Th H
นักล่าค่าหัว เหล่าบุคคลที่คอยลากอาชญากรเข้าตาราง ในยุคที่มีดินเเดนปีศาจ เเละมนุษย์อยู่ด้วยกัน เพื่อป้องกันการรุรานซึ่งกันเเละกันจึกมีสภากลางคอยควบคุม โดยจัดการสอบนักล่าค่าหัวปีละครั้งเพื่อช่วยกำจัดอาชญากร
ผู้เข้าชมรวม
175
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นักล่าค่าหัว
Part 1 เกรแฮม มอนเซอร์กับท่าเรือสุดวิเศษ
ในยุคที่มนุษย์และปีศาจอยู่ร่วมกันกันโดยมีกฎเกณฑ์ของ เอเดน เดม่อนเป็นข้อปฏิบัติ ความสงบสุขจึงเกิดขึ้นในหลักเกณฑ์น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งพามนุษย์และปีศาจต่างก็ต้องพึ่งพากันและกัน หากแต่เกิดการทะเลาะวิวาทไม่ลงรอยของทั้งสองเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้ตั้งตนเป็นคนแห่งแสงสว่างจึงได้รวมพลขับไล่เหล่าปีศาจออกไปจากดินแดนแห่งนี้ เป็นต้นเหตุของสงครามครั้งใหญ่อาจจะเรียกว่าสงครามแห่งยุคมืดเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ดินแดนแห่งนี้แบ่งออกเป็นสามอาณาจักร
ฝั่งซ้าย Holy Light อาณาจักรที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น พืชพรรณธรรมชาติงอกงาม ธารน้ำใสสะอาดแต่งต่างกับ Dark Deva ซึ่งอยู่ฝั่งขวา อาณาจักรที่เต็มไปด้วยความมืด แต่ดินแดนแห่งนี้ไม่ค่อยมีข้อมูลมากนักเพราะค่อนข้างเป็นเอาณาจักรปิด อาณาจักรกลาง Dark Holy เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ตรงกลางกลั้นระหว่างสองเมือง จัดว่าเป็นสภากลาง ไม่ขึ้นตรงต่อดินแดนใดทั้งสิ้น
ดินแดนทั้งสองได้เกิดการทะเลาะพิพาทก่ออาชญากรรมกันบ่อยครั้ง จึงทำให้สภากลางได้ผลิต นักล่าค่าหัวขึ้นเพื่อเป็นการปราบปรามอาชญากร โดยจัดอาชญากรเป็น สี่ระดับจัดตามความอันตรายโดยเริ่มตั้งแต่หัวเหลือง ส้ม และแดงตามลำดับ แต่การเป็นนักล่าค่าหัวไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องผ่านการคัดเลือกหมาโหดที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยต้องผ่านผู้คุมสอบทั้งเจ็ดของสภากลาง เมืองที่จะจัดขึ้นในปีนี้คือเมืองยอร์คแฮม เมืองแห่งสายลมในอาณาจักรกลาง
บนเนินเขาที่มีทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล ลมพัดผ่านร่างของหนุ่มน้อยร่างเล็กที่มีใบหน้าส่อแววเกรียจคร้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมสีน้ำผึ้งอ่อนครอเครียลับกับใบหน้าและริมฝีปากสีสด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลไหม้ส่อแววซุกซนทั้งๆที่ใบหน้ายังคงความเกรียจค้านไว้เช่นเดิม ริมฝีปากยักยิ้มพร้อมกับมองไปยังเมืองท่าที่อยู่ข้างล่างเมืองท่าที่แสนวุ่นวายผู้คนต่างขนของจำนวนมากและแห่กันมาที่เมืองท่าแห่งนี้
