คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 08 ; To be my sunshine
To be my sunshine
{ 08 }
“ กินสิฮยอง ผมอุตส่าห์ไปซื้อมาให้ ” ไออุ่นที่แผ่ออกมาจากบะหมี่ตรงหน้าชวนน่ากินจนใครก็ปฏิเสธไม่ลง..แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวโตก็ไม่ยอมอ้าปากกินอยู่ดี
“ รู้ไหมวันนี้วันอะไร? ” คนป่วยที่ดื้อแพ่งไม่ยอมกินจ้องใบหน้านวลของอีกฝ่าย ราวกับว่าถ้าเขาไม่ตอบคนตัวสูงก็จะไม่ยอมกิน
“ วันที่ฮยองไม่สบาย กินข้าวเถอะ ” ชานยอลมองคนป่วยด้วยสายตาปริบๆ เขาไม่เข้าใจสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองกลับมาเท่าไหร่นัก
“ ลืมพี่ไม่พอ.. ยังลืมวันนี้ด้วยเหรอ ” คริสพูดเสียงเรียบ ดวงตาคมหลุบลงต่ำ มือหนาค่อยๆคีบบะหมี่ในถ้วยกระดาษขึ้นมากินแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
“ วัน... วันอังคาร? ”
“ จำไม่ได้จริงๆสินะ ”
“ วัน...วันที่16 ” ชานยอลเหงื่อตก ชายหนุ่มมืดไปแปดด้าน กลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธก็กลัว แต่ทำยังไงก็นึกไม่ออกนี่สิ วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย
“ จำไม่ได้ก็อย่าเดามั่วเลย ” คริสเหลือบมองเสี้ยวหน้าคร่ำเครียดของคนที่เขารัก ก่อนเสมองไปทางอื่นเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าตาน่าสงสารหันมามอง
“ ผม...ขอโทษ ” ใบหน้าหมองๆที่ก้มลงในสภาพเดียวกับลูกหมาสำนึกผิด ทำลายความใจแข็งของคนตัวสูงได้ในที่สุดมือหนาวางกล่องบะหมี่ลงขณะกระตุกเสื้ออีกฝ่ายเบาๆ
“ มานี่.. ”
“ .... ” ลูกหมาตัวน้อยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ชานยอลเพียงแค่เดินช้าๆตามแรงดึงของอีกฝ่ายจนมานั่งปุ๊กอยู่บนเตียงของคนไข้
“ วันนี้วันที่เท่าไหร่? ”
“ สิบหก.. ”
“ แล้วทำไมจำไม่ได้? ” มือหนาคว้ามือเรียวของคนที่นั่งอยู่บนเตียงมากุมไว้ นิ้วเรียวของคนตัวสูงประสานเข้ากับนิ้วมือของอีกฝ่ายช้าๆ
“ ...ขอโทษ ”
“ พูดขอโทษอีกคำ..พี่จูบนายแน่ ” น้ำเสียงจริงจังกับดวงตาคมที่จ้องมาโดยปราศจากแววตาล้อเล่น ยืนยันได้ว่าถ้าขืนเขายังพูดอีกล่ะก็ คนตัวสูงคงทำอย่างที่เขาว่าจริงๆ
“ วันนี้วันอะไร? ” วนมาอีกครั้งกับคำถามที่เขายังคิดไม่ออก วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย?
“ วัน...วัน.. วันน.. ” คนพูดมากกลายเป็นติดอ่างไปซะอย่างนั้น นี่มันยากซะยิ่งกว่าให้เขาตอบคำถามของหัวใจตัวเองอีกล่ะมั้ง
“ หืม? ”
“ วันครบรอบหนึ่งปี..... ” คำตอบที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในใจ ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อนึกย้อนไปถึงสภาพที่บ้านตอนเขาวิ่งออกมา ภาพในหัวค่อยๆแล่นย้อนหลังไปช้าๆ
อ่า... เขานี่แย่ซะมัด
แม้แต่วันสำคัญ.. ยังลืมได้เลย
แถมยังปล่อยให้คนใจดีคนนี้ตากฝนอีก..
