ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 :: Fiction :: Stunned :: #MarkBam #BNior

    ลำดับตอนที่ #10 : Stunned :: 10 (100%) and END

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 59







    Chapter 10



    เสียงเซงแซ่กับบรรยากาศที่เริ่มคึกคักเพราะคนเริ่มเข้ามาในงานกันเยอะแล้ว แบมแบมนั่งกินขนมมองบรรยากาศในงานไปเพลินๆ มือเล็กประคองขวดน้ำที่ถูกยกมาเกยที่ปากจากฝีมือคนข้างๆนี่นั่งยิ้มขำอะไรก็ไม่รู้



    "พี่มาร์คขำไร"



    "หิวเหรอ"



    "งืมม ไม่นะ แล้วมันเกี่ยวกะที่พี่ขำตรงไหนห๊ะ"



    "พี่ยังไม่ได้ขำเลย แค่ยิ้มเฉยๆเอง"



    "แล้วยิ้มทำไม"



    "เอ้า! ก็แฟนน่ารักอ่ะ ยิ้มมีความสุขไม่ได้หรอ"



    "บ้า...น่ารักไรเล่า"



    "น่ารักดิ กินเอาๆจนแก้มเนี่ยกลมเชียว"



    "พี่มาร์ค!"



    "เนี่ย อมขนมไว้เหมือนแฮมเตอร์เลย"



    "หึ้ยย อย่ามาเล่นแก้มนะ ไม่กินแล้ว! เอาคืนไปเลย!" ทำท่าฮึดฮัด ยัดขนมเข้าไปที่ตักคนพี



    "โอ๋ๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เหลืออีกนิดเดียวเองกินให้หมดสิ พี่ซื้อมาแพงนะ"



    "จิส์.. เพราะซื้อมาแพงหรอกนะ คราวหลังไม่เอาแล้วนะ" ได้เงินทำงานพิเศษมาเอามาเลี้ยงขนมแบมหมดไม่ได้นะ ร่างบางหยิบขนมกินต่อเพราะเสียดาย



    "ไม่ชอบหรอ มันไม่อร่อย?"



    "อร่อย แต่มันเปลือง เสื้อที่พี่ซื้อให้แบมก่อนอาทิตย์ที่แล้วแบมยังไม่ได้คืนเลย" ตั้งแต่คบกันมามาร์คไม่เคยปล่อยให้แบมแบมได้จ่ายอะไรเลย ช่วงแรกๆ ร่างเล็กก็ไม่ได้ยอมหรอก จะกินข้าวดูหนังยังไงก็ต้องหารครึ่งกัน หลังๆ มาร์คก็มีวิธีเลี่ยงไม่ให้แบมจ่ายจนได้ โดยการบอกว่าจะ 'ออกให้ก่อน' พอแบมจะคืนก็คืนไม่ค่อยจะได้อีก เพราะถ้ามาร์คไม่บอกว่าคืนมาแล้วก็เฉไฉไปเรื่องอื่น ไปๆมาๆแบมแบมก็ลืมอีก



    "คืนแล้วนี่" เห็นมะ...



    "ยังเหอะ ชอบหลอกอ่ะ เห็นแบมหลอกง่ายรึไง"

    ทั้งที่มาร์คเองก็ต้องทำงานพิเศษนะ แต่ก็แบมแบมไม่เคยถามหรอกว่ามาร์คทำงานพิเศษอะไร เห็นเคยบอกว่าเป็นเงินพิเศษก็เลยคิดว่าคงมาจากงานพิเศษนั่นล่ะ



    "พี่ไม่ได้ชอบหลอก แต่พี่ชอบเรา" ....



    "เสี่ยว!"



    "ฮ่าๆๆ เราไม่ได้หลอกง่ายหรอก แค่สมาธิสั้นนิดๆเอง"



    "หลอกด่าอีกละ จิส์ แบมยังไม่ได้จ่ายใช่มั้ยล่ะ พี่จ่ายให้แบมทุกอย่างไม่ได้นะ เดี๋ยวแบมเสียเด็กหมด พี่ต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายของตัวเองบ้าง ไม่มีของที่พี่อยากได้มั่งหรอ"



    "ไม่มีอ่ะ ที่อยากได้ก็ได้มาแล้ว"



    "อะไรอ่ะ" ร่างบางสนใจขึ้นมาทันที ไม่เห็นมาร์คจะมีของอะไรใหม่เลยนี่นา โทรศัพท์ก็เครื่องเดิม นาฬิกาก็ไม่เห็นจะใส่ เครื่องประดับ? เสื้อผ้า? ไม่เห็นจะมีอะไรใหม่สักกะอย่าง



    "แบมแบมนี่ไง" เสียงทุ้มกระซิบแผ่วที่ข้างหู ก่อนจะเนียนกดจมูกเข้าที่ข้างแก้มสูดกลิ่นหอมดังฟอด จนสาวๆที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันมายิ้มแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกัน



    "พี่มาร์ค!(เพี๊ยะ!) อายคนอื่นเค้ามั่ง!" ร่างโปร่งยู่หน้าลูบแขนตัวเองป้อยๆ "พี่หายไปไหนแล้ว ทำไมไปหาพี่แจบอมนานจัง" ส่วนคนโดนลวนลามก็หันเฉไฉมองไปทางอื่น ถามหาจินยองแก้เขิน จนเมื่อมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันนานเกินไปแล้ว



    "พี่มาร์ค ถามพี่แจบอมหน่อยสิ ว่าเมื่อไหร่จะมา" มาร์คพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าเพื่อนเนิร์ดอยู่ส่วนไหนของงาน หรือยังอยู่ในห้องขยายเสียงที่เรียกจินยองไปหาก่อนหน้านี้รึเปล่า



    งานที่แจบอมรับผิดชอบเป็นงานประสานงานกับหน่วยงานอื่น ในวันนี้เขาจึงไม่มีหน้าที่หลักอะไรให้รับผิดชอบแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นแจบอม เจ้าตัวจึงวิ่งไปช่วยคนนั้นทีคนนี้ที แต่พองานเริ่มแล้วก็จะกลับมานั่งเป็นผู้ชมด้วยกันตรงนี้



    '.....'



    "ฮัลโหล ....แจบอม? มึงอยู่ไหน.. รับแล้วก็ไม่พูดไอ่นี่"



    '.............'



    "จินยองยังอยู่กะมึงใช่ป่ะ แบมแบมเป็นห่วงกลัวพี่ชายหาย" แล้วก็เอี้ยวตัวหลบฝ่ามืออรหันต์



    '.................?'



    "เอ้า? ก็เมื่อกี้มึงให้รุ่นน้องมาเรียกจินยองให้..." มาร์คยังพูดไม่จบคนตัวเล็กข้างๆก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมาก่อน



    "นั่นไงพี่มาแล้ว ไม่มีพี่แจบอมนี่ พี่แจบอมรีบมาน้า แบมคิดถึงงง" แบมแบมมองจินยองเดินกับมาจากทางห้องขยายเสียงพอดี พอเห็นพี่แล้วก็สบายใจ ไม่ได้ทันได้ฟังว่ามาร์คคุยอะไรกับแจบอม เพียงแค่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆโทรศัพท์ของคนข้างๆแล้วพูดอ้อนปลายสายจนมาร์คเริ่มทำตาขวางใส่



    "แค่นี้นะ........ ยั่ว(โมโห)หรอ เดี๋ยวก็ปล้ำมันตรงนี้เลย" ไม่ว่าเปล่า เอวบางถูกกระชับเข้าหาอย่างเร็วจนร่างเล็กเซเข้าซบคนที่กำลงฉุนทั้งตัว แต่ก่อนที่แบมแบมจะแหวใส่เพราะเขินอาย เสียงดนตรีทุกอย่างรอบกายก็ดับลง แต่กลับเป็นเสียงคนคุยกันดังขึ้นมาแทน



    คุณจินยอง คุณก็น่าจะรู้นี่คะว่าฉันกับแจบอมเราเป็นแค่เพื่อนกัน


    หรอ ถ้าจำไม่ผิดเราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวนี่ครับ


    คุณคงโกรธ ฉันขอโทษนะคะ ถ้าทำให้คุณไม่สบายใจเรื่องที่ฉันสนิทกับแจบอมช่วงนี้


    ไม่ต้องถึงขนาดขอโทษหรอก แค่คุณละอายใจผมก็โอเคแล้ว  


    เอ๋.. คุณไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลยหรอคะ


    คงอย่างนั้นแหละครับ แล้วแต่เลย


    มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ มันเสียเวลานะ


    คุณจินยอง สนใจรุ่นพี่ชยอนูหรอคะ


    โอ๊ะ...ทำไมจะสนใจไม่ได้ล่ะครับ สำหรับผม เขาเป็นคนที่น่าสนใจมาก"


    ทั้งที่คุณมีแจบอมแล้วหรอคะ


    แล้วเรื่องนี้มันสำคัญหรอครับ


    สำคัญสิคะ! คุณทำอย่างนี้ไม่แฟร์กับแจบอมเลย ถ้าเขาไม่สำคัญ ถ้าฉันจะขอดูแลเขาเอง...


    ตรรกะของคนเรามันใช้ไม่ได้กับทุกคนหรอกนะครับ ผมยอมรับนะว่าคุณกับแจบอมดูมีอะไรที่ดูคล้ายกันหลายอย่าง แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้เลือกคุณหนิ


    ถ้าฉันบอกเรื่องระหว่างคุณกับรุ่นพี่ชยอนู กับแจบอมละค่ะ


    แจบอมก็เลือกผมอยู่ดี


    ปล่อยแจบอมไปเถอะค่ะ...ฉันขอร้อง


    ผมไม่ใช่นางเอกที่จะยอมสละความสุขของตัวเองเพียงเพราะมีคนอื่นอยากได้ แจบอมของผม ผมขอคืน


    "...นี่มันอะไรอ่ะ" เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของพี่ชายตัวเองชัดเจน ถึงบทสนทนามันจะฟังดูแปลกๆ มีข้อสงสัยเต็มไปหมด แต่แบมแบมรู้อยู่อย่างหนึ่งก็คือคนที่พี่ชายของเขาไปหา คงไม่ใช่พี่แจบอมเพื่อนที่รุ่นน้องคนนั้นบอกแน่ๆ แต่เป็นคุณหนูซอนอาหน้ามนคนดีของแบมแบมนี่เอง!



    แบมแบมรีบก้าวข้ามขามาร์คเพื่อออกจากที่นั่งบนอัฒจรรย์ เพื่อที่จะวิ่งลงไปหาจินยองที่ยังไงยืนนิ่งอยู่ ระหว่างที่เดินออกมาร่างเล็กก็หยุดเป็นระยะๆ เพราะหัวเสียกับคำนินทาว่าร้ายพี่ชายที่ได้ยิน จนแทบจะเปิดโต้คารมณ์ตลอดทาง แต่ก็มีมาร์คที่เดินตามมาคอยดึงเอาไว้



    ยังไม่ทันถึงไหน ร่างสูงของแจบอมก็ปรากฏขึ้นที่ประตูทางเดียวกับที่จินยองเพิ่งเดินเข้ามา จากความดังของเสียงบทสนทนาเมื่อกี้ ไม่มีทางที่แจบอมจะไม่ได้ยิน จะทะเลาะกันมั้ยนะ แบมแบมเร่งให้ตัวเองเดินไวขึ้นจนแทบจะวิ่งอยู่แล้ว เขารู้ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของจินยองจริงๆ แต่ก็เชื่อมั่นว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจพูดอะไรแบบนั้นแน่



    แต่ที่ร่างเล็กสงสัยมากกว่าอย่างอื่นก็คือ ใครมันเป็นคนเอาคลิปเสียงมาเปิดแบบนี้!



    "จินยองกลับไปก่อนเถอะครับ"



    "แจบอม เดี๋ยวก่อนนะ ฟังเราก่อน..."



    "กลับไปเถอะครับ ผมไม่อยากให้คุณอยู่ที่นี่ตอนนี้" พอแบมแบมกับมาร์คเดินมาถึง ก็ได้ยินแจบอมพูดแบบนี้แล้ว เขารู้ว่าแจบอมคงจะเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ควรจะฟังกันก่อนสิ



    จินยองนิ่งอึ้งไป ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ท่าทีของแจบอมทำให้เขากลัว แจบอมไม่เคยเป็นแบบนี้เลย เขาดูโกรธ ดูเจ็บปวด และดูเย็นชา พอแจบอมหันหลังจะเดินกลับไปทางเดิม จินยองก็เผลอจับชายเสื้ออีกฝ่ายไว้ เขารู้สึกเหมือนหัวใจทั้งดวงไปกองอยู่ที่ปลายนิ้ว ราวกับกำลังรั้งอีกแจบอมไว้ด้วยทั้งใจที่มี



    ในที่สุดแจบอมก็หันกลับมา ร่างบางเกิดประกายความหวังขึ้นในแววตาก่อนที่มันจะดับวูบไปเมื่อมือใหญ่ที่จับมือเขานั้น เพียงเพื่อดึงให้ปล่อยจากชายเสื้อของตัวเอง แล้วหันหลังเดินห่างไปอีกครั้ง



    "พี่แจบอม! เดี๋ยวสิฮะ อ๊ะ... พี่! พี่จินยอง"



    "เอ้า! แบมแบม!" มาร์คตะโกนเรียกเมื่อร่างเล็กวิ่งตามจินยองที่กำลังเดินกึ่งวิ่งออกไปจุดนั้น ตอนนั้นทั้งฮอล์เงียบไปหมด เพราะทุกคนกำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น



    "พี่แจบอมใจร้าย" แบมแบมส่งสายตาตัดพ้อไปทางพี่คนเนิร์ดที่หยุดแล้วหันกลับมามองตามจินยองอยู่เหมือนกัน ครั้งนี้เขาไม่โอเคกับพี่แจบอมมากๆ



    .....................



    "พี่จินยอง! พี่!"



