Stunned :: 07
ความโชคดีของแจบอมส่งผลมาอีกแค่เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น
หลังจากทานข้าวเย็นกันเสร็จ พวกเขาก็เดินเล่นกันต่ออย่างไม่รีบร้อน ถนนที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนสีสวยตลอดเส้นทาง ร้านรวงด้านข้างถูกตกแต่งในสไตล์วินเทจใกล้เคียงกัน จินยองเดินจูงมือนำแจบอมเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ ไม่ได้อยากซื้ออะไรจริงๆจังแต่แค่รู้สึกว่าจับมือกันเดินแบบนี้มันรู้สึกอุ่นๆในใจแปลกๆแค่นั้นเอง
ทั้งคู่หยุดอยู่ที่ร้านหนังสือนานกว่าร้านอื่นๆ จินยองกำลังเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อหนังสือนิยาย เพราะเจ้าตัวเลือกไม่ถูกว่าจะอ่านเล่มไหนต่อจากเล่มที่ยืมของแบมแบมมา ที่กำลังจะอ่านจบในวันสองวันนี้แล้วดี
มันเป็นช่วงเวลาที่จินยองชอบนะ ร่างบางรู้สึกว่ามันดี ที่แค่ใช้เวลาไปกับการอ่านคำโปรยด้านหลังปกเล่มแล้วเล่มเล่าแบบนี้โดยไม่ต้องคิดอะไร
"เดี๋ยวผมมานะครับ" จินยองรู้สึกถึงสัมผัสตรงเหนือสะโพกแผ่วเบา แจบอมแตะเพียงนิดเดียว ยิ้มรับเมื่อร่างบางหันกลับมาพยักหน้าให้อย่างน่ารัก แม้จะสงสัยนิดหน่อยว่าอีกฝ่ายไปไหนแต่จินยองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเมื่อเห็นว่าแจบอมเดินออกเลี้ยวไปทางห้องน้ำที่พวกเขาเพิ่งเดินผ่านมา
มือเรียวไล่ไปตามชั้นหนังสือที่อยู่สูงขึ้นไปจากระดับสายตาอีก 2 ชั้น ดูชื่อจากสันปกหนังสือจนมาสะดุดกับเรื่องหนึ่ง จินยองอ่านชื่อในใจซ้ำอีกครั้ง เขาคุ้นๆว่าเรื่องนี้เคยทำเป็นภาพยนตร์แล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน เอาเรื่องนี้ล่ะ ไว้เดี๋ยวชวนแจบอมไปหาเช่าหนังมาดูด้วยดีกว่า
แต่ก่อนที่จะหยิบเพราะกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะอ่านหนังสือให้จบก่อนหรือไปเช่าหนังมาดูก่อนดี ร่างบางก็ได้รับสัมผัสไออุ่นจากด้านหลัง มือใหญ่ข้างหนึ่งวางที่ไหล่บาง อีกข้างเอื้อมขึ้นไปวางเหนือมือเขาที่ปลายเล่มหนังสือที่จินยองวางมือค้างอยู่
จินยองกลับหลังหันมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม... ก่อนจะหุบยิ้มไปในทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
"เอ้า! ทำไมทำหน้างั้นอ่ะ"
...พี่ชยอนู...
"เปล่านี่ครับ ทำหน้าแบบไหนหรอ" ยิ้มบางการค้าถูกหยิบขึ้นมาใช้อีกครั้ง "รุ่นพี่ มาดูหนังสือหรอครับ" ไหล่บางชนเข้ากับชั้นหนังสือเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมถอยห่างออกไป ทำให้ตอนนี้จินยองเหมือนตกอยู่ภายใต้อ้อมแขนของคนที่สูงกว่า
"หึหึ รุ่นพี่หรอ... เรียกเหมือนเดิมสิจินยอง" ท้ายประโยคแผ่วเบาลงเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมากระซิบเกือบจะชิดที่ริมฝีปาก ร่างบางมองตามแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรทั้งนั้น ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจ
ความทรงจำเขาเลือนลางพอสมควรสำหรับเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เขาจำไม่ค่อยได้แล้วว่าระหว่างเขากับจินยองเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ห่างๆกันไป อาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นเขามีใครให้สนใจหลายคน เด็กข้างบ้านของเพื่อนสนิทอย่างจินยองเป็นเพียงหนึ่งในคนน่ารักๆที่หว่านสเน่ห์เอาไว้ แต่ถ้าให้นึกอีกที...
"ยังโกรธพี่อยู่หรอ" เขาก็ยังจำไม่ได้หรอก... แต่มันก็มีเพียงไม่กี่เรื่องที่จะทำให้คนเราเย็นชาใส่กันใช่มั้ยล่ะ
"หึ... รุ่นพี่ยังจำได้หรอครับ" จำได้จริงๆน่ะหรอว่าทำอะไรไว้ จำได้จริงๆน่ะหรอว่าเป็นคนทำให้ทุกวันนี้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไป...
