ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NEVER KNEW I NEEDED ; { Krisyeol }

    ลำดับตอนที่ #9 : 08 ; To be my sunshine

    • อัปเดตล่าสุด 2 มิ.ย. 55


     cinnamon cinnamon
     



    To be my sunshine

    { 08 }

     



    “  กินสิฮยอง  ผมอุตส่าห์ไปซื้อมาให้  ”    ไออุ่นที่แผ่ออกมาจากบะหมี่ตรงหน้าชวนน่ากินจนใครก็ปฏิเสธไม่ลง..แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวโตก็ไม่ยอมอ้าปากกินอยู่ดี

     

    “  รู้ไหมวันนี้วันอะไร?  ”   คนป่วยที่ดื้อแพ่งไม่ยอมกินจ้องใบหน้านวลของอีกฝ่าย ราวกับว่าถ้าเขาไม่ตอบคนตัวสูงก็จะไม่ยอมกิน 

     

    “ วันที่ฮยองไม่สบาย  กินข้าวเถอะ  ”   ชานยอลมองคนป่วยด้วยสายตาปริบๆ เขาไม่เข้าใจสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองกลับมาเท่าไหร่นัก

     

    “  ลืมพี่ไม่พอ.. ยังลืมวันนี้ด้วยเหรอ  ”   คริสพูดเสียงเรียบ ดวงตาคมหลุบลงต่ำ มือหนาค่อยๆคีบบะหมี่ในถ้วยกระดาษขึ้นมากินแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่

     

    “  วัน...  วันอังคาร?  ”  

     

    “ จำไม่ได้จริงๆสินะ  ”

     

    “ วัน...วันที่16  ”   ชานยอลเหงื่อตก ชายหนุ่มมืดไปแปดด้าน กลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธก็กลัว แต่ทำยังไงก็นึกไม่ออกนี่สิ วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย

     

    “ จำไม่ได้ก็อย่าเดามั่วเลย  ”   คริสเหลือบมองเสี้ยวหน้าคร่ำเครียดของคนที่เขารัก ก่อนเสมองไปทางอื่นเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าตาน่าสงสารหันมามอง

     

    “  ผม...ขอโทษ  ”   ใบหน้าหมองๆที่ก้มลงในสภาพเดียวกับลูกหมาสำนึกผิด  ทำลายความใจแข็งของคนตัวสูงได้ในที่สุดมือหนาวางกล่องบะหมี่ลงขณะกระตุกเสื้ออีกฝ่ายเบาๆ

     

    “  มานี่..  ”  



    “  ....  ”   ลูกหมาตัวน้อยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ชานยอลเพียงแค่เดินช้าๆตามแรงดึงของอีกฝ่ายจนมานั่งปุ๊กอยู่บนเตียงของคนไข้

     

    “ วันนี้วันที่เท่าไหร่?  ”  

     

    “ สิบหก..   ”

     

    “  แล้วทำไมจำไม่ได้? ”    มือหนาคว้ามือเรียวของคนที่นั่งอยู่บนเตียงมากุมไว้  นิ้วเรียวของคนตัวสูงประสานเข้ากับนิ้วมือของอีกฝ่ายช้าๆ 

     

    “ ...ขอโทษ  ”

     

    “ พูดขอโทษอีกคำ..พี่จูบนายแน่  ”   น้ำเสียงจริงจังกับดวงตาคมที่จ้องมาโดยปราศจากแววตาล้อเล่น  ยืนยันได้ว่าถ้าขืนเขายังพูดอีกล่ะก็ คนตัวสูงคงทำอย่างที่เขาว่าจริงๆ

     

    “  วันนี้วันอะไร?  ”   วนมาอีกครั้งกับคำถามที่เขายังคิดไม่ออก  วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย?


    “  วัน...วัน.. วันน..  ”    คนพูดมากกลายเป็นติดอ่างไปซะอย่างนั้น  นี่มันยากซะยิ่งกว่าให้เขาตอบคำถามของหัวใจตัวเองอีกล่ะมั้ง

     

    “  หืม?  ” 

     

    “  วันครบรอบหนึ่งปี.....  ”   คำตอบที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในใจ ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อนึกย้อนไปถึงสภาพที่บ้านตอนเขาวิ่งออกมา  ภาพในหัวค่อยๆแล่นย้อนหลังไปช้าๆ

     

    อ่า... เขานี่แย่ซะมัด 

    แม้แต่วันสำคัญ..  ยังลืมได้เลย

    แถมยังปล่อยให้คนใจดีคนนี้ตากฝนอีก..

