คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Stunned :: 04
Stunned :: 04
สองเท้าก้าวให้เร็วขึ้นตามการเร่งจังหวะการเดินของคนข้างหน้า
หลังจากปล่อยให้มือเรียวเป็นฝ่ายจับข้อมือเขาและลากออกมาจากในผับเมื่อครู่
ช่วงชุลมุนที่ประตูทางออกเกือบทำให้หลุดมือจากกัน
แจบอมจึงขืนมือตัวเองจากการจับจนจินยองหันมาทำตาโตอย่างขัดใจ แต่ก่อนจะว่าอะไร มือใหญ่ก็สอดกลับเข้ามาประสานกับมือของเขาไว้
จินยองกินริมฝีปากก่อนจะออกเดินนำไปอย่างไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
แจบอมไม่คิดว่ามันจะตรงตามแผนอย่างที่มาร์คบอกเอาไว้เป๊ะๆขนาดนี้
วันนี้มาร์ควางแผนให้เขาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว และสอนเขาเซ็ทผม
‘แต่งตัวแบบนี้ เซ็ตผมหน่อย
จะได้เป็นจุดสนใจ’
ทีแรกเขาก็ไม่เข้าใจหรอก
ว่าถ้าคนอื่นสนใจเขาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการจีบจินยองของเขา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
เมื่อเดินมาจนถึงลานจอดรถ ที่มีคนอยู่ประปราย
ร่างบางที่ตอนแรกไม่มีท่าทีจะหยุดเดินจู่ก็หันกลับมาอย่างกระทันหัน
ทำเอาแจบอมที่ไม่ทันตั้งตัวหยุดตามไม่ทัน
ทำให้หน้าผากชนเข้ากับหน้าผากของจินยองโครมใหญ่
ถามว่ามันเหมือนในหนังโรแมนติกมั้ย
ที่หน้าผากชนกันแล้วมองตากันเป็นประกายวิบวับ ..... มันจะไปใช่ได้ยังไง
ไอ่วิบวับมันก็จริง วิบวับหนักเลย หลับตาก็ยังไม่หาย
จินยองร้องโอดโอยก่อนที่จะยืนนิ่งจนร่างสูงต้องเอียงคอถาม
“จินยอง เป็นอะไรมั้ยครับ”
“อื้อ.... ทำไมแต่งตัวแบบนี้”
คนมึนหัวยังคงก้มหน้า ใช้ฝ่ามือคลึงที่หน้าผากตัวเองเบาๆ
ไม่ตอบแต่ถามกลับด้วยเสียงขุ่นๆ
“อ่า...คื..”
ก่อนที่แจบอมจะได้อ้าปากตอบก็โดนจินยองเหวี่ยงด้วยเสียงเย็นๆอีกระลอก
“แว่นตาไปไหนทำไมไม่ใส่”
เขาไม่พอใจแจบอมสักอย่างเลยวันนี้ ตั้งแต่แว่นตาที่ไม่ได้ใส่
เสื้อสูทสีขาวที่ข้างในใส่เป็นเสื้อคอวีสีดำแหวกยาวลงมาเกือบเห็นกล้ามอก
แล้วยังทรงผมนี่อีก เซ็ทผมขึ้นเปิดหน้าแบบนี้ทำไมเนี่ย!
“อยู่นี่ครับ” แจบอมล้วงเข้าไปในกระเป๋าด้านใน
หยิบแว่นกรอบหนาของตัวเองออกมาใส่ แต่มันก็ยังไม่ทำให้จินยองพอใจ
ร่างบางยกมือขึ้นยีผมคนตรงหน้าอย่างถือวิสาสะ แต่อีกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร
ยืนนิ่งให้ทำตามใจเสียอย่างนั้น
“แล้วทำไมมาคนเดียว มาร์คไม่มาด้วยหรอ”
คิ้วสวยยังขมวดแน่น นี่ขนาดพยายามทำให้กลับมาอยู่ในร่างเนิร์ดแล้วเสน่ห์ยังไม่ลดลงเลยให้ตายสิ
‘ถ้าถามถึงกู บอกว่าไม่รู้ มึงมาคนเดียว’ และเหตุผลที่เพื่อนเขาบอกมา
ก็คือจินยองจะได้ยิ่งทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวไม่ได้
“ไม่รู้ครับ ไม่รู้ไปแอบดูอยู่ตรงไหน”
.......................เอ๊ะ..
