ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    . F I E L D ▲▼

    ลำดับตอนที่ #19 : HAZEL ' Mirror of PAST

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 58


    (c) Chess theme




              Yves Lanford , RED AVALIOS {R01}          

    ---------------------------------------------- - - - - - - - - - - - - - -


    Mirror of  Past

     

     

    สิ่งที่อีฟส์ได้เห็นผ่านกระจกเอริออสไม่ใช่ตัวของเขา

     

    แต่เป็นอดีตของเขา

     

    นัยน์ตาสีฟ้าเข้มของอีฟส์เบิกกว้างเล็กน้อยด้วยไม่คิดว่าจะมองเห็นอดีตของตนอยู่ตรงหน้าแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่มันเป็นอดีตที่แม้กระทั่งตัวเองก็ยังหลงลืมไปแล้วอีกด้วย

     

    มันคือเหตุการณ์ในวันที่เขาพบ ชาร์ล เสือขาวของเขา

     

     

     

     

     

    อีฟส์ ! แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้มาฝึกตอนเช้าพร้อมคนอื่นน่ะ !”

     

    เสียงตะโกนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจโสตประสาทของบุคคลรอบข้าง จริงๆแล้วหล่อนก็ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดังขนาดนั้นก็ได้ เพราะคนที่หล่อนต้องการพูดด้วยน่ะอยู่ตรงหน้าหล่อนนั่นเอง

     

    เบาๆก็ได้แม่ เดี๋ยวคนอื่นเขาก็ตกใจกันหมดสิอีฟส์ในวัยสิบสามปีเอ่ยปรามผู้เป็นแม่ที่ยืนเท้าสะเอวจ้องมาทางเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถึงบ้านของเขาจะเป็นโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ก็เถอะ แต่ถ้าแม่เขายังส่งเสียงดังแบบนี้มีหวังเพื่อนบ้านได้เอาเรื่องไปแจ้งตำรวจเข้าสักวันแน่ๆ

     

    ผู้เป็นแม่ถอนหายใจยาวๆทีหนึ่งก่อนลดระดับเสียง อีฟส์.. ลูกน่ะจะขี้เกียจมากไปแล้วนะ

     

    ถูกอย่างที่แม่ของเขาพูด.. อีฟส์ขี้เกียจตื่นเช้าจริงๆนั่นแหละ แต่จะมาว่าเขาขี้เกียจไม่ได้หรอกนะ (?)

     

    ขี้เกียจอะไร ผมก็ฝึกยิงธนูให้ทุกวันแล้วแท้ๆน---โอ๊ย ! เขกหัวผมทำไมล่ะ !” เด็กชายร้องขึ้นพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะบริเวณที่โดนกำปั้นงามๆประทับตราลงไป แม่ของเขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเสียงประท้วงของลูกตัวเอง เจ้าหล่อนบอกกับอีฟส์ด้วยน้ำเสียงขึงขังสมเป็นหัวหน้าโรงฝึก

     

    พอโตขึ้นลูกก็ต้องสืบทอดโรงฝึกนี้ต่อจากแม่ ถ้าเป็นแค่ธนูอย่างเดียวแล้วมันจะรอดมั๊ย ?!”

     

    มันก็จริง

     

    อีฟส์ย่นคอเมื่อถูกดุเช่นนั้น สิ่งที่แม่เขาพูดเป็นความจริงทุกอย่าง แต่เขาไม่ใช่คนประเภทเดียวกับแม่ เขารู้ตัวว่าตนไม่มีทางไปยืนส่งเสียงดังสั่งคนอื่นปาวๆได้แน่ อย่าว่าแต่เรื่องการสั่งคนอื่นเลย แค่การจะทำให้ใครสักคนเห็นเขาในสายตายังไปไม่ค่อยรอดด้วยซ้ำ แล้วทีนี้จะให้เขาเป็นหัวหน้าโรงฝึก.. แค่ในฝันก็อนาถสุดๆแล้ว !

