คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Hithhime ' Episode 1
Episode1’
- Falzear Flure -
สิ่งแรกที่ฟาลเซียร์เห็นหลังจากตื่นขึ้นมาคือผืนฟ้าที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงของแสงอาทิตย์ยามเย็น
แท้จริงแล้วมันก็เป็นเพียงสีแดงอมส้มทั่วไป แต่ไฉนหนอ.. มารหนุ่มจึงรู้สึกไม่ชอบใจมันเอาเสียเลย
อย่างกับสีของ..เลือด
ผืนฟ้าเมื่อเพลาเย็นกลับให้ความรู้สึกน่าหวาดผวาผิดปกติ ราวกับมีใครบางคนจงใจมาแต้มมันเพิ่มจนน่าสะอิดสะเอียน คนอย่างฟาลเซียร์ที่อยู่กับธรรมชาติมาตลอดทั้งชีวิตรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างเกี่ยวกับท้องนภาด้านบน
แต่เขาก็ไม่อาจทราบได้อยู่ดีว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร
เขาจำได้เพียงว่าเขามายังพระราชวังเหล็กดำตามที่ถูกเรียกตัวมา โดนไล่ให้เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อฟังคำของแม่ทัพ จากนั้นก็…
เหมือนจะหลับไป ?
และเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบท้องฟ้าชวนรู้สึกน่ารังเกียจ
อย่างต่อไปที่เขาพบคือการที่ตัวเขาไม่ได้อยู่ที่พระราขวังเหล็กดำแล้ว แต่กลับนอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าเตียนๆ ครั้นยันกายขึ้นมานั่งดีๆก็ไม่พบผู้ใดรอบกาย มีเพียงเศษซากของมีคมสารพัด รวมไปถึงธงประจำแผ่นดินใหญ่คัมเปล์
จะว่าไปแล้ว… ที่นี่มันทาร์สไม่ใช่หรือ ?!
นัยน์ตาสีชมพูสว่างจำต้องเบิกกว้างเมื่อระลึกได้ เสียงโลหะกระทบกันและเสียงโห่ร้องรวมไปถึงเสียงกรีดร้องดังแว่วมาให้ได้ยิน กลิ่นคาวเลือดโชยมาแตะจมูกชวนสะอิดสะเอียน ทุกองค์กำลังทำให้ดวงใจในอกด้านซ้ายบีบรัดด้วยความกลัว โดยไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งตรงไปเบื้องหน้า
และสิ่งที่รออยู่ก็เป็นอย่างที่เขาคิด
สงคราม
ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฟาลเซียร์นึกหวาดกลัว
“ฟาลเซียร์ ! ยืนค้างอยู่ทำไมเล่า ! ธนูกำลังพุ่งมาทางเจ้านะ !” เสียงทหารนายหนึ่งร้องขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นเขา พลันนัยน์ตาก็สังเกตห่าฝนของลูกธนูจำนวนมหาศาลซึ่งกำลังพุ่งตรงมาทางเขา มารหนุ่มรีบเคลื่อนกายหลบอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่อาจรอดได้ทั้งหมด มีธนูดอกหนึ่งเฉียดแก้มเขาไปจนเกิดเป็นรอยแผลที่มีเลือดไหลซิบๆ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…
เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด เขากลับมาที่ทาร์สตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วสงครามที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไร ในหัวของฟาลเซียร์เต็มไปด้วยคำถามมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีใครในเวลานี้ว่างพอจะตอบเขา ฟาลเซียร์คว้าดาบคู่ใจขึ้นมากวัดแกว่งและสังหารศัตรูพลางนึกไปเรื่อยๆ
เกิดอะไรขึ้นตอนเขาไม่อยู่ เขาไม่ผ่านการทดสอบนั่นเลยถูกส่งกลับมางั้นหรือ ?
แต่ที่สำคัญกว่านั้น…
บิดาของเขาเล่า ?