    "แบมเอากุญแจรถมา" มือเล็กควานหาในกระเป๋าของพี่ได้ก็รีบส่งให้ จินยองดึงกระเป๋าไปถือเองก่อนจะขึ้นรถ พอแบมแบมจะเดิมอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง แต่ปรากฏว่าจินยองล็อคเอาไว้



    "พี่เปิดดิ พี่จินยอง ให้แบมไปด้วยดิ พี่! ว๊อยยย" แบมแบมยืนหงุดหงิดอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าหงุดหงิดตัวเองหรือกังวลเรื่องจินยองกันแน่ ตอนนี้เขาไม่อยากให้พี่อยู่คนเดียว แต่ดูก็รู้ว่าพี่ไม่ได้คิดเหมือนกัน



    โธ่เอ้ย! เรื่องมันจะวุ่นวายไปอีกแค่ไหนกัน นี่จะให้ดราม่าจริงๆถูกมะ โอเค เดี๋ยวแบมแบมจะจัดดราม่าให้ดู เริ่มจากพี่แจบอมก่อนคนแรกเลย



    ร่างเล็กเดินกลับมาถึงแจบอมก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ที่ยืนหัวโด่อยู่ก็มีแต่พี่มาร์ค ถือทั้งกระเป๋าตัวเองและกระเป๋าของแบมแบม เพิ่งมาสังเกตเหมือนกันว่าเขาวิ่งตามพี่ไปก็ไม่ถือกระเป๋าตัวเองไปด้วย



    "พี่แจบอมไปไหนแล้ว" หน้ามุ่ย มุ่ยสุดๆ! แต่แบมแบมคนดีจะไม่ลงที่พี่มาร์ค เรื่องนี้พี่มาร์คไม่ผิด ถึงอยากจะดึงผม กัดหู ยังไงก็ต้องห้ามใจตัวเองไว้



    "ขึ้นไปข้างบนโน่น" มาร์คพยักเพยิดหน้าไปทางห้องกระจายเสียงที่เป็นต้นตอของเรื่อง ทำให้แบมแบมเบิกตาอย่างไม่พอใจ ตาคว่ำหน้าคว่ำไปอีก คว้ากระเป๋าตัวเองได้ก็ดิ่งตามไปทันที พร้อมแปลงร่างเป็นมินเนี่ยนตัวสีม่วงเต็มที่



    "เดี๋ยว แบมแบม"



    "อะไร! ครั้งนี้อย่ามาห้ามนะ พี่แจบอมทำเกินไปแล้ว จะเคลียร์ก็ต้องเคลียร์วันนี้ ว่าจะเลือกใครกันแน่" ร่างเล็กหันมาแหวใส่ ไม่พอใจคิดว่ามาร์คจะห้ามอีก ครั้งนี้ไม่ยอมจริงๆนะ ไล่พี่เขากลับแล้วตัวเองก็ขึ้นไปหาผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง



    "พี่ไม่ได้ว่าอะไร แค่จะไปด้วย รอหน่อยสิ เดี๋ยวพี่หลงทางนะ" ใครจะไปกล้าขัดใจน้องแบมแบมมินเนี่ยนม่วงกันล่ะครับ! แต่จะปล่อยให้ไปคนเดียวก็ใช่ที่ กลัวจะไปอาละวาดจนไม่รู้เรื่องกัน



    ร่างเล็กกลอกตากับคำว่าหลงทางของอีกฝ่ายก่อนจะชะงักไปนิดนึง เลิกคิ้วสงสัย มองตามคนที่เดินมาโอบเอวแล้วพาเดินไปด้วยกันแบบงงๆ "ไม่ห้าม?"



    "อื้ม... พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าตกลงจะเป็นยังไง" ทีแรกนึกว่าจะเห็นฉากไอ่เพื่อนรักจะฟูมฟายต่อหน้าธารกำนัลซะแล้ว แต่ผิดคาด แจบอมดันไล่จินยองให้กลับซะงั้น ก่อนจะเดินขึ้นไปหาซอนอา ทำเอาเขางงเป็นไก่เมาเลย นี่หรือว่าซอนอาจะเปลี่ยนใจแจบอมได้จริงๆ



    เดินมาจนถึงชั้น 2 แบมแบมก้าวฉับๆจะเปิดประตูห้องเจ้ากรรมแต่ก็โดนแขนแข็งแรงรั้งเอวไว้อีก กำลังจะตะโกนโวยละที่มาร์คเอามืออีกข้างขึ้นมาแตะปากอิ่มไว้ แล้วใช้สายตาบอกไปว่าให้เข้าประตูอีกบานที่อยู่ก่อนหน้าแทน ไอ่ประตูห้องเก็บแผ่นเสียงนั่นเอง



    "อะไรพี่มาร์ค จะเข้าห้องนี้ทำไมเล่า" คนตัวเล็กก็บ้าจี้ พอพี่เอานิ้วมาแตะที่ปากให้เงียบ ก็เงียบตาม จะถามยังต้องกระซิบเอา อย่างกับกลัวใครจะรู้ตัว



    "มาห้องนี้ดีกว่า จะได้เห็นอะไรดีๆ" มาร์คสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่ขึ้นบันไดแล้วว่าห้องที่ถูกเปิดประตูเอาไว้มันมีหน้าต่างในห้องด้วย



    "จะไปรอดูอีกทำไม แบมใจร้อน!" ตะเบ็งเสียงดุไปแบบกระซิบ



    "เอาน่าๆ รอดูกันก่อน" แบมแบมทำท่าฟึดฟัดก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายมาในห้อง ทั้งสองคนเดินผ่านกองแผ่นเสียง เทปคลาสเซตที่วางอยู่เกลื่อนกลาด ไปยืนอยู่ตรงหน้ากระจก มันเป็นหน้าต่างกระจกบานสไลด์ ที่เปิดแง้มอยู่นิดนึง สองคนพากันไปยืนใกล้ๆแต่ก็ระวังไม่ให้คนอีกห้องสังเกตเห็น



    เมื่อมองลอดผ่านกระจกไปยังอีกห้องหนึ่ง ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่แบมแบมคิดไว้ เขาจินตนาการอย่างเลวร้ายไปว่าต้องเห็นสองคนกำลังพลอดรักกันอยู่แน่ๆ แต่ก็ไม่... แจบอมยืนอยู่หน้าประตู ส่วนซอนอาอยู่ที่แผงคุมเสียงอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน แต่สีหน้าของซอนอาดูไม่ดีเอาเสียเลย



    "แจบอม..พูดเรื่องอะไรหรอ เรางงไปหมดแล้ว"



    "ผมหมายถึงเรื่องทีซอนอาเปิดคลิปเสียงตัดต่อเมื่อกี้ ทำไปทำไมครับ"


    ตัดต่อ? แบมแบมกับมาร์คหันมองหน้ากัน


    "เรา...แค่อยากให้แจบอมรู้ธาตุแท้ของคนๆนั้น และเราก็ไม่ได้ตัดต่อ นั่นเป็นเสียงของเขาเองจริงๆนะ"



    "ข้อนั้นผมรู้ครับว่าเป็นเสียงจินยอง และผมก็รู้ว่าคุณตัดต่อเสียงด้วย"



    ".................."



    "เพราะตอนนั้นผมอยู่ที่นี่ด้วย"



    ย้อนกลับไปประมาณเกือบชั่วโมงหนึ่งก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาช่วยงานคณะทำงานเล็กๆน้อยๆ อย่างที่เอาพวกซีดีไม่ได้ใช้มาเก็บในห้องนี้ ก็ได้เวลาที่กลับไปหาจินยองแล้ว กำลังจะเดินไปที่ประตู จู่ๆ เขาก็เห็นจินยองเดินเข้ามาในห้องข้างๆพอดี ว้าว... คิดถึงปุ๊ปก็มาปั๊ป มีจินยองเดลิเวอรี่ด้วย



    จินยองมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มแค่ที่ปากเช่นเดียวกับที่หญิงสาวยิ้มให้มาแค่นั้น วันนี้เธออยู่ในชุดทะมัดทะแมงด้วยเสื้อสต๊าฟที่ใส่กับกางเกงยีนสกินนี่สีซีด ผมที่ดัดลอนถูกมัดรวบตึงเผยใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางค์อ่อนๆตามที่นิยมกัน เธอหันไปคลิ๊กๆอะไรที่โน๊ตบุ๊คที่เปิดอยู่ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง



    จินยองก้าวเข้ามาในห้อง และแค่งับประตูไว้ ไม่ได้ปิดให้ลงล็อค มองสำรวจห้องอีกครั้งก็เห็นว่านอกจากประตูเข้าออกข้างหลังของจินยอง ยังมีหน้าต่างบานสไลด์ที่เชื่อมกับห้องเก็บแผ่นเสียงที่เดินผ่านมาเมื่อกี้


    เขาอาจจะดูละครมากเกินไป แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ที่อยู่กับศัตรูหัวใจกันแบบสองต่อสอง แถมเธอยังเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อเอาไว้อีก มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะระวังเอาไว้ก่อน



    "สวัสดีครับ คุณซอนอา" จินยองยิ้มอีกครั้ง เมื่อเอ่ยทักทายไปตามมารยาท



    "อ่า..รู้จักฉันแล้วสินะคะ" หล่อนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ตาดูเป็นประกายพอใจขึ้นนิดหน่อย แต่จินยองก็ยังไม่กล้าสรุปความหมายของสายตานั้น



    "ครับ ได้ยินจากแบมแบมมาบ้างแล้ว" ร่างบางเลือกที่จะตอบโดยพูดถึงแบมแบม เพื่อให้ซอนอาเข้าใจว่าเขารู้เรื่องทุกอย่างดี ไม่จำเป็นต้องพยายามพูดอ้อม อธิบาย หรือยืดเยื้ออะไร จินยองไม่ได้ 'รู้จัก' เธอ จึงยังพูดไม่ได้ว่าเกลียด แต่ก็ไม่ได้ชอบ เพราะจินยองไม่โอเคกับการกระทำของเธอหลายๆอย่าง



    ถึงจินยองจะเคยสนุกกับ One-Night Stand แต่จินยองก็ไม่เคยยุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้ว



    เงียบกันอยู่สักอึดใจ ยังไม่มีใครยอมพูดอะไร จินยองจึงถามขึ้นมาเพราะเขาเริ่มรู้สึกว่านี่คือการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์สุดๆที่มัวแต่มายืนมองหน้า หยั่งเชิงกันไปมาอย่างนี้



    "มีธุระอะไรกับผมหรอ ถ้าจำไม่ผิดเราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวนี่ครับ"



    "ฉันอยากขอโทษน่ะค่ะ ช่วงที่ผ่านมาแจบอมอยู่กับฉันจนไม่มีเวลาให้คุณเลย" เธอพูดไปด้วยรอยยิ้มที่ดูรู้สึกผิดและเป็นมิตร แต่จินยองรับรู้ได้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด



    "นั่นสินะครับ แต่ไม่ต้องถึงขนาดขอโทษหรอก แค่คุณละอายใจผมก็โอเคแล้ว" ร่างบางทอดสายตาอ่อนโยนให้ แต่น้ำเสียงค่อนข้างจะห่างกับคำว่าอ่อนโยนไปไกล ในเมื่อเธออยากเล่นละครจินยองก็จะเล่นด้วย เอาเถอะ น่าสนุกดีเหมือนกัน  



    "...แหม.....คุณจินยองคงคิดมากแย่เลยนะคะ แต่ก็ไม่น่าจะประชดด้วยการไปกับคนอื่นเลยนี่คะ หรือว่าจริงๆแล้วไม่ได้ประชด แต่เป็นนิสัย" ซอนอายังไม่ยอมแพ้ แต่ก็รักษาอาการสร้างภาพไม่ไหวแล้วเช่นกัน ทั้งน้ำเสียง ทั้งคำพูดของเธอค่อนไปแสดงอารมณ์ไม่พอใจชัดเจน




    "คงอย่างนั้นแหละครับ อยากคิดยังไงก็คิด แล้วแต่เลย" จินยองตาโตเลิกคิ้วกับประโยคแดกดันของเธอ แต่ที่มุมปากก็ยังมีรอยยิ้ม ก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หร่ะ คิดจริงๆหรอว่าโดนประโยคกระทบกระเทียบแค่นี้แล้วเขาจะรู้สึกอะไร โดนนินทา โดนว่าต่อหน้า คำหยาบกว่านี้ก็เคย นี่จินยองผู้คว่ำหวอดวงการมากว่า 5 ปีเชียวนะ ไม่ใช่คนที่เพิ่งหัดกร้านโลกได้วันสองวันเสียที่ไหน



    "................" เหมือนซอนอาจะรู้ตัวว่าหลุดแสดงอาการไม่ดีออกไป จึงเงียบเพราะไม่รู้จะแก้ไขยังไง



    "มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ มันเสียเวลานะ" คนถูกเรียกมาหลุดขำกับท่าทางไปไม่เป็นของอีกฝ่าย พูดกลั่วหัวเราะเร่งให้หญิงสาวรีบพูดธุระของเธอ จะเริ่มสงสารละนะ ถ้าจะนิ่งไปขนาดนี้



    "คุณจินยองถูกใจอะไรแจบอมหรอคะ ถึงยังไม่ยอมเปลี่ยนคู่นอนสักที"



    "โอ๊ะ..." จินยองขอถอนคำพูดว่าสงสาร ณ บัดนาว "เข้าใจไปเองอย่างนี้ไม่ดีนะครับ แจบอมไม่ใช่คู่นอนนะ แต่เป็นคนรัก นี่ดูไม่ออกหรือว่าแกล้งไม่รู้ครับ อืมม.. ส่วนคำถาม ที่จริงๆผมไม่จำเป็นต้องตอบเลยนะ แต่ถ้าคุณอยากรู้ละก็ ทำไมจะสนใจไม่ได้ล่ะครับ สำหรับผม เขาเป็นคนที่น่าสนใจมาก"



    "ทั้งที่แจบอมกับคุณต่างกันมากน่ะหรอคะ"



    "แล้วเรื่องนี้มันสำคัญหรอครับ"



    "สำคัญสิคะ คนที่ต่างกันมากๆ ถึงจะพยายามยังไง สุดท้ายก็เข้ากันไม่ได้หรอกค่ะ"



    "เข้าได้สิ นี่เข้ากันมาหลายทีแล้วนะ" จินยองเลิกคิ้วกับสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายอย่างพอใจ ก่อนจะพูดต่อ "ผมว่า ตรรกะของคนเรามันใช้ไม่ได้กับทุกคนหรอกนะครับ ผมยอมรับนะว่าคุณกับแจบอมดูมีอะไรที่ดูคล้ายกันหลายอย่าง แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้เลือกคุณหนิ เลิกมั่นใจอะไรผิดๆซะทีเถอะ"



    "นี่คุณ!"