"อย่าทำหน้าเย็นชาอย่างนั้นสิ มันก็ผ่านไปตั้ง 5 ปีแล้วนะ" จากเด็กที่คิดว่าน่ารัก จนถึงตอนนี้จินยองเลยคำว่าน่ารักมาไกลมากจริงๆ มันอาจะคล้ายๆฟีโรโมนที่กระจ่ายอยู่ทั่วทั้งตัวของจินยองแต่ก็ไม่ได้เหมือนของพวกผู้หญิงเซ็กซี่ ริมฝีปากอิ่มสีแดง ตัดกับผิวขาวๆของเจ้าตัว เห็นแล้วอยากจะกัดลงไปหนักๆ
"อืม.. นั่นสินะครับ ตั้ง 5 ปีแล้ว ผมก็จำไม่ได้ว่าเราสนิทกันตอนไหน" จินยองยกมือขึ้นดันตัวคนตัวสูงให้ออกห่าง ก่อนจะก้าวออกมายืนในระยะที่ไม่น่าเกลียดเกินไปนัก ชยอนูไม่สบอารมณ์กับคำพูดของร่างบาง ดวงตาเรียวกรอกขึ้นข้างบนราวกับเบื่อหน่าย แต่ก็เพียงครู่เดียวเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของร่างบาง
"แต่ถ้ารุ่นพี่จะอยากรำลึกความหลัง ผมก็ไม่ว่านะ"
.......................................
ร่างเล็กนั่งหน้าหงิกอยู่ภายใต้หน้ากากแฟนซีที่ใส่อยู่
'เมื่อไหร่จะหมดเวลา'
แบมแบมคิดประโยคนี้ในใจเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง โต๊ะที่เขากำลังนั่ง 'ให้บริการ' อยู่นี่ เป็นตาลุงขี้หลีสองสามคนที่เอาแต่ต่อเวลาบริการของเขาเป็นรอบที่ 3 แล้ว จนผู้จัดการต้องออกหน้าแทนว่าเขามีลูกคนคนอื่นจองเวลาต่อจากนี้ไว้แล้ว
The Stellar คือโฮสต์คลับ ที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนี้ ทั้งที่คลับก็เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน อาจจะเพราะโฮสต์ของที่นี่ไม่เหมือนที่ไหนก็ได้ล่ะมั้ง เพราะนอกจากโฮสต์ชายหญิงทั่วไปแล้ว ที่นี่ยังมีโฮสต์อีกประเภทหนึ่ง คือโฮสต์หนุ่มน้อยน่ารัก... อย่างเขาเนี่ย...
"บิบีเบบี๋" คนถูกเรียกหน้าตึงขึ้นมา อย่ามาเรียกเบบี๋นะ! "รินให้อีกแก้วสิจ้ะ" แบมแบมยกยิ้มเกร็งๆ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบขวดเครื่องดื่มกลิ่นฉุนๆนั้นขึ้นมารินให้ อย่าสงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี่ เพราะเขาก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าอาจจะโดนวางยา หรือโดนสะกดจิตแน่ๆถึงได้ยอมตกปากรับคำมาทำงานแทนเพื่อนวันนี้
'ไปทำงานแทนเราหน่อยน้า แค่วันเดียวเองนะ นะๆแบมแบม ไม่งั้นเราแย่แน่เลย' เพราะโหมงานหนักเกินไปจนป่วย ต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลหลายวัน ถึงจะมีโควต้าวันหยุด แต่พอหักลบกลบไปมาแล้วก็ยังขาดไปหนึ่งวันอยู่ดี
'จะได้หรอ ที่ทำงานเขายอม?'
'ไม่เป็นไรๆ เราหน้าตาคล้ายกัน นายใส่หน้ากากได้ เราคุยกันผู้จัดการไว้แล้ว'
'นี่เตรียมไว้ทุกอย่างแล้วเรอะ!' แบมแบมแซวเพื่อนขำๆ ทั้งที่เขาเองก็ไม่ขำเท่าไหร่กับการต้องตัดสินใจเรื่องนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ลังเลเลย มันน่าตื่นเต้นดีออก ทำแค่ 3 วัน ไม่มีอะไรผูกมัด น่าสนุกจะตายไป
แต่ตอนนี้ ยอมรับว่าความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมแล้ว หน้าดุๆของใครบางคนลอยเข้ามาในความคิดอย่างช่วยไม่ได้
'นะแบมแบม ขอร้องล่ะ ไม่ต้องห่วง มันไม่ต้องเข้าห้องVIPหรอก แค่นั่งกับแขกที่โต๊ะ รายได้วันนั้นก็เป็นของแบมไปเลยนะ'
ได้ยินถึงตรงนี้แบมแบมก็คิดถึงแหวนเกลี้ยงคู่รักที่บังเอิญไปเจอเมื่อวันก่อนขึ้นมาทันที....