สองตาพยายามสอดส่ายหาคนในมโนคิดจนเกือบพลาดท่าหลายหน และดูเหมือนความพยายามจะสัมฤทธิ์ผล เขาจึงเห็นแผ่นหลังกว้างของบิดาในที่สุด ทว่าชายคนนั้นกำลังตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูร่วมกับทหารอีกนาย และไม่นานนักทหารคนที่ว่าก็ถูกฟันล้มลง พูดง่ายๆว่าตอนนี้เหลือเพียงบิดาของเขาเท่านั้น
ร่างกายไวเท่าความคิด
ฟาลเซียร์รีบพุ่งตัวไปหมายจะช่วยบิดาของตน เขาฝ่าวงล้อมทหารแล้วเข้าไปปัดดาบที่ตั้งใจจะทำร้ายคนข้างในจากด้านหลังได้อย่างทันท่วงที แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้สนทนาปราศรัยหรือพักหายใจ ศาตราวุธจำนวนมากกำลังพุ่งเข้าหา เขาจึงต้องรีบจัดการพวกมันให้หมดเสียก่อน กระนั้นเขาก็ยังได้ยินเสียงของบิดาดังมา
“ฟาลเซียร์ ! ระวังด้านซ้ายเจ้าด้วย !”
เป็นจริงดังที่บิดาเตือนไว้ มีทหารฝ่ายศัตรูนายหนึ่งกำลังเงื้อดาบขึ้นเตรียมฟันเขา ทว่า…
เหตุใดเล่าเขาจึงไม่ใช่คนเจ็บ
โลหิตสีแดงที่กำลังหลั่งไหลมิใช่ของเขา แต่เป็นของบุคคลผู้มาขวางเขาเอาไว้
ณ ที่นี้ก็เห็นจะมีแต่บิดาของเขานั่นแล
“พ่อ!” ฟาลเซียร์ร้องเสียงหลงอย่างไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง เขารีบเข้าไปประคองร่างของผู้เป็นบิดาที่ค่อยๆทรุดลงกองกับพื้นเอาไว้ นัยน์ตาสีชมพูสว่างของมารหนุ่มกำลังสั่นไหว มือที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อกลับสั่นและเริ่มเย็นยะเยียบด้วยความกลัวที่เข้าถาโถมจิตใจประหนึ่งคลื่นใหญ่พัดเข้าชายฝั่ง
ดาบของทหารคนนั้นโดนจุดสำคัญพอดี
“ฟาล..เซียร์…ลูกปลอด..ภัย..” เสียงของผู้เป็นบิดาเริ่มขาดช่วง ยิ่งคนในอ้อมแขนพูดไม่รู้เรื่องมากเท่าไหร่ หัวใจของเขาก็แทบจะหยุดเต้นให้ได้เสียเดี๋ยวนั้น “ดี..แล้ว..ดีมะ..มากเลย..”
“ดีตรงไหนกันเล่าพ่อบ้า !” ฟาลเซียร์กู่ร้องสุดเสียงพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นอยู่ขอบตา บิดาของเขาระบายยิ้มจางแล้วยื่นมือมาจับแก้มเขาไว้ ลูบมันทั้งที่เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือก่อนที่มือนั้น..
จะสูญเสียความอบอุ่นและตกลงไปข้างร่างที่ไร้ลมหายใจ
ไม่..ไม่..มันต้องไม่ใช่แบบนี้
“ตื่นขึ้นมานะพ่อ..ตื่นสิ ข้าบอกให้ท่านตื่นขึ้นมาไงเล่า!” น้ำเสียงของฟาลเซียร์สั่นระริก เขาพยายามฉีกยิ้มทว่ากลับไม่มีแรงพอ สุดท้ายจึงกลายเป็นเพียงรอยยิ้มเบี้ยวๆ “ไม่.. อย่าทิ้งข้าไป ข้ารู้ว่าท่านยัง..ไม่นะ.. ได้โปรดอย่าล้อข้าเล่น…”
สำหรับฟาลเซียร์ ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวไปกว่าการสูญเสียบิดา…
อาจพูดได้ไม่เต็มปากนักว่าเขาไม่เคยกลัวอะไรเลย เขากลัวเป็น.. กลัวหลายอย่าง เพียงแต่ความกลัวเหล่านั้นกลับไม่ต่างอะไรจากเศษฝุ่นเมื่อเทียบกับความตายของบิดา
จะสัตว์ร้ายมาจากขุมนรกใดเขาก็ไม่เคยหวั่นเกรง
บทลงโทษหรือเครื่องทรมานป่าเถื่อนเพียงไหนไม่เคยทำให้เขาหวาดผวาได้มากเท่านี้
เพราะตราบใดที่เขายังมีบิดาอยู่…
ไม่ว่าอะไรก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปได้สำหรับเขา
แต่มาวันนี้.. สิ่งที่กลัวมากที่สุดก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาแล้ว
“พอ..พอกันที..” ฟาลเซียร์กอดร่างเย็นเยียบของผู้เป็นที่รักไว้แนบอกแน่นพลางพึมพำแผ่วเบา หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองอย่างไม่อาจห้าม รู้ทั้งรู้ว่าร้องไห้ไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ทำไมน้ำตาถึงไม่หยุดไหลเสียที…
“กลัว..กลัวชะมัดเลย.. พ่อ.. ข้ากลัวเหลือเกิน..”