    ปาร์คชานยอลเริ่มตำหนิตัวเองในใจ ใบหน้าสลดกับไหล่ที่ลู่ลงไม่สามารถรอดพ้นสายตาของคนที่มองอยู่ไปได้

     

    “  พี่แช่เค้กไว้ในตู้เย็น  นายไม่ได้แอบกินก่อนใช่ไหม?  ”   รอยยิ้มบางๆของคนถามคลี่ออก  มือที่ยังคงกุมมือของเขาแน่นบีบเบาๆอย่างปลอบประโลม  คริสเลือกที่จะเลี่ยงไม่ให้คนที่เขากุมมืออยู่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ด้วยการเปลี่ยนเรื่องพูดคุย

     

    “ พอไม่เจอพี่ผมก็วิ่งออกมาแล้ว...  ไม่ทันได้ทำอะไรหรอก  ”   ชานยอลทำปากจู๋ 

     

    “ พี่ซื้อกับข้าวไว้เต็มเลย..   ” 

     

    “  กะว่าจะกลับไปกินกับนาย ”   

     

    “ ผม...ขอโทษนะ  ”   ดูเหมือนว่าเขาจะพลาดไปซะแล้ว ลมหายใจของอีกฝ่ายที่กระชั้นใกล้จนเขาสัมผัสได้  กับดวงตาที่ดูดกลืนทุกๆสิ่งและสะกดให้เขาตกอยู่ในภวังค์ อยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของเขาเท่าไหร่นัก

     

    “ ไม่ต้องขอโทษแล้ว...  ไว้กลับบ้านไปกินด้วยกัน...  นะครับ  ”   ดวงตาแพรวพราวที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ช้าๆกับประโยคก่อนหน้าที่ไม่ต่างจากเวทมนตร์วิเศษ

     

    นี่เขาเป็นแม่มดไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงต่อกรกับเจ้าชายคนนี้ไม่ได้เลยสักวิถีทาง..

    จะปฏิเสธไม่ไหว..    จะขัดขืนก็ทำไม่ได้..    ดวงตาคู่นั้นทำให้เขารู้สึกราวกับทุกอย่างดูว่างเปล่าและไม่มีอยู่จริง

    จะมีก็แต่ดวงตาที่พราวระยับของคนๆนี้กับสัมผัสอุ่นๆที่แนบลงมากับริมฝีปากเท่านั้นแหละ...  ที่เกิดขึ้นและรู้สึกได้จริงๆ

    ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้ามาในโพรงปากกวาดเอาความหอมหวานออกไปอย่างไม่รู้เบื่อ  คนตัวสูงอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นพักใหญ่ ก่อนจะละริมฝีปากออกอย่างเสียดายเมื่อคนที่เขาตักตวงเอาความหวานละมุนจากริมฝีปากอิ่มนั่นหอบหายใจไม่ทัน

     

    “  ฮยอง...เอาเปรียบผม  ”    มือเรียวที่หลุดออกจากการเกาะกุมยกขึ้นปิดริมฝีปากอิ่มที่แดงช้ำ

     

    “ เป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ต้องดูแลคนป่วย  ”   คนแก่กว่าขยับยิ้มกว้างกับการกระทำของอีกฝ่าย

     

    “ ผมเปล่านะ ไม่ได้เป็นพยาบาลนี่นา  ถ้าพี่อยากได้พยาบาลดูแล เดี๋ยวผมไปเรียกมาให้ก็ได้  ”   

     

    “ ขอนางพยาบาลที่ตัวสูงๆ ผมสีน้ำตาลหัวฟูๆ ท่าทางเอ๋อๆ ที่ชื่อปาร์คชานยอลนะครับ  ”    เสียงตอบจากคริสทำเอาขาที่กำลังจะก้าวลงจากเตียงชะงักในทันที   ใบหูแดงๆทำให้คนพูดที่แอบมองอยู่ ยิ้มอย่างผู้ชนะ

     

    “  แล้วก็..  ฝากบอกนางพยาบาลคนนั้นด้วยนะครับว่าวันนี้ต้องนอนเฝ้าด้วย  ”    ชานยอลก้มหน้างุดเมื่อได้ยินคำสั่งทิ้งท้ายก่อนที่คนพูดจะลงมือกินบะหมี่ต่อ

     

    นอนอะไร?....

