ตอนที่ 13 : Larry : ทุกอย่างมันจบแล้ว
บทที่ 9
ทุกอย่างมันจบแล้ว
กิ๊งก่อง…กิ๊งก่อง...กิ๊งก่อง
เสียงออดที่ดังระรัวไม่ยอมหยุดทำให้หญิงสาวที่กำลังแต่งหน้าสำหรับการไปงานปาร์ตี้คืนนี้ชะงักลง มือเรียวบางวางลิปสติกสีชมพูวาวที่กำลังจะละเลงบนริมฝีปากลงบนโต๊ะ ขาเรียวสวยเดินไปที่บริเวณตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อคลุมออกมาก่อนจะชะเง้อมองว่าใครเป็นคนมากดกริ่ง
กิ๊งก่อง...กิ๊งก่อง...กิ๊งก่อง
เสียงกริ่งที่ดังอย่างต่อเนื่องทำให้หญิงสาวไม่ทันมองให้แน่ชัดว่าเป็นใครรีบวิ่งลงไปดูด้วยความรำคาญ
“รู้แล้ว…รู้แล้ว ใครกันน่ะ คิดจะมาพังออดบ้านฉันรึไง” เดน่าเดินมาถึงหน้าบ้านด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ลืมที่จะตะโกนถามถึงบุคคลปริศนาที่มาเยี่ยมเยียนเธอในเวลาเย็นขนาดนี้ก่อนจะเปิดประตูต้อนรับ
“ฉันเอง...” เสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยทำให้หญิงสาวต้องเดินเข้าไปใกล้บริเวณรั้วอีกนิดเพื่อดูให้แน่ชัดว่าเป็นใคร ทันทีที่ได้มองเสี้ยวหน้านั้นหญิงสาวก็ชะงักไปทันที
“ลูอิส?” ริมฝีปากเรียวเล็กพูดชื่ออีกฝ่ายทวนเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ลูอิสมาหาเธอ? ทั้งที่ปกติไม่เคยเลยสักครั้งที่ชายหนุ่มจะมาหาเธอก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอประกาศกร้าวไปเสียขนาดนั้นมันยิ่งไม่น่าเป็นไปได้
“ขอฉันเข้าไปหน่อยได้ไหม” นัยน์ตาสีฟ้าซีดหลุบต่ำลงอย่างเหนื่อยอ่อนเช่นเดียวกับใบหน้าขาวเนียนที่เคยอมชมพูแต่บัดนี้กลับซีดเซียวไร้ซึ่งชีวิตชีวาภายในชั่วข้ามคืนจนแทบจะไม่เหลือเค้าความเป็นลูอิสคนเดิม หญิงสาวที่เห็นท่าทีย่ำแย่ของชายหนุ่มจึงรีบเปิดประตูต้อนรับทันที
“ทำไมสภาพนายถึงเป็นแบบนี้ล่ะ” หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีทองสุกสว่างรีบเข้าไปช่วยประคองคนรักทันที แต่ถึงจะถามอะไรไปลูอิสก็เอาแต่ก้มหน้านิ่งเงียบไม่ยอมปริปากอะไร
“งั้นนั่งพักตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรมาให้ดื่ม” เดน่าพาร่างโปร่งเข้ามานั่งในห้องรับแขกก่อนจะพูดบอกแล้วเดินหายลับไปในห้องครัวทันที
ร่างโปร่งที่นั่งอยู่ในห้องอันว่างเปล่าก้มมองดูมือที่กุมเข้าหากันแน่นจนสั่นไปหมด เหงื่อที่ไหลซึมออกมาจนเสื้อผ้าที่ใส่เริ่มเปียกชื้นยิ่งกระตุ้นให้เขารู้สึกตื่นเต้นและร้อนรน สายตากลมโตสอดส่ายไปทั่วบริเวณห้องก่อนจะเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่กำลังแขวนอยู่บนฝาผนัง เพียงชั่วพริบตาราวกับเขากำลังถูกสิ่งนั้นดึงดูดเข้าไปจนไม่อาจละสายตาออกจากมันได้
เพล้ง!!