“.............หมายความว่ายังไงเนี่ย?”
“เอ่อ..คือ...”
“นี่พวกนายเล่นอะไรกันแกล้งเราหรอ”
แม้ว่าน้ำเสียงจะคงเส้นคงวาเหมือนเดิมแม้จะเจือไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
แต่สรรพนามที่ใช้ก็เปลี่ยนไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น
แจบอมกลับมองว่านั่นคือสัญญาณความสนิทสนมที่มีมากขึ้น
นั่นคือทฤษฎีที่ค่อนข้างเข้าใจยากของแจบอม แต่ก็ช่างมันเถอะ
พอร่างบางหรี่ตาลงข้างหนึ่งอย่างจับผิด แจบอมจึงสารภาพออกมา
“เปล่าเลยครับ ไม่ได้เล่น นี่ผมเอาจริงเลย”
“เอาจริงเรื่อง?”
“เรื่องจีบจินยองครับ เป็นแฟนกับผมนะ”
“.........ข้ามขั้นไปมั้ง
เรายังไม่ได้รักนายเลย จะให้คบเป็นแฟนได้ไง” จินยองเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ก่อนริมฝีปากจะยกขึ้นกลั้นขำ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าแจบอมจะทำยังไงต่อ
ร่างสูงจะไปไม่ถูกแล้วนิ่งอึ้งไปเลยรึเปล่า หรือว่าจะยอมแพ้ตามสไตล์คนเนิร์ด
“ต้องรักก่อนหรอครับ”
“หืม?”
“ไม่ใช่เป็นแฟนกันก่อนแล้วค่อยรักหรอครับ?” แจบอมพูดออกมาเฉยๆอย่างไม่มีแววกวนในน้ำเสียง
เหมือนเป็นการพูดออกมาจากความเข้าใจของชายหนุ่ม ทำให้จินยองถึงกับยิ้มออกมา
ไม่เหมือนใครจริงๆแหะนายคนนี้
“ถ้าคบกันเราก็ยังไม่รักนายล่ะ
ก็ต้องคบกันไปเรื่อยๆหรอ” แกล้งถามต่อ ให้เจ้าของหน้ายุ่งๆครุ่นคิดอีกครั้ง
ทั้งที่ใจจริงแล้วนอกจากความรู้สึกประหลาดใจในคำตอบของแจบอม
มันยังมีความรู้สึกพอใจแฝงอยู่ด้วย
“...นั่นคือที่ผมหวังไว้ครับ
แต่เรื่องที่ว่าจะคบกันนานเท่าไหร่ คงต้องแล้วแต่จินยอง”
มือใหญ่ยกขึ้นวางที่เอวบาง และสวมกอดโดยอัตโนมัติเมื่อจินยองก้าวเข้าไปประชิดตัว
มือเรียวทั้งของข้างทาบไว้บนแผงอกของร่างสูง
ก่อนจะไล้มือขึ้นไปไขว้กันไว้ที่หลังคอ
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ...”
สิ้นประโยคนั้น เสียงคุยกันของทั้งคู่ก็พลันเงียบหายไปกับริมฝีปากที่แนบสนิทกัน
-กริ๊ง-
แบมแบม
ว่าไงพี่
คืนนี้พี่ไม่กลับนะ ไม่ต้องรอ
แหน่ะ... เจอคนถูกใจหรอคืนนี้
ไหนว่าใครก็ไม่เหมือนพี่แจบอมไง
อะไรรร บอกตอนไหนนนน
ตัวเองบ่นทุกครั้งที่เมากลับบ้านนั่นแหละ แล้วสรุปไปกับใคร
เจบี...
