ตอนที่ 4 : Larry : คนโกหก
‘ยิ่งเราอยากหยุดเวลาไว้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเดินเร็วขึ้นเท่านั้น’
ถึงแม้ว่าบางครั้งเราจะไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้สักเท่าไหร่แต่ก็คงต้องยอมรับว่ามันเป็นความจริง
ร่างบางนั่งนิ่งอยู่หน้าประตูจ้องมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนังเบื้องหน้าเขม็งโดยไม่ยอมแม้แต่จะละสายตาไปไหน ด้วยความหวังลึกๆ ว่าอย่างน้อยก็อาจจะช่วยให้เวลานั้นเดินช้าลงไปได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเพียงแค่เขาเผลอหลับตาเพียงครู่เดียว ท้องฟ้าก็สว่างเสียแล้ว
"...เฮ้อ" ลมหายใจถูกผ่อนออกมาหนักๆ เหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบถูกปล่อยออกมาอย่างอดไม่ได้ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะรู้สึกอยากโดดงานมากถึงขนาดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแค่ไหน แต่ความรับผิดชอบที่ถูกปลูกฝังไว้ในจิตใต้สำนึกก็มีอิทธิพลมากกว่าความอยากส่วนตัวนั้นอยู่ดี
ร่างผอมเล็กค่อยๆ ยันตัวขึ้นมาจากพื้นไม้ชั้นดีอย่างช้าๆ ก่อนจะพาร่างโซซัดโซเซของตัวเองเข้าห้องน้ำไปอย่างช่วยไม่ได้
ก๊อกๆ
ขณะที่ลูอิสกำลังละเลงแชมพูลงบนหัวของตัวเอง เขาก็ได้ยินเสียงของใครสักคนกำลังเคาะประตูห้องของเขาอยู่ แต่แน่นอนไม่ต้องมีตาทิพย์ก็รู้ได้ทันทีว่าใครที่กำลังยืนรอเขาอยู่หน้าประตูเพราะทั้งบ้านนี้มีสมาชิกอาศัยอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้นคือตัวเขาและร่างสูง
"มีอะไรหรือเปล่า แฮร์รี่" ลูอิสเลือกที่จะตะโกนตอบกลับไปและล้างผมอย่างไม่รีบร้อน
"เมื่อกี้คนที่สตูดิโอโทรมาขอเลื่อนตารางงาน เขาบอกว่าพยายามติดต่อนายแล้วแต่นายไม่ยอมรับสาย" เสียงทุ้มตอบกลับมาเสียงนิ่ง
"สงสัยเพราะฉันปิดเสียงไว้น่ะ งั้นวันนี้นายก็ไปพักเถอะ จะไปเดินเที่ยวกับเดน่าก็ดีนะ พวกนายไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนี่" เสียงที่ถูกปล่อยออกมาเบาโหวงจนน่าใจหาย บางทีเขาก็รู้สึกเบื่อตัวเองอย่างบอกไม่ถูก เมื่อไหร่จะเลิกเป็นคนแบบนี้สักที
เอาแต่สวมหน้ากากแสร้งทำเป็นคนดี
ทั้งที่เบื้องหลังนั้นมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
คนอย่างเขา มันก็แค่คนบาปที่แสร้งทำเป็นนักบุญ
ตึก...ตึก
เสียงฝีเท้าที่ห่างออกไปอย่างเงียบๆ เป็นคำตอบอย่างดีว่าอีกฝ่ายยินดีรับข้อเสนอนั้นแล้ว ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้พลังงานที่แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วถูกดูดกลืนไปจนหมดจนเขาแทบอยากจะนอนแล้วไหลออกจากห้องน้ำได้โดยไม่ต้องเดินแบบพวกเมือกเสียมากกว่า
หลังจากอาบน้ำเสร็จลูอิสก็เดินออกมาแต่งตัวและเดินลงไปที่ชั้นหนึ่งของบ้านพักเพื่อไปทานอาหารเช้าคนเดียวตามปกติ ร่างโปร่งเดินก้มหน้าเข้าไปในห้องอาหารแบบเหงาๆ ราวกับแมวตัวน้อยที่ถูกเจ้าของทิ้งก็ไม่ปาน
"วันนี้วันหยุดทำหน้าดีๆ หน่อยได้มั้ย เห็นแล้วหงุดหงิด" น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นมาทำให้ใบหน้าที่เอาแต่จ้องมองพื้นเงยขึ้นมามองทันที ก่อนจะนิ่งอึ้งไปเมื่อคนที่ควรจะออกไปข้างนอกกับแฟนสาวกลับปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขา
"ฉันนึกว่าวันนี้นายจะออกไปเที่ยวกับเดน่าซะอีก" ประโยคบอกเล่าเชิงคำถามถูกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปิดความดีใจไว้ไม่มิด ทำให้ร่างสูงโปร่งเหล่ตามองคนตัวเล็กกว่านิ่งๆ ก่อนจะหันกลับมาทำไข่ม้วนต่อโดยไม่พูดอะไร ดวงตาสีฟ้าขุ่นจ้องมองแผ่นหลังกว้างและเผยยิ้มบางๆ ออกมา
ช่างเถอะ...แค่นายอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว
"นั่นนายคิดจะทำอะไรน่ะ?" คนตัวสูงที่กำลังยืนหน้าเตาหันมามองขวับทันที เมื่อเห็นคนอายุมากกว่าเดินไปรื้อตู้เย็นหยิบขนมปังออกมาและทำท่าจะแกะห่อออกมากิน
"ก็กินอาหารเช้าไง..." ปากที่กำลังจะงับขนมปังถูกง้างค้างไว้ด้วยสายตากดดันจากร่างสูง มือเรียวจัดการดึงขนมปังออกห่างจากปากตัวเองช้าๆ ดวงตาสีฟ้าหม่นหลุบต่ำลงไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายเพราะเข้าใจว่าตัวเองคงเผลอทำอะไรให้คนตัวโตโกรธอีกแล้วแน่ๆ
“เอ่อ... อันนี้นายจะกินเหรอ ถ้านายจะกินฉันไม่กินก็ได้นะ” ลูอิสพูดขึ้นมาเสียงแผ่ว และทันทีที่ได้ยินคนตัวเล็กพูดจบ แฮร์รี่ก็แทบอยากจะเอาหัวฟูๆ ของตัวเองทิ้งดิ่งลงไปแนบกับกระทะร้อนๆ ที่ตัวเองถืออยู่ให้ตายกันไปข้างในทันที
"..." ร่างสูงก็ยืนเงียบนับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างอดกลั้นพลางจ้องอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
"มีตาก็หัดมองด้วยว่าฉันทำอะไรอยู่" ร่างสูงพูดขึ้นเสียงเข้มอย่างหงุดหงิดพร้อมกับจ้องมองขนมปังในมือลูอิสเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง คนตัวเล็กขมวดคิ้วอย่างงุนงงก่อนจะมองขนมปังตัวเองสลับกับกระทะในมืออีกฝ่ายสลับไปมา...
"ถ้าจะโง่ก็ขอให้มีขอบเขตบ้างนะ..."
คำพูดที่เหมือนคำประกาศิตพูดเบรกอีกคนที่ทำหน้าเอ๋อเหมือนจะบอกอ้อมๆ ว่าเขาต้องการคำตอบที่ถูกต้องและถ้าหากอีกฝ่ายตอบไม่ตรงใจเขาอีก เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ เป็นแน่
"เอ่อ... นายจะทำอาหารเช้าให้ฉันกินเหรอ..." คำตอบที่พูดออกมาอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองคาดการณ์ไว้เท่าไหร่นัก แต่นานๆ ทีเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนก็ไม่เลวเหมือนกัน...คิดว่านะ
"ไปนั่ง" ร่างสูงเมินที่จะตอบคำถามแต่เลือกที่จะพูดสั่งขึ้นมาสั้นๆแทน คนตัวโตจัดการตักไข่ม้วนร้อนๆ ที่ตัวเองทำวางบนจานสองจานที่มีเบคอนทอดกรอบกับขนมปังปิ้งวางไว้ก่อนอยู่แล้ว ก่อนจะหยิบจานอาหารทั้งสองไปวางไว้บนโต๊ะและนั่งลงตรงข้ามพี่ชายต่างสายเลือดของตน
"เดี๋ยวฉันหยิบน้ำส้มให้" ลูอิสพูดขึ้นอย่างนึกได้พร้อมกับลุกไปรินน้ำส้มในตู้เย็นสองแก้วและกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม หลังจากที่กลับมานั่งร่างบางก็นั่งนิ่งอยู่สักพักเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี คงเพราะนี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้มานั่งกินอาหารพร้อมกันกับร่างสูงจึงทำให้เกิดอาการแบบนี้ก็ได้
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างไม่พูดจากันหรือแม้แต่ที่จะขยับตัวใดๆ บรรยากาศโดยรอบอึดอัดขึ้นทันตาแต่ครั้งนี้ลูอิสกลับรู้สึกว่ามันต่างไปจากทุกที ครั้งนี้มันไม่ได้อึดอัดแบบปวดใจแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรกันมากกว่า...เหมือนต่างฝ่ายต่างเขิน?