    "ถ้ายังไม่เข้าใจ ผมจะพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็ได้ครับ ต่อให้แตกต่างหรือเหมือนกันแจบอมก็เลือกผมอยู่ดี แบบนี้เคลียร์มั้ยอ่ะ" จินยองไม่รู้ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน แจบอมไม่เคยบอก เพราะพวกเขาไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ ไม่เคยคิดจะคุยด้วยซ้ำ



    แต่มันมาจากความรู้สึก ทุกครั้งที่แจบอมกอด ทุกครั้งที่เขาจูบ ทุกครั้ง ที่เขายิ้มให้ มันคือคำตอบทั้งหมดแล้ว



    "ไม่ว่ายังไงก็เลือกคุณหรอคะ นั่นเพราะเขายังไม่ได้เจอคนที่ดีกว่าต่างหาก" อารมณ์ของซอนอาก็เหมือนจะไม่อยู่ในที่เธอพยายามปั้นให้เป็นปกติอีกต่อไปแล้ว เธอดูหงุดหงิด ดูโกรธ จินยองก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนิสัยไม่ดีเอามากๆเลยที่รู้สึกสนุกจังที่เธอเป็นแบบนั้น



    แต่ก็รำคาญสุดๆเช่นกัน ...คนอะไรเข้าใจโลกยากขนาดนี้



    "ใครล่ะครับคนที่ดีกว่า คุณหรอ?" เขาพูดกลั้วหัวเราะ "ให้เวลาสนิทสนมกันตั้งนานสองนาน นานกว่าของผมเสียอีก มั่นใจว่าตัวเองดีกว่าผม ก็ยังแย่งเขาไปไม่ได้นี่ครับ" จินยองกำลังยิ้มอยู่ แต่มันกลับทำให้ซอนอาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาที่แทบจะกดเธอให้จมดิน



    ".......ให้เวลา หมายความว่ายังไง"



    "หึ... ปกติผมไม่ได้ชอบลำเลิกบุญคุณกับใครหรอกนะ แต่... คุณคิดว่าจริงๆหรอว่าถ้าผมไม่เปิดโอกาสให้ คุณจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเขา"



    "อะไรนะ"



    "ผมไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวครับ คุณซอนอา ผมรู้ตัวอยู่แล้ว สิ่งที่คุณคิด ผมเคยคิดมาก่อนแล้วทั้งนั้น ผมไม่ใช่คนที่คู่ควรกับเขา เขาอาจจะแค่หลงใหลผมแค่ขั่ววูบ ผมก็เปิดโอกาสให้เขาแล้ว รวมถึงให้โอกาสคุณด้วย แต่คุณซอนอา ผมไม่ใช้นางเอกที่จะยอมสละความสุขของตัวเองไปเพียงเพราะมีคนอื่นอยากได้ เงื่อนไขมันก็ต้องมีข้อจำกัด โอกาสมันก็ต้องมีสิ้นสุดเหมือนกัน



    ...



    -- แจบอมของผม ที่ผมเปิดโอกาสให้คุณได้ควงเป็นเดือนๆ ผมขอคืน"



    จินยองไม่ได้รอให้หล่อนพูดคุยอะไรต่อก็เดินเลี่ยงออกมา ถามว่าตอนนี้รู้สึกยังไง มันก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรหรอก แต่แน่ใจว่ามีความรำคาญแน่ๆ เขาพูดไปทั้งหมด และจบแล้ว ถ้าเธอจะไม่จบก็ปล่อยเธอดิ้นรนจนเหนื่อยไปเองก็แล้วกัน



    RRR RRRRR


    "เจ้ว่าไง..."



    "ฮัลโหล จินยอง วันนี้พี่หล่อเขาโทรมาจองโต๊ะแล้วนะ จะจัดการเลยมั้ย คนเจ้พร้อมแล้วนะ"



    "อ่า... เจ้ ผมว่าจะไม่ทำอะไรแล้วล่ะ"



    "เอ๊า! ทำไม ยังไง อะไรยะะะ"



    "คือ... ผมไม่อยากยุ่งกับเขาแล้ว ผมว่าผมอยู่กับความสุขตอนนี้ มันน่าจะดีกว่า" จริงๆก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน จินยองอาจจะยังคิดไม่ได้เหมือนวันนี้ก็ได้ หากวันนั้นไม่เกิดเรื่องที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจ



    วันที่เขากลับบ้านมาพร้อมกับถุงยามากมาย เขาโกหกน้องชายไปว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่จริงๆเขาเกือบโดนรถชนแล้ววันนั้นเพราะมัวแต่ใจลอย



    การอยู่กับชยอนูเป็นเรื่องน่าเบื่อ หลังจากทานข้าวเย็นที่ศูนย์การค้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินแยกออกมาเพียงคนเดียวตอนที่ชยอนูบังเอิญเจอเพื่อนเก่าและกำลังพูดคุยกัน จินยองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องของแจบอม



    ตอนนี้แจบอมอยู่ไหนนะ จะอยู่กับผู้หญิงคนนั้น จะคิดถึงเราบ้างรึเปล่า...



    ปรี๊นนนน!!!!!



    รู้ตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงแตรรถยนต์ดังลั่น จินยองหันกลับไปมองเห็นแสงไฟจ้า ตัวเขามาหยุดอยู่กลางถนนที่รถยนต์สองคันกำลังวิ่งคู่กันมาอย่างเร็ว เสียงเบรคของรถที่คนขับคงจะเหยียบจนสุดแรงเกิดเมื่อเห็นว่าจินยองไม่ขยับ



    ขาตายไม่ยอมก้าวหนี วินาทีนั้น เขาคิดว่าตัวเองไม่รอดแล้วแน่ๆ แล้วจู่ๆ ภาพแจบอมก็ชัดขึ้นมาในจินตนาการ เขารู้สึกเหมือนขนลุกไปทั่วร่าง แล้วในที่สุดร่างกายก็ขยับหลบหลีกรถคันนั้นได้อย่างหวุดหวิด



    แต่จินยองก็ล้มถลาไปนั่งคุกเข่ากับฟุตบาท นั่งนิ่งทั้งที่ใจเต้นแรงราวกับมีคนไปรัวกลองที่หัวใจ



    "จินยอง! จินยองเป็นอะไรรึเปล่า! โดนชนรึเปล่า!"



    "...ไม่..เป็นไรครับ.."



    "ลุกไหวมั้ย ลุกขึ้นก่อน" ร่างสูงของชยอนูพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นเบามือ เมื่อสำรวจว่าจินยองไม่ได้ถูกชนจริงๆก็โล่งอก แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจ



    "จินยองไปโรงพยาบาลหน่อยนะ ไปเช็คนิดนึงก็ยังไง"



    "ไม่เป็นไร..ผม"



    "ไปเถอะ พี่เป็นห่วง"



    ...........................................



    "อ๋า.... พ่อหนุ่มแว่นคนนั้นสินะ เอาเถอะ คิดอย่างนี้ได้ก็ดีใจ เจ้เองก็ไม่ได้สนับสนุนแต่แรกอยู่แล้ว แต่จู่ๆมาเปลี่ยนใจกระทันหันเอาตอนนี้มันน่านักเชียว เด็กเจ้มาเสียเทียวกันพอดี" ในคืนนั้น ใจเขาเทไปที่แจบอมจนหมดแล้ว แค่แบมแบมพูดไม่กี่ประโยค เขาก็ตัดสินใจทันที เหมือนกับแค่รอให้ใครเปิดประเด็น จะได้เปลี่ยนใจอย่างไม่ขัดเขินก็เท่านั้น



    "งื้อ... ขอโทษนะเจ้ เดี๋ยวจินยองเลี้ยงข้าวนะ" ร่างบางขอโทษขอโพย ตบท้ายด้วยข้อเสนอด้วยน้ำเสียงออดอ้อน รู้สึกผิดกับเจ้แกเหมือนกันที่แกอุตส่าห์เตรียมแผนให้ขนาดนี้



    "เลี้ยงแค่ข้าวไม่พอย่ะ"



    "ข้าวหมักด้วยก็ได้เอ้า ขอโทษน้า ขอโทษเด็กๆเจ้ด้วย"



    "ย่ะ ไม่ต้องมาอ้อน เอาเป็นว่ายกเลิกไปก็ดีแล้ว Happy มากๆละกัน แค่นี้นะ"



    "ขอบคุณนะครับเจ้"


    ร่างบางยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เหมือนกันได้ปลดความไม่สบายใจออกไปจนหมดแล้ว จากนี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องมีเรื่องค้างคาใจ มีความสุขเพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เรารักสักที



    จินยองเดินกลับมาที่บริเวณจัดงาน เมื่อเดินผ่านประตูที่อยู่ใต้แป้นบาสฯไปเพียงไม่กี่ก้าว เพลงที่ถูกเปิดในโรงยิมก็ถูกปิดไป จินยองไม่ได้สนใจจนกระทั้งเหมือนได้ยินเสียงของตัวเองออกมาตามลำโพงแทน ขาทั้งสองหยุดเดินทันที หันซ้ายขวามองลำโพงตัวนั้นทีตัวนี้ที กับสีหน้าที่บ่งบอกความไม่เข้าใจขึ้นเรื่อยๆ



    จินยองรู้สึกเหมือนกำลังเป็นไมเกรน รู้สึกเหมือนเหน็บชากำลังขึ้นสมอง จนไม่รู้จะสั่งการให้ร่างกายขยับหรือพูดอะไรดี ไม่ใช่เพราะคนที่ได้ยินบทสนธนาจอมปลอมนั้นมีร่วมร้อยคน หรือสายตาดูหมิ่นที่ส่งมาให้นับสิบๆคู่ แต่เป็นเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ กำลังมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนไหวที่สุด



    "แจบอม..."



    "............."





    ...........................................................





    50%





    “เราชอบแจบอม…” หญิงสาวเอ่ยออกมาแผ่วเบา เมื่อเธอไม่สามารถหาคำแก้ต่างให้ตัวเองได้อีก เธอสบตาแจบอมที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคู่สวยพยายามถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกไป



    “..........”




    “ชอบมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่คนๆนั้นจะเข้ามาด้วยซ้ำ”



    “...……”




    “เราเคยคิดว่าแค่เราได้ชอบแจบอมเราก็มีความสุขแล้ว แต่ในที่สุดเราก็รู้ว่าเราทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้แจบอมเป็นของคนอื่น เรารู้ว่ามันอาจจะช้าเกินไป เราควรบอกแจบอมตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มันไม่ผิดใช่มั้ยที่เราชอบเธอ”



    “..........”


    แจบอมยังคงเงียบ และเหมือนความเงียบของแจบอมแผ่ขยายไปกดอากาศรอบๆยังไงก็ไม่รู้ จนแบมแบมกับมาร์คที่ยื่นห่างออกมายังรู้สึกหนาวๆไปด้วย ไม่มีใครเดาสีหน้านิ่งๆนั้นของแจบอมได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่



    “แจบอม…” เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ แต่บรรยากาศมันอึดอัดจนทนไม่ไหวแล้ว แจบอมผู้แสนดีที่มีรอยยิ้มให้เธอเสมอเปลี่ยนไปจนน่ากลัว คำสารภาพรักถูกกลืนหายไปกับความเงียบของอีกฝ่าย แทบไม่มีความหมายเลยเมื่อพูดมันในเวลานี้



    “แล้วเขาผิดอะไรครับ”



    “คะ?”



    “แล้วจินยองผิดอะไร”


    ซอนอาขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก ทั้งที่กำลังพูดถึงเรื่องของเราสองคน แจบอมก็ยังจะคิดถึงผู้ชายคนนั้นอยู่ได้


    “เราชอบแจบอมมานาน แล้วอยู่ๆมันก็เข้ามาแย่งแจบอมไป” เสียงเธอสั่นไปหมดด้วยความโกรธ


    “คุณใช้ความชอบที่มีให้ผมเป็นเหตุผลในการทำร้ายคนอื่นหรอครับ” สายตาที่แจบอมมองมาเย็นชาขึ้นไปทุกที จากที่โกรธอยู่เธอก็เริ่มลนลาน


    “ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น…เขา ก็เขาไม่คู่ควรกับแจบอม เราก็เลย”



    “.....เรื่องนั้นผมว่าไม่ต้องให้คุณหรือใครมาตัดสินหรอกครับ ผมว่าผมรู้ตัวเองดีว่าใครเหมาะสมกับผมนะ”



    “แจบอม…”



    “เรารู้จักกันก่อนจริงครับ แต่ไม่ว่าจะรู้จักใครก่อน ความรู้สึกของผมก็คงไม่เปลี่ยนไปตามลำดับก่อนหลัง ผมยังยินดีที่จะเป็นเพื่อนคุณนะ แต่อย่าคิดจะพยายามอะไรอีกนะครับ เพราะถ้าคุณหวังสถานะที่มากกว่านั้น ผมคงให้คุณไม่ได้ แม้แต่สถานะเดียว”



    แจบอมไม่รอให้เธอพูดอะไรอีก แม้ว่าจะเห็นเธอก้มหน้าและเริ่มร้องไห้ เขาหันหลังและเดินออกไปเพราะจะได้รีบไปหาจินยอง เขาพอรู้อยู่จากท่าทางว่าจินยองคงไม่สบายใจนักกับคำพูดของเขา



    เมื่อเห็นร่างสูงเดินก้าวออกไปจากห้อง ร่างเล็กก็เหมือนได้สติหลังจากที่กำลังตกตะลึงกับการทรานฟอร์เมอร์จากพี่สุดเนิร์ด กลายเป็นพี่เขยสุดเท่ มือเล็กตีๆที่แขนของร่างโปร่งที่ยืนซ้อนด้านหลังเกาะเอวเขาอยู่ กระซิบเรียก



    “พี่มาร์ค พี่แจบอมออกไปแล้...ว.. เอ๊ะ!” แบมแบมเผลอพูดออกมาเต็มเสียงก่อนจะโดนมาร์คยกมือขึ้นมาปิดปากอิ่มเอาไว้ ร่างโปร่งยังง่วนกันการใช้ริมฝีปากเลาะเล็มไปตามลำคอหอมกรุ่น



    “อื้อ!” มาร์คหัวเราะในลำคอเมื่อคนตัวเล็กดิ้นไปมาในอ้อมกอด แบมแบมเกือบจะเคลิ้มแล้วเชียวนะถ้าไม่เห็นว่าซอนอากำลังมองมายังหน้าต่างที่พวกเขายืนอยู่


    เธอเช็ดน้ำตาลวกๆ สีหน้างุนงงกับเสียงที่ได้ยิน(เสียงที่แบมแบมเผลอร้องเมื่อกี้) ที่กำลังเสียใจกับคำพูดของแจบอมก็แทบหายไป มีความสงสัยมาแทนที่ เดินก้าวอาดๆมาที่หน้าต่าง ก่อนจะชะงักไปเพราะนึกขึ้นมาได้ เกี่ยวกับเรื่องเล่าของเสียงแปลกๆในห้องเก็บแผ่นเสียงที่รุ่นพี่เล่าต่อๆกันมา