เจบีไหน
เจบีนี้
เห้ย! ไรอ่ะพี่
พี่แจบอมหนิ
555+ วันนี้ชื่อเจบี เดี๋ยวกลับไปค่อยคุย ไปนะ
“อะไรของเขาน่ะ หมั่นไส้”
แบมแบมปิดหน้าจอก่อนจะวางโทรศัพท์ลงกับหมอน บ่นพึมพำแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
ที่เห็นว่าจินยองยอมรับใจตัวเองได้สักที ถึงพี่ไม่พูดเขาก็ดูออก
ถ้าพี่แจบอมไม่มีความหมายสำหรับพี่เหมือนคนอื่นๆ
พี่คงควงคนใหม่ตั้งแต่สองวันแรกแล้ว
ทีแรกก็โหวงในใจเหมือนกันตอนที่จินยองบอกจะไม่กลับ
สิ่งที่ทำอาจจะตรงกันข้าม
แต่ใจจริงเขาก็ไม่ได้อยากให้พี่เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้าอย่างนี้หรอก
แต่ในเมื่อมันคือสิ่งที่สามารถเยียวยาความเจ็บช้ำสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้
เขาก็เต็มใจจะช่วย แต่พอเห็นว่าคนที่พี่อยู่ด้วยคือแจบอม
ก็เหมือนมีประกายความหวังเกิดขึ้นในใจ ไม่ได้คาดหวังอะไรมากหรอก
แต่อย่างน้อยพี่แจบอมก็คือคนที่ทำให้ Jinyoung one time ใช้ไม่ได้อีกต่อไปล่ะนะ
ร่างเล็กหันไปสนใจหนังสือเล่มที่อ่านค้างเอาไว้
แต่เพียงครู่เดียวมือเล็กก็ยกขึ้นป้องปากเพราะหาว หันมองนาฬิกายังไม่สี่ทุ่มเลย
แต่นอนเร็วบ้างก็ดี จึงลุกออกจากเตียงไปปิดสวิชท์ไฟ
ก่อนล้มตัวลงนอนไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มาตั้งเวลาปลุก แล้วเอาไปวางไปที่ปลายเตียงไกลๆ
เพราะกลัวมันจะปล่อยรังสีอะไรออกมาอย่างที่เคยอ่านเจอในอินเตอร์เน็ต
แบมแบมขยับตัวไปมาทั้งที่ยังหลับตาจนได้ท่าที่นอนแล้วสบายที่สุด
ก่อนจะผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ เตรียมตัวเข้าสู่ภวังค์
ผ่านไปสิบนาที ร่างเล็กพลิกตัวไปทางซ้าย
ผ่านไปอีกห้านาที
พลิกไปทางขวาแล้วก็กลับมาทางซ้ายอีกที
ผ่านไปอีกสิบนาที พลิ... “เฮ้อ!..จะไปคิดถึงเขาทำไมกันแบมแบม..”
หงุดหงิดตัวเองขั้นแม็กซ์ เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร
ในความคิดของเขา แบมแบมคิดว่าไอ่ความรู้สึกนี่เรียกว่า ไม่ชอบ ใช่เขาไม่ชอบมาร์ค
นี่ลดลงมาแล้วจากสัปดาห์ก่อน พอความเศร้าสะเทือนใจจางหาย จึงหลงเหลือแต่ความโกรธ
แม้ว่าจะโทษอีกฝ่ายไม่ได้เต็มปากเพราะเขาเองก็ยินยอมก็เถอะ เขาไม่ชอบผู้ชายปากจัดคนนั้น
ตัดสินคนอื่นทั้งที่ยังไม่รู้จักเซ็กส์จัด ทำเอาเขานอนระบมไข้ขึ้นตั้งสองวัน
แถมยังใจง่ายขอคบกันเพียงเพราะถูกใจร่างกายของเขา
โอเค!