"วันนี้แวะกันย่านการค้ากันหน่อยมั้ย..." คำพูดออกปากชวนที่ไม่น่าจะหลุดออกจากปากคนปากแข็งอย่างแฮร์รี่ได้สร้างความประหลาดใจกับคนตัวเล็กเป็นอย่างมาก มือเรียวที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากถูกยกค้างเอาไว้ในทันทีก่อนจะตัดสินใจวางลงอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับคำเชิญชวนที่ไม่คาดฝัน
"ไปสิ...ไป ฉันอยากไป" คำพูดที่ระรัวออกมาจากริมฝีปากนุ่มที่โค้งเว้าประดับเป็นรอยยิ้มกว้างทำให้คนตัวสูงต้องแสร้งหันหน้าไปทางอื่นครู่หนึ่งเพื่อตั้งสติตัวเอง
"จะไปก็รีบกิน ไม่ใช่เอาแต่พูด"
"ได้ๆ เดี๋ยวพอกินเสร็จก็ไปกันเลยนะ" รอยยิ้มที่ฉีกกว้างอย่างหุบไม่อยู่เรียกความสนใจจากคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาสีเขียวสดจับจ้องเสี้ยวหน้าที่นั่งก้มกินอาหารพร้อมกับคิดทบทวนบางสิ่งที่ติดค้างภายในใจ
เชื่อเถอะ... เขาไม่ได้เกลียดคนตรงหน้าตั้งแต่แรกหรือฝังใจเจ็บอะไรขนาดนั้นหรอก และสิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นของความแตกแยกนั้นก็เป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก เล็กน้อยเสียจนเขาเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะลุกลามมาใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร แต่บางทีอาจจะเป็นเพราะแผลขนาดเล็กนี้ถูกมองข้ามไปเป็นเวลานานจนสุดท้ายมันก็กลายเป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันจะรักษาให้หายได้เช่นเดียวกับความรู้สึกของเขา
"แล้วเอ่อ...เราไปกันแค่สองคนเหรอ" ลูอิสถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบซึ่งแฮร์รี่ก็ไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่ก้มหน้าก้มตานั่งกินอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ จนอาหารหมด ร่างสูงจึงเงยหน้าขึ้นมา
"อาจจะมา ถ้าเธอว่าง" แฮร์รี่พูดขึ้นก่อนจะลุกเก็บจานและเดินออกจากห้องครัวไปทิ้งให้อีกคนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง
เมื่อมาคิดดูอีกทีเขาแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปตบปากตัวเองแรงๆ สักครั้งข้อหาที่ถามอะไรทำลายบรรยากาศความสุขที่ปกติแทบจะไม่มีทางเกิดขึ้นอยู่แล้ว...แต่ก็นะถึงจะพลาดเรื่องที่ถามอะไรไม่เข้าเรื่องออกไปแต่อย่างน้อยเขาก็ได้มั่นใจได้อย่างเต็มร้อยเรื่องนึง
วันนี้จะต้องเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด...
และจะไม่มีใครมาขัดความสุขของเขาได้
"จะไปกันได้ยัง หรือรอสักชาติหน้าก่อนนายถึงจะพร้อม?" คำพูดจิกกัดที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นของใคร ปกติแล้วไม่ว่าใครหน้าไหนถ้ามาพูดจากวนสหบาทาแบบนี้ใส่เขา คนที่มาแกว่งเท้าหาเสี้ยนคนนั้นคงจะได้นอนกลิ้งหลุนๆ เป็นพรมเช็ดเท้าไปแล้ว แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นและคนตัวสูงก็เป็นข้อยกเว้นทุกอย่างในชีวิตของเขาเช่นเดียวกัน
"เสร็จแล้วๆ เดี๋ยวฉันเก็บจานแล้วจะรีบไป" ลูอิสพูดพลางรีบลุกขึ้นเพื่อนำเศษอาหารที่เหลือกว่าค่อนจานไปทิ้งก่อนที่จะออกไปข้างนอกกับร่างสูง
"นายไม่ชอบอาหารที่ฉันทำเหรอ" เสียงทุ้มดังแทรกขึ้นอย่างกะทันหันทำให้มือที่กำลังจะกวาดเศษอาหารถังขยะชะงักลงทันที ใบหน้าเนียนหันไปหาเจ้าของคำพูดช้าๆ เพราะเริ่มสับสนว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่
"อะไรที่ทำให้นายคิดอย่างนั้นแฮร์รี่ ฉันชอบอาหารที่นายทำที่สุดนั่นแหละ..." ลูอิสพูดถามพร้อมกับส่งยิ้มให้
ฉันชอบเพราะนายเป็นคนทำไงล่ะ
"หึ ปากบอกแบบนั้นแต่มือกลับกวาดทิ้งได้อย่างไม่ลังเลเลยนะ" แฮร์รี่พูดออกมาพร้อมกับกอดอก ดวงตาสีเขียวสดเหลือบมองอาหารที่เหลือกว่าค่อนจานด้วยสายตานิ่งๆ
"...." ริมฝีปากเรียวสวยเม้มเข้าหากันแน่นเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ใจจริงก็ไม่ได้อยากกินทิ้งกินขว้างแต่ถ้าทำตัวอืดอาดแล้วโดนคนตัวสูงทิ้งมันก็ไม่คุ้มเหมือนกัน
"..." ร่างสูงจ้องมองคนตัวเล็กที่ยืนเม้มปากนิ่งไม่ยอมพูดหรือปริปากอะไรออกมานิ่งๆ
"จะยืนอีกนานมั้ย หรืออยากจะ..."