    นอนเฝ้าอะไร?...

     

    “  สายน้ำเกลือเกะกะชะมัด..   นายป้อนพี่ได้ไหม?   ”   เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นดึงเขาออกจากความสงสัย  ใบหน้าหล่อเหลาส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาอย่างเต็มที่

     

    “ ทีตอนทำอย่างอื่นยังไม่เห็นบ่นเลยว่าเกะกะ..  ”    ชานยอลพึมพำแต่ก็ไม่สามารถรอดจากหูของคนป่วยไปได้

     

    “  ก็ทำอย่างอื่นมันไม่ต้องใช้มือเยอะนี่..  มีคนบางคนทำให้..  ” 

    “  พูดเรื่องนี้อีกผมจะไม่ป้อนจริงๆด้วย..  ”    คนโดนแซวขู่พลางคีบบะหมี่มาจ่อที่ตรงหน้าของคนป่วยพูดมาก

     

    “ อ่ากอินอนอ้อนอ้วย  ”   คริสพูดพร้อมเคี้ยวตุ้ยๆ  จนคนป้อนต้องหันมาถาม

     

    “ ฮยองว่าอะไรนะ?  ”    คนพูดไม่ยอมตอบคำถาม เจ้าของใบหน้าคมเพียงแค่ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร แล้วอ้าปากรอให้คนป้อนป้อนบะหมี่คำต่อไปด้วยใบหน้ามีความสุข 

     

    มีความสุขมากเกินไปแล้วนะ...  สุขจนน่าหมั่นไส้เลยล่ะ  ฮยองบ้า..

     

    -*-*-*-*-*-

     

    “ หนาวชะมัด..  ”   เสียงบ่นพึมพำของชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนกอดอกอยู่ปากประตู ทำให้คนฟังขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

     

    บ่นว่าหนาวแต่ก็ยืนอยู่ข้างนออกแบบนั้นเนี่ยนะ...   นายแพทย์หนุ่มส่ายศีรษะกับการกระทำของอีกฝ่ายช้าๆ ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปทักทาย

     

    “  หนาวแล้วคุณมายืนตากลมอยู่ตรงนี้ทำไม?  ”    ประโยคที่ไม่รู้ที่มาทำเอาคนที่กำลังยืนเหม่อสะดุ้งโหยง  โอเซฮุนเหยียบเท้าตัวเองจนล้มลงไปกองกับพื้น

     

    “  เอ้า เป็นอะไรรึเปล่าครับ?  ”   ท่าทีเงอะงะซุ่มซ่ามของคนที่กองอยู่บนพื้นทำเอาคุณหมอหนุ่มขำพรืดมือหนายื่นออกไปตรงหน้าของอีกฝ่าย  เซฮุนมองมือที่ยื่นออกมาตรงหน้าเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ

     

    “ ยังไม่รีบลุกอีก พื้นถนนมันสกปรกนะครับคุณ    ”   เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขาชักช้า มือหนาจึงเคลื่อนมาดึงข้อมือของเขาเสียเองเสร็จสรรพ แรงฉุดที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาอย่างง่ายดายไม่ค่อยสมกับหุ่นผอมๆแบบคนดึงสักเท่าไหร่

     

    “ ขอบคุณสักคำก็ไม่คิดจะให้กันบ้างเลยรึไง  ”    คนที่พึ่งลุกได้แต่อ้าปากค้างมองกิริยาของคนตรงหน้าอย่างงุนงง 

     

    อะไรของเขาล่ะเนี่ย เดินมาเอง ช่วยเขาเอง แล้วก็มาบ่นเอง

     

    “  เอ่อ.. ขอบคุณครับคุณหมอ  ”    เซฮุนตอบกลับทั้งที่ยังคงสีหน้าเหวอเอาไว้อยู่ เกิดมาจนโตป่านนี้ชายหนุ่มพึ่งจะเคยเจอคนพิลึกๆแบบคุณหมอตรงหน้าเป็นคนแรก

     

    “  ไม่เป็นไรครับ .. พูดขอบคุณก็เป็นนี่นา  ตรวจสมองหน่อยไหมคุณ? เผื่อมีอะไรผิดปกติ  ”   คำว่าตรวจสมองทำเอาเซฮุนเบิกตากว้างอีกครั้ง 

     


    พระเจ้า....   ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรมากไหมครับเนี่ย...

