คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ::Chapter 3::
Chapter 3
ณ ห้องสุดทางเดินยาว แสงสว่างที่สอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาไม่ได้ทำให้แสบตาแม้แต่น้อย แต่มันกลับทำให้อบอุ่นซะมากกว่า เสียงเพลงที่บรรเลงจากเปียโนเร่งให้คนที่เดินตามเสียงมารีบเดินเข้าไปอีกก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่
“ในนี้สินะ”เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับใครบางคนที่ใส่ชุดสูทสีขาวกำลังเล่นเพลงที่ตัวเองชอบอยู่ที่เปียโนหลังใหญ่สีขาวเช่นเดียวกับชุด
“ฮัน....”เสียงหวานละเพ้อชื่อคนตรงหน้าออกมา มือเล็กๆ ยกขึ้นปิดปากอย่างไม่คาดฝัน ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาทางฮยอกแจ แต่แล้วห้องทั้งห้องก็เริ่มเป็นสีดำร่างของฮันเกิงที่เดินอยู่กลับเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว
“ฮัน!”มือหนาจับหน้าอกตัวเองที่มีเลือดไหลเปรอะเปื้อนชุดสีขาวเต็มไปหมด ฮันเกิงมองหน้าฮยอกแจด้วยความผิดหวัง
“ฮยอกแจ...นายฆ่าฉัน!!”
“ไม่...ไม่นะฮัน”
“นายยิงฉัน!”ฮยอกแจก้าวถอยหลังในขณะที่ฮันเกิงก้าวตามมาช้าๆ มือหน้าถือปืนกระบอกดำวาวอยู่ก่อนจะเล็งมาที่ฮยอกแจ
“ไม่นะ อย่านะฮัน!”ขาเล็กๆ วิ่งหนีเต็มกำลัง เสียงเหนี่ยวไกลทำให้ฮยอกแจยิ่งขวัญผวาถึงแม้จะฆ่าคนมานักต่อนักแต่ทำไมกับคนๆ นี้ถึงได้รู้สึกกลัวตายเช่นนี้
“สายไปแล้วลี ฮยอกแจ นายฆ่าฉัน!!!”
“ปัง!!”
“.....!!!!”ดวงตากลมเบิกกว้างมองเพดานขาวอย่างเหม่อลอย แขนเล็กๆ ดันตัวเองขึ้นมาก่อนจะดูนาฬิกา จะ 8 โมงเช้าแล้ววันนี้ต้องเข้าสำนัก เมื่อคิดได้ฮยอกแจก็ลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกมายืนหวีผมอยู่หน้ากระจก
“หึ ฝันแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าฉันจะกลัวอีกหรอไง”น้ำเสียงเรียบๆ บ่งบอกได้อย่างดีว่าจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ลี ฮยอกแจเจ็บช้ำแค่ไหน นี่ก็ผ่านไปเกือบจะสามเดือนแล้วแต่ในจิตใต้สำนึกมันก็ยังคงจำเหตุการณ์วันนั้นอยู่ดี
“ฮยอกเสร็จรึยัง ไปช้าแล้วแดดร้อน”เสียงแว่วๆ ที่ดังเข้ามาทำให้ฮยอกแจเดินไปคว้าเสื้อคลุมก่อนจะเปิดประตูออกไป
“เร่งคนอื่นแต่ตัวเองดันตื่นสายซะเอง”ดงเฮว่าล้อๆ
“ด็อง! เชอะไม่คุยด้วยแล้ว”ซองมินว่าอย่างอนๆ แล้วเดินลงบันได้ไป ตั้งแต่ที่ทะเลาะกัน ไม่กี่วันต่อมาซองมินก็เข้ามาขอโทษฮยอกแจ เหมือนที่ดงเฮเคยบอกไว้....แค่นี้ก็เจ็บกันเกินพอแล้ว....