ปาร์คชานยอลเริ่มตำหนิตัวเองในใจ ใบหน้าสลดกับไหล่ที่ลู่ลงไม่สามารถรอดพ้นสายตาของคนที่มองอยู่ไปได้
“ พี่แช่เค้กไว้ในตู้เย็น นายไม่ได้แอบกินก่อนใช่ไหม? ” รอยยิ้มบางๆของคนถามคลี่ออก มือที่ยังคงกุมมือของเขาแน่นบีบเบาๆอย่างปลอบประโลม คริสเลือกที่จะเลี่ยงไม่ให้คนที่เขากุมมืออยู่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ด้วยการเปลี่ยนเรื่องพูดคุย
“ พอไม่เจอพี่ผมก็วิ่งออกมาแล้ว... ไม่ทันได้ทำอะไรหรอก ” ชานยอลทำปากจู๋
“ พี่ซื้อกับข้าวไว้เต็มเลย.. ”
“ กะว่าจะกลับไปกินกับนาย ”
“ ผม...ขอโทษนะ ” ดูเหมือนว่าเขาจะพลาดไปซะแล้ว ลมหายใจของอีกฝ่ายที่กระชั้นใกล้จนเขาสัมผัสได้ กับดวงตาที่ดูดกลืนทุกๆสิ่งและสะกดให้เขาตกอยู่ในภวังค์ อยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของเขาเท่าไหร่นัก
“ ไม่ต้องขอโทษแล้ว... ไว้กลับบ้านไปกินด้วยกัน... นะครับ ” ดวงตาแพรวพราวที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ช้าๆกับประโยคก่อนหน้าที่ไม่ต่างจากเวทมนตร์วิเศษ
นี่เขาเป็นแม่มดไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงต่อกรกับเจ้าชายคนนี้ไม่ได้เลยสักวิถีทาง..
จะปฏิเสธไม่ไหว.. จะขัดขืนก็ทำไม่ได้.. ดวงตาคู่นั้นทำให้เขารู้สึกราวกับทุกอย่างดูว่างเปล่าและไม่มีอยู่จริง
จะมีก็แต่ดวงตาที่พราวระยับของคนๆนี้กับสัมผัสอุ่นๆที่แนบลงมากับริมฝีปากเท่านั้นแหละ... ที่เกิดขึ้นและรู้สึกได้จริงๆ
ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้ามาในโพรงปากกวาดเอาความหอมหวานออกไปอย่างไม่รู้เบื่อ คนตัวสูงอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นพักใหญ่ ก่อนจะละริมฝีปากออกอย่างเสียดายเมื่อคนที่เขาตักตวงเอาความหวานละมุนจากริมฝีปากอิ่มนั่นหอบหายใจไม่ทัน
“ ฮยอง...เอาเปรียบผม ” มือเรียวที่หลุดออกจากการเกาะกุมยกขึ้นปิดริมฝีปากอิ่มที่แดงช้ำ
“ เป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ต้องดูแลคนป่วย ” คนแก่กว่าขยับยิ้มกว้างกับการกระทำของอีกฝ่าย
“ ผมเปล่านะ ไม่ได้เป็นพยาบาลนี่นา ถ้าพี่อยากได้พยาบาลดูแล เดี๋ยวผมไปเรียกมาให้ก็ได้ ”
“ ขอนางพยาบาลที่ตัวสูงๆ ผมสีน้ำตาลหัวฟูๆ ท่าทางเอ๋อๆ ที่ชื่อปาร์คชานยอลนะครับ ” เสียงตอบจากคริสทำเอาขาที่กำลังจะก้าวลงจากเตียงชะงักในทันที ใบหูแดงๆทำให้คนพูดที่แอบมองอยู่ ยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ แล้วก็.. ฝากบอกนางพยาบาลคนนั้นด้วยนะครับว่าวันนี้ต้องนอนเฝ้าด้วย ” ชานยอลก้มหน้างุดเมื่อได้ยินคำสั่งทิ้งท้ายก่อนที่คนพูดจะลงมือกินบะหมี่ต่อ
นอนอะไร?....