    จังหวะเดียวกันมาร์คเขยิบถอยหลังแล้วดึงร่างเล็กมาแนบชิดกับตัวเองให้ยืนให้ท่าเดิม(และยังคงเล็มชิมคอน้องเหมือนเดิม!) แต่พ้นระยะสายตาของคนที่อยู่อีกห้องหนึ่ง แบมแบมเผลอกลั้นหายใจจนกระทั่งเห็นว่าหญิงสาวรีบเดินออกไป


    รอจนมั่นใจว่าซอนอาเดินพ้นรัศมีการได้ยินไปแล้ว กำลังจะยกแขนขึ้นเตรียมกระทุ้งศอกใส่คนข้างหลัง แต่ก็ถูกรัดเอาไว้ด้วยมือข้างที่ปิดปากเขาก่อนหน้านี้ จึงหันไปแหวใส่เต็มเสียง



    “นี่! ไม่ใช่ตอนนี้มั้ยพี่มาร์ค ปล่อยเลยนะ”



    “ก็เคลียร์แล้วไงครับ แจบอมก็จัดการเรื่องซอนอาแล้ว หมดเรื่องละ”



    “หมดเรื่องที่ไหน พี่จินยองโกรธหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ต้องรีบไปตามพี่จินยองก่อน” มาร์คนั่งเกยที่โต๊ะไม้ข้างๆตัว ก่อนจะดึงแบมแบมเข้ามายืนตรงหว่างขา จับมือสองข้างเอาไว้ก่อนจะเริ่มพูด



    “แบม เรื่องของเขาสองคนปล่อยเขาจัดการเองบ้างก็ได้” เขาเข้าใจมาตลอดนะ เรื่องของแจบอมกับจินยองมันซับซ้อนและต้องการตัวช่วย ซึ่งเขาและแบมแบมได้ทำหน้าที่นั้นแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะต้องทำตลอดไป ทั้งสองคนควรจะเรียนรู้การเป็นคู่รักที่ต้องแก้ไขปัญหาต่างๆให้ตัวเองได้แล้ว



    “แต่พี่มาร์ค…”



    “พี่รู้ว่าแบมหวังดี เป็นห่วง แบมเป็นคนมีน้ำใจ นั่นคือข้อดีที่น่ารักมากของแฟนพี่ แต่เราจัดการทุกเรื่องของเขาไม่ได้หรอกนะ สุดท้ายมันก็คือเรื่องของเขาสองคน”



    “.............” ร่างเล็กเงียบฟัง แต่ก็ยกปากยู่เหมือนไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่



    “บางทีพี่ก็น้อยใจนะ จินยองสำคัญพี่รู้ดี แต่พี่ก็อยากให้แบมมีเวลาคิดถึงเรื่องพี่บ้าง” มาร์คคลึงหัวแม่มือไปกับหลังมือนวล ก่อนจะเงยหน้ายิ้มให้ทั้งที่สายตายังมีความน้อยใจอยู่จนแบมแบมหัวใจอ่อนยวบ


    “พี่อ่ะ แบมคิดถึงเรื่องของเราตลอดเวลาอยู่แล้ว แบมขอโทษที่สนใจเรื่องพี่จินยองมากไป แบมมีพี่ชายคนเดียว แบมอยู่กับพี่แบมมีความสุข แบมก็อยากให้พี่จินยองมีความสุขเหมือนกัน แค่นั้นเอง แบมขอโทษน้า พี่มาร์คอย่าน้อยใจเลย แบมรักพี่มากนะ” คนตัวเล็กโน้มทั้งตัวไปกอดคนที่นั่งอยู่ แขนสองข้างโอบคออีกฝ่าย ริมฝีปากอิ่มกดไปตามลาดไหล่ ต้นคอ มาจนถึงสันกรามอย่างออดอ้อน ก่อนจะจบที่หอมแก้มอีกฟอดใหญ่


    มาร์คกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม…อยากจะยิ้มให้หน้าย่นแต่ก็ต้องกลั้นไว้ ทำไมแฟนเขาง้อได้น่ารักขนาดนี้วะ ปล้ำตรงนี้เลยได้มั้ย ถ้ารู้ว่าเวลาง้อแล้วน่ากินขนาดนี้ ใช้มุกนี้นานแล้วล่ะ ดูสิยังจูบแก้มไหล่เขาไม่หยุดเลย โอย.. ช้อนตามองกันอย่างนี้ มาร์คจะไม่ทนแล้วครับ!


    มือเรียวสอดเข้าไปใต้เสื้อตัวบาง กดนวดตรงบั้นเอวเบาๆ ร่างบางก็ยังเฉย ไม่มีโวยวาย แบมแบมเวอร์ชั่นว่าง่ายนี่ทำไมดาเมจได้ขนาดนี้ แต่ต้องฮึบไว้ก่อน… มาร์คก้มลงไปจูบหน้าผากมน แบมแบมก็ยังยิ้มรับหลับตาพริ้ม นี่จะไม่ทนเป็นรอบที่สอง ต้องหาที่เลดาวน์เดี๋ยวนี้เลย!



    Rrrrr Rrrrr



    “ปัดโธ่เว้ย” !!!



    “พี่มาร์ครีบรับสิ” ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา… ใครมันโทรมาวะ แม่งอยากจะเตะสักป๊าบขัดจังหวะจริง “อ๊ะ พี่แจบอม!” ไอ่เพื่อนเวร



    “มีอะไรมึง” แค่ประโยคแรกแบมแบมก็คว้าโทรศัพท์มาร์คไปจากมือแล้วก็กดเปิด Speaker phone มาร์คหมั่นเขี้ยวจึงคว้าเอวบางมากอดจากด้านหลังแล้ววางคางกดแล้วถูแรงๆที่หัวไหล่บาง



    “โอ้ยพี่มาร์คหยุดก่อน พี่แจบอมว่าไงฮะ”



    “อยู่ที่ไหนกันครับแบมแบม พี่โทรหาจินยองไม่รับสายเลย แบมแบมอยู่กับจินยองมั้ย”



    “โธ่พี่แจบอม พี่งอนพี่แจบอมขับรถออกไปคนเดียวนู่นฮะ แบมกับพี่มาร์คยังอยู่ในงานอยู่เลย”



    “แล้วจินยองไปไหนแบมแบมทราบมั้ยครับ จินยองขับรถเร็วรึเปล่า ทุกทีพี่เป็นคนขับตลอดเลยไม่รู้เรื่องนี้ จินยองจะกลับคอนโดเลยมั้ย เดี๋ยวพี่รีบตามไปเลยดีกว่า” แจบอมพูดรัวเป็นน้ำไหลไฟดับจนแบมแบมหาช่องพูดไม่ทัน โชคดีที่ก่อนแจบอมจะตัดสายมาร์คห้ามเอาไว้ทัน



    “มึงใจเย็นก่อนไอ่เนิร์ด จินยองโตแล้วเว้ย ไม่ใช่เด็ก” มาร์คมองหน้าคนน่ารักข้างๆที่กระเง้ากระงอดออดอ้อนเขาเต็มที่เลย ก่อนจะแกล้งทำเป็นถอนหายใจ แล้วพูดสิ่งที่รู้ว่าร่างเล็กอยากฟัง


    “แล้วมึงไปรอที่รถเลย เดี๋ยวพวกกูตามไป”


    “มึงมาเร็วๆเลย รีบมาเลย รีบๆเลยนะ”



    //////////////////////////////////////////////////////////



    เสียงดนตรีดังกระหึ่มกระทุ้งให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน หนุ่มๆสาวๆกำลังโยกย้ายบนฟลอร์กันอย่างสนุกสนาน ผิดกับหนุ่มหน้าหวานที่ดูเย้ายวนที่สุดในค่ำคืนนี้ ที่เอาแต่นั่งคนน้ำแข็งอยู่ที่เค้าเตอร์บาร์ คอยแต่จะปฏิเสธคนแล้วคนเล่าที่หลงทักทาย



    “นี่ นั่งเริ่ดๆอยู่ตรงนี้มันก็ดีหรอกนะ ผู้ชายเดินผ่านไปผ่านมาเยอะดีเจ้ชอบ แต่ช่วยทำหน้าให้สดชื่นกว่านี้หน่อยได้มั้ยล่ะ” เจ้ล่ะงงจริงๆ ทั้งที่ตอนคุยโทรศัพท์ออกจะดูมีความสุขแท้ๆ ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง จินยองก็โผล่มาที่ร้าน ด้วยหน้าตาหม่นหมองสุดๆ คิ้วงี้ขมวดจนเจ้อยากจะพาไปนวดขมวดผ่อนคลายเชียวล่ะ



    “.......ได้แค่นี้ล่ะเจ้” จินยองฉีกยิ้มอย่างประชดประชัน ก่อนจะหันไปคนน้ำแข็งก้อนใหญ่ แล้วกระดกบรั่นดีลงคอจนหมดไปอีกแก้ว



    “มีไรก็ระบายได้จ้ะ เจ้ไม่คิดค่าฟังหรอก แค่นี้ก็ติดเจ้หลายแก้วแล้ว” เจ้เติมบรั่นดีลงไปให้อีก



    “... ขอบคุณนะเจ้ แต่ตอนนี้ขี้เกียจเล่าอ่ะ เอาอย่างอื่นมาชิมหน่อยสิ เผลอเมาแล้วจะได้มีอารมณ์” เหมือนจินยองจะอารมณ์ดีขึ้นนิดนึงเมื่อได้ปล่อยใจให้ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศและของมึนเมาสุดโปรด



    “อารมณ์อะไรของแกยะ”



    “อารมณ์แบบที่พี่ร่วมด้วยได้รึเปล่า”



    “รุ่นพี่ชยอนู…”



    …………………………………………………..



    “ไม่ได้อยู่กับพี่หรอ แล้วมีโทรไปหามั้ย ไม่โทรเหมือนกัน โอเค ถ้าพี่จินยองโทรหาพี่บอกแบมเลยนะ ขอบคุณฮะ ไปไหนของเขานะ...” แบมแบมกดวางไปอีกสาย ก่อนจะหันมาส่ายหน้ากับอีกสองคนที่รออยู่ พวกเขานั่งอยู่ในรถ จอดรออยู่ด้านหน้าคอนโด เหมือนรอแสตนบายเพื่อที่จะไปหาจินยองได้ทันที แต่นี่ก็สายที่สิบกว่าแล้วก็ยังไม่เจอว่าจินยองอยู่ไหน



    ตอนนี้แจบอมรู้จากแบมแบมและมาร์คแล้วว่าจินยองเข้าใจผิด เขาตบหน้าผากตัวเองไปหลายทีแล้ว เพราะไม่อยากให้จินยองอยู่ท่ามกลางสายตาดูถูกของคนอื่น จึงบอกให้กลับไปก่อนแต่ก็ดันไม่อธิบายให้ชัดเจน ตอนนี้เลยต้องมานั่งกังวลใจอย่างนี้



    แต่จู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของแบมแบมก็ดังขึ้น เหมือนจุดความหวังให้กับแจบอมอีกครั้ง



    “เอ๊ะ.. เจ้โทรมาทำไม เอ้อ! ลืมนึกถึงเจ้ไปเลย ฮัลโหลเจ้โทรมาพอดี แบมมีเรื่องจะถาม!” แบมแบมรีบกดรับ



    “ห๊ะ อะไร อย่าเพิ่งงง แบมแบ๊มมม!!!!” ไม่ต้องเงี่ยหูฟังด้วยเสียงเจ้ก็พุ่งทะลุออกมาข้างนอกจนแจบอมกะมาร์คหันมาสนใจด้วย



    “เดี๋ยวก่อนเจ้ เรื่องของแบมสำคัญกว่า เจ้เจอพี่จินยองบ้างรึเปล่า พี่อยู่ที่ร้านมั้ย” ไม่ลืมเปิดเสียงแล้วขยับมานั่งตรงกลางเบาะให้ชิดกับเบาะข้างหน้า ให้อีกสองคนได้ยินถนัดๆ



    “เอ้า! เจ้โทรมาก็เรื่องจินยองนั่นแหละ!”



    “เฮ้ย! ไอ่เนิร์ดมึงใจเย็นๆ ระวังรถข้างหลังด้วยดิวะ!” มาร์คตะโกนลั่นเพราะแจบอมออกรถอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทันทีที่ได้ยินชื่อจินยอง



    “เจ้ฮะ เดี๋ยวเจอที่ร้านนะ แบมว่าเราคงไปถึงในครึ่ง...เอิ่ม คงแค่ในยี่สิบนาทีนี้ เจ้อย่าเพิ่งให้พี่หนีไปไหนนะ!”



    “เอออออ เจ้จะพยายาม แต่รีบมาเลยนะ! บอกเลยไม่ใช่แค่จินยองที่อยู่ที่นี่ พี่หล่อของเจ้ก็อยู่เหมือนกัน!”