     


    “ เอ่อ... ผมว่าผมปกติดีอยู่นะครับ  ”   ชายหนุ่มส่งยิ้มแห้งๆให้คนประหลาดตรงหน้า เขาเตรียมตัวจะบอกลาอีกฝ่ายออยู่แล้วถ้าเกิดไม่มี...

     

    “ ไค เมื่อไหร่จะออกเวร ง่วงแล้วนะ..  ”     เสียงงัวเงียที่มาพร้อมกับเสื้อกันหนาวสีแดงทำให้เซฮุนแข็งเป็นหิน อาการปอดแหกจู่โจมชายหนุ่มในชั่ววินาที..

     



    ให้ตาย....   นี่เขาทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับ สองคนนี้กันนักหนานะ..

    หนียังไง...ก็หนีไม่พ้นสักที

     




    คุณหมอโรคจิตที่ชื่อ “ไค”  กับคนน่ารักที่ชื่อ “ ลู่หาน ”





    คนสองคน....  ที่เป็นแฟนกัน...

     

     




    โอย...  โอเซฮุนจะเป็นลม...

     

     

     

    -*-*-*-*-

     




    “ อิ่มมากเลย  ”   คนตัวโตล้มตัวลงนอนตาปรือแทบจะทันทีหลังจากที่ชานยอลป้อนบะหมี่จนหมด

     

    “  สบายจังเนอะ  มีคนป้อนให้..  ”    เสียงบ่นงึมงำดังขึ้นจนร่างสูงพลิกกายไปหาต้นเสียง ไฟในห้องพักดับลงเหลือแต่ความมืดของยามค่ำคืน

     

    “  วันหลังพี่ป้อนให้บ้างเอาไหมละ?..   ไปนอนทำไมตรงนั้น?  ”  คริสถามคนที่กำลังขยับผ้าห่มให้แผ่ออกด้วยความสงสัย  เขาไม่ได้อยากให้นางพยาบาลส่วนตัวนอนตรงนั้นสักหน่อย

     

    “ ญาติคนไข้ก็ต้องนอนโซฟาสิครับ  ฮยองน่ะนอนได้แล้ว หายช้าก็ได้กลับบ้านช้านะ   ”    เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่แผ่ตัวลงกับหมอนปรามอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าตัวเองป่วยอยู่

     

    “ หายน่ะ หายนานแล้วตั้งแต่ได้รับตัวยาพิเศษ    ”     คริสตอบกลับ ที่อาการไม่สบายหายไปง่ายดายแบบนี้ก็คงเพราะตัวยาพิเศษของคนที่นอนพลิกตัวหันหลังให้เขานั่นแหละ

     

    “ ปาร์คชานยอลครับ..   ”      น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นท่ามากลางความมืด คนที่หันหลังให้ได้ยินชัดเจนแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะนิ่งงันไม่ตอบรับประโยคๆนั้น

     

    “ ปาร์คชานยอลมานอนตรงนี้..  ”  มือทั้งสองข้างรั้งผ้าห่มขึ้นจนคลุมมิดศีรษะ ดวงตากลมหลับปี๋ ชานยอลพยายามกล่อมตัวเองให้หลับซะ เขารู้ดีว่าหากขืนหันกลับไปหาร่างสูงคนนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงปฏิเสธไม่ได้

     

    “ มานอนได้แล้ว เด็กดื้อของพี่  ”   เสียงทุ้มที่เปลี่ยนมากระซิบแผ่วอยู่ข้างๆหูยิ่งทำให้ชานยอลม้วนตัวเป็นดักแด้ในผ้าห่ม

     

    “ ชานยอล..  ”

     

    “  ไม่เอา... ไม่ไป  ” 

     