เสียงแก้วใสที่กระทบลงบนพื้นและแหลกสลายกระจัดกระจายไปทั่วพื้นทำให้ร่างโปร่งดึงสติตัวเองกลับมา ก่อนจะพบว่าตอนนี้ตัวเขาไม่ได้นั่งอยู่ที่โซฟาแล้ว ดวงตาสีฟ้าอมเทามองหญิงสาวที่กำลังยืนตัวสั่นและจ้องมองมาที่เขาด้วยความหวาดกลัว
“นายกำลังจะทำอะไรน่ะ” ความรู้สึกเหมือนถูกกระชากออกมาจากภวังค์อะไรสักอย่าง ลูอิสก้มลงมองฝ่ามือหนาของตัวเองก็พบวัตถุสีดำสนิทที่เขาเผลอหยิบลงมาจากแท่นวางโชว์บนฝาผนังโดยไม่รู้ตัว
ใบหน้าเนียนขาวซีดคลี่ยิ้มออกมาด้วยริมฝีปากที่สั่นเทาราวกับคนเสียสติ เดน่าที่รับรู้ได้ถึงอันตรายจากคนตรงหน้าจึงรีบออกตัววิ่งทันที ใบหน้าเรียวสวยได้รูปของหญิงสาวหันซ้ายหันขวาพยายามหาที่หลบซ่อนอย่างเอาเป็นเอาตายในขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครอีกคนกำลังเดินเข้ามาใกล้
ตึก...ตึก...ตึก
“!!!” เสียงฝีเท้าทุกย่างก้าวที่ดังขึ้นทุกขณะทำให้เกิดความกดดันต่อหญิงสาวเป็นอย่างมาก ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องวิ่งหนีแต่สิ่งเดียวที่ควบคุมสติสัมปชัญญะคือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเท่านั้น
“เดน่า...” เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นมาเนืองๆ ทำให้หญิงสาวที่กำลังเดินวนอยู่บริเวณบันไดต้องจำใจวิ่งขึ้นไปบริเวณชั้นสองของตัวบ้านอย่างช่วยไม่ได้ ขาเรียวสวยรีบวิ่งไปห้องนอนของตัวเองเพื่อไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะเครื่องแป้งและหวังจะวิ่งไปหลบอีกห้องเผื่อจะมีโอกาสวิ่งลงบันไดไปชั้นหนึ่งได้เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าไปสำรวจในห้องต่างๆ
“นั่นไง” เสียงสูงแหลมของลูกสาวมหาเศรษฐีร้องขึ้นเบาๆ ด้วยความดีใจเมื่อเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือสีชมพูน่ารักของตนเองที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวกระโจนเข้าไปหามือถือตนทันทีพร้อมกับตั้งท่าเตรียมวิ่งไปหลบห้องอื่นเพื่อโทรขอความช่วยเหลือและหาทางหนีทีไล่ทางอื่น
ตึก...ตึก...ตึก
ยังไม่ทันจะได้ก้าวพ้นขอบประตูเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นก็มาหยุดอยู่บริเวณหน้าห้องนอนของเธอ มือเรียวสวยยกขึ้นมากุมปากตัวเองไว้แน่นเพื่อระงับเสียงที่เกือบจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาสีเฮเซลกวาดหาที่ซ่อนที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็วก่อนจะตัดสินใจไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าขนาดยักษ์ของเธอ
ร่างผอมเพรียวของเดน่าสั่นระริกไปด้วยความหวาดกลัวขณะคลานเข้าไปในตู้อย่างทุลักทุเล โดยเธอก็พยายามทำตัวลีบให้มากที่สุดเพื่อหลบซ่อนเช่นกัน หลังจากเข้ามาหลบในตู้ได้แล้วหญิงสาวก็ไม่รีรอที่จะเปิดมือถือของตัวเองเพื่อโทรขอความช่วยเหลือทันที
“ฉันรู้ว่าเธออยู่ในนี้” ไหล่บางกระตุกวาบเมื่อได้ยินเสียงทุ้มจากอดีตคนรัก หญิงสาวแอบเหลือบมองผ่านช่องเล็กๆ ของตู้ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังยืนหันหลังให้กับตู้ที่เธอแอบอยู่ มือเรียวยกขึ้นมาทาบอกด้วยความโล่งใจที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าตนซ่อนอยู่ตรงไหน โดยภายในใจลึกๆ ก็แอบหวังว่าอีกฝ่ายจะแค่พูดลองเชิงเฉยๆ
“ปืนนี่...ก็แค่ของตั้งโชว์ ไม่มีกระสุนหรอก” คำพูดที่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ทำให้ผู้ที่แอบฟังอยู่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยถึงความหมายโดยนัยที่ซ่อนอยู่ในประโยคนั้น
“แต่ฉันรู้ว่าเธอต้องมีมันไว้ป้องกันตัว..ซึ่งมันน่าจะอยู่ในห้องนี้ ถูกมั้ย” เสี้ยวหน้าคมคายหันกลับมาเหลือบมองผ่านช่องประตูตู้เสื้อผ้าที่แง้มออกมาเล็กน้อยอย่างรู้ทัน ร่างเล็กของหญิงสาวกระตุกวาบด้วยความกลัวพร้อมกับเร่งมือโทรหาใครสักคน
แอ๊ด...
