ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    . F I E L D ▲▼

    ลำดับตอนที่ #16 : Hithhime ' Prologue

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 58


    (c) Chess theme



    Prologue’

    - Falzear Flure –

     

     

     

    บางครั้งฟาลเซียร์ ฟลัวร์ ก็นึกอยากเห็นผืนฟ้าสีคราม

     

    สีฟ้าครามแสนสดใสที่ไม่ใช่สีฟ้าหม่นแบบผืนฟ้าเหนือที่ราบลุ่มทาร์ส บ้านเกิดของเขา

     

    แม้รู้ว่ามันเป็นได้เพียงฝันอันเลื่อนลอย.. ฟาลเซียร์ก็ยังแอบหวังให้มันเป็นจริงในสักวัน

     

    แล้วสักวันที่ว่า.. ต้องรออีกนานเท่าใดกัน ?

     

     

     

     

     

     

    เดี๋ยวเถอะฟาลเซียร์!”

     

    เสียงทุ้มต่ำของชายวัยกลางคนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของที่ราบลุ่มทาร์ส เขาว่ากันว่าเมืองแห่งนี้มักจะสงบและร่มรื่นแตกต่างจากเมืองอื่นๆของแผ่นดินใหญ่คัมเปล์โดยสิ้นเชิง ทว่าเราขอยกเว้นหมู่บ้านการเกษตรเล็กๆไว้ที่หนึ่งแล้วกัน

     

    ภาพรวมของหมู่บ้านไม่ได้มีปัญหา

     

    จะมีปัญหาก็แค่บ้านขนาดกลางหลังเดียวเท่านั้น

     

    เท่านั้นจริงๆ

     

    บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าปล่อยฝูงสัตว์ซี้ซั้วน่ะ !”

     

    ผู้ที่กำลังถูกดุเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะอายุราวๆสักยี่สิบสามปีได้ เรือนผมสีชมพูสว่างถูกถักเป็นเปียเดี่ยวยาวลงมาถึงสะโพก นัยน์ตาสีเดียวกันกับเรือนผมฉายแววสดใสผิดเวลา เจ้าตัวกำลังแย้มยิ้มร่าเริง ดูก็รู้ว่าไม่เข็ดหรือสำนึกผิดเลยสักนิด

     

    แต่สุดท้ายข้าก็เป็นคนไปตามพวกมันกลับมาได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะพ่อ

     

    ผู้ถูกเรียกว่า พ่อ คิ้วเริ่มกระตุกแต่ก็พยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ถอนหายใจยาวออกมาแล้วบิดแก้มเจ้าลูกตัวแสบตรงหน้าที่โตแต่ตัวอย่างหมั่นเขี้ยวพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

     

    จริงๆเลยเลิกเล่นแบบนี้เถอะ เจ้าก็รู้ว่าพ่อไม่ว่าง

     

    ฟาลเซียร์ที่ยิ้มร่ามาจนถึงเมื่อครู่หุบยิ้มก่อนจะถอนหายใจหนักๆ ความอ้างว้างฉายอยู่ในแววตาเพียงครู่แล้วแปรเปลี่ยนเป็นความมีชีวิตชีวาดังเดิม แต่กระนั้นก็ยังมิวายกระแนะกระแหนบิดาต่อ

     

    ใช่สิๆ ก็ท่านเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านแล้วไหนจะเป็นทหารชั้นสูงให้กองทัพอีก มีงานมากมายสารพัดรอให้สะสางแล้วแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหน--”

     

    ฟาลเซียร์

     

    เมื่ออีกฝ่ายกดเสียงต่ำ ฟาลเซียร์ก็รู้ตัวว่าหมดเวลาเล่นสนุก พ่อของเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงานมาก ทั้งงานของกองทัพและงานของหมู่บ้าน ส่วนเขาเป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อยที่มีหน้าที่หลักคือดูแลฝูงสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านแถบนี้ เด็กตัวเล็กๆดูก็ยังรู้ว่างานของทั้งสองคนแตกต่างกันมากแค่ไหน

     

    แต่ถึงแม้จะรู้ว่าบิดาของตนมีภาระงานหนักหนา ฟาลเซียร์ก็อดไม่ได้ที่จะไปสร้างปัญหานิดๆหน่อยๆให้ท่านตามดุ ไม่ใช่ว่าว่างเสียจนไม่รู้จะทำอะไร แต่เป็นเพราะอยากได้ความสนใจจากบิดาแม้เพียงเสี้ยวเดียวก็ยังดี