ถึงเรื่องบนเตียงจะเก่งก็เถอะ แต่ตอนนั้นสติสัมปชัญญะเขาไม่ครบถ้วน
บางทีไอ้เสียงทุ้มนุ่มนวลที่ทำให้วาบหวามในอกนั่น หรือความรู้สึกอิ่มเอมตอนที่ร่วมรักกัน
แบมแบมอาจจะจินตนาการขึ้นมาเองก็ได้
.
อีกด้านหนึ่ง คนที่กำลังถูกพูดถึง กล่นด่า
นินทา จนต้องเอาความอัดอั้นนี้ไปลงกับตุ๊กตากับหมอน
ก็กำลังคิดถึงอีกฝ่ายอยู่เช่นเดียวกัน
ไม่ได้เจอหน้ามาเป็นอาทิตย์แล้วไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ทีแรกเขาหวังว่าวันนี้จะได้เจอกันเพราะคิดว่าคนน้องต้องมากับจินยองแน่ๆ
แต่ก็ต้องผิดหวัง
อ่า ใช่ เขาผิดหวัง
มาร์คไม่ได้เป็นคนคิดอะไรซับซ้อน
เขารู้สึกอย่างไร คิดอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น อยากเจอก็คืออยากเจอ คิดถึงก็คือคิดถึง
เขาไม่ได้คิดมากกว่าความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นนี้จะพัฒนาไปอย่างไร
บางครั้งถึงขั้นที่ว่า ไม่คิดจะทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
เขาเพียงแต่อยู่กับความรู้สึกที่เป็นปัจจุบันก็เท่านั้น
เขาคิดถึงหน้าหวานๆ
ที่ชอบทำหน้าง้ำหน้างอเวลาคุยกับเขา
ปากอิ่มที่ขยับทีก็มีแต่คำด่าหรือไม่ก็เถียงกัน แต่ก็นุ่มและหวานเป็นที่สุด
เขาลองชิมอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่รู้สึกพอ นี่ก็อยากอีกแล้ว
ร่างเล็กๆที่สั่นสะท้านทุกครั้งที่เขาขยับตัวแนบชิด
กลิ่นหอมเหมือนผลไม้ยามที่เขาฝังจมูกลงที่ซอกคอ เขาจำได้ทุกอย่าง
แต่ก็ยังอยากที่จะได้ลิ้มลองอีก
มาร์คเบรกความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองด้วยการกระดกแก้วในมือจนหมด
ก่อนจะเรียกเช็คบิลเตรียมตัวกลับ ไม่คิดจะรอแจบอมแล้ว
เพื่อนเขาเดินเงียบหายออกไปกับจินยองเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
คงไม่ต้องเดาว่าแผนของเขาได้ผลแค่ไหน
✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩✩
สองอาทิตย์ผ่านไป
ไวแบบแค่เคาะบรรทัดแป้นพิมพ์ลงมา แจบอมและจินยองยังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน
นายคนเนิร์ดบอกว่าตัวเองเพิ่งมีจินยองเป็นแฟนคนแรก
เจ้าตัวไม่ค่อยจะอยากเชื่อเท่าไหร่ เพราะแจบอมดูเชี่ยวชาญในการเอาใจเขาเหลือเกินน่ะสิ
เที่ยงก็มาหาที่คณะ วันไหนที่พักเที่ยงเลท