"อย่านะ..." เสียงทุ้มเล็กพูดแทรกขึ้นมาทำให้บทสนทนาของร่างสูงชะงักลงกลางคัน นัยน์ตาสีเขียวมรกตสดใสจับจ้องคนตรงหน้านิ่งๆ ด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา
"ฉันจะไม่ทำให้นายหงุดหงิดอีก พาฉันไปด้วยเถอะ"
ขอร้อง..
อย่าทิ้งฉันไว้อีก
อย่าโกรธอะไรฉันไปมากกว่านี้เลย
เสียงทุ้มหวานของคนตรงหน้าที่ดังอย่างแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความเหงาและอารมณ์น้อยใจ ทำให้น้องชายจอมปากแข็งได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับความคิดมากของอีกฝ่าย บางทีตัวเขาก็สงสัยว่าทั้งที่เขาตั้งใจทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายแท้ๆ แต่ทำไมสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาที่ต้องมาหัวเสียเองด้วย
"เฮ้อ... แก่ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่เลิกนิสัยคิดไปเองเป็นเด็กๆ ด้วยว่ะ" ร่างสูงเดินเข้าไปเกลี่ยอาหารที่คนตัวเล็กถือนิ่งอยู่นานแล้วลงถังขยะไป ก่อนจะดึงมืออีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เดินตามมาซึ่งลูอิสก็ยอมเดินตามด้วยอาการงงงวยกับอารมณ์ผีเข้าผีออกของน้องต่างสายเลือด
"แค่จะถามว่าหรืออยากนั่งกินต่อ ทำไมต้องทำให้เรื่องยุ่งยากด้วย" ริมฝีปากหนาของคนตัวสูงที่บ่นขมุบขมิบออกมาเหมือนคนแก่ทำให้คนตัวเล็กที่เดินตามถึงกับหลุดยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะถูกคนตัวโตดันให้ขึ้นไปนั่งบนรถฝั่งข้างๆ คนขับ
"เอ้า ขึ้นมาแล้ว แทนที่จะคาดเข็มขัด จะมัวนั่งทำบื้อไรของนายว่ะเนี่ย" ไม่พูดเปล่าคนตัวสูงเอื้อมไปคาดเข็มขัดให้อีกฝ่ายด้วยท่าทางฮึดฮัดเพราะหงุดหงิดกับท่าทีซื่อบื้อของคนข้างกายอย่างบอกไม่ถูก
"ขอบคุณนะแฮร์รี่"
เสียงทุ้มนุ่มที่หวานไม่แพ้รอยยิ้มจางที่ประดับบนใบหน้าใส ทำให้เจ้าของหัวฟูหยิกชะงักอีกครั้งก่อนจะเบือนหน้าหนีเหมือนอย่างเคย
"มันจะดีกว่านี้นะ ถ้านายเอาคำขอบคุณเก็บไว้แล้วหัดลงมือทำเองซะบ้าง อย่าลืมสิว่าฉันเป็นเจ้านาย นายมันก็แค่..."