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารฝ่ายศัตรูคนหนึ่งก็พุ่งตรงมาทางพวกเขาหมายจะปลิดชีพฟาลเซียร์ ชายหนุ่มเห็นชัดๆว่าเขาวิ่งเข้ามาแต่กระนั้นก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมแววตาเลื่อนลอย ไม่หลบหรือสู้กลับทั้งนั้น ด้วยในใจเผลอนึกไปว่า จะเป็นหรือตายก็ช่างมันแล้ว..
‘ลูกทำได้’
ฟาลเซียร์รู้สึกเหมือนโดนกระชากให้สติกลับเข้าสู่ร่าง นัยน์ตาสีสวยเบิกโพลงก่อนจะดีดตัวหลบคมดาบได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วคว้าดาบคู่กายขึ้นมาแทงศัตรูตรงหน้าจนสิ้นชีพแทน
ฟาลเซียร์หอบหายใจจนตัวโยน เม็ดเหงื่อไหลซึมตามโครงหน้า
เมื่อกี้นี้มัน…
ราวกับว่าเขาได้ยินเสียงบิดาดังแว่วมา ประโยคที่เขาปรารถนาจะได้ยินมาตลอดสะท้อนก้องจากจิตใต้สำนึกเรียกสติของเขาให้กลับมาสู่ความเป็นจริง และในวินาทีนั้นหัวใจพลันได้คำตอบ ฟาลเซียร์ไม่ได้สังเกตเลยว่าทิวทัศน์รอบข้างกำลังเปลี่ยนไป จากสนามรบและท้องฟ้าสีเลือด กลายเป็นทุ่งดอกไม้ส่งกลิ่นหอมและผืนนภาสีฟ้าหม่น
มารหนุ่มเดินตรงไปยังร่างของบิดาที่ยังนอนนิ่งอยู่บนพื้นแล้วคุกเข่า รอยยิ้มบางถูกระบายบนดวงหน้า เขายื่นมือออกไปสัมผัสตัวบิดาอยู่ครู่หนึ่งประหนึ่งต้องการจะถ่ายทอดความรู้สึกของตนผ่านมือข้างนั้น
“ข้าไม่กลัวแล้วล่ะ…”
เขาเอ่ยแผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ ก่อนจะได้ยินเสียงปริศนาดังขึ้น
“ผ่านการทดสอบ เจ้าได้ถูกเลือกแล้ว…”
และแล้วบรรยากาศรอบตัวก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นความมืดมิดสีดำสนิท ฟาลเซียร์กระพริบตาปริบๆอยู่ครู่หนึ่งเพื่อเรียบเรียงความคิด ไม่นานนักเขาก็เข้าใจทุกอย่าง
แสดงว่าเมื่อกี้คือการทดสอบ.. ต่อสู้กับสิ่งที่เรากลัวที่สุดงั้นสินะ
คิดดังนั้นแล้วเขาก็ฉีกยิ้มกว้าง ทั้งโล่งใจและนึกขบขันตัวเองที่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ถ้าเป็นเพียงการทดสอบก็แสดงว่าบิดาของเขายังไม่ตายหรืออะไรทั้งนั้น เท่านี้ก็ดีใจเสียจนแทบสลบ กระนั้นก็สมเพชตัวเองที่ดันปล่อยให้ความกลัวครอบงำจนเกือบได้ตายจริงๆ
อย่างไรเสีย ตอนนี้เขาก็ไม่กลัวแล้ว
ไม่สิ.. ไม่ใช่ไม่กลัว การตายของบิดายังคงน่าประหวั่นอยู่เช่นเดิม เขายังไม่อยากให้บิดาจากเขาไปและคงจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอีกฝ่ายดังเก่า เพียงแต่เขาไม่ได้ปล่อยให้ความกลัวนั้นมาฉุดรั้งเขาเอาไว้อีกแล้ว
เขาห้ามยมทูตไม่ให้มาพาวิญญาณของบิดาไปไม่ได้
แต่เขาเลือกจะจดจำทุกความทรงจำไว้ในใจและก้าวเดินต่อพร้อมสิ่งเหล่านั้นแทนได้
นั่นคือสิ่งที่ฟาลเซียร์ได้รับจากการทดสอบครั้งนี้
ความคิดเห็น