    พอเจ้วางสายไปแบมแบมก็ขยับตัวไปนั่งพิงเบาะของตัวเอง คาดเบลท์ หาที่จับให้ถนัดมือ และคิดในใจว่า



    คงไปถึงในไม่เกินสิบนาทีนี้แหละ T-T



    โจควอนผู้ซึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการสถานที่วุ่นวายที่น่าเย้ายวนใจแห่งนี้ถึงกับกุมขมับ ทั้งที่รับปากแบมแบมไว้ว่าจะดูแล แต่เขาก็ไม่มีเวลาดูแล



    “เจ้ โอนเนอร์เรียกแล้ว” บาร์เทนเดอร์หนุ่มน่าตาน่ารัก มาตามให้โจควอนให้เข้าไปพบโอนเนอร์ ที่วันนี้ไม่รู้อะไรไปดลใจเข้าอยู่ๆก็มา Surprise check งานเลยเข้าเจ้ทั้งงานราษฎร์งานหลวง สุดท้ายเลยต้องฝากเด็กๆที่ร้านช่วยกันดูไม่ให้จินยองคลาดสายตา



    “เจ้ฝากดูจินยองหน่อยนะ แล้วพวก ‘แคนดี้’ จัดการไปหมดรึยัง” พะยักพะเยิดไปตรงมุมโซฟาที่จินยองนั่งอยู่ ก่อนจะถามเรื่องสำคัญที่ค่อนข้างมีความสำคัญกับความมั่นคงของหน้าที่การงาน



    “เรียบร้อยเจ้ มีคนโทรไปบอกว่าโอนเนอร์มาหนูเลยจัดการขายไปหมดแล้วก่อนเข้ามา”



    “เออดี ไม่เสียงของ เดี๋ยวเจ้มา” แคนดี้ที่ว่านี่คือพวกของมอมเมาทั้งหลายที่มัน...ว่ากันจริงๆก็ไม่ใช่ว่าไม่ถูกกฎหมายหรอก มันเป็นพวกยานอนหลับ ยาปลุกเซ็กซ์เราไม่ได้ใช้แบบที่ออกฤทธิ์แรงอะไรมากมาย แค่ทำให้เกิดความสนุกสนานสำหรับลูกค้าเท่านั้น



    คนเที่ยวที่นี่ประจำรู้ดีว่าเรามีขาย แต่โอนเนอร์...น่าจะไม่รู้




    Knock knock



    “โอนเนอร์สวัสดีครับ”



    “โจควอน นั่งก่อนครับ” เสียงชายหนุ่มรูปร่างสันสัดในชุดสูท เข้ากันดีกับผมสีบอร์นทองที่เซ็ทป้ายเปิดหน้าผาก รับกับใบหน้าหล่อเหลา เอ่ยขึ้นในขณะหันหลังกลับมาจากการมองบรรยากาศภายในร้านผ่านกระจกห้องทำงานจากชั้นบน



    “โอนเนอร์กลับจากฮ่องกงเมื่อไหร่ครับ” จะมาก็ไม่บอกกันเลย โจไม่ค่อยโอเคเลยฮ่ะ



    “เมื่อเช้านี้เลย พอดีมาดูหน้างานที่ SYZYGY เลยแวะมาที่นี่ด้วย” อ่อ ที่แท้ก็มาดูโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าใหม่ของเจ้านายนี่เอง อั๊ยย โอนเนอร์อย่ายิ้มอย่างนี้ค่ะ เจ้ใจจะละลายแล้ว >\\\\<



    “อ๋อครับ” โจควอนหัวเราะอย่างโล่งอก จนโอนเนอร์ของเขาอมยิ้มกับท่าทางที่จับพิรุธไม่ยากของลูกน้อง



    “รายได้โอเคนะ ทำได้ดีทั้งที่เรามีคู่แข่งเพิ่มขึ้น คุณทำได้ดีครับ แต่….อะไรที่มันไม่ใช่รายได้หลักก็อย่าลงทุนกับมันมากเกินไปนะ ถ้าคุมไม่ดีเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาจะได้ไม่คุ้มเสีย” โจควอนเย็นหลังวาบ ความคิดที่ว่าโอนเนอร์ไม่รู้นี่ไม่จริงเลย!!!!



    “ผมเห็นลูกค้าบางคนท่าทางไม่ค่อยดี ไม่รู้เพราะคอไม่แข็งหรือเพราะ ‘อะไร’ ถึงคอพับคออ่อนต้องพยุงออกไปแบบนั้น” เขากำลังหมายถึงลูกค้าผู้ชายสองคนที่เขาเห็นพยุงกันออกไปเมื่อกี้ก่อนโจควอนจะเข้ามา เหมือนเห็นพนักงานเขาจะเข้าไปช่วยแต่ก็ชะงักไป สถานการณ์ดูไม่ปกติเท่าไหร่



    “เอ่อ….”



    “ระวัง อย่าให้มันมาเป็นปัญหาทีหลัง”



    “ขอโทษครับ เรื่องแคนดี้ ถ้าโอนเนอร์ไม่..”



    “ผมไม่รู้คุณหมายถึงอะไร” ทีแรกโจควอนก็ไม่กล้าสรุปไปเอง แต่พอมาคิดอีกที ประโยคเมื่อกี้ไม่มีตรงไหนที่ห้ามเลยนี่นา...แค่เตือนเฉยๆเอง



    “อ่อ… โอนเนอร์ไม่ได้ยินที่ผมพูดเมื่อกี้สินะครับ”



    “ครับ ได้ยินไม่ถนัดเลย” รอยยิ้มทะเล้นถูกส่งมาให้อีกครั้ง โจควอนจึงยิ้มรับ “ไม่มีอะไรแล้วไปทำงานเถอะ อีกเดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว”



    “ได้ครับ คุณแจ็คสัน” เจ้านายใครก็ไม่รู้หล่อแล้วยังเจ้าเล่ห์ไปอีกนะ ยกให้เป็นนัมเบอร์วันเลย พี่หล่อคนไหนก็สู้ไม่ได้หรอก



    .……………



    “เจ้! แย่แล้ว!” พนักงานคนน่ารักคนเดิมรีบพุ่งเข้ามาหาเขาทันทีที่เดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง



    “อะไรวะ”



    “พี่จินยอง พี่จินยองโดนหิ้วออกไปแล้ว!”



    “ฉิบหาย! แล้วมึงปล่อยคลาดสายตาได้ไง!”



    “หนูไม่ได้คลาดสายตาเลย ตอนเขาจะพาออกไปหนูก็ทำทีจะไปช่วยแล้ว แต่เขาขู่หนูก่อน”



    “เขาจะขู่อะไรมึงได้วะ”



    “ก็หนูดันขายแคนดี้ให้เขาอ่ะ…”



    “เอ้า!! ก็ไหนมึงบอกขายก่อนเข้ามา”



    “ขายก่อนเข้าร้านอ่ะเจ้… ก่อนถึงร้าน 2 ช่วงตึกนี่เอง…หนูขอโทษ เขาบอกว่าจะบอกโอนเนอร์ ไม่รู้เขารู้ได้ไงหนูเลยไม่กล้ายุ่งง่ะ”



    “จิส์! ช่างโอนเนอร์ก่อน มึงไปถามการ์ดว่ามันทันดูทะเบียนรถรึเปล่า ไปหามาว่าทะเบียนอะไร โว๊ย แบมแบมถอนหงอกกูแน่เลย”



    เจ้ใหญ่กดโทรออกอย่างอารมณ์เสีย แคนดี้ที่เตรียมเอาไว้ใช้กับชยอนูตามแผนทีแรก จินยองก็ดันมาโดนเองซะงั้น! มีลูกน้องนี่จะช่วยเหลืองานกูได้บ้างสักคนมั้ยเนี่ย!



    “เจ้!!! มาแล้วไม่ต้องโทร” ร่างเล็กตะโกนโหวกเหวก พยายามเดินแทรกผู้คนเข้ามาหาอีกฝ่าย แบมแบมเดลิเวอร์รี่ไปอีก กูยังไม่ทันเตรียมใจโดนถอนหงอกเลย มาไวไปมั้ย!?



    “แบมแบ๊ม! โอยยย  คราวนี้เรื่องใหญ่จริงแล้วนะ จินยองถูกพาออกไปแล้ว”



    “เห้ย! ไหงงั้นอ่ะ!”



    “เจ้ขอโทษ ขอโทษษษ เดี๋ยวค่อยเล่านะไปตามหาจินยองก่อนเถอะ ” ที่โจควอนกลัวตอนนี้คงไม่ใช่แบมแบมกับแหนบถอนหงอกแล้วล่ะ แต่น่าจะเป็นหนุ่มแว่นที่ยืนกำหมดหน้าเครียดอยู่ข้างๆมากกว่า



    อย่ามองเจ้อย่างนั้น เจ้กลัวววว



    “เจ้ ได้ทะเบียนรถแล้ว!!! หนูโทรถามที่หน้าประตูมา” น้องบาร์เทนเดอร์คนเดิมวิ่งกลับมาพอดีก่อนที่เจ้จะโดนน้องคนเนิร์ดต่อยคว่ำ ทำให้ความสนใจของทุกคนพุ่งไปยังข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาแทน



    “แล้วเป็นรถอะไร สีอะไร มึงบอกมาละเอียดๆสิ”



    “หนูไม่ได้ถามมา พอได้ทะเบียนรถหนูก็วิ่งมาหาเจ้เลย….”



    “เอ้า! แค่ทะเบียนรถมันจะไปพออะไรล่ะวะ!”



    “แค่ทะเบียนรถก็เหลือเฟือแล้วครับ” คนที่เงียบมาตลอดตั้งแต่มาถึงที่ร้าน อยู่ๆก็โพล่งออกมา แบมแบมหันไปมองรอยยิ้มไม่ชอบมาพากลนั้นก่อนจะถูกลากให้เดินตามแจบอมออกไป



    ///////////////////////////////////////////////////////



    ร่างสูงขับรถด้วยความเร็วพอๆกับตอนไปที่ร้าน ตามทางที่มาร์คบอก หลังจากที่ชายหนุ่มโทรศัพท์คุยกับคนๆนึงที่แบมแบมคิดว่าน่าจะเป็นพี่สาว มาร์คบอกทะเบียนรถไป จากนั้นไม่ถึง 10 นาที เส้นทางที่รถคันนั้นขับผ่านก็ถูกส่งกลับเข้ามาให้ทางโทรศัพท์มือถือ และในที่สุด พวกเขาก็มาจอดอยู่ที่โรงแรม The Ethereal โรงแรมระดับ 4 ดาวที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามที่สุดในย่านนี้


    “พี่มาร์คจะไปไหน” แบมแบมกระเด้งตัวโผล่มาตรงช่วงระหว่างเบาะ ถามขึ้นทันทีที่เห็นทั้งสองเปิดประตูจะลงจากรถ แจบอมไม่ได้ตอบ เขาแทบจะกระชากประตูรถให้เปิดออก



    “พวกพี่ไปแป๊บเดียว แบมรอในรถก็ได้นะ รับรอง อีกไม่เกิน 10 นาทีพี่จะเอาพี่ชายมาส่งคืนถึงมือเลย” มาร์คเป็นคนหันมาตอบ ไม่วายยังจะเย้าเขาเป็นเด็กๆอีก



    “มาร์ค เร็วๆดิวะ” แจบอมเรียกเสียงห้วน เพราะหงุดหงิดที่ถึงจะลงมาก่อนแต่ก็ต้องรอให้เพื่อนเดินไปด้วยกันอยู่ดี ทั้งที่ตอนนี้เขาร้อนใจจนอยากจะไปกระชากจินยองออกมาจากรุ่นพี่จะแย่อยู่แล้ว



    แบมแบมนั่งมองตาปริบๆ เหมือนยังคงงงๆไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่ ทำไมพี่มาร์คถึงมั่นใจขนาดนั้น โรงแรมใหญ่ขนาดนี้ ห้องมีเป็นร้อยๆ พี่มาร์คจะช่วยพี่จินยองออกมาภายในสิบนาทีได้ไง



    หลอกเด็ก!



    คิดได้อย่างนั้นร่างเล็กจึงคว้ากุญแจรถแล้วเดินตามไป



    แบมแบมก้าวผ่านเข้าประตูมาก็พบการตกแต่งที่แปลกตาจนทำให้รู้สึกทึ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาและมองหามาร์คและแจบอม ซึ่งก็เจอในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังวุ่นวายอยู่ตรงหน้าเค้าเตอร์ Reception โดยเฉพาะมาร์คที่ดูจะอารมณ์เสียยิ่งกว่าแจบอมเมื่อกี้เสียอีก



    “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ!” มาร์คพูดเสียงระดับธรรมดา แต่ในบรรยากาศเงียบสงัดของโถงต้อนรับทำให้แบมแบมได้ยินแม้ว่าจะอยู่ไกล ร่างเล็กรีบก้าวเท้าเข้าไปหา เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนผมสั้นกำลังเจรจากับทั้งสองคน และเมื่อเจ้าหน้าที่คนผมยาวอีกคนคุยโทรศัพท์เสร็จ ก็ขยับมายืนใกล้เพื่อนเพื่อฟังด้วย



    “ต้องขออภัยด้วยค่ะคุณมาร์ค ตาม policy ของโรงแรมแล้ว ถ้าผู้เข้าพักไม่ได้อนุญาตก่อนจะบอกไม่ได้ค่ะ” พนักงานสาวตอบกลับมาอย่างอ่อนน้อม ใบหน้าเธอมีความเขินอายเจืออยู่ คงจะเป็นเพราะสเน่ห์ของคนตรงหน้าแน่ๆ แต่ก็ยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่



    “แต่คุณมินะเขาบังคับพาพี่ชายผมมานะครับ” แบมแบมเข้ามาสมทบ ร่างเล็กสังเกตป้ายชื่อก่อนจะเรียกออกไปเพื่อสร้างความใกล้ชิด แม้จะพูดพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่กลับทำให้เธอทั้งสองคนเห็นความจริงจังนั้นเป็นอาการงอแงเสียมากกว่า



    “ต้องขออภัยด้วยจริงๆนะคะ ถ้าเป็นกรณีที่ทางคุณมีข้อสงสัยแบบนั้น จะต้องรบกวนแจ้งความก่อนค่ะ” มินะรู้สึกปลื้มขึ้นมานิดหน่อยเมื่อแบมแบมพูดชื่อเธอ แต่ก็ยังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เรื่องนี้เรื่องใหญ่ เธอไม่มีอำนาจตัดสินใจเอง



    “แค่ผมคือเชื่อถือไม่ได้หรอ”



    “ไม่ได้จริงๆค่ะคุณมาร์ค ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่คุณมาร์คยังไม่มีอำนาจบริหารค่ะ” แบมแบมขมวดคิ้วกับบทสนทนาตรงหน้าแต่ก็ยังเงียบไว้ มองมาร์คที่สบถออกมาก่อนจะเดินแยกออกไปโทรศัพท์อีกครั้ง



    “ฮัลโหล พี่แทมมี่…..”



    “.........………..”



    ร่างเล็กจึงหันสนใจเสียงพี่แจบอมที่กำลังพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่อยู่ ร่างสูงเสียงดังขึ้นเรื่อยๆจนแบมแบมต้องลูบแขนเบาเบาให้คลายความเครียดนั้นลง

    “ให้กลับไปแจ้งความตอนนี้คงไม่ทันหรอกครับ มีวิธีอื่นมั้ย พวกผมทำยังไงได้ครับ ผมเข้าใจว่าคุณกำลังทำหน้าที่ แต่ถ้าสิ่งที่พวกเราพูดเป็นความจริง คุณก็กำลังช่วยเหลือคนผิดอยู่นะ”



    มินะกับเพื่อนเจ้าหน้าที่อีกคนมองหน้ากัน ถอนหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ ตั้งแต่ทำงานมาเข้าปีที่ 3 ไม่เคยเจออะไรหนักใจอย่างนี้เลย เธอรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้กำลังก่อกวนเพราะเขามากับคุณมาร์ค



    ….ก็ใครมันจะไปก่อกวนโรงแรมของตัวเองกันล่ะ….