"ปากร้ายแต่ใจดี..." เสียงบ่นอุบอิบที่แทรกขึ้นมาอย่างเบาๆ แต่ก็ดังพอให้คนตัวใหญ่ที่นั่งไม่ห่างมากได้ยิน เจ้าของผมยาวหยิกหันมามองขวับอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวว่าคอจะเคล็ดได้
"เมื่อกี้นายหมายความว่าไง" คิ้วสีน้ำตาลเข้มเกือบดำขมวดผูกเข้าหากันแน่น แม้ว่าใบหน้าจะแสร้งตีหน้าขรึมใส่แต่ภายในอกกลับรู้สึกได้ถึงแรงบีบรัดที่เต้นไม่เป็นจังหวะของหัวใจราวกับเขากำลังคาดหวังบางสิ่งจากผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่ในนาม
"ก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก ฉันแค่จะบอกว่าเราออกเดินทางกันเถอะแค่นั้นเอง" ลูอิสหันมาพูดบอก ตอนนี้เขาทั้งอายทั้งขำตัวเองอย่างบอกไม่ถูกที่ทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ออกไป ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินแต่เขาก็ยังเลือกที่จะมองข้ามการตอบคำถามนั้นไป
เจ้าของร่างสูงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัยแต่ด้วยความขี้เกียจเลยไม่คาดคั้นอะไรต่อ ก่อนจะเริ่มสตาร์ทเครื่องเพื่อออกรถเดินทางไปยังศูนย์ย่านการค้าใจกลางเมือง
ครืด...ครืด...
ความรู้สึกสั่นครืดที่บริเวณหน้าขาด้านขวาทำให้ลูอิสต้องเอื้อมมือล้วงเข้าไปหยิบที่มาของอาการสั่นในกระเป๋ากางเกงออกมา ดวงตาสีฟ้าขุ่นวาววับขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชื่อของใครบางคนปรากฏบนหน้าจอมือถือตน
"โทรศัพท์นายมีอะไรงั้นเหรอ?" แฮร์รี่ถามขึ้นเมื่อเห็นคนข้างกาย นิ่งเงียบไปพักใหญ่หลังจากหยิบมือถือขึ้นมา
"แค่แจ้งเตือนตารางนัดน่ะ ฉันลืมกดยกเลิกแจ้งเตือนของวันนี้ทิ้ง ไม่มีอะไรหรอก" ร่างโปร่งพูดพลางยิ้มกว้างออกมาเพื่อกลบเกลื่อนคำพูดโป้ปดของตนเองอย่างแนบเนียน
มันไม่มีอะไรสำคัญสำหรับนายจริงๆ นั่นแหละ
นายไม่จำเป็นต้องรู้...แฮร์รี่
"อ๊ะ! เหมือนฉันจะลืมหยิบกระเป๋าเงินมาด้วย รอเดี๋ยวนะ" มือเรียวแสร้งทำเป็นตบกระเป๋ากางเกงตัวเองพร้อมกับบ่นออกมา และทันทีที่พูดจบลูอิสก็กระโดดลงจากรถเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้คนตัวสูงได้พูดอะไร
ปึง!!
สิ้นเสียงประตูรถสีดำคันหรูปิดลง นัยน์ตาสีเขียวสดก็ทอดสายตามองภาพแผ่นหลังเล็กของอีกคนไปจนลับตา ก่อนจะถอดถอนหายใจหนักๆ ออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
โกหกไม่เก่งเลยนะ ลูอิส
ทำไมนายต้องโกหกฉันเสมอ...
ทำไมนายต้องคอยหักหลังฉันอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนนั้น...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บอกเลยว่าเรื่องนี้เปิดปมไว้เยอะมาก...ยังแก้ไม่หมด555
ขอโทษที่หายไปนาน...นานมากก เร็นดันมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเรียนนิดหน่อยค่ะ
และนิยายเรื่องนี้จะพักไว้จนกว่าจะหลังวันที่ 8 มีนา...วันสอบแกทแพทQ-Q
แต่จะมาลงต่อแน่นอนค่ะ ซึ่งนิยายเรื่องนี้จะถูกนำไปขายในงานwestern avenueที่บูทB17ด้วย
ภายในเล่มจะประกอบด้วยเนื้อเรื่องฉบับสมบูรณ์ที่ถูกรีไรท์และบางฉากที่จะไม่ลงในนี้
ราคาไม่เกิน 160 แน่ๆ ซึ่งจะมีการเปิดรอบไปรสำหรับคนที่ไม่ได้ไปงานด้วย
ใครที่สนใจติดตามข่าวสารได้ที่เพจนะคะ
แวะมาคุยปรับทุกข์ได้นะคะ
งั้นบายบีปีเอโร่ค่า หวังว่าจะได้พบกับทุกคนอีกเร็วๆ นี้น้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