     

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องความสามารถของเขาอีกที่มีปัญหา อีฟส์เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่อัจฉริยะ ไม่มีความแปลกพิสดารใดๆให้โดดเด่น เขาไม่สามารถเก่งศิลปะการต่อสู้ได้ทุกชนิดได้อย่างผู้เป็นแม่ สิ่งที่อีฟส์ทำได้มีเพียงเดียว และเขาก็เลือกใช้ความสามารถอันน้อยนิดนั่นไปกับการยิงธนู

     

    แม่หาคนอื่นมารับตำแหน่งนั่นแทนเถอะ..จริงๆนะอีฟส์เอ่ยเสียงแผ่วพลางก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อหลบสายตาผู้มีอาวุโสกว่า เขาได้ยินเสียงแม่ถอนหายใจก่อนเอ่ยต่อ

     

    เอาเถอะ.. พรุ่งนี้ก็มาซ้อมด้วยละกัน จนกว่าจะถึงวันที่แม่ลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหวน่ะยังอีกนาน ถ้าฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ได้เองแหละ

     

    แม่เอ่ยทิ้งไว้เช่นนั้นก่อนเดินจากไป

     

    แต่แม้อีกฝ่ายจะพูดเช่นนั้น อีฟส์ก็ยังไม่คลายความหม่นหมองในใจ สุดท้ายหลังจากซ้อมยิงธนูเสร็จเขาก็ออกไปเดินเล่นคนเดียว เดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ

     

    รู้ตัวอีกทีก็เข้ามาอยู่ในป่าใหญ่หลังโรงฝึกเสียแล้ว

     

    แล้วจะกลับยังไงละทีนี้…”

     

    เด็กชายเริ่มรู้สึกตื่นกลัว ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เวลาซึ่งเป็นรอยต่อของกลางวันและกลางคืนแบบนี้คือช่วงอันตรายที่ไม่ควรปล่อยเด็กหรือใครก็ตามเข้าป่า ทว่าอีฟส์ก็หลงเข้ามาด้านในป่าที่ว่านั่นเป็นที่เรียบร้อย เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ลึกขนาดไหน รู้แค่รอบตัวมีเพียงต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นบดบังแสงอาทิตย์ยามเย็น

     

    ไม่ได้การแล้ว.. ถ้ามืดไปกว่านี้ละก็แย่แน่ๆ

     

    ลมที่พัดผ่านผิวกายให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก อีฟส์กอดตัวเองแน่นเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย จากนั้นจึงตัดสินใจเดินย้อนไปทางที่ตัวเองเดินผ่านมา

     

    เท่าที่จำได้น่ะนะ

     

    เวลาผ่านไปนานแค่ไหนเขาไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆคือยังไม่เห็นวี่แววของทางออกให้ชุ่มชื่นหัวใจ ป่านนี้ดวงอาทิตย์คงลับขอบฟ้าไปแล้ว ยิ่งคิดอีฟส์ก็ยิ่งอยากร้องไห้ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา แต่เจ้าของก็ยังพยายามรั้งไว้ไม่ให้มันไหลอาบแก้ม เด็กชายยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตานั่นแล้วเดินต่อไป

     

    ก้าวขาได้ไม่เท่าไหร่เขาก็ได้ยินเสียงพุ่มไม้สั่น ร่างทั้งร่างถึงกับชะงักค้างด้วยความกลัวที่เข้าจู่โจม กระนั้นความอยากรู้อยากเห็นที่มีก็สั่งให้เขาค่อยๆเบนสายตาไปยังที่มาของเสียง

     

    อีฟส์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เวลาราวกับเดินช้าลงไปดื้อๆ และในที่สุดพุ่มไม้นั่นก็หยุดสั่น

     

    พร้อมๆกับร่างของสิ่งมีชีวิตที่โผล่พ้นพุ่มไม้นั่นออกมา

     

    นัยน์ตาสีฟ้าเข้มของเด็กชายจำต้องเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แม้ตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ด้วยขนสีขาวที่ตัดกับความมืดของมันก็ทำให้อีฟส์รู้ได้ในทันทีว่ามันคือตัวอะไร

     

    เสือขาว..