- เเกรแฮม มอนเซอร์ ท่าเรือวิเศษแห่งดาร์คโฮลี่
ร่างบางวิ่งลงมาจากเนินเขาอย่างรวดเร็วด้วยความดีอกดีใจ หลังจากผ่านการข้ามผ่านเขตเมืองอันมีระยะเวลายาวนานหลายสิบวัน เสื้อสีน้ำตาลมีรอยปักชุนอยู่หลายที่ ทำให้บ่งบอกฐานะของเจ้าของกับความสมบุกสมบรรณที่ต้องเจอเป็นอย่างดียิ่งมาพร้อมกับกางเกงขาสั้นที่ดูสภาพแล้วไม่ต่างกับเสื้อซักเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องสงสัย เด็กคนนี้ดูมีฐานะปานกลางถึงกับขั้นจนเลยทีเดียว เกรแฮมมองบุคคลตรงหน้าอย่างพิจารณา ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยปากถาม คำถามเดิมๆที่เค้าจะต้องเอ่ยออกมาทุกวันจนเป็นกิจวัตร
"ท่าเรือเกรแฮมขอต้อนรับ ไม่ทราบว่าน้องชายจะไปที่ไหนรึ" ร่างบางมองคนตรงหน้าที่ดูหมือนยักษ์รุ่นลุงด้วยแววตาสนุกสนาน ยามเมื่อเกรแฮมเอ่ยคำพูดออกมา ฟันซี่สีเหลืองแหว่งๆก็จะโผล่ออกมาด้วย .. สงสัยลุงคนนี้ไม่เคยแปลงฟันซะหละมั๊ง
"ว่าไงน้องชาย ตอบช้าระวังไม่ทันเที่ยวเรือประจำเมืองนา"
"เอ่ออ..ผมกำลังจะไปเมืองยอร์คแฮมครับ ไม่รู้ว่าค่าโดยสารเท่าไหร่"ร่างบางมองถุงเงินอย่างชั่งใจ ถุงเงินที่เขาหยิบออกมาจากถุงผ้าใบใหญ่ๆ ถุงเงินที่เป็นของดูต่างหน้าของพ่อแม่ และเงินก้อนสุดท้ายที่เค้าจะทุ่มมันให้กับการทดสอบในครั้งนี้
"อืม.อ่า ยอร์คแฮมช่วงนี้อยู่ในเทศกาลทดสอบซะด้วย จะเดินทางก็คงจะใช้เวลาซักสองวันละมั๊ง ว่าแต่น้องชายจะมาสมัครสอบเป็นนักล่าค่าหัวรึ"เกรแฮมมองหนุ่มน้อยอย่างสงสัยอีกครั้ง ตัวเล็กแค่นี้จะรอดการทดสอบมหาโหดมั๊ยหล่ะนั่น
"ครับ ผมจะมาทดสอบเป็นนักล่าค่าหัว มันเป็นความฝันของผมเชียวนา"เกรแฮมจ้องคนตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู
"ฮ่าๆๆ ชักถูกใจนายเข้าซะแล้วชั้นเกรแฮม มอนเซอร์เจ้าของเมืองท่าเรือแห่งนี้ ว่าแต่นายหล่ะชื่ออะไรแล้วจะมาสมัครสายอะไรหล่ะจะได้แนะนำถูก เห็นอย่างนี้ชั้นเคยเป็นนักล่าค่าหัวมาก่อนนะจะบอกให"
"จิงเหรอลุง โห ผมพอลเซ่ เกรอเดอแรงด์ ผมจะเป็นนักล่าสายอโคซิส"
"โหยยย ยากไม่ใช่เล่นนะสายนี้"
"ใช่มั๊ย มันยากไงผมถึงจะต้องพยายาม"
"โฮ่ โฮ่ๆ ผ่านให้ได้เถอะพ่อหนุ่ม แล้วเรื่องเลือกสายค่อยว่ากันเอาหล่ะขึ้นเรือได้แล้ว จนป่านนี้ยังไม่ไปกันอีกเดี๋ยวจะไม่ทันวันสอบเอา" เกรแฮมโอบไหล่ของพอลเซ่ไว้อย่างเป็นกันเอง ก่อนจะมุ่งหน้าสู่เรือไม้ขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้ถึงพันกว่าคนและทั้งคู่คงเข้าไปในเรือแห่งนี้แล้วหากไม่มีเสียงของพอลเซ่ที่ทำให้เกรแฮมหยุด ชะงัก