หรือพักไม่ตรงกันอย่างน้อยก็จะต้องโทรมาคุย แต่ทุกวันจะต้องมารับเขาออกไปทานข้าวเย็นด้วยกัน
บางวันแบมแบมก็ไปด้วยเพราะเขาก็ไม่อยากทิ้งน้องให้กินข้าวคนเดียวบ่อยๆ
“พี่แจบอมมาแล้ววว” แบมแบมเงยหน้าขึ้นมาจากที่นอนทับแขนตัวเองที่วางราบไปกับโต๊ะไม้สำหรับนั่งอ่านหนังสือที่ตึกเรียนรวม
ร่างบางกำลังเล่นกุญแจรถอย่างเบื่อๆ ร้องทักแจบอมอย่างอารมณ์ดี
ยิ้มจนแก้มเป็นก้อนจนคนพี่หมั่นไส้
“น้อยๆหน่อย นี่แฟนพี่ป่ะไม่ใช่แฟนแบมนะ”
จินยองพูดไปก็ทำตาโตไปด้วย มันคืออาการแกล้งเล่นที่แบมเห็นแล้วจะขำทุกที
พูดประโยคนี้หลักๆก็ไม่ได้จะแกล้งแบมหรอก
แต่จะแกล้งคนที่หิ้วของพะรุงพะรังมานี่ต่างหาก “นี่ก็ยิ้มอะไร ซื้อของให้แบมทุกวันนี่จะกิ๊กกันใช่ป่ะ”
“ไม่ใช่ซะหน่อยครับ ผมมีจินยองคนเดียว”
แจบอมยื่นถุงในส่วนของแบมแบมให้เจ้าตัว นึกค้านในใจ
เขามีของฝากให้ร่างเล็กที่เขาเอ็นดูไม่ต่างจากน้องชายทุกครั้งที่เจอเท่านั้น...
เพียงแต่เจอกันทุกวันก็แค่นั้นเอง!
“หืมม พี่แจบอมคิดหน่อยก็ได้ฮะ
ไม่ต้องปฏิเสธทันทีขนาดนี้ก็ได้ วันนี้ไม่มีดอกไฮเดรนเยียหรอฮะ”
ร่างเล็กบ่นงุ้งงิ้งอย่างไม่ใส่ใจนัก
ก่อนจะก้มลงสนใจของในถุงในใจคิดว่าคงจะเป็นขนม หรืออะไรจุกจิกเหมือนเคย
แต่วันนี้ไม่มีดอกไม้ ของในถุงคราวนี้เป็นกล่องผ้าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสดูแปลกตาจากของฝากที่แจบอมให้ทุกที
พอจะเอ่ยถามก็ไม่อยากจะขัดจังหวะหวาน
“แกะอันนี้ให้เราหน่อย” แจบอมรับซองขนมมา
แกะขนมไปก็ยิ้มกว้างตาหยีไป จนพอเงยหน้ามาเจอจินยองกำลังอ้าปากเล่นลิ้นรอให้ป้อน
คนเนิร์ดก็เกิดอาการหน้าขึ้นสีจัด ร่างเล็กเห็นก็กรอกตาป้อนขนมอะไรกันติดเรทขนาดนี้
เกรงใจน้องบ้างอะไรบ้าง
“งืม... อื้อ...
อันนี้ไม่ใช่ของแบมมั้งพี่แจบอม” มือเล็กปิดกล่องก่อนจะยื่นไปให้พี่ชาย
เพราะเข้าใจว่าเป็นของขวัญที่พี่แจบอมซื้อมาให้จินยอง
เพราะร่างเล็กเข้าใจว่าที่แจบอมเผื่อแผ่ความใจดีมาให้เขา คงเพราะอยากจะให้เอาใจช่วยเรื่องพี่
แบบเข้าทางน้องอะไรแบบนั้น แต่ของนี่คงจะมีค่าเกินไปเสียหน่อย
เพราะมันไม่ใช่ขนมอย่างเคย แต่มันมีนาฬิกายี่ห้อหรูหราราคาแพง
“ไม่หรอกครับ อ่า..ของแบมแบมถูกแล้ว”
ร่างสูงยิ้มยิงฟันเกร็งๆตอบ
“หื้ม?.... พี่จินยอง
พี่แจบอมอยากกิ๊กกับแบมจริงๆด้วย ฮ่าๆๆ”
“เห้ย...ไม่ใช่ครับจินยองมีคนฝากมาให้ต่างหาก
แค่กๆ...แค่ก....”
