คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Hithhime ' Prologue
Prologue’
- Falzear Flure –
บางครั้ง… ฟาลเซียร์ ฟลัวร์ ก็นึกอยากเห็นผืนฟ้าสีคราม
สีฟ้าครามแสนสดใสที่ไม่ใช่สีฟ้าหม่นแบบผืนฟ้าเหนือที่ราบลุ่มทาร์ส บ้านเกิดของเขา
แม้รู้ว่ามันเป็นได้เพียงฝันอันเลื่อนลอย.. ฟาลเซียร์ก็ยังแอบหวังให้มันเป็นจริงในสักวัน
แล้วสักวันที่ว่า.. ต้องรออีกนานเท่าใดกัน ?
“เดี๋ยวเถอะฟาลเซียร์!”
เสียงทุ้มต่ำของชายวัยกลางคนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของที่ราบลุ่มทาร์ส เขาว่ากันว่าเมืองแห่งนี้มักจะสงบและร่มรื่นแตกต่างจากเมืองอื่นๆของแผ่นดินใหญ่คัมเปล์โดยสิ้นเชิง ทว่าเราขอยกเว้นหมู่บ้านการเกษตรเล็กๆไว้ที่หนึ่งแล้วกัน
ภาพรวมของหมู่บ้านไม่ได้มีปัญหา
จะมีปัญหาก็แค่บ้านขนาดกลางหลังเดียวเท่านั้น
เท่านั้นจริงๆ
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าปล่อยฝูงสัตว์ซี้ซั้วน่ะ !”
ผู้ที่กำลังถูกดุเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะอายุราวๆสักยี่สิบสามปีได้ เรือนผมสีชมพูสว่างถูกถักเป็นเปียเดี่ยวยาวลงมาถึงสะโพก นัยน์ตาสีเดียวกันกับเรือนผมฉายแววสดใสผิดเวลา เจ้าตัวกำลังแย้มยิ้มร่าเริง ดูก็รู้ว่าไม่เข็ดหรือสำนึกผิดเลยสักนิด
“แต่สุดท้ายข้าก็เป็นคนไปตามพวกมันกลับมาได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะพ่อ”
ผู้ถูกเรียกว่า ‘พ่อ’ คิ้วเริ่มกระตุกแต่ก็พยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ถอนหายใจยาวออกมาแล้วบิดแก้มเจ้าลูกตัวแสบตรงหน้าที่โตแต่ตัวอย่างหมั่นเขี้ยวพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“จริงๆเลย… เลิกเล่นแบบนี้เถอะ เจ้าก็รู้ว่าพ่อไม่ว่าง”
ฟาลเซียร์ที่ยิ้มร่ามาจนถึงเมื่อครู่หุบยิ้มก่อนจะถอนหายใจหนักๆ ความอ้างว้างฉายอยู่ในแววตาเพียงครู่แล้วแปรเปลี่ยนเป็นความมีชีวิตชีวาดังเดิม แต่กระนั้นก็ยังมิวายกระแนะกระแหนบิดาต่อ
“ใช่สิๆ ก็ท่านเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านแล้วไหนจะเป็นทหารชั้นสูงให้กองทัพอีก มีงานมากมายสารพัดรอให้สะสางแล้วแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหน--”
“ฟาลเซียร์”
เมื่ออีกฝ่ายกดเสียงต่ำ ฟาลเซียร์ก็รู้ตัวว่าหมดเวลาเล่นสนุก พ่อของเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงานมาก ทั้งงานของกองทัพและงานของหมู่บ้าน ส่วนเขาเป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อยที่มีหน้าที่หลักคือดูแลฝูงสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านแถบนี้ เด็กตัวเล็กๆดูก็ยังรู้ว่างานของทั้งสองคนแตกต่างกันมากแค่ไหน