“มากินเร็วๆ ช้ามินไม่คอยแล้วนะ”ซองมินเรียกก่อนจะหยิบขนมปังใส่ปากตามด้วยนมที่วางอยู่ข้างๆ ดงเฮที่เดินตามมาทีหลังดึงแขนของฮยอกแจไว้ก่อนจะกระซิบให้รู้กันแค่สองคน
“พรรคที่จีนกำลังเคลื่อนไหวอีกแล้ว”
ณ ประเทศจีน บนถนนในยามเช้าผู้คนกำลังพลุกพ่าน การจราจรในยามเช้าดูติดขัดไปซะหมด ในตลาดที่ตัวเมืองชายคนหนึ่งกำลังปั่นจักยานไปส่งบะหมี่ตามที่ลูกค้าได้สั่งทางร้านไว้
“ชอบคุณครับคุณป้าทานให้อร่อยนะครับ จะได้มีแรงทำงาน”
“แหม ขอบใจนะฮันคยอง หน้าตาก็หล่อ แถมนิสัยก็ดี ถ้าป้ามีลูกสาวคงให้แต่งกับตาฮันไปนานแล้วแหละ”
“ฮ่ะๆ ผมไปก่อนนะครับ มีอีกที่หนึ่งต้องไปส่ง เดี๋ยวกลับบ้านช้า”ฮันคยองเป็นลูกชายคนเดียว เค้ามีแม่ที่กำลังป่วยด้วยโรคสติฟั่นเฟืองอยู่ที่บ้าน แต่เค้าก็ทำงานทุกอย่างเพื่อที่จะเลี้ยงดูและรักษาจนใครๆ ก็สงสารเค้า
“เฮ้ย!! จับมันไว้ให้ได้”เสียงเหี้ยมสั่งในขณะที่ฮันคยองกำลังจะเลี้ยวโค้งพอดี ชายคนวัยกลางวิ่งผ่านหน้าเค้าไปก่อนที่จะมีคนตามไปอีกประมาณสี่ห้า
“เฮ้ย!! เกะกะเว้ย!!”พูดจบก็ชนกับจักรยานของฮันคยองจนทั้งคนทั้งรถล้มลงไป ดวงตาคมมองคนที่วิ่งผ่านไปอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่แบงค์สี่ห้าใบจะโยนลงมาตรงหน้าเค้า
“ให้ผมทำไมครับ”
“ค่าบะหมี่นายไง หรือจะไม่เอา!”ชายแก่คนหนึ่งพูดพลางกอดอก ดวงตาคมมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาก่อนจะคิดในใจ เจ้าพ่อมาเฟียที่ทำตัวกร่างนี่เอง
“ผมไม่เอาหรอก ผมต้องการคำขอโทษ!”
“หึ แกมันปากดีรู้ไหมว่าพูดอยู่กับใคร!!!”มีดเล่มเล็กถูกลูกน้องของชายคนนั้นกดลงบนท้องของฮันคยองอย่างเอาเรื่อง แต่ดูท่ามันไม่ได้กระตุ้นต่อมความกลัวของคนส่งบะหมี่แม้แต่น้อย
“ปล่อยมัน! หึหึ แกชื่ออะไร!”
“แล้วทำไมผมต้องบอกคุณด้วยล่ะ!”