“เรารู้หรอกน่า
ใจเย็นๆไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น เรายังไม่ได้ว่าอะไรเลย อ่ะดื่มน้ำก่อน”
แจบอมละล่ำละลักตอบ จนสำลักขนมที่เขากำลังป้อน จินยองปลอบไปด้วยก็ขำไปด้วย
ฟาดแขนน้องชายเบาเบาเพราะรายนั้นขำถึงขนาดนอนราบไปกับเก้าอี้
“ฮ่าๆ... โอย... โอเค ใครฝากมาให้หรอฮะ
คนที่คณะพี่แจบอมหรอ?” จินยองมองน้องยิ้มๆก่อนจะถามขึ้น
“ไม่รู้จริงๆหรอแบม”
ร่างเล็กยกปากล่างขึ้นจนแก้มพอง จินยองพูดแบบนี้ก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าใครให้
ก่อนจะวางนาฬิกาลง ทำเป็นไม่สนใจ เสี้ยวหนึ่งของความรู้สึก
แบมแบมก็แอบดีใจหากเจ้าของนาฬิกาเรือนแพงนี้อาจจะเป็นนายปากจัดคนนั้น
แต่ก็ปัดความคิดนั้นออกไปด้วยทิฐิของตัวเอง
ถ้าเขาสนใจเราจริงคงไม่หายหน้าไปเป็นเดือนอย่างนี้หรอก
“ใครล่ะ ไม่บอกก็ไม่รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ไม่เอา” มือเล็กวางของขวัญลงบนโต๊ะ
ยังไม่ทันใช้มือดันกล่องให้ออกห่างตัว
ก็มีช่อดอกไฮเดรนเยียสีม่วงอ่อนโผล่เข้ามาตรงหน้า
ตามด้วยเสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะดังมาจากข้างหลัง
“ถ้ารู้ว่าเป็นใคร แล้วจะรับไว้รึเปล่า”
มาร์คหย่อนตัวนั่งลง โดยสอดขาเข้าใต้โต๊ะเพียงข้างเดียว เพื่อให้หันหน้าเข้าหาแบมแบมได้เต็มตัว
คนถูกจ้องอึดอัดทำตัวไม่ถูก หันไปขอความช่วยเหลือจากพี่
ก็กลับได้เพียงแค่รอยยิ้มล้อ กับสายตาไม่รู้ไม่ชี้ของจินยอง
แบมแบมถอนใจก่อนจะสะบัดเสียงใส่คนข้างๆ
“มาทำไม!”
“มาจีบ”
ร่างโปร่งที่วันนี้ใส่เสื้อกล้ามลายทาง อวดผิวแขนขาวท้าแดด ยังคงพูดด้วยท่าทีไม่อนาธรร้อนใจกับอาการหงุดหงิดของเขาอย่างเดิม
รอยยิ้มมุมปากกับแววตาพราวแบบนั้นเขาไม่ชอบเลย
มันรู้สึกเหมือนเขาโดนมองอย่างทะลุปรุโปร่ง เหมือนเขากำลังเสียเปรียบ
“พี่จินยอง แบมกลับก่อนนะ” ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋าก่อนจะลุกจากโต๊ะไปดื้อๆ
มาร์คคว้ากล่องของขวัญที่ร่างบางตั้งใจวางทิ้งเอาไว้
หัวเราะออกมาเบาเบากับท่าทีฮึดฮัดของร่างเล็ก แทนที่จะเฟลกลับรู้สึกสนุกมากกว่า
กำลังจะลุกตามไปแต่ก็ถูกเรียกเอาไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวมาร์ค” จินยองยื่นกุญแจรถมาให้ ยิ้มขำน้องชายตัวเอง
แบมแบมมัวแต่ตื่นเต้นกับของขวัญจนลืมกุญแจรถไปเลย“ง้อให้ได้นะ
ขี้เกียจเห็นคนนั่งซึมที่บ้านแล้ว”
“เอามาอยู่กับฉันก็ได้ เดี๋ยวทำให้หายซึมเอง” พูดทีเล่นทีจริงแล้วก็ไม่รอฟังคำตอบ
มาร์คก็รีบวิ่งตามคนขี้งอนไปทันที จินยองจึงหันมาถามแจบอมแทน
“งั้นแจบอมมาอยู่กับเราแทนมั้ย”
ถามเย้าแฟนตัวเองที่กำลังตั้งใจแกะส้มเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ
ก่อนจะยื่นมาแตะที่ริมฝีปากสีแดงจัดของคนช่างยั่ว วินาทีนั้นจินยองเบนสายตาขึ้นมองหน้าคนป้อน
แจบอมก็เงยหน้าขึ้นสบตากันพอดี
ตึกตึก...