นอนเฝ้าอะไร?...
“ สายน้ำเกลือเกะกะชะมัด.. นายป้อนพี่ได้ไหม? ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นดึงเขาออกจากความสงสัย ใบหน้าหล่อเหลาส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาอย่างเต็มที่
“ ทีตอนทำอย่างอื่นยังไม่เห็นบ่นเลยว่าเกะกะ.. ” ชานยอลพึมพำแต่ก็ไม่สามารถรอดจากหูของคนป่วยไปได้
“ ก็ทำอย่างอื่นมันไม่ต้องใช้มือเยอะนี่.. มีคนบางคนทำให้.. ”
“ พูดเรื่องนี้อีกผมจะไม่ป้อนจริงๆด้วย.. ” คนโดนแซวขู่พลางคีบบะหมี่มาจ่อที่ตรงหน้าของคนป่วยพูดมาก
“ อ่ากอินอนอ้อนอ้วย ” คริสพูดพร้อมเคี้ยวตุ้ยๆ จนคนป้อนต้องหันมาถาม
“ ฮยองว่าอะไรนะ? ” คนพูดไม่ยอมตอบคำถาม เจ้าของใบหน้าคมเพียงแค่ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร แล้วอ้าปากรอให้คนป้อนป้อนบะหมี่คำต่อไปด้วยใบหน้ามีความสุข
‘ มีความสุขมากเกินไปแล้วนะ... สุขจนน่าหมั่นไส้เลยล่ะ ฮยองบ้า.. ‘
-*-*-*-*-*-
“ หนาวชะมัด.. ” เสียงบ่นพึมพำของชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนกอดอกอยู่ปากประตู ทำให้คนฟังขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
บ่นว่าหนาวแต่ก็ยืนอยู่ข้างนออกแบบนั้นเนี่ยนะ... นายแพทย์หนุ่มส่ายศีรษะกับการกระทำของอีกฝ่ายช้าๆ ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปทักทาย
“ หนาวแล้วคุณมายืนตากลมอยู่ตรงนี้ทำไม? ” ประโยคที่ไม่รู้ที่มาทำเอาคนที่กำลังยืนเหม่อสะดุ้งโหยง โอเซฮุนเหยียบเท้าตัวเองจนล้มลงไปกองกับพื้น
“ เอ้า เป็นอะไรรึเปล่าครับ? ” ท่าทีเงอะงะซุ่มซ่ามของคนที่กองอยู่บนพื้นทำเอาคุณหมอหนุ่มขำพรืดมือหนายื่นออกไปตรงหน้าของอีกฝ่าย เซฮุนมองมือที่ยื่นออกมาตรงหน้าเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“ ยังไม่รีบลุกอีก พื้นถนนมันสกปรกนะครับคุณ ” เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขาชักช้า มือหนาจึงเคลื่อนมาดึงข้อมือของเขาเสียเองเสร็จสรรพ แรงฉุดที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาอย่างง่ายดายไม่ค่อยสมกับหุ่นผอมๆแบบคนดึงสักเท่าไหร่
“ ขอบคุณสักคำก็ไม่คิดจะให้กันบ้างเลยรึไง ” คนที่พึ่งลุกได้แต่อ้าปากค้างมองกิริยาของคนตรงหน้าอย่างงุนงง
อะไรของเขาล่ะเนี่ย เดินมาเอง ช่วยเขาเอง แล้วก็มาบ่นเอง
“ เอ่อ.. ขอบคุณครับคุณหมอ ” เซฮุนตอบกลับทั้งที่ยังคงสีหน้าเหวอเอาไว้อยู่ เกิดมาจนโตป่านนี้ชายหนุ่มพึ่งจะเคยเจอคนพิลึกๆแบบคุณหมอตรงหน้าเป็นคนแรก
“ ไม่เป็นไรครับ .. พูดขอบคุณก็เป็นนี่นา ตรวจสมองหน่อยไหมคุณ? เผื่อมีอะไรผิดปกติ ” คำว่าตรวจสมองทำเอาเซฮุนเบิกตากว้างอีกครั้ง
พระเจ้า.... ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรมากไหมครับเนี่ย...