แสงสว่างโทนส้มอ่อนของหลอดไฟสาดทับเข้ามาภายในตู้อันเป็นที่หลบซ่อนสุดท้ายของหญิงสาว ดวงตาสีน้ำตาลทองเหลือบมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างหวาดกลัว สายตาของเธอที่สั่นระริกสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าหม่นอันว่างเปล่าที่เก็บซ่อนทุกอารมณ์ไว้จนยากจะคาดเดาได้
“อ...อย่าทำอะไรฉันเลย นายเป็นอะไรไปลูอิส นายคิดจะทำอะไรกันแน่” น้ำเสียงหวานอันสั่นเทาถามขึ้นด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้คนตรงหน้าเธอเป็นใคร เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ที่แน่ใจคือตอนนี้ตัวเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
“...” ร่างโปร่งไม่พูดตอบอะไรพร้อมกับกระชากมือถือที่กำลังโทรออกของหญิงสาวออกมา และกดตัดสายที่หญิงสาวต่อไปเมื่อครู่ทิ้ง ร่างผอมบางเรียวเล็กสไตล์นางแบบถอยกรูดจนแทบจะสิงเป็นเนื้อเดียวกับผนังตู้ด้านหลังตนในขณะที่สายตาก็มองหาทางหนีไปด้วย
“เดน่า...ฉันน่ะ” เสียงทุ้มนุ่มลึกดังออกมาอย่างเงียบๆ ทำให้คนที่กำลังตื่นกลัวหันไปสบคนเบื้องหน้าอย่างประหลาดใจ
“ฉันแค่อยากจะมีความสุข...แค่อยากจะอยู่กับแฮร์รี่ก็เท่านั้น” เสียงพูดดังสะท้อนก้องไปทั่วห้องนอนด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออันเจ็บปวด
“ถึงไม่ได้ยืนข้างกันก็ไม่เป็นไร...ขอแค่ได้มองอยู่ห่างๆ แค่อยากเฝ้ามองให้เขามีความสุขก็พอแล้วเพราะฉันเองก็รู้ตัวดีว่าคนอย่างฉันคงไม่มีใครต้องการ สำหรับฉัน...ความสุขของเขาก็คือของฉัน” มันจะรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหนกับการรักทั้งที่รู้ว่าคงไม่มีวันได้สมหวัง...ไม่มีวันที่ร่างสูงจะรักเขาแต่ถึงจะรักเขาจริงก็คงยากที่จะมีใครยอมรับ
แค่อยากให้เขามีความสุข
ถ้าเขามีความสุข ตัวเราก็มีความสุข
รอยยิ้มของเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
คำพูดมากมายที่เป็นเหมือนข้ออ้างทำให้ตัวเองดูดี คำพูดสวยหรูราวกับพ่อพระแม่พระผู้ไม่ต้องการสิ่งใด แต่แท้จริงแล้วบางคนไม่ได้สนใจหรอกว่าตัวเองจะต้องดูดีแค่ไหนในสายตาคนอื่น ลูอิสก็เช่นกันเขาไม่ได้อยากให้ใครมาเห็นใจ...ไม่ได้อยากทำตัวให้ดูดีในสายตาแฮร์รี่หรือใครๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็แค่คำปลอบใจ เป็นแค่คำปลอบโยนให้กับหัวใจที่สิ้นหวังกับความเป็นจริงที่ว่า
เขาไม่รักเรา...
“แต่เธอกำลังจะทำลายพวกเขา...ทำลายความสุขของฉัน เธอทำให้ฉันไม่มีทางเลือกเดน่า” ฝ่ามือหนาข้างที่ถือปืนไว้คลายออกอย่างช้าๆ โดยปล่อยให้วัตถุสีดำอันไร้ประโยชน์ร่วงหล่นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกก่อนจะเอื้อมไปหยิบมีดพกด้ามเดิมในกระเป๋ากางเกงออกมาอีกครั้ง
“นายก็เลยคิดจะฆ่าฉันงั้นเหรอ!! นายบ้าไปแล้ว ลูอิส!!” หญิงสาวหวีดร้องกลับไปทั้งน้ำตาที่ไหลรินลงมาด้วยความกลัวตาย มือเรียวสวยหยิบคว้าทุกสิ่งที่หาได้รอบตัวก่อนจะขว้างมันออกไปใส่ร่างสูงเพื่อป้องกันตัว แต่ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์เพราะคนตรงหน้าไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
ปึ่ก!!
ระหว่างที่มัวแต่ขว้างของใส่ร่างโปร่งแบบไม่ลืมหูลืมตา เดน่าก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กระทบเข้าที่ตักเธออย่างแรง
มือถือ?