    “ จะไปดีๆหรือให้พี่อุ้ม?  แต่ถ้าพี่อุ้มแล้วสายน้ำเกลือหลุดนายต้องรับผิดชอบนะ  ”   ดูเหมือนคำขู่จะได้ผลเมื่อตัวอ่อนดักแด้โผล่ใบหน้าออกมาช้าๆ  ถึงจะมีเพียงแสงรำไรจากแสงไฟข้างนอกหน้าต่าง แต่คริสก็รู้ดีว่าป่านนี้แก้มนวลคงแดงปลั่งไม่ต่างจากผิวมะเขือเทศ  จมูกโด่งเป็นสันกดลงกับแก้มนิ่มตามความเคยชิน ถึงแม้ความมืดจะทำให้พลาดไปโดนมุมปากแต่ก็ไม่ได้ถือเป็นข้อผิดพลาดสำหรับคริส แถมดูจะเป็นกำไรเสียอีก

     

    “ ว่าไง? จะให้พี่อุ้มเหรอ?  ” 

     

    “  ไนท์คิสก็ได้ไปแล้ว...จะเอาอะไรอีก ฮยองไปนอนเลย  ”   ดักแด้เอ่ยปากไล่คนหัวดื้อที่ไม่ยอมพอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ไปสักทีด้วยน้ำเสียงอ้อน  ชานยอลรู้ดีว่าถ้าไม่อ้อนก็อย่าหวังว่าจะเอาชนะคนแก่หัวดื้อโหมดไม่สบายเพราะพิษไข้ที่ยืนอยู่ได้เลย 

     

    ชักจะได้ใจมากเกินไปแล้ว...    

    แค่เขาเผลอพูดไปหน่อยเดียวเอง...   

    ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ถ้าเขาพูดความรู้สึกที่มีต่อเจ้าของดวงตาคมคู่นั้นออกไปทั้งหมด


     

    ตุ้บ... 

     

    น้ำหนักที่กดลงบนโซฟาทำให้ชานยอลไม่กล้าขยับตัว  สัมผัสอุ่นๆที่ไล้มาตามบั้นเอวก่อนจะโอบกอดตัวของเขาไว้หลวมๆทำเอาลมหายใจติดขัด ไหนจะลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดหลังใบหูของเขาอยู่นี่อีก

    เพราะเขาไม่ยอมไปนอน.. คนตัวโตเลยย้ายมานอนกับเขาแทน

     

    “ ฮะ...ฮยอง  ”   คนถูกกอดเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่น

     

    “ หืม?  ”  

    “  นอนแบบนี้เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก แล้ว...แล้ว ถ้าสายน้ำเกลือหลุดจะทำยังไง?  ”   คริสหลุดยิ้มกับการเอาเหตุผลเข้าสู้ของอีกฝ่าย  จมูกโด่งกดลงกับกกหูของคนในอ้อมกอดก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาเป่าลมเบาๆ

     

    “ ฮื้อ...  ”   คนถูกกระทำครางเสียงแผ่ว มือทั้งสองข้างพยายามปิดใบหูของตัวเองอย่าสุดความสามารถ  ยิ่งเห็นอาการแบบนั้นชายหนุ่มคนป่วยยิ่งอยากแกล้งมือหนาลัดเลาะตามแนวกระดุมของคนในอ้อมกอด ก่อนสอดฝ่ามือเข้าไปสัมผัสกับหน้าท้องเรียบเนียนอย่างจงใจ

     

    “  ฮ..ฮยอง  ไม่เอาแล้ว ไปก็ได้  ปะ...ปล่อยผมก่อนสิ ”   คนในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลัก จนร่างสูงต้องคลายอ้อมกอดออก

     

    “  ไม่ต้องแล้ว.. นอนตรงนี้แหละ  ”   เสียงทุ้มกระซิบบอกอีกฝ่าย จนในที่สุดชานยอลก็หยุดดิ้น

     

    “  หันหน้ามาหน่อยได้ไหมคนดี?   ”   น้ำเสียงที่เขาไม่สามารถขัดขืนได้  ชานยอลพลิกตัวกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนช้าๆ  ลมหายใจที่รู้สึกได้ถึงกันและกัน เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ กับดวงตาคมที่จ้องมองมา

     



    “  ราตรีสวัสดิ์ครับ..ปาร์คชานยอลที่รัก  ”    ริมฝีปากหนาจรดลงกับหน้าผากมนของคนในอ้อมกอดเช่นเดียวกับที่เคยทำเสมอในยามเช้า ถ้อยคำแสนหวานที่ส่งเจ้าของชื่อให้เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน  ปาร์คชานยอลไม่เคยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากเท่ากับคืนนี้มาก่อน   

     



    ถึงแม้จะเป็นกอดจากคนๆเดียวกัน..