"เดี๋ยวก่อนลุง แล้วค่าโดยสารล่ะ เผื่อแพงมากมากผมจะได้กะแผนใหม่"
"เอาวะฮ่าๆๆ เห็นถึงความมุ่งมั่นจะลดให้แล้วกัน ถ้าปกติชั้นดาดฟ้าราคาราวๆ เจ็ดพันเจนนี่แต่จะลดให้แค่พันเจนนี่" พอลเซ่ตาโต โหยพันเจนนี่
"นี่พ่อหนุ่ม ชั้นลดให้สุดๆแล้วนะ ราคานี้หน่ะหาที่ไหนไม่ได้นะเว่ย เป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้วสำหรับเมืองนี้ เทศกาลนี้"พอลเซ่ดูทองในถุงผ้าพร้อมกับยื่นทองราคาพันเจนนี่ให้เกรแฮมอย่างเสียดาย
"เออวะ ลดขนาดนี้ยังไม่พอใจอีก งั้นเหลือห้าร้อยแล้วกัน พอแล้วสดๆแล้ว อย่าไปบอกใครหล่ะ"พอลเซ่ตาโต มองเกรแฮมอย่างดีใจ
"ขอบคุณมากนะลุง"
"เอออ.."
สองเท้าเดินมุ่งหน้าไปที่แผ่นไม้ที่จะทอดไปยังเรือลำใหญ่ นั้นที่พอลเซ่อยู่นั้นเป็นชั้นกลางสำหรับพวกฐานะปานกลาง บรรณยากาศอับชื้นเล็กน้อย ผู้คนต่างนั่งเรียงเป็นตับบนที่นั่งของตนที่แบ่งเป็นลอค ลอคตามราคาที่ซื้อ เสียงดังจอแจอึกทึกดังเรื่อยๆไม่มีขาดสาย บ้างก็ถกเถียงกันเรื่องการค้า บ้างก็เรื่องอื่นๆจิปาถะผสมปรนเปกันไป พอลเซ่เดินตามเกรแฮมมาเรื่อยๆจนถึงบันไดแยกที่มีทั้งขึ้นและลง ผู้คนต่างเดินขวักไขว่ไปมาจนน่าเวียนหัว พอลเซ่เตรียมเดินลงไปข้างล่างมือใหญ่ของเกรแฮมรั้งไว้แล้วส่งสัญญาณชี้ไปยังชั้นบน พอลเซ่พยักหน้าหงึกหงัก แล้วเดินขึ้นไปอย่างว่าง่าย
เมื่อพอลเซ่ผ่านพ้นบันไดไม้กั้นขึ้นมาก็พบกับบรรณยากาศโล่งโปร่งเย็นสบาย แต่งต่างกับชั้นข้างล่างลิบลับ ชั้นนี้มีลักษณะความเป็นส่วนตัวมากกว่าข้างล่าง นี่นั่งดูเหมือนตู้กั้นใหญ่ๆเรียงกัน แถมเดินเลยเขตห้องพักไปอีกนิดก็ได้พบชานเรือ ที่มองเห็นท้องฟ้าสีครามและน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม เสียงนกทะเลที่ร้องหากันกลับกังวานไปทั่วรูหู.นี่มันชั้นดาดฟ้าเรือนี่หว่า
"เอาหล่ะ อย่าเพิ่งออกไปดูวิว ที่นั่งนายอยู่นั่น คอนเนอร์ สองฝั่งซ้าย ระวังไว้ดีๆนา ชั้นนี้มีแต่พวกคนรวยระวังพวกโจรจะแห่กันมาขโมยของโดยไม่รู้ตัวเอา ชั้นเตือนด้วยความหวังดี เอาหล่ะเก็บของแล้วอยากทำอะไรก็ตามใจแล้วกัน ชั้นอยู่ชั้นกลางฝั่งหัวเรือนะ ตามสบายฮ่าๆๆ"พอลเซ่พยักหน้าอย่างว่าง่าย หอบสัมภาระเก่าๆของตนเข้าไปยังคอนเนอร์ นั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มที่ตั้งอยู่ตรงข้ามเตียงขนาดเล็กมองสภาพรอบๆอย่างตื่นเต้น..ให้ตายเหอะไอ่พอลเซ่เอ๊ย แกได้นั่งชั้นผู้ดีเชียว โฮ่ๆ.