     

    ความกลัวเกาะกุมหัวใจจนขาไม่ยอมก้าวหนี เสือขาวที่ว่าไม่ได้มาเพียงตัวเดียว แต่มันมาสองตัว เด็กชายคาดว่าตัวใหญ่กว่าคงเป็นแม่ และตัวเล็กๆที่ถูกคาบไว้ในปากนั่นก็คงเป็นลูกอ่อนของมัน

     

    เขาว่ากันว่าสัตว์แม่ลูกอ่อนจะยิ่งดุ

     

    ในขณะที่รู้สึกหมดทางหนีแล้วนั้น เรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตอีฟส์ก็เกิดขึ้น

     

    แม่เสือขาวค่อยๆเดินเข้ามาหาเขา และด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่อาจทราบอีฟส์จึงตัดสินใจยื่นมือทั้งสองออกไป เสือตัวนั้นวางลูกเสือตัวน้อยที่ยังไม่ลืมตาดีลงบนฝ่ามือเล็กๆของเด็กชาย ก่อนจะล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น

     

    จากนั้นลูกเสือขาวก็ค่อยๆลืมตา มันหันตาสีฟ้าเข้มแบบเดียวกับอีฟส์มาหาเขา ดวงตานั้นใสและสวยยิ่งกว่าอัญมณีใดๆ

     

    ตามหลักความจริงแล้วอีฟส์ควรปล่อยมือแล้วรีบวิ่งหนี แต่เขากลับมองตอบดวงตาของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าตอบอย่างไม่กลัวแทน เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองตอนนี้นัก รู้เพียงแต่ไม่อยากปล่อยมือจากมันไป

     

    เสือน้อยเองก็คลอเคลียฝ่ามือของเด็กชายไปมาราวกับแมวบ้านทั่วไป มันเชื่องเสียจนเขาตกใจว่ามันเป็นเสือที่เป็นสัญลักษณ์ของความน่าเกรงขามแน่หรือ

     

    แต่ก็ดีแล้ว

     

    อีฟส์คิดดังนั้นแล้วระเบิดหัวเราะออกมา ความรู้สึกหม่นหมองที่เก็บสะสมมาตั้งแต่เมื่อเช้าพลันหายไปจนหมดอย่างน่าประหลาด บางทีอาจเป็นเพราะความโล่งใจที่รอดตายมาได้กระมังที่ทำให้หลายๆเรื่องดูไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

     

    หลังจากนั้นอีฟส์ก็ออกมาจากป่าได้สำเร็จ มันคงเป็นอีกหนึ่งปาฏิหาริย์ในวันนั้นที่เขาพบทางออก ซ้ำยังโผล่ออกมาใกล้กับโรงฝึกอีกด้วย แม่กับคนของโรงฝึกกำลังหาตัวเขากันจ้าละหวั่น ครั้นทั้งหมดเห็นเขาแล้วก็รีบวิ่งมาหาพลางถามไถ่ แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นสิ่งที่อีฟส์พากลับมาด้วย

     

    แม่ของเขาไม่ว่าอะไรหากจะเลี้ยงมันไว้ เพราะมันยังเด็กมาก มีโอกาสจะทำให้เชื่องได้ แต่กระนั้นหล่อนก็ยื่นข้อเสนอบางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน

     

    นั่นก็คือ

     

    ลูกจะเลี้ยงมันไว้ก็ได้ แต่ว่า.. ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปลูกต้องออกมาซ้อมเช้ากับคนอื่นแบบห้ามขาดแม้แต่วันเดียว !”

     

    และอีฟส์ก็เลี่ยงการฝึกซ้อมตอนเช้าไม่ได้อีกเลยนับแต่นั้นมา

     

     

     

     

     

     

    ยังดีนะที่แม่บังคับแค่ฝึกเช้า

     

    แต่ยังไงมันก็เป็นความผิดนายนะชาร์ล !

     

    บอกเลยว่าจนถึงปัจจุบันนี้อีฟส์ก็ยังเจ็บใจเจ้าเสือขาวนี่ไม่หาย

     

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×