ก็ดีเหมือนกันนะ
'เข้าใจแล้วๆ แค่ 3 วันนะ ใส่หน้ากาก ไม่ต้องเข้าห้องนะ'
'ขอบคุณนะแบมแบมมมม'
.......................
อยากกด Backspace ลบข้อความข้างบนให้หมดเลย!
หลังจากที่ต้องนั่งรินแก้วแล้วแก้วเล่า ในที่สุดก็.....หมดเวลาแล้ว!
ร่างเล็กลุกขึ้นแทบจะทันทีที่มีคนเดินมาบอกหมดเวลา ขาเรียวเดินตรงดิ่งไปยังห้องพัก ไม่ไหวแล้วขอพักหน่อยเถอะ นั่งโต๊ะนี้ 3 ชั่วโมงนี่ไม่ใช่เหนื่อยธรรมดา แต่เหนื่อยมาก! นอกจากจะต้องมาคอยเอาใจใครไม่รู้ ต้องคอยระวังมือปลาหมึกที่มาจากไหนนักหนาก็ไม่รู้อีก
"โอ๊ะ!" แขนเล็กถูกดึงเอาไว้ก่อนที่จะเดินถึงประตูห้องพัก แบมแบมหันกลับมาก็เจอว่าคนที่ดึงแขนเขาไว้คือพนักงานรีเซฟชั่นคนที่คอยบอกคิวโต๊ะให้เขา
"บิบี" แบมแบมยิ้มแห้งๆให้ จำไม่ได้แล้วว่าเธอชื่ออะไร ถึงเพื่อนจะเคยบอกเอาไว้ตอนที่นัดแนะเรื่องทำงานวันนี้ก็เถอะ ถ้าเลี่ยงได้แบมแบมจะพยายามไม่คุยกับใคร กลัวจะโดนจับได้ เพราะมีแค่ผู้จัดการเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆเขาไม่ใช่บิบี
"มานี่ก่อน มีลูกค้าอีกคนนึง" หื้ม?!
"เดี๋ยวสิ พักก่อนไม่ได้เหรอ เมื่อกี้นั่งตั้ง 3 ชั่วโมงแล้วนะ"
"ไม่ได้ คนนี้เขารอนานแล้ว แต่เดี๋ยวคนนี้คนสุดท้ายแล้วล่ะ เรากันคิวไว้ให้แล้ว"
"กันคิว? เอ๊ะ... แล้วทำไมไปทางนี้อ่ะ?!" คนถูกลากยื้อตัวเองไว้เมื่อคิดว่าออกจากเส้นทาง นี่จะพาไปไหนกัน ทำไมออกห่างจากตัวห้องโถงไปเรื่อยๆอ่ะ!
"มาเร็วๆ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเค้าเตอร์นะ" รีเซปชั่นสาวซอยเท้าเร็วขึ้น พาแบมแบมผ่านทางเดินที่เปิดไฟสลัวสีนวลตา ผนังสองข้างมีเป็นเหมือนช่องประตูที่มีผ้าม่านสีเข้มต่าสงเฉดสีกันไปแขวนอยู่ บ้างก็เปิดไว้ บ้างก็ถูกดึงให้ปิด ร่างเล็กชะงักก่อนจะหันกลับไปมองช่องประตูที่ถูกปิดม่านสีน้ำเงิน ที่เขาเพิ่งเดินผ่านไป
เหมือนได้ยินเสียงแปลกๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ... เดี๋ยวนะ... หรือว่านี่!
"มาแล้วค่ะ"
แบมแบมพยายามยื้อตัวเองไว้ไม่ยอม เพราะรู้แล้วว่ากำลังถูกพามาที่ไหน แต่สุดท้ายก็โดนดึงให้ก้าวตามเข้ามาในห้องจนได้ ผู้หญิงอะไรแรงเยอะชะมัด
ในห้องค่อนข้างแสงน้อยกว่าตรงทางเดินมาก แต่แบมแบมก็พอจะเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่และเขากำลังมองมา ในเมื่อหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เลยจำใจยอมเดินตามเข้าไปต้อยๆ ไว้ค่อยหาทางเลี่ยงออกมาทีหลังละกัน
"ไปนะ" คนเจ้ากี้เจ้าการหันกลับมากระซิบพร้อมขยิบตาให้ ลูกค้าคนนี้หล่อสุดพลัง พูดจาก็ดี ดูเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ พอเห็นว่าเขาถามถึงบิบี ก็เข้าล็อคเพราะเธอชอบส่งลูกค้าแบบนี้ให้บิบีเสมอ เป็นการลำเอียงด้วยความสเน่หา XD
"เดี๋ยว เดี๋ยวสิ" ร่างเล็กไม่ทันตั้งตัวเมื่อจู่ๆหญิงสาวก็ผละออกไป ดึงม่านปิดให้เสร็จศัพท์ กว่าขาเรียวจะขยับก้าวตามไปก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยแขนแกร่ง นี่มาประชิดตัวเร็วอะไรขนาดนี้... เสียงทุ้มอันคุ้นเคยกระซิบที่ข้างหู ทำให้เขาเย็นเฉียบไปทั้งร่าง
"จะไปไหน"
พี่..มาร์ค....!!