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเหนือโซฟาก็ได้พบกับชายหนุ่มอีกคนอายุราวๆ สิบหกสิบเจ็ดปี ผมสีเขียวอ่อนยาวเลยไหล่ ผิวสีขาวออกจะซีดดวงตาสีเขียวสดใสจดจ้องไปยังบุคคลตรงหน้า แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"หวัดดีขอโทษที่ทำให้ตกใจแหะๆชั้นเชน แกรนดูจะมาสมัครสอบเป็นนักล่าค่าหัวสายเมอร์แชนด์ ยินดีที่ได้รู้จักแล้วนายอ่ะ"
"ชั้นพอลเซ่ เกอเดอแรงก์ จะมาสมัครสอบเป็นนักล่าเหมือนนายแต่เป็นอโคซิสนะ"
"โหย ยากนะสายนั้นนายคิดไงอยากเป็นอโคอ่ะ มนตราก็ยากแถมพ่วงวิชาหมอเข้าไปอีก แก่วิชาตายกันพอดี"เชนมองพอลเซ่อย่างนึกสงสัยมีน้อยมากที่คนจะเลือกเรียนสาขานี้
"แหะๆ ไม่รู้สิแต่อยากรักษาคนหน่ะ แถมสายนี้ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ยิ่งถ้าเป็นขั้นสองนะโหยยยย"
"อุวะ.เก่งหน่ะเก่ง แต่ยากนะกว่าจะเป็นขั้นสอง ไม่กลัวเรียนไม่ไหวรึไง"
"เอ่อ พอลเซ่ ชั้นเข้าไปนั่งข้างในกับนายได้ป่ะ คุกเข่าคุยแล้วมันเมื่อยหว่ะ"เชนทำหน้าแหยๆ นิ้วชี้ไปยังคอนเนอร์ผู้โดยสาร ดวงตาสีเขียวจ้องพอลเซ่เพื่อขออณุญาติ พอลเซ่พยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเชิญเพื่อนใหม่เข้ามานั่งข้างในด้วยกัน
~ แปรน แปรน แปรน ฟู่ ~
เสียงแตรส่งสัญญาณเรือและไอน้ำดังขึ้นสามครั้งเป็นตัวบ่งบอกว่าเรือลำนี้กำลังออกจากท่าเรือใหญ่ พอลเซ่จ้องไปยังหน้าต่างอีกด้านอย่างนึกสนใจ ลมทะเลตีผ่านมายังใบหน้าอ่อนเยาว์ สายลมเบาๆพัดผ่านทำให้เส้นผมสีน้ำตาลปลิวไปข้างหลังเล็กน้อย ใบหน้าหวานหลับตาพริ้ม สูดหายใจฟอดใหญ่รับกลิ่นไอธรรมชาติที่แฝงไปด้วยกลิ่นเค็มของน้ำทะเล
เชนจ้องมองเพื่อนใหม่ด้วยความงงงวย ทำไมเพื่อนตัวน้อยของเขาถึงทำอย่างไม่เคยเห็นทะเลหล่ะ ถ้ามีปัญญาจ่ายชั้นดาดฟ้าราคาแพงลิบลิ่วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ไม่เคยเห็นท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ไวเท่าความคิดเชนได้เอ่ยปากถามเพื่อนตัวน้อยทันที
"พอลเซ่ นายไม่เคยเห็นทะเลหรือ" พอลเซ่ละหน้าออกจากหน้าต่างบานจ้อย สบตาเพื่อนตาสีเขียวและพยักหน้าหงึกหงักอย่างไม่ปิดบัง