โทรศัพท์ของเธอที่ถูกดึงไปตอนแรกถูกโยนลงบนตักเธออีกครั้ง มือเรียวสวยของหญิงสาวรีบคว้าขึ้นมาดูอย่างสั่นๆ ก่อนจะพบตัวอักษรบางอย่างบนหน้าจอที่สว่างวาบ ดวงตาสีเฮเซลเบิกกว้างด้วยความตกใจพร้อมกับเงยขึ้นไปสบกับคนที่ยืนอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ
“!!!” กว่าจะเงยหน้าขึ้นมารู้ตัวอีกทีเดน่าก็เห็นเพียงมือหนาที่พุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว ร่างกายทุกส่วนด้านชาไปเสียหมดจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
“ไม่!!!”
.
.
ครืด...ครืด
แฮร์รี่ที่กำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในบาร์ของโรงแรมชั้นหนึ่งใจกลางเมืองหรี่มองโทรศัพท์ที่สั่นไหวในกระเป๋ากางเกงตัวเองด้วยความรำคาญแต่ร่างสูงก็เลือกที่จะเมินเฉยต่อไป
ทันทีที่เขารู้ว่าลูอิสกำลังจะเดินทางมาถึงบ้านเขาก็รีบออกมาโดยทันทีเพราะตอนนี้เขายังไม่พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับลูอิส แม้ว่าจะเข้าใจความตั้งใจของอีกฝ่ายที่ทำเพื่อเขาแต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่ผิดก็คือผิด ไม่ว่าร่างบางจะมีเจตนาอย่างไรก็ตามแต่การทำร้ายใครสักคนนั่นก็คือสิ่งที่ผิดและสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้มากที่สุด รองลงมาจากเรื่องที่อีกฝ่ายโกหกเขาเสมอมา
ครืด...ครืด
มือถือที่สั่นไม่ยอมหยุดทำให้ร่างสูงจำใจยกขึ้นมาดูว่าเป็นใครกันแน่ คิ้วเรียวสีน้ำตาลได้รูปขมวดเข้าหากันเขม็งเมื่อพบว่าคนที่โทรมาหานั้นคือแฟนสาวของเขาเองซึ่งเธอไม่ยอมรับสายเขามาตั้งแต่เมื่อคืนวาน
เกิดอะไรขึ้น?
แฮร์รี่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มือหนาจึงรีบกดปุ่มรับสายและยกขึ้นมาแนวกับหูตัวเองโดยทันที
“--อึก...ฮึ่ก...เจ็บ ฉันเจ็บ...อย่าทำฉันเลย--” เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดทำให้คนถือปลายสายเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“--ฮือ...ขอร้อง โอ๊ยยยย ค..ใครก็ได้ช่วยด้วย--” เสียงร้องขอความช่วยเหลือบ่งบอกว่าหญิงสาวกำลังตกอยู่ในอันตราย มือหนาที่ถือโทรศัพท์บีบรัดเข้าหากันแน่นด้วยความเครียด ลำขาแกร่งรีบก้าวขายาวๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปที่รถโดยไม่ลืมที่จะเอาโทรศัพท์แนบหูของตนตลอดเวลาเพื่อดักฟัง
“--บ้านใหญ่โตขนาดนี้ อยู่คนเดียวคงจะเหงาสินะ--” เสียงทุ้มที่ฟังบ่อยจนคุ้นหูอีกเสียงทำให้แฮร์รี่ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นเสียงของใคร มือหนากดตัดสายทิ้งก่อนจะขว้างโทรศัพท์ของตนไปที่เบาะข้างคนขับอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเหยียบคันเร่งไปหาแฟนสาวที่กำลังตกอยู่ในอันตราย
“ลูอิส...” ขณะที่กำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังที่หมาย คนตัวสูงก็พูดพึมพำถึงชื่อใครอีกคนขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ
ลูอิส
นายกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จะลงให้ตั้งแต่วันอาทิตย์แต่มีงานด่วนมาเลยสลบหลายวัน555
ขอบคุณที่ยังคงติดตามกันนะคะ นี่ก็โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้ว
เวลาการอัพค่อนข้างแน่นอน อาทิตย์ละครั้งนะคะ
ถ้าอยากเก็บสะสมยังมาสั่งซื้อกันได้นะคะ 200 บาทรวมค่าจัดส่ง รับรองว่าห่อบับเบิ้ลแน่นๆ เลย555
ซื้อมาม้วนใหญ่ไปต้องเอาให้คุ้มมม
ในเล่มมีตอนพิเศษด้วยน้าา ตอนนี้พร้อมส่ง 31 เล่มหมดแล้วหมดเลยนะคะ
เล่มนี้มีสองตอนจบซึ่งต้องไปหากันเองในเล่ม>w<
ถ้าซื้อไปวันไหนเร็นมีเรื่องดีๆ อาจจะทำการแจกฟรีโดยโอนเงินคนที่ซื้อไปแล้วให้สักคนสองคน 555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