    “ถ้างั้น ดิฉันจะโทรขึ้นไปที่ห้องดูนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันจะไม่บอกว่าพวกคุณมาติดต่อ” มินะรีบกดเบอร์ภายใน แบมแบมพยายามมองว่าเธอกดเลขอะไรแต่ต้องยอมรับว่าเธอก็โปรฯเรื่องนี้มากจนแบมแบมมองเธอกดเลขไม่ทันเลย



    เสียงโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งเข้ามา เจ้าหน้าที่อีกคนรับโทรศัพท์อีกสายหนึ่งนั้น ในขณะที่มาร์ควิ่งกลับมาที่เค้าเตอร์และบอกให้แจบอมเข้าไปดูกล้องที่ห้อง CCTV ของโรงแรม เผื่อว่ามันจะเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง ทำอะไรตอนนี้ได้ก็ต้องทำไปก่อน



    อีกอย่าง เพราะการขอให้เกรซอนุมัติเรื่อง Security มันง่ายกว่าขอให้แทมมี่อนุมัติเรื่อง Policy น่ะสิ



    “ค่ะ.. ค่ะ คุณมาร์คอยู่ตรงนี้แล้วค่ะ ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ…. เพื่อนคุณมาร์คเชิญทางนี้เลยค่ะ”



    “มึงตามเขาไปเลย” มาร์คบอกเพื่อนก่อนจะหันไปหาร่างเล็กที่จ้องกลับมาอย่างสงสัย แต่ก็ไม่พูดอะไร แบมแบมหันไปสนใจพนักงานคนผมยาวที่กำลังต่อสายไปที่ห้องพักของชยอนู แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับใดๆ



    “ยังไม่รับอีกหรอครับ” แบมแบมขยั้นขยอ แต่จู่ๆมินะก็ยกมือขึ้นห้ามก่อนที่เธอจะกรอกเสียงกลับเข้าไปอย่างสุภาพ



    “สวัสดีค่ะคุณซน ดิฉันมินะโทรจากเค้าเตอร์ Reception ค่ะ ดิฉันขออนุญาตเรียนแจ้งสิทธิพิเศษของคุณค่ะ เนื่องจากคุณเป็นลูกค้าผู้เข้าพักในช่วงเวลา Lucky time ทางโรงแรมจึงมีของกำนัลพิเศษมอบให้เป็นไวน์หนึ่งขวด พร้อมบัตรรับประทานอาหาร ห้องอาหาร The paradise ค่ะ ดิฉันขออนุญาตให้บริกรนำขึ้นไปให้ที่ห้องเลยนะคะ”

    แบมแบมทึ่งกับความสามารถด้านนี้ของเธอ เป็นการโทรไปถ่วงเวลาได้แนบเนีบนชะมัด หวังว่าพี่แจบอมจะมีเวลาพอนะ



    “.......”



    “เนื่องจากเป็นของกำนัลของช่วงเวลาพิเศษ ถ้าไม่รับสิทธิ์ตอนนี้จะถือว่าสละสิทธิ์เลยค่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาลูกค้า ดิฉันจึงจะให้บริกรนำขึ้นไปให้…… ค่ะ… ได้ค่ะ….. ค่ะ ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อนนะคะ The Ethereal ยินดีให้บริการค่ะ”



    “ว่าไงครับ”



    “คุณซนไม่ให้ขึ้นไปรบกวนค่ะ เขาไม่ต้องการให้ใครโทรไปหรือนำของไปให้อีกคืนนี้”



    “แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อ แล้วพี่จะเป็นยังไงล่ะ!”



    “ต้องขออภัยด้วยจริงๆนะคะ” มินะก้มหัวขอโทษ ซึ่งทำให้แบมแบมหงุดหงิดตัวเอง หญิงสาวไม่ได้ผิดเลย และเธอพยายามช่วยพวกเขาเต็มที่แล้ว แต่ความกังวลใจมีมากกว่า แบมแบมจึงได้แต่หัวเสียเดินกระฟัดกระเฟียดไปนั่งที่โซฟา



    “ไม่ต้องขอโทษหรอก คุณทำตามหน้าที่” มาร์คต้องเป็นฝ่ายเอ่ยประโยคปลอบใจออกมาแทน ก่อนจะเดินตามไปดูแลเด็กที่ทำท่าเหมือนงอนคนทั้งโลกอยู่ จนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ



    “ใจเย็นๆนะ อย่าเพิ่งโมโหจนร้องไห้ คุณมินะเขาก็พยายามให้เราเต็มที่แล้ว”



    “เรื่องนั้นแบมรู้ แบมถึงหงุดหงิดอยู่นี่ไง ว่าแต่พี่เถอะ จบเรื่องนี้เมื่อไหร่เตรียมอธิบายยาวเลยนะ”



    “เอ้า เรื่องอะไรล่ะ” ทั้งๆที่ก็รู้แล้วแหละ…



    “ยังจะมาแกล้งโง่อีก หลอกแบมว่ามีปัญหาเรื่องเงิน เลยต้องทำงานพิเศษนี่สนุกมากใช่มะ ทั้งที่บ้านทำกิจการโรงแรมเนี่ยนะ”



    “จริงๆพี่ยังไม่เคยพูดเลยนะ ว่ามีพี่ปัญหาเรื่องเงิน.. แบมเข้าใจผิด”



    “โทษแบมอีกสิ แบมเข้าใจผิดแล้วทำไมไม่อธิบายเห็นแบมโง่แล้วมีความสุขสินะ คนนิสัยไม่ดี ฮึก”... ฉิบหาย



    “เดี๋ยวๆๆ ไม่เอาไม่ร้องนะคะ พี่ขอโทษ พี่ผิดเอง นิ่งซะนิ่ง” ร่างเล็กใช้มือผลักคนที่กำลังพยายามรวบเขาไปกอด ยื้อกันไปมาสักพักเขาก็จมเข้าไปในอกอีกฝ่าย น้ำตาเอ่อไหลสะอึกสะอื้น จริงๆเขาก็ไม่ใช่คนบ่อน้ำตาตื้นอะไรหรอก แต่วันนี้มันมีเรื่องมาให้กังวลเรื่องจินยอง พอโดนสะกิดเรื่องนี้มาหน่อยเลยเป่าปี่ซะง่ายๆ



    “ไม่ให้แบมร้องแล้วให้แบมทำอะไรล่ะ นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ แบมอึดอัดกังวลจะตายอยู่แล้ว”



    “ไม่เอาน่า อยากทำอะไรล่ะ ไหนลองบอกมาก่อนซิ ถ้ามันไม่เกินความสามารถของพี่ พี่จะไม่ห้าม แต่อย่าร้องเลยนะ”


    แล้วจู่ๆ ร่างเล็กก็มองเหลือบไปเห็นบางสิ่ง จึงทำให้เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา มือเล็กยกขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาลวกๆ ก่อนจะมองค้อนคนที่คลายอ้อมกอดมาหอมแก้มนิ่ม



    “ให้แบมทำได้จริงนะ”



    “เราจะทำอะไรล่ะ” แบมแบมไม่ตอบแต่หันไปมองที่ Fire Alarm ตรงหน้าหน้าลิฟต์ ร่างโปรงมองหน้าอีกฝ่ายสลับกับมองไปที่หน้าลิฟต์ด้วย …และคิดออกในทันที พร้อมทั้งส่ายหน้าช้าๆ


    แบมแบมผยักหน้า



    มาร์คส่ายหน้า



    พยักหน้า



    ส่าย… “นี่! ไหนบอกจะไม่ห้ามไง”



    “แต่นี่มันไม่โอเค”



    “แล้วแบบไหนโอเค ถ้าไม่ให้แบมทำพี่ก็ไปขอเบอร์ห้องมาให้ได้สิ….. นะพี่มาร์ค”



    “.............”



    “นะ….. แบมจะยอมใส่ชุดพยาบาลเลยเอ้า!”


    มาร์คตาโต โอ๊ะ จินตนาการไปแล้วกับแบมแบมในชุดพยาบาล นาทีทองกับแบมแบมคราวนี้ไม่ต้องหลอกล่อเลยแหะ! ว่าแต่มันใช่เวลามั้ยล่ะไอ่มาร์ค! ช่วยจินยองก่อนโว้ย



    “โอเค โอเค… โดนป๊าฆ่าแน่เลยไอ่มาร์คเอ้ย”



    //////////////////////////////////////////////



    จอ LCD กว่า 40 เครื่อง ถูกยืดติดไว้บนผนังระรานตาไปหมด มันจะกระพริบเปลี่ยนไปทุกๆ 30 วินาที ไปยังส่วนต่างๆของโรงแรมในเวลาปัจจุบัน แต่ที่แจบอมจ้องอยู่กลับเป็นเครื่องที่วางอยู่ด้านล่างตรงโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะมันคือเครื่องที่ใช้ดูภาพย้อนหลังซึ่งแจบอมได้ให้เขาหาช่วงเวลาที่ชยอนูพาจินยองเข้ามา



    แต่กล้องตัวที่ใช้ย้อนภาพ จะย้อนได้แค่มุมกล้องมุมเดียวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อดูกล้องที่ฉายไปยังเค้าเตอร์ หากต้องการดูที่อื่น ก็ต้องเริ่มย้อนกล้องมัมนั้นๆใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาขอดูที่หน้าเค้าเตอร์ Reception ไปแล้ว ตอนนี้กำลังดูที่หน้าลิฟต์ ใจเขาร้อนรนทุกวินาที แต่มีนก็ทำได้แค่นี้จริงๆ



    “ใช่คู่นี้รึเปล่าครับ”



    เจ้าหน้าที่ pause ภาพเอาไว้ แจบอมพยักหน้าและตอบรับไปเมื่อเห็นว่าคนในภาพคือรุ่นพี่และคนรักจริงๆ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ เขาต้องย้อนมุมกล้องในลิพต์ เมื่อรู้ชั้นที่พักแล้วก็ต้องไปย้อนกล้องของชั้นนั้น เพื่อให้ได้เลขที่ห้องอีก กว่าจะถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไป



    ในตอนที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น เสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ก็ดังขึ้น!!



    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง



    แจบอมกำลังจะวิ่งออกไปดู แต่เขาสังเกตบางอย่างในจอLCDได้ก่อน ผู้คนที่เข้าพักในโรงแรมต่างเปิดประตูออกมาดู บางคนก็เริ่มวิ่ง แต่บางคนก็ยังคงยืนเกาะประตูมองซ้ายมองขวาอยู่


    ร่างสูงกวาดสายตาไล่ไปตามจออย่างมีความหวัง และในที่สุด สิ่งที่เขารอคอยก็โผล่ออกจากประตูห้องๆหนึ่งออกมาแล้ว!!



    สัญญาณเสียงกริ่งดังอยู่ไม่นานก็ดับลง แต่ในส่วนของโถงต้อนรับก็ยังวุ่นวาย เจ้าหน้าที่โรงแรมวิ่งกันทั่ว ทั้งเจ้าหน้าที่ LP รปภ. หรือแม้แต่มินะเอง ก็ต้องรีบประกาศขออภัยลูกค้าผู้เข้าพัก



    “มาร์ค!!! ไอ่มาร์ค เร็ว!!” แจบอมวิ่งออกมาจากห้อง CCTV ตรงไปที่ลิฟต์ ตะโกนให้มาร์ครีบตามมาแต่ดันโดนเรียกเอาไว้ก่อน



    “คุณมาร์คอย่าเพิ่งไปค่ะ คุณแทมมี่กำลังมา เธอบอกให้คุณรอค่ะ” ร่างโปร่งสบถอย่างขัดใจอีกครั้งแต่ก็ขัดขืนไม่ได้เพราะเรื่องนี้เขาก็ผิด ก่อนจะโดนป๊าฆ่า คงต้องทนหูชากับแทมมี่ก่อนสินะ



    “มึงเอาไปเลย” มาร์คโยนการ์ดให้เพื่อน แจบอมหันมามองแบมแบมเหมือนจะถามว่าจะไปด้วยรึเปล่า แต่ร่างเล็กก็ทำมือไล่ให้รีบไป



    “พี่แจบอมไปเลยฮะ แบมอยู่เป็นเพื่อนพี่มาร์ค สู้ๆนะ!!” เรื่องวุ่นวายนี้เขาก่อเอง เขาต้องรับผิดชอบ แต่ไม่เสียใจหรอก อย่างน้อยแจบอมก็รู้แล้วว่าจินยองอยู่ไหน ถึงแม้จะเกรงๆพี่สาวมาร์คที่กำลังจะมาถึงก็เถอะ…




    2204 ……...2205…….. 2206…… 2207!!!



    Knock knock


    เขาเคาะประตูก่อนแล้วค่อยสอดคีย์การ์ดเข้าไป


    คลิ๊ก…



    “จินยอง!”



    “แจบอม!”



    ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาเขาจินตนาการไปต่างๆนานา ว่าสิ่งที่จะพบเจอจะเลวร้ายแค่ไหน จินยองโดนทำอะไรรึเปล่า หรืออาจเจอสิ่งที่เขายังคงกลัวอยู่ ถึงแม้แบมแบมจะยืนยันว่าจินยองไม่ได้คิดอะไรกับชยอนูแล้ว แต่เขาก็อดกลัวไม่ได้ว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วจะเป็นการขัดจังหวะเสียมากกว่า



    แต่มันไม่ใช่สักกะอย่างเลย…



    ที่เขาเห็นคือจินยองกำลังยืนจังก้าหันหลังให้ประตูอยู่ที่ปลายเตียง ส่วนชยอนูกำลังนอนงอกอดตัวเอง ร้องโอดโอยอยู่



    จินยองวิ่งเข้ามากอด และร่างสูงก็อ้าแขนรับ กอดเอวที่บางกว่านั้นอย่างหวงแหน ความอุ่นซ่านเข้ามาเต็มหัวใจ ไม่คิดเลยว่าห่างกันไม่กี่ชั่วโมงเขาจะเป็นเอามากถึงขนาดนี้



    “เราไปกันก่อนเถอะ… อ่อเดี๋ยว แก่แต่หน้าหรอไง” ป้าบ!


    อั่ก!


    “ผ่านไป 5 ปีแล้วก็ยังไม่เหมือนเดิม แย่ไม่เปลี่ยน” ป้าบ!


    โอ้ย!


    “ลาขาดเลยนะ ถ้ามาให้เจออีกจะเอาให้ไส้แตกเลย” ป้าบ! ป้าบ!