แต่ถึงแม้จะรู้ว่าบิดาของตนมีภาระงานหนักหนา ฟาลเซียร์ก็อดไม่ได้ที่จะไปสร้างปัญหานิดๆหน่อยๆให้ท่านตามดุ ไม่ใช่ว่าว่างเสียจนไม่รู้จะทำอะไร แต่เป็นเพราะอยากได้ความสนใจจากบิดาแม้เพียงเสี้ยวเดียวก็ยังดี
“ข้าขอโทษ..” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อย “แต่ข้าขอยืนยันคำเดิมเลยนะว่าสุดท้ายข้าก็เป็นคนจัดการปัญหาที่ข้าก่อเอง พ่อไม่เห็นต้องทำหน้าดุขนาดนั้นเลย”
เป็นความจริงที่ฟาลเซียร์เข้ากับพวกสัตว์ได้ดี---ดีเกินจนน่าสงสัยว่าบางทีเขาอาจจะฟังพวกมันรู้เรื่องด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวก็ขอยืนยันคำเดิมว่าที่เขาเข้ากับพวกมันได้ดีมาจากสัญชาตญาณล้วนๆ ฉะนั้นแม้เขาจะปล่อยฝูงสัตว์ไปไกลแค่ไหน เขาก็ตามพวกมันกลับมาได้ทุกครั้ง
ยิ่งบวกกับทักษะทหารและเรี่ยวแรงคนหนุ่มแล้ว เรื่องยิ่งง่าย
บิดาของชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆด้วยความเอือมระอา เขาไม่ต่อล้อต่อเถียงต่อแต่กลับยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ลูกชาย
ฟาลเซียร์รับมันมาเงียบๆ พลิกหน้าพลิกหลังดูอย่างสนอกสนใจก่อนจะสังเกตได้ว่ามันไม่ได้ถูกปิดผนึกไว้ เมื่อเขากลับหัวซองจดหมาย กระดาษที่อยู่ด้านในจึงตกลงมาพร้อมๆกับกำปั้นของพ่อที่ตกใส่กลางศีรษะ
“อ่านดีๆได้แล้ว” เอ่ยเร่งเมื่อเห็นว่าฟาลเซียร์ยังเล่นไม่เลิก ฝ่ายคนถูกเขกหัวก็แยกเขี้ยวใส่อีกคนแล้วก้มลงไปหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านดีๆตามคำสั่ง
ด้านในเต็มไปด้วยตัวอักษรแสดงข้อความอย่างเป็นทางการซึ่งเขาไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย เจ้าตัวจึงกวาดสายตามองอย่างผ่านๆเพื่อหาใจความสำคัญและพบว่าสาระของจดหมายฉบับนี้คือ…
“ไปฝึกซ้อมพร้อมกองทัพที่ที่ราบสูงเจราลี่?”
“เจ้าชอบพวกสัตว์อยู่แล้วไม่ใช่รึ ยังจะมีปัญหาอะไรอีกละ” บิดาเอ่ยเสียงเรียบ “ออกเดินทางวันพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้ามืด รีบไปเตรียมตัวได้แล้วฟาลเซียร์”
ชายวัยกลางคนกล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้วเดินจากไปโดยไม่ฟังคำทักท้วงใดๆจากอีกคน ท่าทางเอาแต่ใจที่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธนี้ยิ่งดูก็ยิ่งทำให้ฟาลเซียร์มั่นใจมากขึ้นว่าตนได้นิสัยแอบเผด็จการเบาๆมาจากใคร
ก็ได้มาจากคนเผด็จการสุดๆคนนี้ไงเล่า
จากนั้นฟาลเซียร์ก็ออกเดินทางไปยังที่ราบสูงเจราลี่พร้อมกับทหารนายอื่นๆ ที่หมายของกองทัพคราวนี้เป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มไม่เคยไปเยือนมาก่อน แต่กระนั้นเขาก็รู้ถึงกิตติศัพท์ความโหดร้ายของพื้นที่ที่ว่านั่นเป็นอย่างดี