..........................................................
จินยองรู้สึกถึงบรรยากาศรอบๆตัวของร่างสูงที่เปลี่ยนไปจนเขากังวล ในร้านหนังสือแจบอมกลับมาหลังจากที่ชยอนูเดินออกไปเพียงแค่ 5 นาทีเอง ร่างบางไม่แน่ใจเลยว่าแจบอมได้ยินหรือได้เห็นอะไรรึเปล่า เพราะอีกฝ่ายไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มให้เขาเหมือนเดิมเท่านั้น
"แจบอมจะไม่ขึ้นข้างบนก่อนจริงๆหรอ" จินยองถามอีกครั้งหลังจากที่ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าคอนโด เขาไม่รู้ว่าแจบอมเป็นอะไรไป ทั้งที่รอยยิ้มนั้นเหมือนเดิม พูดด้วยน้ำเสียงเดิม แต่ทำไมเขารู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมก็ไม่รู้
"จริงๆครับ" ยิ้มอีกแล้ว
"แต่เราว่า..."
"วันนี้ผมซ้อมหนักไปหน่อยเลยง่วงๆครับ"
"อ่อ..." เขาไม่รู้...ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเองตอนนี้เหมือนกัน เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย เขารู้สึกไม่อยากอยู่คนเดียว พอๆกับที่ไม่อยากให้แจบอมกลับไปอยู่คนเดียว จินยองรู้ดีว่าบางทีมาร์คอาจจะอยู่ด้วย แต่เหนือความรู้สึกหรือเหตุผลอื่นใดก็คือ อยากอยู่ด้วยกัน
วันนี้ร่างสูงยิ้มบ่อยมากๆแต่เขาไม่รู้สึกถึงความสุขในรอยยิ้มนั้นเลย
เขาเป็นห่วง
"จินยองขึ้นห้องนะครับ ผมรอตรงนี้ก่อน จินยองถึงห้องแล้วค่อยกลับ" ร่างบางรู้สึกแปล่บที่ใจเพราะรู้สึกเหมือนโดนไล่อีกแล้ว กำลังจะน้อยใจอยู่แล้วเชียวนะ ถ้าไม่ได้รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มๆอ่อนโยนนั่นที่หน้าผากตัวเอง ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
มือเรียวเกี่ยวที่มือของแจบอมขึ้นมาบีบเล่น สอดประสานมือเข้าด้วยกันก่อนจะบีบอีกทีราวกับไม่อยากปล่อย แต่ในที่สุดก็ต้องยอมทำตามที่แจบอมบอก เดินก้าวเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่อิดออดอีก
"จินยองครับ..." ..........รักผมบ้างรึยัง
"หืมม.." คนถูกเรียกมีประกายในตาขึ้นมา ก่อนจะยิ้มอ่อนๆอย่างเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
".........ฝันดีนะครับ"
"อื้ม แจบอมก็เหมือนกัน อย่าลืมฝันถึงเรานะ"
.........ผมมีสิทธิ์ได้แค่ฝันถึงรึเปล่าครับ..........
.........................................................
กริ๊ง....
เสียงน้ำแข็งกระทบกับแก้วดังกังวาลในความเงียบ ร่างเล็กในชุดที่ค่อนข้างวาบหวิวนั่งตัวเกร็งทำตัวไม่ค่อยจะถูก แบมแบมรู้ว่าเสื้อซีทรูที่ใส่อยู่นี่มันไม่ยาวพอจะดึงลงมาให้ปิดต้นขาได้หรอก แต่ในเมื่อกางเกงมันสิ้นกุดจนทำหน้าที่ของมันไม่ได้ก็คงต้องยืมมือจากเสื้อผ้าชิ้นอื่น
มือเล็กคีบน้ำแข็งอย่างเก้ๆกังๆ ตั้งใจจะหย่อนลงไปให้ตรงแก้ว แต่ก็...
โอ๊ะ!