     

    ข้าขอโทษ..” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อย แต่ข้าขอยืนยันคำเดิมเลยนะว่าสุดท้ายข้าก็เป็นคนจัดการปัญหาที่ข้าก่อเอง พ่อไม่เห็นต้องทำหน้าดุขนาดนั้นเลย

     

    เป็นความจริงที่ฟาลเซียร์เข้ากับพวกสัตว์ได้ดี---ดีเกินจนน่าสงสัยว่าบางทีเขาอาจจะฟังพวกมันรู้เรื่องด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวก็ขอยืนยันคำเดิมว่าที่เขาเข้ากับพวกมันได้ดีมาจากสัญชาตญาณล้วนๆ ฉะนั้นแม้เขาจะปล่อยฝูงสัตว์ไปไกลแค่ไหน เขาก็ตามพวกมันกลับมาได้ทุกครั้ง

     

    ยิ่งบวกกับทักษะทหารและเรี่ยวแรงคนหนุ่มแล้ว เรื่องยิ่งง่าย

     

    บิดาของชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆด้วยความเอือมระอา เขาไม่ต่อล้อต่อเถียงต่อแต่กลับยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ลูกชาย

     

    ฟาลเซียร์รับมันมาเงียบๆ พลิกหน้าพลิกหลังดูอย่างสนอกสนใจก่อนจะสังเกตได้ว่ามันไม่ได้ถูกปิดผนึกไว้ เมื่อเขากลับหัวซองจดหมาย กระดาษที่อยู่ด้านในจึงตกลงมาพร้อมๆกับกำปั้นของพ่อที่ตกใส่กลางศีรษะ

     

    อ่านดีๆได้แล้วเอ่ยเร่งเมื่อเห็นว่าฟาลเซียร์ยังเล่นไม่เลิก ฝ่ายคนถูกเขกหัวก็แยกเขี้ยวใส่อีกคนแล้วก้มลงไปหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านดีๆตามคำสั่ง

     

    ด้านในเต็มไปด้วยตัวอักษรแสดงข้อความอย่างเป็นทางการซึ่งเขาไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย เจ้าตัวจึงกวาดสายตามองอย่างผ่านๆเพื่อหาใจความสำคัญและพบว่าสาระของจดหมายฉบับนี้คือ

     

    ไปฝึกซ้อมพร้อมกองทัพที่ที่ราบสูงเจราลี่?”

     

    เจ้าชอบพวกสัตว์อยู่แล้วไม่ใช่รึ ยังจะมีปัญหาอะไรอีกละบิดาเอ่ยเสียงเรียบ ออกเดินทางวันพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้ามืด รีบไปเตรียมตัวได้แล้วฟาลเซียร์

     

    ชายวัยกลางคนกล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้วเดินจากไปโดยไม่ฟังคำทักท้วงใดๆจากอีกคน ท่าทางเอาแต่ใจที่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธนี้ยิ่งดูก็ยิ่งทำให้ฟาลเซียร์มั่นใจมากขึ้นว่าตนได้นิสัยแอบเผด็จการเบาๆมาจากใคร

     

    ก็ได้มาจากคนเผด็จการสุดๆคนนี้ไงเล่า

     

     

    จากนั้นฟาลเซียร์ก็ออกเดินทางไปยังที่ราบสูงเจราลี่พร้อมกับทหารนายอื่นๆ ที่หมายของกองทัพคราวนี้เป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มไม่เคยไปเยือนมาก่อน แต่กระนั้นเขาก็รู้ถึงกิตติศัพท์ความโหดร้ายของพื้นที่ที่ว่านั่นเป็นอย่างดี

     

    มันเป็นสถานที่ซึ่งไม่น่าพิสมัยนัก แต่ฟาลเซียร์ก็ใฝ่ฝันอยากจะมาสักครั้ง

     

    เพราะที่ราบสูงเจราลี่เป็นบริเวณอันอุดมไปด้วยสัตว์ป่า

     