มันเป็นสถานที่ซึ่งไม่น่าพิสมัยนัก แต่ฟาลเซียร์ก็ใฝ่ฝันอยากจะมาสักครั้ง
เพราะที่ราบสูงเจราลี่เป็นบริเวณอันอุดมไปด้วยสัตว์ป่า
ชายหนุ่มไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสสัตว์ป่าหากอยู่ที่บ้านเกิด นานๆครั้งเท่านั้นที่จะมีบางตัวหลงมาถึง และนั่นก็ยิ่งทำให้คนรักสัตว์อย่างเขายังรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้แตกต่างจากคนอื่นๆที่ไม่อยากจากผืนดินอันร่มรื่นและอุดมสมบูรณ์
เมื่อมาถึงที่หมาย ฟาลเซียร์ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการฝึกฝนของกองทัพ มีเวลาว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะปล่อยให้เด็กหนุ่มออกมาหาความสำราญจากการเล่นกับพวกสัตว์ป่า ซ้ำร้ายกว่านั้นคือบางวันไม่มีกระทั่งเวลาว่างดังกล่าวเลย
แต่มาวันนี้.. กองทัพกลับเลิกการฝึกเร็วกว่าปกติ
ฟาลเซียร์ฉีกยิ้มกว้างแล้วพุ่งตัวไปยังที่พักเพื่อเปลี่ยนชุดก่อนออกไปตามหาสัตว์ป่าแสนน่ารักของเขา(?)โดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเพื่อนทหารสักคน สิ่งที่รอเบื้องหน้าเป็นราวกับภาพฝันที่กลายเป็นจริงจนกระทั่งมีคนจับแขนของเขาที่กำลังจะก้าวออกจากที่พักเอาไว้
ซึ่งบุคคลที่รั้งตัวมารหนุ่มเอาไว้ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล
“พ่อ?”
ฟาลเซียร์กระพริบตาปริบๆมองบิดาตัวเอง ผู้มีอาวุโสจ้องหน้าลูกชายนิ่งราวกับกำลังนั่งคิดอะไรบางอย่าง ท่าทีซึ่งแปลกไปจากทุกทีทำให้ฟาลเซียร์รู้สึกใจคอไม่ดี เวลาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้าคล้ายจะหยุดนิ่ง และในที่สุดเรียวปากของผู้เป็นบิดาก็ยอมขยับ
“เจ้าถูกเรียกตัวไปร่วมสงคราม”
“หมายความว่ายังไง?”
นัยน์ตาสีชมพูสว่างของมารหนุ่มเบิกกว้างพร้อมๆกับหนึ่งประโยคที่หลุดรอดริมฝีปากออกไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดาต้องการจะสื่อ แต่เพราะเข้าใจดีทุกอย่างถึงได้ถามออกไป
เขารู้ว่าทางการกำลังตัวคนมีฝีมือจำนวนสิบห้าคนมาจากทั่วแผ่นดินเพื่อต่อการกับเหล่าเทพในวันสงครามเทพมารซึ่งกำลังจะมาถึง เขาเองก็เป็นหนึ่งในทหารของกองทัพแห่งทาร์ส มีหรือที่จะไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้ เพียงแต่…เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
เขาจำได้ว่าตอนที่รู้ข่าวนี้ เขายังเคยเปรยเล่นๆกับบิดาเลยว่า ‘สิบห้าคนจากทั่วแผ่นดินงั้นรึ? เท่ชะมัด.. ถ้าเป็นข้าข้าคงดีใจตาย’ แต่พอเอาเข้าจริงก็ขอยอมรับว่ามันรู้สึกโหวงไม่น้อย ทั้งต้องจากบ้านเกิด แล้วไหนจะแบกรับชะตากรรมของคนทั้งแผ่นดิน มันไม่หนักเกินไปสำหรับคนที่ยังเห็นแก่ตัวไปแกล้งพ่อเพื่อเรียกร้องความสนใจหน่อยหรือ ?
บางที..พ่อเขาอาจกำลังล้อเล่น ?