เป็นอีกก้อนแล้วที่กระเด็นลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นพรม เพราะเจ้าตัวเอาแต่หันหลังให้ตั้งแต่ถูกพามานั่งแล้ว แม้สะโพกเล็กจะชิดติดกับต้นขาข้างหนึ่งของมาร์ค แต่แบมแบมก็ยังเลี่ยงไม่ยอมหันไปให้อีกฝ่ายเห็นเต็มๆตา
มาร์คเองก็ไม่พูดอะไรอีกหลังจากเมื่อกี้นี้ เอาแต่นั่งดื่มไปไม่รู้กี่แก้ว ทำให้ร่างเล็กเดาไม่ถูกเหมือนกันว่ามาร์ครู้หรือไม่รู้กันแน่... ว่าคนที่นั่งตรงนี้เป็นเขา
นี่มันสถานการณ์บ้าบออะไรก็ไม่รู้ เขาสับสนว่าควรจะโกรธที่มาร์คแอบหนีมาเที่ยวหรือว่าควรจะกลัวจะถูกจับได้ก่อนดี
ก่อนจะได้คำตอบให้ตัวเองแบมแบมก็สะท้านไปทั้งร่าง เมื่อมือเย็นๆจากการจับแก้วใส่น้ำแข็งสัมผัสมาที่บั้นเอว ก่อนจะแทรกผ่านเสื้อเข้ามา ยกตัวเขาให้ขึ้นไปนั่งบนตัก นิ้วเรียวลูบไล้สัมผัสผ่านจุดชอบ แบมแบมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงไว้ มือเล็กยกขึ้นมาดันอกอีกฝ่ายให้ออกห่างเมื่อโดนรุกรานอย่างหนักที่ซอกคอหอมกรุ่น เมื่อริมฝีปากร้อนๆกดจูบ พยายามจะพาตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอดแข็งแรงนั้น
ไม่ได้นะ!
"ดิ้นทำไม"
".............." เมย์เดย์! เมย์เดย์! เมย์เดย์แล้ว!
"กับคนอื่นยังไม่เห็นจะเรื่องมากเลย จะมารยาอะไรอีก" ทุกอย่างหยุดนิ่งกับประโยคนั้น แบมแบมหันกลับมาก็พบว่ามาร์คมองอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมโตภายใต้หน้ากากสวยหรูฉายแววไม่เข้าใจ คิ้วสวยกำลังขมวดแน่น แขนเล็กยังพยายามยื้อให้หลุดจากการเกาะกุม
"จะไปไหน! จะไปหาคนอื่นหรอ อยากไปนั่งให้คนอื่นเอาอกเอาใจ แค่พี่คนเดียวไม่พอใช่มั้ย" !!
".....พี่มาร์ค........อื้อ!!!" ร่างเล็กร้องตกใจ เมื่อมาร์คกระชากแขนเล็กเข้ามาแล้วกอดรัดไว้ ก่อนจะชะโงกตัวเข้าไปจูบอย่างดุดัน แบมแบมขัดขืนแรงขึ้น ทั้งสับสน ทั้งหวั่นใจ ทั้งกลัว แบมแบมไม่ชอบให้พี่มาร์คเป็นแบบนี้
"โอ้ย!..." กลายเป็นมาร์คที่ร้องลั่นเมื่อริมฝีปากตัวเองโดนกัดจนเกือบช้ำ มือเรียวคลายอ้อมกอดออกทันที ยกขึ้นมากุมปากตัวเองก่อนจะมองคนตัวเล็กอย่างคาดโทษ แบมแบมเองก็ตกใจก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสปากคนตรงหน้าราวกับจะช่วยปลอบโยน
"แบมขอโทษๆ เจ็บมากมั้ย ขอโทษ แต่พี่ฟังแบมก่อนสิ"
"............." มาร์คขยับตัวออกห่าง ร่างสูงพิงหลังกับโซฟากอดอก หน้าหงิกหันหน้าไปอีกทาง แสดงท่าทางว่ากำลังงอนร่างเล็กสุดพลัง ผิดกับเมื่อนาทีที่ผ่านมาหน้ามือเป็นหลังมือ
"นะ อย่าเพิ่งโมโห แบมขอโทษที่โกหก เพื่อนแบมต้องการความช่วยเหลือเรื่องนี้จริงๆ........." ร่างเล็กทำเสียงงุ้งงิ้งสารภาพความจริงไปจนหมด (ยกเว้นเรื่องของขวัญนะ เดี๋ยวไม่เซอร์ไพร์ส) อีกฝ่ายก็ยังเงียบ มือเล็กแกะแขนที่กอดกันเอาไว้นั่นออกจับมือเรียวมาวางที่บั้นเอวตัวเองแทน แล้วแทรกตัวเข้าไปจากที่แค่เกยตัวพิงอีกฝ่าย ก็กลายเป็นร่างเล็กกำลังนั่งเต็มทับเต็มตักของมาร์คอยู่
ถึงจะเขินกับการเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่แบมแบมก็ข่มใจตัวเองไว้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยยั่วใครแต่แค่ไม่เคยยั่วคนที่มีใจด้วย จังหวะหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติทำให้รู้สึกรำคาญตัวเองอยู่บ้างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็รู้สึกดีเหมือนกันอะไรที่กำลังทำตอนนี้
แบมแบมไม่ค่อยแน่ใจ แต่คิดว่าเข้าใจไม่ผิดว่าพี่มาร์คน่าจะชอบให้อ้อน แขนเล็กสอดเข้ากอดเอาบางของอีกฝ่าย พึมพำง้องอน เอาจมูกถูๆ ปัดไปปัดมาที่อกผาย เงยหน้ากรอกตาขึ้นดูปฏิกริยา มาร์คก็ยังนิ่งเงียบ สงสัยต้องมากกว่านี้
ปากอิ่มจุ๊บที่ปลายคางก็แล้ว หอมแก้มก็แล้ว ยังนิ่งอยู่อีก! ฮุ้ว!