“ เอ่อ... ผมว่าผมปกติดีอยู่นะครับ ” ชายหนุ่มส่งยิ้มแห้งๆให้คนประหลาดตรงหน้า เขาเตรียมตัวจะบอกลาอีกฝ่ายออยู่แล้วถ้าเกิดไม่มี...
“ ไค เมื่อไหร่จะออกเวร ง่วงแล้วนะ.. ” เสียงงัวเงียที่มาพร้อมกับเสื้อกันหนาวสีแดงทำให้เซฮุนแข็งเป็นหิน อาการปอดแหกจู่โจมชายหนุ่มในชั่ววินาที..
ให้ตาย.... นี่เขาทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับ สองคนนี้กันนักหนานะ..
หนียังไง...ก็หนีไม่พ้นสักที
คุณหมอโรคจิตที่ชื่อ “ไค” กับคนน่ารักที่ชื่อ “ ลู่หาน ”
คนสองคน.... ที่เป็นแฟนกัน...
โอย... โอเซฮุนจะเป็นลม...
-*-*-*-*-
“ อิ่มมากเลย ” คนตัวโตล้มตัวลงนอนตาปรือแทบจะทันทีหลังจากที่ชานยอลป้อนบะหมี่จนหมด
“ สบายจังเนอะ มีคนป้อนให้.. ” เสียงบ่นงึมงำดังขึ้นจนร่างสูงพลิกกายไปหาต้นเสียง ไฟในห้องพักดับลงเหลือแต่ความมืดของยามค่ำคืน
“ วันหลังพี่ป้อนให้บ้างเอาไหมละ?.. ไปนอนทำไมตรงนั้น? ” คริสถามคนที่กำลังขยับผ้าห่มให้แผ่ออกด้วยความสงสัย เขาไม่ได้อยากให้นางพยาบาลส่วนตัวนอนตรงนั้นสักหน่อย
“ ญาติคนไข้ก็ต้องนอนโซฟาสิครับ ฮยองน่ะนอนได้แล้ว หายช้าก็ได้กลับบ้านช้านะ ” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่แผ่ตัวลงกับหมอนปรามอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าตัวเองป่วยอยู่
“ หายน่ะ หายนานแล้วตั้งแต่ได้รับตัวยาพิเศษ ” คริสตอบกลับ ที่อาการไม่สบายหายไปง่ายดายแบบนี้ก็คงเพราะตัวยาพิเศษของคนที่นอนพลิกตัวหันหลังให้เขานั่นแหละ
“ ปาร์คชานยอลครับ.. ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นท่ามากลางความมืด คนที่หันหลังให้ได้ยินชัดเจนแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะนิ่งงันไม่ตอบรับประโยคๆนั้น
“ ปาร์คชานยอลมานอนตรงนี้.. ” มือทั้งสองข้างรั้งผ้าห่มขึ้นจนคลุมมิดศีรษะ ดวงตากลมหลับปี๋ ชานยอลพยายามกล่อมตัวเองให้หลับซะ เขารู้ดีว่าหากขืนหันกลับไปหาร่างสูงคนนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงปฏิเสธไม่ได้
“ มานอนได้แล้ว เด็กดื้อของพี่ ” เสียงทุ้มที่เปลี่ยนมากระซิบแผ่วอยู่ข้างๆหูยิ่งทำให้ชานยอลม้วนตัวเป็นดักแด้ในผ้าห่ม
“ ชานยอล.. ”
“ ไม่เอา... ไม่ไป ”
“ จะไปดีๆหรือให้พี่อุ้ม? แต่ถ้าพี่อุ้มแล้วสายน้ำเกลือหลุดนายต้องรับผิดชอบนะ ” ดูเหมือนคำขู่จะได้ผลเมื่อตัวอ่อนดักแด้โผล่ใบหน้าออกมาช้าๆ ถึงจะมีเพียงแสงรำไรจากแสงไฟข้างนอกหน้าต่าง แต่คริสก็รู้ดีว่าป่านนี้แก้มนวลคงแดงปลั่งไม่ต่างจากผิวมะเขือเทศ จมูกโด่งเป็นสันกดลงกับแก้มนิ่มตามความเคยชิน ถึงแม้ความมืดจะทำให้พลาดไปโดนมุมปากแต่ก็ไม่ได้ถือเป็นข้อผิดพลาดสำหรับคริส แถมดูจะเป็นกำไรเสียอีก
“ ว่าไง? จะให้พี่อุ้มเหรอ? ”
“ ไนท์คิสก็ได้ไปแล้ว...จะเอาอะไรอีก ฮยองไปนอนเลย ” ดักแด้เอ่ยปากไล่คนหัวดื้อที่ไม่ยอมพอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ไปสักทีด้วยน้ำเสียงอ้อน ชานยอลรู้ดีว่าถ้าไม่อ้อนก็อย่าหวังว่าจะเอาชนะคนแก่หัวดื้อโหมดไม่สบายเพราะพิษไข้ที่ยืนอยู่ได้เลย
ชักจะได้ใจมากเกินไปแล้ว...
