดีของเธอจะหลุดออกมา “ฮันเจเนี้ยนะค่ะส่งหลานลุงเรียนหนังสือ” ความรู้ใหม่สร้างความแปลกใจให้น้ำอย่างมาก
“ไม่ใช่แค่ส่งหลานลุงเรียนอย่างเดียว คุณฮันเจยังช่วยเหลือครอบครัวลุงอีกมายมายเหลือเกิน” ใบหน้าชายสูงวัยดูอิ่มเอมยามนึกถึงความหลังเกี่ยวกับเจ้านายตัวเอง ครอบครัวของลุงชวน คนสวนของบ้านฮันเจ ต้องเจอมรสุมชีวิตครั้งใหญ่โดนโกงที่ดินทำมาหากินจนสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นช่วงเดียวกับที่แม่ฮันเจซื้อที่ดินแปลงนี้พอดีจึงได้ข่าวจากเจ้าของที่ขายให้ เด็กชายวัย 17 ปี จึงได้รับรู้ข้อมูลโดยปริยาย แล้วเค้าก็เป็นคนออกปากให้มารดาช่วยเหลือ ด้วยเกิดความสงสาร เดิมทีลุงชวนแกมีภรรยา แต่ด้วยตรอมใจจากเรื่องที่เกิดกับครอบครัวจึงชิงจากโลกนี้ไปก่อน จะเหลือก็แต่ลุงชวนกับหลานสองคน
ความรู้ครั้งนี้ทำเอาน้ำอึ้งกับมุมมองใหม่ของเจ้านายตัวแสบ คิดไม่ถึงว่าคนอย่างฮันเจ จะสงสารใครจนให้ความช่วยเหลือมากมายขนาดนี้ได้ น้ำนั่งนิ่งแต่ภายในใจตีกันวุ่นวายกับเรื่องที่ยากทำใจเชื่อ..แต่มันก็คือเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ซะด้วย
“หนูน้ำ” ลุงชวนร้องเรียกเมื่อเห็นผู้ร่วมทางยังไม่ไหวติงหลังรถจอดสนิทเนิ่นนาน
“ค่ะ.....”
“ไม่ลงเหรอหนู..ถึงแล้ว” ลุงชวนแถลงไข
“อ๋อ..ค่ะ ลงซิค่ะ” น้ำก้าวฉับอย่างรวดเร็วลงจากรถ
บรรยากาศตลาดต่างจากในกรุงเทพสิ้นเชิง ตลาดขนาดย่อมๆมีพืชผัก ผลไม้ ของชาวบ้านวางขายกันแบบง่ายๆ มีร้านขายกาแฟสีสันของร้านน่ารักน่าชังเรียกความสนใจของน้ำได้เป็นอย่างดี น้ำก้าวเท้าตรงดิ่งไปโดยไม่รั้งรอ
“คาปูชิโน่เย็นแก้วนึงค่ะ” เธอร้องสั่งเมื่อเดินมาถึงพร้อมหยอนก้นลงนั่งบนเก้าอี้สีขาวหน้าร้าน ชื่นชมบรรยากาศรอบตัว
ได้ลิ้มรสกาแฟสมใจอยาก พลันก็พาตัวเองเดินทอดน่องไปตามร้านค้า ของที่บอกลุงชวนว่าจะมาซื้อนะเหรอ เหอๆๆ บอกไปงั้นแหละยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะซื้ออะไร แค่อยากพาตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นสักระยะ หาช่องว่างให้ตัวเองได้คิดไตร่ตรองหาวิธีรับมือเจ้าเด็กบ้านั่น ก็เท่านั้นเอง เพราะงั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการเลือกดูของต่างๆเท่าไหร่นัก
น้ำหยิบผ้าพันคอที่ทำจากผ้ายขึ้นมาดูอย่างสนใจสีหวานๆบวกความนุ่มของผ้า ทำให้เธอตัดสิ้นใจซื้อได้ไม่ยาก เมื่อทำการแลกเปลี่ยนกันเรียบร้อยระหว่างคนซื้อกับคนขาย น้ำก็มุ่งต่อไปยังร้านข้างหน้า แต่ว่า....มีบางอย่างรั้งแขนเธอไว้ซะก่อน
“น้ำ..” เสียงเรียกที่คุ้นเคยดึงเอาสติของนลันชาหลุดลอย ร่างกายสั่นสะท้านยามหันมาเจอเจ้าของน้ำเสียงที่ทรมานจิตใจเธอมาตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือน
“พี่แทน” น้ำเสียงแหบพร่าสั่นเครือ ดวงตาเบิงกว้าง
“น้ำ..พี่ดีใจจริงๆ” ธาดายังคงรั้งเธอไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง เมื่อคนตรงหน้าออกอาการดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเขา ตี๊ ดิ๊ด ตี๊ ดิส ตี๊ เสียงโทรศัพท์ส่งเสียงร้องขัดจังหวะขึ้น น้ำใช้สายตามองไปที่กระเป๋ากางเกงสลับการมองหน้าเขา เป็นเชิงให้เขาปล่อยแขนเธอ เมื่อจำนนกับเหตุการณ์ แทนจำเป็นต้องปล่อยเธอ
เมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์โชว์หน้าจอ น้ำแทบอยากจะแดดิ้นตาย ช่างโทรมาถูกจังหวะจริงจริ๊ง เธอโอดครวญในใจ
“ว่าไง” ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับเจ้าเด็กปีศาจ เธอจึงเลือกที่จะถามถึงเหตุผลในการโทรมาครั้งนี้
“เธออยู่ไหน” ฮันเจคำรามก้องจนเสียงดังแว่วออกมาภายนอก น้ำต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“ฉันออกมาซื้อของเป็นเพื่อนลุงชวน” เธอโบ้ยไปทั้งๆ ที่ขอร้องตามมาเอง ก็ขืนบอกไปมีหวังเจ้าเด็กบ้านั่นคงได้ด่าเธอเปิดเปิงแน่ๆ
“ใครใช้คุณมิทราบคุณพี่เลี้ยง หนีงานซิไม่ว่า คิดว่าคนอื่นเขารู้ไม่ทันงั้นซิ” ชิชิ เจ้าเด็กบ้านี่ คิดได้แต่แบบนี้รึไงนะ แต่จะว่าไปก็ถูก...เธอหนี แต่ไม่ใช่หนีงาน แต่หนีเจ้าของเสียงคนนี้ซะมากกว่า
“กลับมาเดี๋ยวนี้เลย”
“ฉันจะกลับยังไงละคุณฮันเจ” น้ำกระแดะเรียกอย่างที่เขาสั่ง “ต้องรอลุงชวนก่อนซิ”
“น้ำ..มีอะไรรึเปล่า” ธาดาซึ่งยืนฟังอยู่เกิดสงสัยถามขึ้นกลางคัน เสียงของเขาดังพอที่ปลายสายคงได้ยินด้วย
“ฉันกลับแน่ๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วง” พูดจบกดตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี
“ปล่อย” นลันชากัดฟันพูด เมื่อธาดาจับแขนเธออีกครั้ง
“ไม่จนกว่าเราจะได้คุยกัน” แม้เขาจะสงสัยเกี่ยวกับคนในโทรศัพท์แต่ก็เอาไว้ก่อน ตอนนี้เขาอยากจัดการเรื่องตัวเองเสียมากกว่า
“น้ำ...” เธอหยุด “ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ” น้ำเลือกใช้สรรพนามแทนตัวทั้งเขาและเธอแบบห่างเหินสุดขีด
“ทำไมต้องเรียกกันแบบด้วยนี้ละ” ธาดาพยายามรั้งเธออีกครั้ง เมื่อคนร่างบางเริ่มสะบัดแขนแรงขึ้น
“คุณยังมีหน้ามาถามฉันเหรอ” น้ำสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหนักหน่วง พยายามกลั้นอารมณ์รวมทั้งน้ำเสียงไม่ให้ดังไปกว่านี้ ด้วยสถานที่มันบังคับ
“ฉันบอกให้ปล่อย” พูดจบน้ำกระทืบลงไปบนเท้าของธาดาเต็มแรง พร้อมสะบัดแขน เมื่อเป็นอิสระเธอจ้ำเท้าเต็มที่เพื่อไปให้ไกลจากคนคนนี้โดยเร็วที่สุด
ส่วนฮันเจเมื่อโดนตัดสาย แถมได้ยินเสียงผู้ชายเรียกชื่อพี่เลี้ยงของเขาอย่างสนิทสนม ไม่ต้องบอกเลยว่าอารมณ์เขาจะเป็นยังไง
“เดี๋ยวฉันมา” เขาหันไปบอกเอเมซ ที่ยืนงงๆ เพียงชั่วพริบตา ฮันเจบึ่งรถพอชสีเหลืองคู่ใจ มาถึงตลาดจอดรถอย่างไม่สนใจเส้นที่ขีดไว้ กวาดสายตาไปรอบๆ มองหาคนต้นเรื่องที่ทำให้เขาของขึ้นขนาดนี้
“ยายตัวแสบ....เธอไปมุดหัวอยู่ที่ไหน” ฮันเจ งืมงำพรางเดินไปตามร้านค้า ‘กล้าดียังไงตัดสายฉันทิ้ง’ เขายังคงคำรามในใจ ‘ไว้เจอก่อนเถอะ ฉันสัญญาว่าจะตอบแทนเธออย่างสาสมเลย ยายพี่เลี้ยงจอมวีน’ เขาไม่แน่ใจเลยว่าที่เขาโมโหเพราะเธอตัดสายทิ้ง หรือเพราะเสียงผู้ชายที่อยู่กับเธอกันแน่ แต่จะอะไรก็ชั่งเถอะ เจอตัวละก็เจ็บแน่ๆ เขาคิด
ความคิดเห็น