    ชายหนุ่มไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสสัตว์ป่าหากอยู่ที่บ้านเกิด นานๆครั้งเท่านั้นที่จะมีบางตัวหลงมาถึง และนั่นก็ยิ่งทำให้คนรักสัตว์อย่างเขายังรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้แตกต่างจากคนอื่นๆที่ไม่อยากจากผืนดินอันร่มรื่นและอุดมสมบูรณ์

     

    เมื่อมาถึงที่หมาย ฟาลเซียร์ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการฝึกฝนของกองทัพ มีเวลาว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะปล่อยให้เด็กหนุ่มออกมาหาความสำราญจากการเล่นกับพวกสัตว์ป่า ซ้ำร้ายกว่านั้นคือบางวันไม่มีกระทั่งเวลาว่างดังกล่าวเลย

     

    แต่มาวันนี้.. กองทัพกลับเลิกการฝึกเร็วกว่าปกติ

     

    ฟาลเซียร์ฉีกยิ้มกว้างแล้วพุ่งตัวไปยังที่พักเพื่อเปลี่ยนชุดก่อนออกไปตามหาสัตว์ป่าแสนน่ารักของเขา(?)โดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเพื่อนทหารสักคน สิ่งที่รอเบื้องหน้าเป็นราวกับภาพฝันที่กลายเป็นจริงจนกระทั่งมีคนจับแขนของเขาที่กำลังจะก้าวออกจากที่พักเอาไว้

     

    ซึ่งบุคคลที่รั้งตัวมารหนุ่มเอาไว้ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล

     

    พ่อ?”

     

    ฟาลเซียร์กระพริบตาปริบๆมองบิดาตัวเอง ผู้มีอาวุโสจ้องหน้าลูกชายนิ่งราวกับกำลังนั่งคิดอะไรบางอย่าง ท่าทีซึ่งแปลกไปจากทุกทีทำให้ฟาลเซียร์รู้สึกใจคอไม่ดี เวลาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้าคล้ายจะหยุดนิ่ง และในที่สุดเรียวปากของผู้เป็นบิดาก็ยอมขยับ

     

    เจ้าถูกเรียกตัวไปร่วมสงคราม

     

    หมายความว่ายังไง?”

     

    นัยน์ตาสีชมพูสว่างของมารหนุ่มเบิกกว้างพร้อมๆกับหนึ่งประโยคที่หลุดรอดริมฝีปากออกไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดาต้องการจะสื่อ แต่เพราะเข้าใจดีทุกอย่างถึงได้ถามออกไป

     

    เขารู้ว่าทางการกำลังตัวคนมีฝีมือจำนวนสิบห้าคนมาจากทั่วแผ่นดินเพื่อต่อการกับเหล่าเทพในวันสงครามเทพมารซึ่งกำลังจะมาถึง เขาเองก็เป็นหนึ่งในทหารของกองทัพแห่งทาร์ส มีหรือที่จะไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้ เพียงแต่เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

     

    เขาจำได้ว่าตอนที่รู้ข่าวนี้ เขายังเคยเปรยเล่นๆกับบิดาเลยว่า สิบห้าคนจากทั่วแผ่นดินงั้นรึ? เท่ชะมัด.. ถ้าเป็นข้าข้าคงดีใจตายแต่พอเอาเข้าจริงก็ขอยอมรับว่ามันรู้สึกโหวงไม่น้อย ทั้งต้องจากบ้านเกิด แล้วไหนจะแบกรับชะตากรรมของคนทั้งแผ่นดิน มันไม่หนักเกินไปสำหรับคนที่ยังเห็นแก่ตัวไปแกล้งพ่อเพื่อเรียกร้องความสนใจหน่อยหรือ ?

     

    บางที..พ่อเขาอาจกำลังล้อเล่น ?

     

    ฟาลเซียร์อยากคิดให้ได้เช่นนั้น แต่จากการที่อยู่กับบิดามานานจึงทำให้รู้ว่าแววตาของอีกฝ่ายไม่มีคำว่า ล้อเล่น อยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย

     

    เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป ผู้เป็นบิดาก็ค่อยๆคลายมือที่จับแขนของเขาออกแล้วยืนนิ่งจ้องมองลูกชาย ถ้าฟาลเซียร์เงยหน้ามาสักนิด เขาก็คงได้เห็นแววตาของผู้เป็นพ่อซึ่งฉาบไปด้วยความรู้สึกอ้างว้างแบบเดียวกันกับเขาตอนที่อีกฝ่ายไม่ยอมเล่นด้วย ช่างน่าเสียดายที่มารหนุ่มกำลังก้มหน้าอยู่จึงไม่มีโอกาสได้เห็นมัน