แค่เขาเผลอพูดไปหน่อยเดียวเอง...
ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาพูดความรู้สึกที่มีต่อเจ้าของดวงตาคมคู่นั้นออกไปทั้งหมด
ตุ้บ...
น้ำหนักที่กดลงบนโซฟาทำให้ชานยอลไม่กล้าขยับตัว สัมผัสอุ่นๆที่ไล้มาตามบั้นเอวก่อนจะโอบกอดตัวของเขาไว้หลวมๆทำเอาลมหายใจติดขัด ไหนจะลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดหลังใบหูของเขาอยู่นี่อีก
เพราะเขาไม่ยอมไปนอน.. คนตัวโตเลยย้ายมานอนกับเขาแทน
“ ฮะ...ฮยอง ” คนถูกกอดเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่น
“ หืม? ”
“ นอนแบบนี้เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก แล้ว...แล้ว ถ้าสายน้ำเกลือหลุดจะทำยังไง? ” คริสหลุดยิ้มกับการเอาเหตุผลเข้าสู้ของอีกฝ่าย จมูกโด่งกดลงกับกกหูของคนในอ้อมกอดก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาเป่าลมเบาๆ
“ ฮื้อ... ” คนถูกกระทำครางเสียงแผ่ว มือทั้งสองข้างพยายามปิดใบหูของตัวเองอย่าสุดความสามารถ ยิ่งเห็นอาการแบบนั้นชายหนุ่มคนป่วยยิ่งอยากแกล้งมือหนาลัดเลาะตามแนวกระดุมของคนในอ้อมกอด ก่อนสอดฝ่ามือเข้าไปสัมผัสกับหน้าท้องเรียบเนียนอย่างจงใจ
“ ฮ..ฮยอง ไม่เอาแล้ว ไปก็ได้ ปะ...ปล่อยผมก่อนสิ ” คนในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลัก จนร่างสูงต้องคลายอ้อมกอดออก
“ ไม่ต้องแล้ว.. นอนตรงนี้แหละ ” เสียงทุ้มกระซิบบอกอีกฝ่าย จนในที่สุดชานยอลก็หยุดดิ้น
“ หันหน้ามาหน่อยได้ไหมคนดี? ” น้ำเสียงที่เขาไม่สามารถขัดขืนได้ ชานยอลพลิกตัวกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนช้าๆ ลมหายใจที่รู้สึกได้ถึงกันและกัน เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ กับดวงตาคมที่จ้องมองมา
“ ราตรีสวัสดิ์ครับ..ปาร์คชานยอลที่รัก ” ริมฝีปากหนาจรดลงกับหน้าผากมนของคนในอ้อมกอดเช่นเดียวกับที่เคยทำเสมอในยามเช้า ถ้อยคำแสนหวานที่ส่งเจ้าของชื่อให้เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน ปาร์คชานยอลไม่เคยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากเท่ากับคืนนี้มาก่อน
ถึงแม้จะเป็นกอดจากคนๆเดียวกัน..