“งั้นจินยองให้อยู่ตลอดไปได้มั้ยครับ” สายตาคู่เดิมหลังกรอบแว่นเชยๆ
เวลานี้กลับดูมีพลังบางอย่าง ดวงตาคู่นี้ที่ปกติเวลาเจ้าตัวยิ้มแทบจะปิดสนิทอยู่แล้ว
ไฝที่อยู่เหนือเปลือกตาซ้าย ไม่มีใครเหมือน จินยองไม่เคยตั้งใจสังเกตอย่างจริงจังมาก่อน
แล้วจู่ๆเขาก็รู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ ร่างบางหลุบสายตาลงไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนจะพิงไปที่อกกว้าง
“กลับบ้านกันเหอะ”
“จินยองเป็นอะไร ง่วงหรอครับ”
“อื๊อ...เราหิวแล้ว”
“หืม?” แล้วไอ่ที่เขาทั้งแกะ ทั้งป้อนไปนี่ล่ะ
แจบอมทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม ร่างบางหัวเราะก่อนลากมือต่ำลงไปลูบช้าๆที่ส่วนอ่อนไหวกลางหว่างขาของนายคนเนิร์ดที่ตอนนี้กำลังทำตาโตที่สุดในชีวิต
แล้วขยับไปใกล้กระซิบด้วยเสียงแหบพร่าที่ทำเอาแจบอมลมแทบจับ
“เราหิวแจบอมแล้ว”....
แบมแบมหันไปมองด้านหลังตัวเองเป็นรอบที่สาม
แล้วเกิดอาการเซ็งหนัก เดินจ้ำๆอย่างไม่สบอารมณ์สุดๆจนมาถึงรถ เหตุก็เพราะนายปากจัดคนนั้นแหละ
เราปลีกตัวออกมารึก็นึกว่าจะตามมาง้อ นี่อะไร อุตส่าห์เดินช้าก็แล้ว หันไปไม่เจอตั้งแต่ครั้งแรกก็อุตส่าห์ให้โอกาสครั้งที่สอง
ครั้งที่สามก็ยังไม่เห็นหัวอีก
คิดฟุ้งซ่านตรงนี้ก็ร้อนที่หัวตาไปหมด
ตลอดเดือนที่ผ่านมาเขาอยู่กับความรู้สึกสับสนตัวเองมาตลอด
กลางวันปลงกลางคืนก็กลับมาคิดมากอีก เรื่องที่คิดก็มีแต่เรื่องของคนๆนั้น
แล้วดูวันนี้พอได้เจอกันเขาก็กลับแสดงออกแย่ๆแบบนั้นอีก ก็แต่จะให้ยอมง่ายๆได้ยังไงล่ะ
เขาโดนปล้ำนะ!
“แบมแบม”
“ทำไมเพิ่ง!