คนตัวเล็กเริ่มมีความรู้สึกน้อยใจปนๆขึ้นมากับความรู้สึกผิดแล้ว ง้อไปตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ถ้าอีกคนยังโกรธไม่ยอมพูดยอมจาแบบนี้ รอให้เย็นลงกว่านี้คงดีกว่า คิดได้อย่างนั้นแขนเล็กก็คลายออก ถอนหายใจทำท่าจะลุกออกไปแต่ก็โดนดึงแขนเอาไว้
"เมื่อกี้ทำอย่างกับคนอื่นด้วยงั้นสิ" เสียงทุ้มอ่อนลงมากแล้ว แม้จะยังเป็นคำพูดเชิงตัดพ้ออยู่แต่ก็ทำให้ร่างเล็กใจชื้นขึ้นเป็นกอง ก่อนจะถูกรวบตัวมากอด
"เปล่านะ...อื๊อ...อ๊ะ.. " แบมแบมปฏิเสธเสียงเบาเอียงคอไปอีกข้างหนึ่งเมื่อถูกริมฝีปากร้อนกดลงที่ต้นคอ ร่างเล็กถูกจับให้หันกับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ก่อนเสียงหวานๆถูกกลืนหายไปกับจุมพิตร้อนรุ่ม
"ที่นี่ทิปเยอะนี่ ไหนบอกสิจับตรงนี้ได้เท่าไหร่" มาร์คลูบไล้มือไปมาที่เอวคอดก่อนจะเลื่อนมือสูงขึ้น สอดเข้าใต้เสื้อเนื้อบางที่มองทะลุเห็นผิวเนื้อ พอนึกถึงเสื้อที่แบมแบมใส่เขาก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมาอีก นิ้วหัวแม่มือคลึงตุ่มอ่อนไหวไม่เบามือจนอีกฝ่ายร้องผวา
"อ๊า... พี่มาร์ค...อื้อ...."
"เท่าไหร่"
"ม..ไม่รู้ อ๊ะ...พี่นั่นแหละ อ๊ะ..ฮะ..รู้ได้ยังไงว่าทิปเยอะ เคยมาหรอ!" แบมแบมเสียงเขียวได้แป๊ปเดียวก็ครางเสียงอ่อนอีกเมื่อมาร์คไม่หยุดแค่มือเท่านั้น ลิ้นร้อนๆลากคลอเคลียที่ใบหู แก้ม ซอกคอไม่หยุด ร่างโปร่งไม่ตอบคำถาม ได้แต่หัวเราะในลำคอ ยิ่งทำให้แบมแบมหมั่นไส้แต่ทำได้แค่ครางออกมาเบาๆเท่านั้น
"แล้วถ้าเลียล่ะเท่าไหร่" ไม่รอให้ได้คำตอบ มาร์คก็ผละออกนิดนึงแล้วยกตัวคนในอ้อมกอดให้ชันเข่าคร่อมตักเขาเอาไว้ แล้วจัดการลิ้มรสยอดหน้าอกสีเข้มอีกครั้งและอีกครั้ง
แบมแบมถูกปนเปลอด้วยสัมผัสเย้ายวนจึงไม่ทันตั้งตัว
"อื้อ...ไม่เอาพี่มาร์ค ไม่เล่นนะ" คนอ่อนวัยกว่าร้องเหวอเมื่อจู่ๆถูกผลักให้ลงไปนอนราบกับโซฟา แบมแบมมองมาร์คอย่างเอาเรื่องเมื่อโดนดึงกางเกงตัวจิ๋วออกไปจนเปลือยเปล่า ขาเรียวยกไขว้กันไว้อัตโนมัติ
"เล่นอะไร นี่พี่ทำโทษแบมแบมอยู่นะ" ทำโทษอะไร!!! รอยยิ้มแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด!