ฟาลเซียร์อยากคิดให้ได้เช่นนั้น แต่จากการที่อยู่กับบิดามานานจึงทำให้รู้ว่าแววตาของอีกฝ่ายไม่มีคำว่า ‘ล้อเล่น’ อยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป ผู้เป็นบิดาก็ค่อยๆคลายมือที่จับแขนของเขาออกแล้วยืนนิ่งจ้องมองลูกชาย ถ้าฟาลเซียร์เงยหน้ามาสักนิด เขาก็คงได้เห็นแววตาของผู้เป็นพ่อซึ่งฉาบไปด้วยความรู้สึกอ้างว้างแบบเดียวกันกับเขาตอนที่อีกฝ่ายไม่ยอมเล่นด้วย ช่างน่าเสียดายที่มารหนุ่มกำลังก้มหน้าอยู่จึงไม่มีโอกาสได้เห็นมัน
ระหว่างที่กำลังจมอยู่กับตัวเอง ฟาลเซียร์ก็ถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงด้วยสัมผัสอุ่นอันชวนให้คิดถึง มือขวาของผู้เป็นพ่อที่ปกติมักจะใช้ลงโทษเขามาบัดนี้กลับวางลงบนศีรษะของเขาอย่างอ่อนโยน ฟาลเซียร์ไม่แน่ใจว่าบิดาไม่ได้ลูบหัวเขามานานเท่าใดแล้ว เท่าที่รู้ก็คือนานมากพอสมควร
“รีบเข้านอนเร็วๆ จะได้มีแรง”
ผู้มีอาวุโสกล่าวทิ้งไว้เพียงเท่านั้นขณะเดินสวนจากไป ฟาลเซียร์ไม่ได้หันไปมองแต่กลับระบายยิ้มเปี่ยมสุข
ทุกคนในกองทัพและหมู่บ้านต่างรู้ดีว่าบิดาของเขาเป็นประเภทพูดไม่เก่ง ซ้ำยังปากแข็งยิ่งกว่าอะไรดี ไม่มีทางใดที่จะทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมเอ่ยปากว่า ‘พ่อรักลูกนะ’ หรือ ‘พ่อเป็นห่วง ดูแลตัวเองดีๆด้วย’ ฉะนั้นแล้วฝ่ามือกว้างที่มอบไออุ่นให้เมื่อครู่จึงบอกแทนทุกคำพูดที่ผู้เป็นบิดาจะมอบให้ได้
ไม่รู้ว่าบิดากำลังคิดสิ่งเดียวกันอยู่หรือไม่ แต่ฟาลเซียร์เชื่อว่าพ่อของเขาต้องการจะบอกว่า
‘พ่อรู้ว่าลูกทำได้’
เพียงเท่านั้นก็ดียิ่งกว่ายาชูกำลังอันเลื่องชื่อ ใจดวงน้อยๆที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลกลับพองโตและเปี่ยมความฮึกเหิม ภาพความทรงจำตั้งแต่ครั้งอดีตไหลย้อนเข้ามาในมโนคิดราวกับต้องการจะซึมซับความสุขเหล่านั้นเอาไว้ให้นานเท่าที่จะนานได้ ก่อนคนอย่าง ฟาลเซียร์ ฟลัวร์ จะออกเดินทางไปสู่เมืองหลวงซึ่งคาดเดาอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว
“ข้าทำได้.. และถึงทำไม่ได้ ข้าก็จะทำมันให้ได้ !”
คอยดูละกันพ่อ!
ฟาลเซียร์ย้ำกับตัวเองอย่างหนักแน่นขณะเหลือบขึ้นมองผืนฟ้าสีแดงเหนือที่ราบสูงเจราลี่
เขาเพิ่งมารู้ทีหลังนั้นเองว่ามีทหารจากเมืองหลวงมายืนชมการฝึกของพวกเขา และสะดุดตาเข้ากับทักษะของฟาลเซียร์จึงนำเรื่องมาบอกทหารชั้นสูงของกองทัพซึ่งก็คือบิดาของเขาว่าต้องการตัวฟาลเซียร์ไปเข้าร่วมวันสงครามเทพมาร
เมื่อรู้เช่นนั้นแล้วฟาลเซียร์ก็อดนึกไม่ได้ว่าทหารคนนั้นอาจมองคนผิด อาจแค่เห็นหัวชมพูๆของเขาอยู่ข้างๆจึงทึกทักไปว่าเป็นเขา
อย่างไรก็ดี…
ฟาลเซียร์ไม่คิดจะยกตำแหน่งนี้ให้ใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะได้มันมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
ฟาลเซียร์ยังคงมีความฝันจะเห็นผืนนภาสีคราม
และดูเหมือนสักวันที่เขารอคอยมาแสนนาน…
จะไม่ไกลเกินเอื้อมเสียแล้ว
ความคิดเห็น