อ๊ะ... ขอโทษฮะรุ่นพี่” ร่างเล็กวางหน้าไม่ถูก ไม่ใช่เพราะเผลอหลุดปากพูดไม่สุภาพ
แต่เพราะคนที่เข้ามาทักนี่ต่างหากที่ทำให้เขาหนักใจ
“จะกลับแล้วหรอ” แบมแบมเผลอก้าวถอยหลัง เมื่อ‘รุ่นพี่’คนนั้นก้าวเข้ามาใกล้ จึงหัวเราะกลบเกลื่อนยิ้มการค้าให้
ก่อนจะตอบไปตามมารยาท
“ฮะ กำลังจะกลับแล้ว” แบมก็ต้องรู้สึกพลาดเพราะไอ่รุ่นพี่คนนี้ยังไม่ยอมไปไหน
“หรอ ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยเห็นแบมแบมที่ร้านเลย
คิดถึงจัง” แบมแบมกรอกตา รำคาญมากแต่ก็แสดงออกไม่ได้
รุ่นพี่คนนี้เคยเป็นเหยื่อคนหนึ่งของเขา ซึ่งแน่นอนว่าคืนนั้นเขาจัดซะจนกระเป๋าฉีกไปเป็นเดือน
แต่เจ้าตัวก็คิดว่าคุ้มเพราะคิดว่าตัวเองได้ลิ้มลองแบมแบมแล้ว!
ร่างเล็กขยับถอยหนีไปจนหลังชนรถตัวเอง
มองหาทางหนีทีไล่ก็ดูทุกอย่างจะไม่เป็นใจไปซะหมด
“ก็...แบมยุ่งฮะ เลยไม่ค่อยได้ไปแล้ว”
มือเล็กพูดไปด้วยมือก็วุ่นกับการหากุญแจรถในกระเป๋า ซ้ายพลิกขวาก็ไม่มี
จนแทบจะเทของในกระเป๋าออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
“หากุญแจไม่เจอหรอ งั้นให้พี่ไปส่งมั้ย”
ยิ้มพราว มือเอื้อมมาจับที่ข้อศอกพร้อมออกแรงดึง ในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างหื่นกระหาย
แบมแบมไม่ใช่จินยองนี่นา เขาก็มีสิทธิ์ที่จะมีคืนที่สองกับร่างเล็กสิ
“ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวเสียเวลารุ่นพี่ แบมกำลังรอเพื่อนด้วยฮะ” ยกแขนแล้วดึงข้อศอกตัวเองออกอย่างสุภาพ ยิ้มเกรงใจพร้อมขอบคุณ ทั้งที่ในใจอยากจะตะเพิดไปให้ไกลๆ รำคาญ!
“รอใครล่ะ
พี่เห็นแบมอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครมาเลย ไม่เอาน่า ไม่ต้องอ้างว่ารอใคร”
ปลิงรึไงห๊ะ จะเกาะติดไปไหนเนี่ย นี่ไล่ตั้งแต่ประโยคแรกแล้วยังไม่ไปอีก...แถมยังจับข้อมือเขาไว้แน่น
ดึงก็ไม่ออก
“แบมรอเพื่อนจริงๆฮะ”
“ใครล่ะ” แบมแบมไม่เคยเจอใครเยอะขนาดนี้เลย
ความอดทนใกล้จะขาดเต็มที่แล้ว....ไอ้รอยยิ้มน่ารักเกียจกับไอ้ท่าทางที่กำลังลอยหน้าลอยตานี่มันสุดจะทนแล้ว
จนในหัวได้ยินเสียงดัง ‘ผึง!’ เป็นอันตัดสินใจได้ว่า
เส้นความอดทนของเขาขาดไม่มีชิ้นดีแล้ว กำลังจะอ้าปากแล้วพ่นคำด่าออกมาก็มีแรงกระชากแขนอีกข้างหนึ่ง
ที่ทำให้ตัวเขาปลิวไปกระแทกกับอกกว้างที่รอรับอยู่
2_b_con_in_Stunned05
ความคิดเห็น