"ไม่...ไม่ที่นี่ไม่ได้หรอพี่มาร์ค" ถึงตอนนี้ร่างกายเขาจะตอบสนองไปก็เถอะนะ แต่ที่นี่มันห้องที่มีแต่โซฟานะ ทำไมต้องโซฟาอีกแล้ว! ม่านที่ประตูมันก็แค่บังสายตาเท่านั้น กันเสียงอะไรไม่ได้เลย T^T
"ไม่ต้องมาอ้อน เราน่ะผิดเต็มประตู พี่ไม่ให้ใช้สิทธิ์อ้อนตอนนี้" มาร์คว่าก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นละเลียดเล็มไปตามต้นขาด้านใน หน้าท้องเรียบที่หดเกร็งทุกครั้งที่เขาสัมผัส มาร์คจงใจละส่วนอ่อนไหวเอาไว้ ไม่แตะต้องลงไปตรงๆ เพียงแต่ใช้ริมฝีปากปัดผ่านเป็นบางทีจนแทบทนไม่ไหว
"อย่าแกล้งสิ...แฮ่ก...อึก.."
'.........' เสียงลมหายใจที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังหัวเราะอยู่
เกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้จริงๆ บอกว่าอย่าแกล้งๆนี่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุรึไงนะ ร่างบางโดนรุกรานหนักกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ตรงจุดเหมือนเดิม มาร์คจับขาเรียวแยกออกจากการให้กว้างขึ้น กระดกลิ้นรัวไล่ไปถึงด้านหลัง ร่างเล็กกรีดร้องในลำคอดังขึ้นอีกอย่างห้ามไม่อยู่
แบมแบมยกแขนขึ้นปิดหน้าเมื่อพบว่าตัวเองกระดกสะโพกตามริมฝีปากร้อนนั้นอย่างน่าอาย ร่างบางสะอื้นฮัก ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ทำไมต้องแกล้งให้เขาทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้ด้วย
"......(หัวเราะอีกแล้ว) นี่...นิ่งซะๆ เด็กน้อยร้องไห้ทำไม" มาร์คขยับตัวขึ้นมา ข้อมือเล็กออกแรงยื้อได้เพียงครู่เดียวก็ถูกจับแยกแล้วกดลงตรงเบาะของโซฟา แบมแบมหันหนีไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย ยังสะอื้นอยู่เบาเบา
"รู้รึเปล่าว่ายิ่งร้องไห้ยิ่งได้ผลที่ตรงข้ามนะ..." สิ่งที่ได้รับรู้ทำเอาร่างเล็กนิ่งอึ้งไปนิดนึง หันกลับมาเจอสายตาของมาร์ค แทบอยากจะกลืนน้ำตากลับเข้าไปเลย
"โรคจิต!"
"ผิดที่ตัวเองนั่นแหละ"
"แบมผิดตรงไหนเล่า"
"ก็น่ารักเองนี่ แล้วก็ยังน่า...."
"น่าอะไร!" โพร่งออกไปก่อนจะรู้ตัวว่าไม่น่าถามเลย
"น่าทำอย่างนี้ไง" แบมแบมแก้มร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมาร์คกระทุ้งเอวเข้ามาตรงหว่างขาของเขาถี่ๆ คนบ้าโรคจิต! ใครมีแฟนแบบนี้บอกทีเถอะว่าเขาต้องรับมือยังไง T-T
................................................
เหงา...
แบมแบมก็ยังไม่กลับ... นี่ทำไมเขาต้องมานั่งหงอยอยู่อย่างนี้คนเดียวด้วยนะ
จินยองพยายามทำนู่นทำนี่ให้หายเบื่อ ทำกับข้าวก็แล้ว เก็บกวาดห้องก็แล้ว จนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาอยู่ในชุดนอนนุ่มนิ่มก็ยังไม่หายฟุ้งซ่าน
ท่าทางของแจบอมเป็นอะไรที่ติดในใจไม่ยอมหาย ทั้งที่จริงๆวันนี้เขามีเรื่องให้คิดตั้งเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของชยอนู แต่มันกลับไม่มีอยู่ในสมองเลยสักนิด จิตใจเขาจดจ่ออยู่ที่คนๆเดียวเท่านั้น คนที่จูบหน้าผากแล้วบอกฝันดีเขาไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
หรือแจบอมจะเห็นตอนที่เขาอยู่กับพี่ชยอนู แล้วก็เก็บความไม่สบายใจไว้คนเดียว
คิดได้อย่างนั้นจินยองเองก็เป็นฝ่ายร้อนใจขึ้นมา ร่างบางกลิ้งตัวข้ามเตียงตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบชุดลำลองออกมาเปลี่ยน หยิบกระเป๋า ไม่ลืมตรวจดูปลั๊ก แก๊ส แล้วรีบออกห้องไปทันที
พอถึงลานจอดรถ ร่างบางอยากจะตบหน้าผากตัวเองจริงๆ เพราะดันลืมกุญแจรถลงมาซะอีก แต่จะให้ขึ้นไปเอาก็รู้สึกเสียเวลาจึงก้าวเดินไปตามทาง จุดหมายคือสถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ไม่ไกล
รถไฟฟ้าคนยังไม่แน่นเท่าไหร่พอจะมีที่นั่งว่าง จินยองนั่งเงียบๆ กำลังคิดอะไรเพลินๆ อย่างเช่นว่าแจบอมจะทำหน้ายังไงนะถ้าเห็นว่าเขาไปเคาะประตูห้อง จะตกใจจนทำอะไรเปิ่นๆอีกรึเปล่า คิดถึงแค่นี้ก็ยิ้มขึ้นมาอีกแล้ว
สถานีปลายทางที่ต้องลงคนเยอะผิดกับตอนอยู่บนรถไฟลิบลับเพราะที่นี่เป็นสถานีที่เป็นจุดเชื่อมหลายๆปลายทาง จินยองเซ็งกับตัวเองนิดหน่อยที่กว่าจะรู้ตัวก็เดินออกมาผิดทางซะแล้ว ตอนที่กำลังหมุนตัวกลับไปเขาก็เห็นบางคนที่สะดุดตา
แจบอม...?