“แววตาแกนี่มันร้ายใช่ย่อยเลยนะ สนใจอยากจะเป็นมาเฟียไหมล่ะ”
“ขอบคุณครับ แต่ผมรักงานสุจริตมากกว่า!!”ฮันคยองพูดก่อนจะเดินไปยกจักรยานขึ้นทำท่าจะปั่นออกไป แต่มือหนาของชายแก่คว้าเข้าที่แขนก่อนจะออกแรงบีบจนฮันคยองหมดความอดทน
“ผมไม่รู้นะว่าคุณเป็นใคร แต่ผมไม่ชอบที่คุณมันรังแกกันแบบนี้!!”คอเสื้อของชายแก่ถูกฮันคยองยกขึ้นพร้อมๆ กับปืนในมือลูกน้อง ชายแก่คนนั้นยิ้มน้อยๆ
“ฉันแค่อยากรู้จักชื่อ ไม่เห็นต้องทำกันอย่างนี้เลย”
“ถ้าผมบอกคุณจะปล่อยผมไปใช่ไหม”ดวงตาคมมองอย่างพิจารณา ก่อนริมฝีปากหนาจะขยับขึ้น
“ชื่อของผม คือ ฮันคยอง”พูดจบก็ปล่อยคอเสื้อแล้วปั่นจักรยานออกไปทันที ทิ้งไว้แค่บะหมี่ที่หกกระจายและเงินที่ปลิวอยู่แค่นั้น
“น่าสนใจ ไปสืบประวัติมันมาให้ฉันด้วย”
“ได้ครับคุณเจียฟง”
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว วันนี้มีลูกแพรที่แม่ด้วยนะครับแม่”ฮันคยองพูดพลางถอดรองเท้าก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านที่เงียบสงบราวกับไม่มีใครอยู่ ดวงตาคมกวาดมองไปรอบๆ บ้านหลังเล็กๆ ก่อนจะไปสะดุดกับรองเท้าคู่เก่าที่แม่เค้าชอบใส่
“แม่!!”หญิงวัยกลางคนนอนหมดสติอยู่บนพื้น รอบๆ ตัวมีแต่เศษแก้วแตกกระจาย ฮันคยองไม่รอช้าอุ้มคนเป็นแม่ขึ้นวิ่งออกไปเรียกเพื่อไปโรงพยาบาลทันที
“แม่...แม่อย่าเป็นอะไรนะแม่...แม่”
“......”ริมฝีปากพร่ำพูดตลอดเวลาจนกระทั่งแม่ของตนถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไป ขายาวที่วิ่งมาเมื่อครู่ด้วยความร้อนใจกลับอ่อนแรงจนเค้าต้องทรุดลงกับพื้นหน้าห้องฉุกเฉินนั้น
“นายครับ เด็กเรารายงานว่าเจอฮันคยองที่โรงพยาบาลของเราครับ”
“ดี อีกห้านาทีเราจะไปถึงที่นั่นกัน”
“หมอครับ แม่ผมเป็นยังไงบ้าง”ชายชุดขาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะตบบ่าฮันคยองสองสามที
“แม่คุณน่ะแก่แล้วนะฮันคยอง ที่เค้าหมดสติไปเพราะเค้าไม่ค่อยกำลังกาย อีกอย่างโรคที่รุมเร้าเค้าตอนนี้ทำให้ร่างกายและความจำของเค้าเริ่มลดลงเรื่อยๆ”
“ไม่มีทางรักษาเลยหรอครับหมอ”
“ถ้าทางร่างกายล่ะก็ วิธีการรักษาคือให้คนไข้ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอและต้องมาทำกายภาพที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละสามครั้งเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าทางด้านจิตใจ...คงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและตัวคุณแล้วล่ะ”
“ต้องทำกายภาพนานแค่ไหนครับ แล้วค่าใช้จ่ายในการกายภาพประมาณเท่าไหร่”ดวงตาคมเริ่มร้อนลนเพราะกำลังจะอับจนหนทาง
“อย่างน้อยสามเดือนครับถ้าคนไข้ฟื้นตัวเร็ว ค่าใช้จ่ายก็ราวๆ ห้าล้านวอน แต่ถ้าคุณไม่มีเวลาดูแลเรามีพยาบาลดูแลที่นี่ ถ้ารวมไปด้วยก็ตกประมาณสิบล้านวอนครับ”
“เอ่อ ขอบคุณครับหมอ”
“ครับ ถ้าจะเอายังไงก็ติดต่อมานะครับ”ฮันคยองโค้งให้ก่อนจะคิดไม่ตกในใจ เงินมากมายขนาดนั้นเค้าจะไปมีปัญญาหาได้ที่ไหนในเวลาเพียงแค่สามเดือน
“คุณเป็นญาติของผู้ป่วยเมื่อครู่รึเปล่าคะ”เสียงพยาบาลสาวถามขึ้น ฮันคยองพยักหน้าก่อนจะเดินตามเธอไปที่จุดรับยา
“ถ้าคนไข้ไม่มีอะไร พรุ่งนี้เช้าคงกลับบ้านได้เลยค่ะ”
“ต้องค้างที่นี่หรอครับ เอ่อ ผมว่า...”