     

    ระหว่างที่กำลังจมอยู่กับตัวเอง ฟาลเซียร์ก็ถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงด้วยสัมผัสอุ่นอันชวนให้คิดถึง มือขวาของผู้เป็นพ่อที่ปกติมักจะใช้ลงโทษเขามาบัดนี้กลับวางลงบนศีรษะของเขาอย่างอ่อนโยน ฟาลเซียร์ไม่แน่ใจว่าบิดาไม่ได้ลูบหัวเขามานานเท่าใดแล้ว เท่าที่รู้ก็คือนานมากพอสมควร

     

    รีบเข้านอนเร็วๆ จะได้มีแรง

     

    ผู้มีอาวุโสกล่าวทิ้งไว้เพียงเท่านั้นขณะเดินสวนจากไป ฟาลเซียร์ไม่ได้หันไปมองแต่กลับระบายยิ้มเปี่ยมสุข

     

    ทุกคนในกองทัพและหมู่บ้านต่างรู้ดีว่าบิดาของเขาเป็นประเภทพูดไม่เก่ง ซ้ำยังปากแข็งยิ่งกว่าอะไรดี ไม่มีทางใดที่จะทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมเอ่ยปากว่า พ่อรักลูกนะหรือ พ่อเป็นห่วง ดูแลตัวเองดีๆด้วยฉะนั้นแล้วฝ่ามือกว้างที่มอบไออุ่นให้เมื่อครู่จึงบอกแทนทุกคำพูดที่ผู้เป็นบิดาจะมอบให้ได้

     

    ไม่รู้ว่าบิดากำลังคิดสิ่งเดียวกันอยู่หรือไม่ แต่ฟาลเซียร์เชื่อว่าพ่อของเขาต้องการจะบอกว่า

     

    พ่อรู้ว่าลูกทำได้

     

    เพียงเท่านั้นก็ดียิ่งกว่ายาชูกำลังอันเลื่องชื่อ ใจดวงน้อยๆที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลกลับพองโตและเปี่ยมความฮึกเหิม ภาพความทรงจำตั้งแต่ครั้งอดีตไหลย้อนเข้ามาในมโนคิดราวกับต้องการจะซึมซับความสุขเหล่านั้นเอาไว้ให้นานเท่าที่จะนานได้ ก่อนคนอย่าง ฟาลเซียร์ ฟลัวร์ จะออกเดินทางไปสู่เมืองหลวงซึ่งคาดเดาอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว

     

    ข้าทำได้.. และถึงทำไม่ได้ ข้าก็จะทำมันให้ได้ !”

     

    คอยดูละกันพ่อ!

     

    ฟาลเซียร์ย้ำกับตัวเองอย่างหนักแน่นขณะเหลือบขึ้นมองผืนฟ้าสีแดงเหนือที่ราบสูงเจราลี่

     

    เขาเพิ่งมารู้ทีหลังนั้นเองว่ามีทหารจากเมืองหลวงมายืนชมการฝึกของพวกเขา และสะดุดตาเข้ากับทักษะของฟาลเซียร์จึงนำเรื่องมาบอกทหารชั้นสูงของกองทัพซึ่งก็คือบิดาของเขาว่าต้องการตัวฟาลเซียร์ไปเข้าร่วมวันสงครามเทพมาร

     

    เมื่อรู้เช่นนั้นแล้วฟาลเซียร์ก็อดนึกไม่ได้ว่าทหารคนนั้นอาจมองคนผิด อาจแค่เห็นหัวชมพูๆของเขาอยู่ข้างๆจึงทึกทักไปว่าเป็นเขา

     

    อย่างไรก็ดี

     

    ฟาลเซียร์ไม่คิดจะยกตำแหน่งนี้ให้ใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะได้มันมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

     

     

     

    ฟาลเซียร์ยังคงมีความฝันจะเห็นผืนนภาสีคราม

     

    และดูเหมือนสักวันที่เขารอคอยมาแสนนาน

     

    จะไม่ไกลเกินเอื้อมเสียแล้ว

     

     







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×