    “พอแล้วจินยองพอแล้วครับ ไปกันเถอะ” แจบอมกลืนน้ำลายอึก.. นี่ถ้าไม่ห้ามจินยองจะรัวเท้าใส่คนที่นอนอยู่อีกกี่ที เดี๋ยวกลัวรุ่นพี่ของเขาจะช้ำในตายสะก่อนจะได้กลับใจ



    75%



    ///////////////////////////////////////////////



    แบมแบมนั่งเล่นมือตัวเองไปมา ตอนนี้สิ่งที่กังวลไม่ใช่เรื่องพี่แล้วล่ะ พี่แจบอมเพิ่งโทรมาบอกพี่มาร์คเมื่อกี้ว่าพี่ปลอดภัยแล้ว และขอพากลับก่อน



    แต่ที่กังวลน่ะ เป็นสถานการณ์ตอนนี้ต่างหาก จะพูดอะไรก็ไม่กล้า ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเอง เอียงคอหลบมือคนข้างๆที่ยื่นมามากวน และนั่ง..เอิ่ม.. เหมือนจะสำนึกผิดอยู่ สลับกับผู้หญิงที่กำลังโทรศัพท์อยู่ นั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานอีกฝั่ง คนที่มาร์คเรียกว่าเจ้



    “เอาล่ะ.. จะบอกได้รึยัง ว่าแกทำวุ่นวายกันไปหมดนี่เพราะอะไร” หลังจากเธอจัดการเคลียร์เรื่องลูกค้าเรียบร้อย ก็โทรรายงานสถานการณ์ที่คลี่คลายแล้วให้ป๊าฟัง พอวางสายก็หันกลับมาสนใจพ่อน้องชายตัวดี ที่นั่งนิ่งเงียบจนน่าหมั่นไส้ วอแวอะไรยัยตัวเล็กข้างๆนักหนาก็ไม่รู้



    “เอ่อ..จริงๆคือ…” ร่างเล็กขยับตัวจะสารภาพ



    “ก็ผมขอให้เจ้ช่วย เจ้ไม่ช่วยนี่”



    “ไอ่น้องบ้า แกก็เลยทำวุ่นวายให้แตกตื่นกันไปหมดงั้นสิ!” คนเป็นพี่สาวถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง



    “พี่มาร์คไม่ได้อยากทำหรอกครับ พี่มาร์คก็ห้ามแล้ว แต่แบมเป็นคนทำเอง แบมเป็นห่วงพี่ชายฮะ แบมขอโทษนะครับ” คนตัวเล็กก้มตัวขอโทษ



    “ชื่อแบมหรอจ้ะ เอ๊ะ นี่มาร์คเลิกเกาะแกะน้องได้แล้ว!” แทมมี่ยิ้มเอ็นดูคนตัวเล็กได้ไม่เท่าไหร่ก็หันมาดุน้องชายตัวดี มาร์คกรอกตาอีกครั้งก่อนจะเอนตัวกลับมานั่งตัวตรง แต่มือก็ยังวางอยู่อยู่บนต้นขาของคนข้างๆ



    “ครับ ชื่อแบมแบม” ดูจากท่าทางก็รู้หรอกว่าเด็กคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนของน้องชายแน่นอน หน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู ถึงว่าสิทำไมมาร์คถึงเอาอกเอาใจขนาดนี้ ยอมเสี่ยงโดนป๊าด่ายังไม่กลัวเลย



    “หนูน่ารักนะ แต่ถึงขนาดมาร์คยอมโดนป๊าด่านี่คงต้องมีอะไรมากกว่าแค่อ้อนน้องชายพี่ล่ะสิ” แบมแบมเบิกตาอย่างตกใจ ยิ้มแหยๆกลบเกลื่อน ก้มหน้างุดไม่สบตา



    “ก็ผมบอกแล้วว่าเรื่องคอขาดบาดตาย”



    “หรอยะ ไม่เกี่ยวกับชุดพยาบาลอะไรใช่มั้ย” ร่างเล็กที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์หันขวับ ใบหูแดงก่ำ จากที่พบเจอแค่ครึ่งชั่วโมง แบมคิดว่าพี่แทมมี่เป็นคนที่เดาอะไรๆเก่งนะ แต่ก็ไม่น่าจะเก่งขนาดนี้ก็ได้ม้าง



    “เห้ย เจ้!” มาร์คยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากของตัวเอง ส่ายหน้านิดๆ ด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนของร่างโปร่งทำให้แบมแบมเปลี่ยนความเขินเป็นความสงสัยแทน ยิ่งพี่แทมมี่นั่งขำ หัวเราะชอบใจ แบมยิ่งอยากรู้



    “ชุดพยาบาลมีอะไรหรอฮะ เอ่อ ครับ” ข่มความอายเอาไว้ กลั้นใจแล้วถามพี่สาวตรงหน้าออกไป แทมมี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนจะตอบแบบไม่สนใจคำร้องห้ามของมาร์ค



    “พูดถามถนัดเถอะจ้ะ ชุดพยาบาลน่ะหรอ มาร์คชอบน่ะสิ รักแรกเป็นคุณพี่สาวที่เป็นพยาบาล” แทมมี่พูดจบก็หันไปรับโทรศัพท์ ทิ้งมาร์คเผชิญสถานการณ์โดนลำพัง ร่างโปร่งแทบจะอยากแทรกตัวให้จมไปกับโซฟานุ่ม ไม่ใช่เพราะเขินหรอกนะ! แต่กำลังกลัวว่าระเบิดมินเนี่ยนม่วงจะลงที่หัวเขาเมื่อไหร่ต่างหาก!



    “อ่อ… อย่างงั้นเองหรอฮะ” ร่างเล็กหรี่ตา เหล่มองกลับมาจนมาร์คสะดุ้ง



    “มาร์ค พี่กลับละนะ เลลาร์งอแงแล้ว... พี่กลับก่อนนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะแบมแบม”


    “……………….”


    “…………..”


    แทมมี่ออกไปเกือบห้านาทีแล้ว แต่ในห้องยังเงียบอยู่เลย..



    อากาศเย็นๆยังไงก็ไม่รู้เว้ย!



    “แบม….”



    “อะไร….” ...อ่อ เย็นตามเสียงแบมแบมนี่เอง



    “โกรธพี่หรอ”



    “จะโกรธทำไม มีเหตุผลต้องให้โกรธหรอไง”



    “เปล่าจ้ะ ไม่มีเลยจ้ะ” ส่ายหัวดิ๊กๆ ใจชื้นนิดๆที่อีกฝ่ายไม่โวยวายแหะ



    “โมฆะไปเลยนะ ที่แบมบอกว่าจะแต่งชุดนั้นอ่ะ”



    “เอ้า! ได้ไงอ๊า” เสียงสูงใส่ ไม่ได้น้า แบมพูดเองเลยน้า



    “ทำม่ะ อยากให้แต่งมากหรอเพราะคิดถึงพี่สาวพยาบาลคนนั้นหรอไง”


    นั่นไง.. งานเข้าของจริงเลยไงไอ่มาร์ค




    //////////////////////////////////////



    แจบอมดันแว่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูรถด้านข้าง ก่อนจะเลี้ยวเข้าจอดข้างทางตามที่จินยองบอก ถนนเส้นนี้ไม่ได้เปลี่ยว มีไฟกิ่งตลอดเส้น ค่อนข้างปลอดภัยที่จะจอดคุยกัน



    “จินยองมีอะไรรึเปล่าครับ ถ้าไม่รีบมากให้ผมขับไปอีกนิดให้คอนโดดีมั้ยครับ”



    “ไม่รอแล้วล่ะ เราอึดอัดใจ คุยตอนนี้เถอะ”



    “อ่าครับ…” เมื่อเช็คแน่นอนว่าเป็นพื้นที่ที่จอดได้ แจบอมก็เปิดกระจกลงนิดเดียวให้พอมีลมผ่าน แล้วดับเครื่องยนต์ หันมาหาจินยองที่นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนเบาะ หน้าตายุ่งไปหมด จนแจบอมอดจะยิ้มเอ็นดูไม่ได้



    “เรามีเรื่องจะสารภาพ”



    “เอ่อ ถ้าเรื่องที่คุณเคยคบกับรุ่นพี่ แบมแบมเล่าให้ผมฟังแล้วล่ะครับ”



    “ไม่ใช่หรอก… มันเป็นเรื่องอื่น”



    จินยองเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่าง



    ตอนนั้นจินยองผู้มีแต่ความสดใสทั้งร่างกาย จิตใจและใบหน้าน่ารัก กำลังขึ้นชั้นไฮสคูล และได้เจอชยอนูครั้งแรก



    เพื่อนสนิทของพี่ชายข้างบ้านที่แค่เจอกันครั้งแรกใจเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะจนตัวเองตกใจ



    เจอกันบ่อยๆเข้า จากที่แค่ยิ้มทักทาย ก็กลายเป็นสนิทสนม



    จากที่เจอกันบ่อยๆเพื่อสอนการบ้าน ก็กลายเป็นออกเดท



    จากจับมือก็กลายเป็นจูบแรก



    ชยอนูเป็นทั้งเดทแรก จูบแรก และคนแรกของจินยอง



    ไม่แปลกเลยที่จินยองจะเรียกความรู้สึกเหล่านี้ว่าความรักครั้งแรก



    แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้สวยงาม…



    ชยอนูเอาใจใส่จินยองได้เพียงไม่นาน และเขาเริ่มเปลี่ยนไปในวันที่จินยองให้เขาไปหมดทั้งใจ



    ดึกดื่นคืนหนึ่งหลังจากที่จินยองกระวนกระวายใจกับการห่างเหินของคนรักอยู่นานหลายอาทิตย์ ชยอนูก็โทรมาตามให้ออกไปเจอกันที่ผับแห่งหนึ่ง จินยองเต็มใจออกไปที่สุด แต่กลับไปพบชยอนูกำลังเมามายนัวกับสาวมากหน้าหลายตา ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ



    จินยองไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ทำไม และจะทนต่อไปเพื่ออะไร ความคิดประชดชีวิตก่อตัวขึ้น จินยองรับแก้วที่มีน้ำสีอำพันจากเพื่อนของคนรักมา และลิ้มลองเครื่องดื่มมึนเมาเป็นครั้งแรกอีกแล้ว และก่อนที่จะขาดสติยับยั้งชั่งใจ จินยองก็พยักหน้าไปกับเสียงกระซิบข้างหูจากคนที่ยืนใกล้เขาที่สุด



    เขาตื่นขึ้นมาในสภาพที่ปวดหัวจนแทบระเบิด ฤทธิ์ยายังเจือจางไปไม่หมด ก็อยากจะหลีกหนีการเล้าโลมจากคนที่คล่อมตัวเขาอยู่ก็ทำไม่ได้เพราะแทบไม่มีแรงเหลือแล้ว อย่าพูดถึงอีกสองคนที่กำลังหยอกเย้าร่างกายเขาอยู่เลย



    จินยองจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นร้องครางอย่างพึงพอใจตั้งแต่เมื่อไหร่



    ความรู้สึกแปลกใหม่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับความเข้าใจโลกอีกด้านนึงที่เขาไม่เคยรู้จัก



    ...มันก็แค่เซ็ก...



    ยิ่งมีพร้อมกันหลายๆคนก็ยิ่งสุข จินยองยิ่งพอใจ เพราะมันยิ่งตอกย้ำว่าเขาสำคัญ และกำลังถูกเอาใจ



    ไม่ต้องเป็นคนที่เขาทุ่มไปทั้งใจอย่างชยอนู ก็ทำให้เขามีความสุขได้



    ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปผูกมัดกับความรู้สึกที่อ่อนแอแบบนั้นอีก



    และจากวันนั้น จินยองก็ไม่เหมือนเดิม



    ………...………



    แจบอมเหมือนจะนิ่งไป นิ่งและเงียบจนจินยองหวั่นใจ แต่ร่างบางก็พร้อมจะเข้าใจและยอมรับ หากแจบอมจะรับไม่ได้ ใครจะไปอยากมีแฟนที่หมกมุ่นและมีงานอดิเรกคือมีเซ็กซ์กับใครก็ได้ที่พอใจกันล่ะ… มาถึงตอนนี้ ก็ไม่เสียใจที่หรอกที่ได้พูดออกไป มันรู้สึกโล่งอย่างกับยกภูเขาทุ่มใส่หัวชยอนูเลยก็ว่าได้



    “แจบอม…”



    “ครับ”



    “เราเลิกกันดีกว่ามั้ย”



    “ทำไมครับ? ผมไม่เข้าใจ” !?



    “.......”ㅍㅁㅍ.



    “..........”



    “ตัวตนของเราอาจจะแย่เกินไปสำหรับแจบอมก็ได้นะ” จินยองยังคงก้มมองมือตัวเอง “ไม่ต้องรู้สึกผิดถ้าจะเลิกกันหรอก เรา…” ฮึก… อยู่ๆก้อนสะอื้นก็จุกขึ้นมาที่อก จินยองพูดยังไม่ทันจบก็ก้มหน้า ทั้งที่เตรียมใจมาแล้วแท้ๆ เขาไม่อยากจากไป แต่ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึก เขามันไม่คู่ควรที่จะยืนตรงนี้



    ขัดแย้งกับที่เคยพูดไปจนน่าหงุดหงิด นี่คิดกลับไปกลับมาในหัวแทบจะทุกวินาทีจนจะระเบิด



    “ไม่เลิกครับ”



    “แจบอม…เรา...” แต่ก่อนที่จินยองจะได้พูดอะไรต่อ ยิมฝีปากสีสดก็ถูกรุกล้ำเสียก่อน แจบอมใช้หัวแม่มือคลึงที่ปากเขาเบาเบาและประกบจูบลงมา ไม่ยอมให้เขาพูดต่อ



    “ผมไม่เลิกครับ ที่เคยพูดไว้ว่าจะตามใจจินยองผมขอถอนคำพูดทุกอย่างเลย” เขาจะไม่ปล่อยให้จินยองหลุดลอยไปเป็นครั้งที่สองอีก



    “แต่..”



    “ถึงผมจะแยกร่างมีหลายคนไม่ได้ แต่ผมจะพยายามทำให้จินยองรู้สึกดีที่สุดครับ” ร่างบางขมวดคิ้วก่อนจะนึกออกแล้วแก้มนวลก็เหมือนจะขึ้นสีขึ้นมานิดๆ แจบอมหมายถึงเรื่องที่เขาพอใจแบบหลายคนพร้อมกัน


    “บ้า…”



    “และผมก็จะไม่ยอมให้มีใครคนอื่นมาแตะต้องจินยองด้วย ต้องมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น”



    “แล้วใครมันจะไปให้คนอื่นมาทำอย่างนั้นกันเล่า” เพี๊ยะ!