“เรื่องค่าใช้มีคนออกให้แล้วค่ะ ช่วยเซ็นชื่อตรงนี้ด้วยนะคะ”ฮันคยองขมวดคิ้วมุ่น เค้าไปรู้จักใครที่ไหนกันถึงได้มีเงินมากมายมาจ่ายให้ก่อนแบบนี้ หลังจากที่ถามชื่อคนจ่ายเสร็จพยาบาลสาวก็ชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่งก่อนจะร้องขึ้น
“คนๆ นั้นแหละค่ะที่จ่ายให้”
“คนนั้นหรอครับ คุณเจียฟงที่ว่า”
“ใช่ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”ทันทีเจียฟงหันกลับมาก็พบว่าฮันคยองมองตนอยู่พอดี ชายชราเดินเข้ามาหาเค้าก่อนจะยิ้มให้
“ไงฮันคยอง เราเจอกันอีกแล้วนะ”
“สวัสดีครับ”
“ได้ข่าวว่าแม่ไม่สบายงั้นหรอ”ชราแก่มากประสบการณ์พูดก่อนจะสังเกตเห็นดวงตาคมไหววูบ ฮันคยองตอบรับน้อยๆ ทั้งคู่พากันไปนั่งคุยกันที่โซฟารับรองตัวใหญ่ ก่อนที่ฮันคยองจะเปิดประเด็น
“คุณต้องการอะไรครับ มาจ่ายค่ารักษาให้แม่ผมทำไม”
“ฉันถือว่าชดใช้ค่าบะหมี่เมื่อเช้านะ”
“แต่มันมากเกินไป! ผมรับไว้ไม่ได้หรอก”ฮันคยองขึ้นเสียง ก่อนจะเงียบลง
“ฉันก็บอกไปแล้วไงฮันคยอง ว่าฉันสนใจในตัวนาย ถ้ามาเป็นมือขวาให้ฉัน นายจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องแม่ของนาย ฐานะของนายก็จะดีขึ้น ที่สำคัญ...แม่นายอาจจะหายนะ”
“แต่ผมไม่เก่งเรื่องพวกนี้หรอกครับ เรียนก็น้อย จะไปเป็นมือขวาคุณได้ยังไง”เจียฟงขยับยิ้ม เค้าดูคนไม่ผิดจริงๆ ทั้งอ่อนโยนและเข้มแข็งไปในคนๆ เดียวกัน คนแบบนี้แหละที่เค้าต้องการ
“นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ ขึ้นอยู่ที่ว่านายอยากจะทำรึเปล่า”
“ผม...ผม”ยิ่งคิดยิ่งสับสน ในหัวของฮันคยองตอนนี้มีแต่เรื่องแม่และเงินวนเวียนไปมาไหนจะเรื่องข้อเสนอนี้อีก มือหนายกขึ้นลูบหน้าช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจยาว
“ถ้านายทำฉันจะให้ยกหนี้ค่าพยาบาลให้ นายไม่จำเป็นต้องใช้ มีรถให้นายขับ แม่นายจะมีพยาบาลพิเศษที่จะคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมงที่นายไปทำงานได้ สนใจไหมล่ะ”ชายชราพูดก่อนจะสูบไปป์อย่างใจเย็น (จริงๆ ใน รพ. ห้ามสูบนะ แต่เจียฟงเป็นเจ้าของไงเลยยกเว้ย -*-)
“ผมจะให้คำตอบพรุ่งนี้เช้าตอนที่แม่ผมดีขึ้นแล้ว”