ห่างออกไปราวๆร้อยเมตรเขาเห็นแจบอมยืนเหม่ออยู่ท่ามกลางคนมากมายที่เดินสวนกันไปมา จนเขาขำนิดๆด้วยความเอ็นดู เขารู้สึกประหลาดใจ ปนกับประทับใจนิดหน่อย หรือว่าแจบอมจะรู้ว่าเขามาหา ?
แต่คำถามทุกอย่างหายวับไปเมื่อจินยองกำลังจะก้าวเดินเข้าไป
ร่างอ้อนแอ้นของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้าไปแตะที่ข้อศอกร่างสูงที่เป็นจุดสนใจในสายตาเขา แจบอมหันไปยิ้มให้ซึ่งนั่นทำให้จินยองขมวดคิ้วทันทีอย่างไม่รู้ตัว เมื่อคนเดินผ่านไปกลุ่มหนึ่งทำให้เกิดช่องว่าง เป็นจังหวะที่มีคนเดินชนผู้หญิงคนนั้นจากทางด้านหลัง ทำให้ตัวเธอล้มตัวพิงเข้ากับอกของแจบอมพอดี และนั่นทำจินยองขมวดคิ้วเป็นครั้งที่สอง แถมด้วยการถอนใจเสียงดัง
ทั้งคู่คุยกันอีกสองสามประโยค ก่อนจะบอกลากัน แจบอมเดินไปยังทางออกที่ทีแรกจินยองกำลังจะเดินไป ส่วนผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนั้นเดินมาทางเขา ราวกับเวลารอบข้างเดินช้าลง สายตาจินยองจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
เธอก้มหน้าค้นของในกระเป๋าตัวเองแป๊บนึงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับจินยองพอดี
มันเป็นวินาทีที่ยาวนานก่อนเธอจะเดินผ่านเขาไป
และจินยองคิดว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดที่เห็นรอยยิ้มที่ไม่รู้ความหมายของเธอที่มุมปาก
To B Con
มาแล้วค่า TvT
ยอมรับผิดทุกอย่างค่า XD
ก่อนอื่นขอโทษจริงๆที่หายไปนานมาก ไม่มีคำแก้ตัวอื่นๆนอกจากขอโทษอย่างเดียวเลยค่ะ
ตอนนี้เขียนยาวกว่าเดิมนิดหน่อยแต่สำหรับคนอื่นอาจจะไม่รู้สึกว่ายาว
เพราะเรื่องย่ำอยู่ที่เดิมเลย แง...
เวิ่นเว้อกับคู่คนน้องเยอะหน่อยนะคะ
ส่วนคู่คนพี่ปมแรกยังไม่ทันคลายก็มีปมที่สองอีกแล้ว อย่าเพิ่งถอดใจกันนะคะจะรีบเฉลยเร็วๆนี้แน่นอน
ฮือ...
อีกนิดนึง
สำหรับช่วงท้ายของตอนที่แล้ว
เรื่องเลขโต๊ะกับชื่อที่ใช้เรียกแบมแบมเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยนะคะ
โต๊ะแปดนี่ให้บรรยากาศเหมือนร้านอาหารตามสั่งยังไงไม่รู้ ขออภัยด้วยค่า
หวังว่าตอนนี้จะอ่านสนุกกันเหมือนเคยนะคะ
#ฟิคสะตั้นดึ
จุ๊บๆ
ความคิดเห็น