"ก็เออสิ ไม่ชั้นจะตื่นเต้นงี๊เรอะ" เชนทำหน้าราวกับประสบพบเจอกับเรื่องใหญ่คับโลก ดวงตาหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ..หรือบ้านมันไม่ได้รวยวะ ถึงไม่เคยนั่งเรือชมทะเลแต่ก็ช่างเหอะ อุตส่าห์เจอเพื่อนใหม่รวยไม่รวยก็ไม่เห็นต้องสนใจเลยนี่หว่า
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สองหนุ่มนั่งคุยกันอย่างออกรส ท้องฟ้าสีสว่างเริ่มมืดครึ้มตามกาลเวลา จนทั่วบริเวณมีแต่ความมืดครึ้ม แสงจากตะเกียงได้ถูกจุดขึ้นมาแทนที่แสงสว่างจากฟากฟ้าและแล้วก็ล่วงเลยไปถึงยามเย็น หากแต่สองหนุ่มก็ยังคงเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
"แล้วคราวนี้นะเชน มาจิก้าก็ไล่กัดลุงเบอร์นาร์ดทั่วร้านเหล้าเลยฮ่าๆๆ"เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังกึกก้องไปทั่วคอร์นเนอร์
~ ก๊อก ก๊อก ~
เสียงเคาะประตูดังขึน พอลเซ่พยักเพยิดให้เชนเปิดประตูคอร์นเนอร์ของตนเพื่อต้อนรับแขกที่มาใหม่ ใบหน้าใจดีของเกรแฮมโผล่มาตรงระหว่างประตู ส่งยิ้มฟันแหว่งให้กับพอลเซ่อย่างใจดี
"ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว พวกนายสองคนจะคุยกันไปถึงเมื่อไหร่หือ"
"อ่า ไม่หน่าหล่ะท้องร้องจ๊อก จ๊อกเลยแฮะ เชนไปกินข้าวกันเหอะ"ร่างบางทุกขึ้นยืนก่อนจะชุดเพื่อนตัวสูงยืนขึ้นหันมาขอบคุณเกรแฮมที่ขึ้นมาเตือนอาหารเย็น
ฉับพลันแสงไฟทั้งเรือก็ดับลงพร้อมกันเป็นอันสร้างความวุ่นวายไปทั่ว เสียงวี๊ดว๊ายและเสียงอุทานอย่างตกใจก็เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงอึกทึกโครมคราม เกรแฮมมีสีหน้าตกอกตกใจอย่างเห็นได้ชัด ร่างใหญ่วิ่งลงบันไดไปโดยไม่คิดชีวิต พอลเซ่เดินไปหยิบมีดพกเล่นเล็กในตู้คอร์นเนอร์ของตนและเดินลงบันไดไปพร้อมเชนอย่างระแวดระวัง
". ฉึก"เสียงมีดตัดผ่านเฉียดหน้าของพอลเซ่ไปเพียงนิด เลือดไหลซึมออกจากรอยแผลที่โดนมีดเฉี่ยวเพียงครู่ ก่อนจะกระชับมีดของตน
"อ๊าคคคคคค"เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เสียงร้องนี้พอลเซ่จำได้ดี คนที่ลดราคาเรือให้เขาด้วยราคาพิเศษจนขาดทุน ชายใจดีที่เอ่ยเสียงเรียกให้เขาไปกินข้าวอย่างนึกเป็นห่วง เมื่อครู่
. เกรแฮม ..
ติดตามตอนต่อไป..ตอนที่สอง ชั่วโมงแห่งความมืด
.
.
.
ผลงานอื่นๆ ของ HeY_Princ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ HeY_Princ
ความคิดเห็น