    เสียงหัวใจเกับลมหายใจที่รู้สึกถึงก็มาจากคนๆเดียวกัน..

     

    เป็นเพราะหัวใจที่รู้สึกต่างไปจากเดิมหรือเปล่า?...    

     



    ถึงทำให้คืนนี้เป็นคืนที่ปาร์คชานยอลมีความสุขที่สุด...  ที่ได้นอนหลับไปในอ้อมกอดของคนๆนี้














    คุยกับไรท์เตอร์ :3

    ขอสามคำให้กับตอนนี้หน่อยค่ะ...

    สำหรับตอนนี้..

    ใครไม่ฟินมาตบกันเลยมา!!
    แล้วใครรู้บ้างว่าเฮียแกพูดอะไรตอนเคี้ยวอยู่? //ใครตอบถูกเดี๋ยวมีตอนพิเศษให้


    จริงๆวันนี้ว่าจะไม่อัพให้แล้วนะ พยายามใจแข็งแล้ว
    ฮรือ...  แต่แบบ ผู้หญิงฟินง่ายแบบพลับจะไปทนอะไรได้!
    สุดท้ายก็มาอัพให้ตามเดิม... กำไรล่ะสิ เค้ามาอัพให้ทุกวันๆโดยไม่มีขู่กรรโชกขอเม้นท์..
    สบายกันจัง ;3;  ที่อัพให้ดึกๆทุกวันนี่เพราะนั่งแต่ง พอแต่งเสร็จแล้วลงเลยนะคะเนี่ย
    บางทีก็ไม่มีกำลังใจจริงๆนะ อยากจะลองหายไปนานๆดูบ้าง..  
    แต่ก็ทำไม่ได้?! คนที่เค้าเม้นท์มาตลอดก็เม้นท์ให้เสมอ ขอบคุณมากๆนะคะ
    ขอบคุณที่ให้กำลังใจเสมอมา จนบางทีอยากจะส่งตอนใหม่ให้ทางเมลล์ไปเลย..

    ไรท์เตอร์อ่ะรู้สึกว่า เฮ้ย ตกลงมีคนอ่านอยู่แค่ไม่กี่คนใช่ป่ะ? ไรงี้
    แต่พอไปดูยอดวิว.. อ้าวก็เยอะนี่ หรือว่าเราเข้ามาดูบ่อยๆมันเลยนับซ้ำๆ ก็ไม่น่าจะขึ้นไปหลักร้อยได้นี่นา
    จนบางทีก็รู้สึกเหมือนว่าอัพฟิคแค่ให้ตัวเองอ่านคนเดียว ๕๕

    เอาเถอะ จริงๆเราปลงแล้วเลยแทบจะไม่พูดเรื่องเม้นท์อะไรพวกนี้เท่าไหร่ 
    ตัดใจมารอดูยอดวิวอย่างเดียวพอ 
    นี่ก็จะพูดครั้งสุดท้าย จะเป็นยังไงต่อก็จะอัพไปเรื่อยๆค่ะ ตราบเท่าที่ยังมีกำลังใจอยู่นะคะ

    เราเองก็เคยอ่านฟิคที่ทวงเม้นท์แล้วบางทีก็น่ารำคาญ เราเลยไม่อยากพูดอะไรมาก
    เอาเป็นว่าเราอัพให้ด้วยใจแล้ว แถมอัพให้เกือบทุกวัน
    ก็แค่อยากจะรู้บ้างว่ามีใครบ้างที่อ่านฟิคเรื่องนี้อยู่

    ไม่ใช่ว่าเราอัพให้ตัวเองและคนไม่กี่คนอ่านแค่นั้น :D

    ปล. เจอกันตอนหน้าค่ะ 
    ปลล. เอ่อเราเวิ่นดราม่าไปหน่อย ขอโทษถ้าทำให้ลำบากใจนะคะ 
    จริงๆไม่เม้นท์เราก็ไม่ว่านะ แต่เราก็แค่อยากรู้ 


    ราตรีสวัสดิ์ค่ะนักอ่านที่รัก

    *เลียนแบบเฮียคริส*



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×