“ตกลง!! ฉันหวังว่าฉันจะได้คำตอบที่น่าพอใจนะฮันคยอง”นามบัตรใบเล็กถูกส่งให้ฮันคยองก่อนที่เจ้าตัวจะรับมาเก็บไว้
“ถ้านายมาทำงานกับฉันเฟยจะได้กลับไปใช้ชีวิตครอบครัวซะที...”เฟยคือลูกน้องคนขวามือคนปัจจุบันที่ขอลาออกเพราะยังไงซะ สุดท้าย...เค้าก็อยากจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปหลังจากรับใช้เจียฟงมานานถึง 30 ปี
“อีกอย่าง...นายเหมือนลูกฉันมากนะฮันคยอง ตอนแรกๆ ฉันก็ไม่ได้เป็นมาเฟียหรอกนะแต่พอจนตรอกมันก็ทำไงได้ เมียฉันเลยเก็บเสื้อผ้าพาลูกหนีเพราะเค้ากลัวว่าจะมีคนตามฆ่าเค้า หึหึ! นังผู้หญิงกลัวตายคนนั้น....ฉันยังจำสายตามันได้ดีตอนที่มันเดินจากฉันไปพร้อมๆ กับลูก”
“คุณคงคิดถึงพวกเค้าสินะ”ฮันคยองว่าก่อนจ้องตาของเจียฟง ชายชราพยักหน้ารับเบาๆ
“เฮ้อ ฉันต้องไปแล้ว วันนี้ต้องเข้าประชุม”
“อ่ะ ครับ”ฮันคยองลุกขึ้นก่อนที่จะจับมือกับเจียฟงแล้วเดินออกไป หากเลือกแล้วก็ต้องเดินอยู่บนเส้นทางนี้ตลอดไป แต่ถ้าไม่ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าใช้จ่าย ค่าบ้าน ค่ากิน ฮันคยองนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม มือทั้งสองข้างเสยผมสีดำของตัวเองช้าๆ ก่อนจะก้มหน้าลง
“เฮ้อ มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรือไงนะ หรือ... สวรรค์กำหนดให้ชีวิตผมต้องเดินบนเส้นทางนี้”
....หากเลือกที่จะไม่ตอบรับ ชีวิตอาจจะหมดทางดิ้นรนต่อไป
แต่ทางที่ชายคนนั้นเสนอมากลับเป็นทางที่เกลียดมันนัก
...หากแต่อีกคนที่นอนอยู่เบื้องหลังยังรั้งเค้าไว้
แม่ครับ...ผมจะทำยังไงดี ในเมื่อหนทางข้างหน้ามีแต่อันตราย
....เมื่อก้าวไปแล้วผมต้องไปเป็นมาเฟีย...มาเฟียที่ต้องฆ่าคน!
___________________________________________
ทักทายสไตล์โมจิจัง
วันนี้อัพให้เร็วกว่าที่เคย วันนี้โมจิต้องเริ่มไปทำงานแล้วอ่า
เพื่อนพึ่งโทรมาบอกเมื่อวานเอง ทำงานตั้งแต่ 9 โมงถึง 6 โมงค่ะ
เป็นเด็กเสริฟ์ในร้านอาหาร ^^ อาจจะไม่ค่อยมีเวลาอัพบ้าง แต่ถ้า
เม้นเยอะๆ กลับมาจะรีบอัพเลย เอิ๊ก.....จะพยายามอัพเรื่อยๆ นะ
ปล. ถ้าคำไหนพิมพ์ผิดต้องขอโทษด้วยนะ
ฝันดีนะแฟนฟิคของโมจิ จุ๊ฟ~ (>3<*)
220309 01.59 น.
Loma_ p
ความคิดเห็น