เสียงหัวใจเกับลมหายใจที่รู้สึกถึงก็มาจากคนๆเดียวกัน..
เป็นเพราะหัวใจที่รู้สึกต่างไปจากเดิมหรือเปล่า?...
ถึงทำให้คืนนี้เป็นคืนที่ปาร์คชานยอลมีความสุขที่สุด... ที่ได้นอนหลับไปในอ้อมกอดของคนๆนี้
คุยกับไรท์เตอร์ :3
ขอสามคำให้กับตอนนี้หน่อยค่ะ...
สำหรับตอนนี้..
ใครไม่ฟินมาตบกันเลยมา!!
แล้วใครรู้บ้างว่าเฮียแกพูดอะไรตอนเคี้ยวอยู่? //ใครตอบถูกเดี๋ยวมีตอนพิเศษให้
จริงๆวันนี้ว่าจะไม่อัพให้แล้วนะ พยายามใจแข็งแล้ว
ฮรือ... แต่แบบ ผู้หญิงฟินง่ายแบบพลับจะไปทนอะไรได้!
สุดท้ายก็มาอัพให้ตามเดิม... กำไรล่ะสิ เค้ามาอัพให้ทุกวันๆโดยไม่มีขู่กรรโชกขอเม้นท์..
สบายกันจัง ;3; ที่อัพให้ดึกๆทุกวันนี่เพราะนั่งแต่ง พอแต่งเสร็จแล้วลงเลยนะคะเนี่ย
บางทีก็ไม่มีกำลังใจจริงๆนะ อยากจะลองหายไปนานๆดูบ้าง..
แต่ก็ทำไม่ได้?! คนที่เค้าเม้นท์มาตลอดก็เม้นท์ให้เสมอ ขอบคุณมากๆนะคะ
ขอบคุณที่ให้กำลังใจเสมอมา จนบางทีอยากจะส่งตอนใหม่ให้ทางเมลล์ไปเลย..
ไรท์เตอร์อ่ะรู้สึกว่า เฮ้ย ตกลงมีคนอ่านอยู่แค่ไม่กี่คนใช่ป่ะ? ไรงี้
แต่พอไปดูยอดวิว.. อ้าวก็เยอะนี่ หรือว่าเราเข้ามาดูบ่อยๆมันเลยนับซ้ำๆ ก็ไม่น่าจะขึ้นไปหลักร้อยได้นี่นา
จนบางทีก็รู้สึกเหมือนว่าอัพฟิคแค่ให้ตัวเองอ่านคนเดียว ๕๕
เอาเถอะ จริงๆเราปลงแล้วเลยแทบจะไม่พูดเรื่องเม้นท์อะไรพวกนี้เท่าไหร่
ตัดใจมารอดูยอดวิวอย่างเดียวพอ
นี่ก็จะพูดครั้งสุดท้าย จะเป็นยังไงต่อก็จะอัพไปเรื่อยๆค่ะ ตราบเท่าที่ยังมีกำลังใจอยู่นะคะ
เราเองก็เคยอ่านฟิคที่ทวงเม้นท์แล้วบางทีก็น่ารำคาญ เราเลยไม่อยากพูดอะไรมาก
เอาเป็นว่าเราอัพให้ด้วยใจแล้ว แถมอัพให้เกือบทุกวัน
ก็แค่อยากจะรู้บ้างว่ามีใครบ้างที่อ่านฟิคเรื่องนี้อยู่
ไม่ใช่ว่าเราอัพให้ตัวเองและคนไม่กี่คนอ่านแค่นั้น :D
ปล. เจอกันตอนหน้าค่ะ
ปลล. เอ่อเราเวิ่นดราม่าไปหน่อย ขอโทษถ้าทำให้ลำบากใจนะคะ
จริงๆไม่เม้นท์เราก็ไม่ว่านะ แต่เราก็แค่อยากรู้
ราตรีสวัสดิ์ค่ะนักอ่านที่รัก
*เลียนแบบเฮียคริส*
ความคิดเห็น