    “อู้ยส์…. นี่จินยองครับ” จับมือที่เพิ่งตีเพี๊ยะเขาเมื่อกี้มากุมไว้ “ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ผ่านไปแล้วหรอกครับ ทำตามความรู้สึกในตอนนี้ดีกว่า หรือว่าตอนนี้จินยองไม่อยากอยู่กับผมหรอครับ” ร่างสูงตาโตขึ้นอย่างตกใจ



    จินยองกัดริมฝีปาก สายตายังคงมีความกังวล รีบส่ายหน้า แจบอมยิ้มกับท่าทางน่ารักนั้น ใช้นิ้วถูไปที่ปากอิ่มของจินยองอีกครั้งเพราะร่างบางกัดปากไม่ยอมปล่อยเลย



    “ไม่ต้องคิดมากนะครับ คนอื่นจะมองยังไงก็ช่างเขา ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหวั่นไหว ไม่ว่าจินยองผ่านอะไรมา ผมถือว่ามันคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้พบกันในวันนี้”



    “แจบอม…” ร่างบางอึ้งไปกับความคิดเห็นของแจบอมที่ทำให้ความรู้สึกหนักอกที่แบกเอาไว้หายไปได้ในพริบตา



    “ผมรักจินยอง... ผมขอรักจินยองได้ใช่มั้ยครับ” คำบอกรักแสนเรียบง่าย รอยยิ้มเพียงแค่มุมปาก แต่กลับทำให้ใจเต้นแรงตักตึก ร้อนที่หน้าราวกับเลือดสูบฉีดไปที่แก้มอย่างเดียวอย่างนั้นล่ะ



    เขาไม่เคยยอมฟังคำนี้จากใคร เพราะคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่พอได้ฟังจากแจบอม ได้ฟังจากคนที่เรารัก… มันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง



    “เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วนะ”



    “ครับ?”



    คนน่ารักยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ยกแขนขึ้นโอบไปคออีกฝ่าย กระซิบที่ริมฝีปาก “รักแล้วห้ามเปลี่ยนใจแล้ว เราไม่ยอม” ก่อนจะจูบเบาเบา สองครั้ง



    แจบอมสอดมือเข้ากอดตอบที่เอวบาง ยิ้มเต็มแก้มจนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคถัดไป แล้วตอบสนองจุมพิตนั้นอย่างเต็มใจ



    “รักเหมือนกันนะ”



    *+*+*+*+*+*+*+*




    ร่างโปร่งขยับบิดตัวนิดนึงเพราะความเมื่อย แต่ก็กลับมานั่งท่าเดิม ศอกวางพักไปกับเบาะโซฟานุ่ม มือวางตำแหน่งเดิม คือหน้าขาของคนที่นั่งสูงกว่า แบมแบมกลับมาถึงคอนโดก็สั่งให้มาร์คนั่งรอ เจ้าตัวเข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นที่ช่องขากว้างมาก วับๆแวมๆอีกล่อตาที่สุด!



    มาร์คแอบเอามือสอดเข้าไปในกางเกงตัวจิ๋ว แต่ก็โดนอีกคนมองแรง ใช้นิ้วหนีบออกมาแล้วก็บิดจนเนื้อจะเขียว แล้วยัยตัวเล็กก็หันไปสนใจละคร ไม่สนใจเขาราวกับแกล้งกัน เลยเรียกร้องความสนใจ จูบไปที่เข่าขาวๆนั่นก็โดนดึงหูอีก แฟนใครก็ไม่รู้ ใจร้าย ㅠㅡㅠ



    แบมแบมแอบเหล่มองคนที่นั่งอยู่กับพื้นแล้วก็ขำ พี่มาร์คเอาคางวางที่ตักเขา ตามองทีวี เหมือนลูกหมาเลยอ่ะ >_< ขอแกล้งหน่อยเหอะ วันนี้เล่นเขาจนมึนหลายเรื่องละ กางเกงขาสั้นนี่แบมก็ตั้งใจใส่มาแกล้ง โดนซะมั่ง



    “แกล้งพี่สนุกมะ”



    “สนุกกก~ เห้ย!” จังหวะที่กำลังอมยิ้มอยู่ก็โดนจับได้ซะละ



    “ยอมให้แกล้งแล้วจะหายงอนมะ”



    “หายง่ายๆได้ไงอ่ะ นี่ต้องทำเป็นไม่รู้ตัวด้วยดิพี่มาร์ค”



    “โอเค ไม่รู้ๆ เนี่ย ไม่รู้อะไรเลย” หึหึ….



    “อะไร…ทำหน้าแบบนี้คิดอะไร เห้ย ทำอะไร ปล่อยแบมนะะะ”



    “นั่นสิ นี่ไม่รู้ตัวเลยว่าทำไรลงไป” มาร์คขยับตัวในท่าทางที่ถนัด แล้วงัดขาแบมแบมขึ้นมาจนเจ้าตัวหงายหลังลงไปนอนกับเบาะ จับขาให้ลอยขี้ขึ้นเพดาน ใช้ไหล่ดันขาให้แหวกออกแล้วค้างอยู่ท่านั้น เพื่อให้มือสองข้างว่างมากุมข้อมือเล็กไว้ไม่ให้ขัดขืน



    “ปล่อยแบมมม พี่มาร์คแบมเจ็บขานะ อ๊ะ...อ๊า” ร่างเล็กจะยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้ส่งเสียงก็ทำไม่ได้ ได้แต่ปล่อยเสียงครางให้ดังงึมงำเมื่อมาร์คก้มหน้าแล้วเอาจมูกมาถูไปมากับส่วนอ่อนไหว



    “..............” จากปลายจมูก ก็เริ่มระรานเขาด้วยฟัน(?) และเล็มริมฝีปากไปยังต้นขาด้านใน ….



    บ้าชะมัด! แบมไม่ได้อยากจะเคลิ้มเลยนะ!


    มือเล็กหยุดเกร็งและเริ่มลูบสัมผัสตอบสนอง เมื่อมาร์คเห็นอย่างนั้นจึงคลายมือออกหลวมๆ งับฟันลงไปกลางลำตัวน้องเบาเบา แล้วจัดที่ผ้าดึงขึ้นขึ้นส่ายไปมาเหมือนเป็นการบอกให้ถอด แบมแบมหายใจแรงขึ้น แล้วยกสะโพกขึ้น และจังหวะนั้น...



    ..กริ๊ก..



    “แบม พี่กลับมาแล้ว”



    !!!โครม!!!


    “โอ้ย!”



    “พี่!!! ฮือออ พี่กลับมาแล้ว!” แบมแบมวิ่งมาหาทันที ร่างบางกอดตอบน้องชายที่สภาพผมเผ้ายุ่งไปหมด ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื้อพอๆกับแก้มนิ่มที่ขึ้นสีชมพู



    “เอ่อ… นี่พวกพี่มาผิดจังหวะอะไรป่ะ”



    “เปล่าเลยพี่ ทุกอย่างปกติดีมาก มีแต่พี่แหละที่แบมต้องถาม เป็นอะไรรึเปล่า”



    “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง รู้จากแจบอมแล้วนี่” ยิ้มล้อน้องชายแล้วชะเง้อหน้าไปมองอีกคนที่นั่งกุมตาตัวเองอยู่กับพื้นห้อง “แล้วมาร์คไปนั่งทำอะไรตรงนั้น”



    “โดนเมียถีบ”



    “พี่มาร์ค!”



    “เพราะพวกนายสองคนนั้นแหละ อยู่ๆก็เปิดประตูเข้ามา”



    “นายกับแบมต่างหากที่อยู่ๆก็อยากฟัดกันที่โซฟากลางห้อง ไม่อยากจะเกทับหรอก แต่โซฟาตรงนั้นเรากับแจบอมเคยลองแล้วเหมือนกัน”



    “พี่!!!”



    “หรอ… งั้นเดี๋ยวฉันกับแบมคงต้องลองในห้องน้ำที่มีกระจกถ้ำมองนั่นบ้างแล้ว”



    จินยองกับมาร์คมักจะมีการต่อปากต่อคำกันแบบไม่มีสาระ ไม่มีที่มาที่ไป และไม่มีเหตุผล อยู่เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน


    ร่างเล็กหันมองคนที่ตัวเองคล้องแขนทีกับคนรักที่ยืนอยู่ตรงโซฟาที แต่เหมือนจะห้ามไม่ได้ผล เลยต้องหันไปขอตัวช่วยที่แจบอม



    “พี่แจบอมมม”



    “จินยอง คืนนี้เหนื่อยมากแล้ว พักเถอะครับ” มือใหญ่แตะที่กลางหลัง แต่อยู่ๆจินยองก็ยิ้มซุกซนขึ้นมา



    “อื้อ… คืนนี้แจบอมนอนนี่แหละ ไม่ต้องกลับหรอก ดึกแล้ว”


    “ครับ” >_<



    “แต่เรามีเรื่องคุยกับแบมเยอะเลย งั้นคืนนี้เรานอนกะแบมนะ” ก่อนจะหันไปยิ้มเหนือใส่มาร์ค



    “ห๊ะ! เดี๋ยวสิ แบมแบมต้องนอนกะพี่สิ!



    “พี่บอกมีเรื่องจะคุยกะแบม แบมจะนอนกะพี่”



    “นะครับที่รัก” พอแจบอมจะอ้าปากพูดบ้าง จินยองก็จูบไปที่คางสากๆอย่างปลอบใจ จริงๆเขาก็ไม่อยากให้แจบอมไปไหน อยากให้อยู่ใกล้ๆจึงไม่ให้อีกฝ่ายกลับ แต่เพราะความหมั่นไส้ความกวนทีนมาร์คล้วนๆเลยขอแกล้งให้อารมณ์ดีสักหน่อย



    “เอ้า! ไอ่แจบอมมึงเงียบทำไมเนี่ย ช่วยกูพูดมั่งดิวะ”



    “.........” ㅎㅁㅎ <<<< อึ้งไปตั้งแต่จินยองเรียกที่รักแล้ว



    “ไม่ได้เด็ดขาด แบมต้องนอนกับพี่! มาร์คน้อยตื่นแล้ว แบมต้องรับผิดชอบ”



    “ไอ่พี่มาร์คบ้า นอนกะพี่แจบอมก็ให้พี่แจบอมช่วยเลยไป”



    “เห้ย!” มาร์ค



    “เห้ย!” แจบอม



    “ไม่ดีมั้งแบม” แม้แต่จินยอง



    “อ้าว ไม่ได้หรอ ฮ่าๆๆ”



    “แจบอมมึงจับจินยองไว้” แจบอมทำตามโดยทันทีเพราะไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์เหมือนที่แบมแบมพูด จินยองทำได้แต่หัวเราะตามอย่างอารมณ์ดี



    “อ๊าาา พี่มาร์คอย่าเข้ามานะ!” แบมแบมจะวิ่งไปหลบหลังจินยอง แต่พอโดนแจบอมบังเอาไว้เลยหลบที่หลังแจบอมแทน



    มาร์ควิ่งเข้ามาใกล้ร่างเล็กจึงผละออกมาแล้ววิ่งหนีไปอีกฝั่งนึงของห้อง เป็นจังหวะเหมาะที่แจบอมอุ้มร่างบางในอ้อมกอดขึ้น แล้ววิ่งเข้าห้องอีกฝ่ายทันที



    “งื้อออ พี่ ช่วยแบมด้วยยย พี่มาร์คอย่าเข้าม๊าาา ฮ่าๆๆ”



    ทั้งที่ไม่คิดว่าจะเปิดใจให้ใครได้อีกแล้ว



    ทั้งที่คิดว่าคงไม่มีหวังในรักครั้งนี้



    หรือแม้กระทั้ง ไม่คิดว่าจะรักคนที่เคยไม่ชอบหน้ากันขนาดนั้น



    เหมือนถูกหมัดฮุกซ้ายจากพรหมลิขิตที่ทำให้เรางงๆจนมารักกันจนได้



    จากนี้ อาจจะมีอุปสรรคอะไรจะเข้าชนจนทำให้มึนๆงงๆกันไปอีกก็ได้ แต่ก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงทั้งสี่คนที่จะต่อยมันให้คว่ำไปอย่างแน่นอน



    เสียงโวยวายของแบมแบมยังดังอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ หวังว่าเพื่อนบ้านข้างห้องจะนอนหลับได้คืนนี้


    ….


    และคงไม่มีใครเอาไปเรื่องร้องเรียนนะ




    End..



    Talk


    ครบ 100% แล้วนะคะ TvT และจบแล้วด้วยค่ะ เย้!!!! สำหรับคนที่ตามอ่านมาตลอด ขอขอบคุณมากๆเลยนะคะ

    ความตั้งใจคือจะเขียนสั้นๆแค่ 10 ตอนนี่ล่ะค่ะ แต่ใช่เวลานานชะมัดเลยเนอะ

    ขอบคุณที่ลองเข้าอ่านอ่านฟิคบ๊องๆที่ไม่ค่อยมีแก่นสารเรื่องนี้มากๆค่ะ

    ไม่กล้าขอให้ตามไปเรื่องต่อไป กลัวจะดองยาวกว่าเรื่องนี้ XD 

    แต่จะพยายามให้มากขึ้นนะคะ จุ๊บๆ


    ........................................................


    มาต่ออีก 25% นะคะ เป็น 75% แล้ว ทีแรกตั้งใจจะเขียนให้จบเลยแต่มันก็ยังเหลือเนื้อเรื่องอีกประมาณนึง

    ซึ่งเรายังตั้งใจให้มี 10 ตอน ตอนที่ 10 นี่อาจจะยาวกว่าชาวบ้านเขาเยอะหน่อยนะคะ XD

    อย่างน้อย 25% นี้ก็ไม่ค้างน้า 

    ขอบคุณมากเลยนะคะ 

    #ฟิคสะตั้นดึ 

    ...............................................

    ขอโทษที่ให้รอนานเลยนะคะ แถมยังมาแค่ 50% ด้วย

    ปกติเราไม่ชอบลงแบบ 50 % ทุกตอนเลยต้องรอกันนานมากๆ ต้องขอโทษด้วยค่ะ

    แต่ครั้งนี้ เราว่าก็เกรงใจที่ถ้าจะให้รอนานกว่านี้ ยังไงอ่านครึ่งนึงก่อนนะคะ

    ตอนที่ 10 เป็นตอนจบแล้วค่ะ ช่วยรอตอนจบอีก 50% ที่เหลือด้วยนะคะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    ปล. ขอแก้ไขเนื้อหาตอนที่ 9 นิดนึงด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ทำให้งง สามารถอ่านแค่ตอนที่ 10 ได้ค่ะ
    แต่ในเคสเราอาจจะต้องอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นเลยสินะคะ TvT






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×