ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NEVER KNEW I NEEDED ; { Krisyeol }

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 ; will comeback

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 55


    cinna

    Will comeback

    {03}

     

    “  กลับมาแล้ว  ”   เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเพื่อลองเชิง  คริสแนบหูลงกับกำแพงเพื่อมองหาสัญญาณการตอบรับแทนการมองหาด้วยสายตา   เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับเขาจึงหอบเอากล่องเค้กไปซ่อนในตู้เย็นด้วยความรวดเร็ว

     

    เขากะจะทำเซอร์ไพรส์เล็กๆน้อยๆให้กับชานยอล..  มันไม่ใช่เซอร์ไพรส์อะไรที่น่าแปลกใจหรือยิ่งใหญ่  ก็แค่กินเค้กแล้วก็เป่าเทียนด้วยกันเท่านั้น 

     

    วันนี้ไม่ใช่วันสำคัญอะไรมากมาย..    มันก็แค่วันแรกที่เราตกลงคบกันเท่านั้นเองประโยคที่อีกฝ่ายเคยพูดเอาไว้เมื่อคราวก่อน  ไม่เคยทำให้เขาเลิกล้มที่จะนับวันเวลาเพื่อรอให้วันสำคัญสำหรับเขาเวียนมาครบรอบอีกครั้งได้เลย   ถึงแม้จะทำให้คริสลังเลใจบ้างเป็นบางครั้ง เวลาเขาจะซื้อเค้กกลับมาก็เถอะ

     

    “ ป่านนี้ยังไม่กลับอีก ไปไหนเนี่ยเจ้าตัวยุ่ง  ”  คริสหันไปมองนาฬิกาบนฝาห้อง   เข็มยาวของนาฬิกาชี้บอกว่าเป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว 

     

    มือหนาสไลด์หน้าจอโทรศัพท์แล้วกดเบอร์ที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว 

    ตรู๊ด..  ตรู๊ด.. 

     

    รออยู่เพียงไม่นาน เสียงที่เขาคิดถึงก็กรอกกลับมาตามสาย 

    ครับ? ฮยองมีอะไรรึเปล่า? ’  ถ้าจะบอกว่าไม่มีอะไรแค่ คิดถึงเลยอยากได้ยินเสียง เขาจะโดนปลายสายโกรธหรือเปล่านะ?  ชายหนุ่มยังม่อยากลองเสี่ยงในตอนนี้ คำถามแสดงความเป็นห่วงจึงถูกส่งออกไปแทนคำหยอดที่คิดเอาไว้

     

    “  ทำไมยังไม่กลับอีก? เป็นอะไรรึเปล่า?  ”    คริสเอ่ยถามไถ่  ไหล่ขวาของเขายกขึ้นหนีบโทรศัพท์เครื่องหรูเข้ากับใบหู  ขณะที่ชายหนุ่มพยายามดึงเนคไทออกจากลำคออย่างทุลักทุเล

     

    ผมออกมาทำธุระกับรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าน่ะ  อีกสักพักก็คงกลับแล้วล่ะ  เห็นเค้าว่าพายุเข้าทางตอนใต้ ฝนจะตกหนัก ผมไม่ได้เอาร่มออกมาด้วยสิ ฮยองออกมารับได้หรือเปล่า? ’  มือของคริสชะงักค้างเล็กน้อยตอนได้ยินคำขอของอีกฝ่าย   ก็อย่างที่ว่า  เพื่อรอยยิ้มของ ปาร์คชานยอล ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้หรอก

     

    “  ได้สิ เดี๋ยวฉันออกไปรับ  นายอยู่ที่ไหน?   ”  

     

    หน้าหอสมุดกลางครับ   ’  คำตอบของของคนที่อยู่ปลายสายทำให้คริสเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง  อีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก่อนที่หอสมุดกลางจะปิด  ดูท่าเขาจะต้องรีบหน่อยแล้ว

     

    “ รู้แล้ว เปิดโทรศัพท์ไว้ด้วยล่ะ เดี๋ยวเจอกันนะชานยอล  ”   ชายหนุ่มผมทองกดตัดสาย  เขากวาดตามองโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้รอชานยอลเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง 

     

    “ ออกไปแปปเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง  ”   คริสพึมพำก่อนที่จะตัดสินใจยกเค้กกลับไปไว้ในตู้เย็นอย่างตอนแรก ด้วยความรีบร้อนถอยหลัง ข้อศอกของเขาจึกกระแทกเข้ากับชั้นวางของทางด้านหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    เพล้งเสียงแก้วแตกกระจาย ดึงความสนจากคนที่กำลังปิดประตูตู้เย็นให้หันกลับมามองอย่างรวดเร็ว

     

    “ แย่ชะมัด  ”  ชายหนุ่มบ่น มือเรียวปัดๆเศษแก้วที่เกิดจากการแตกกระจายของของต่างๆที่วางอยู่บนชั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันระวัง 

     

    “ โอ๊ย! ”   ความเจ็บปวดบริเวณปลายนิ้วทำเอาคริสดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว เลือดค่อยๆซึมๆออกจากปากบาดแผลช้าๆ  ความเจ็บปวดแล่นริ้วจนเขานิ่วหน้า

     

     

    “ เดี๋ยวค่อยกลับมาเก็บแล้วกัน  ”  ชายหนุ่มละจากกองเศษแก้ว  ในหัวมุ่งแต่ว่าจะต้องไปรับชานยอลให้ทันจนไม่คิดจะใส่ใจบาดแผลของตนเอง   เขารีบสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับออกจากบ้านไปโดยไม่ทันสังเกตหนึ่งในบรรดาของที่ตกลงมาพร้อมกับชั้นวาง

     

     

    เพราะหากแค่ชายหนุ่มพลิกกรอบรูปที่ตกลงมาพร้อมกับของอื่นที่วางอยู่บนชั้นอันนั้นขึ้นมาดูสักนิด

    เขาก็จะได้เห็นรอยร้าวลึกที่ตัดผ่ากลางระหว่างรูปคู่ของเขากับ ปาร์คชานยอล อย่างพอดิบพอดี ..

     

     

     

    -*-*-*-*-*-*-*-

     

     

     

     

    “ คนไหนเหรอเซฮุน?  ”  ชานยอลกระทุ้งศอกเรียกรุ่นน้องหลังจากวางสายได้ไม่นาน  พวกเขาสองคนมารออยู่ที่หอสมุดกลางเป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้ว ที่มาที่นี่ก็เพราะเซฮุนบอกว่าจะพาเขามาดูว่าเป็นคนไหนที่ชายหนุ่มรุ่นน้องแอบชอบอยู่

     

     

    “ นั่นไง  ตรงมุมใกล้ๆชั้นหนังสือนั่นไงครับ  ”  เซฮุนชี้ไปทางด้านขวาที่เรียงรายไปด้วยชั้นหนังสือ

     

    “ แล้วจะรู้ไหมเนี่ย มุมนั้นมันมีแต่ชั้นหนังสือ  ”  ชานยอลกุมขมับกับความซื่อบื้อของอีกฝ่าย

     

    “ เอ่อ คนนั้นไงครับที่นั่งอยู่คนเดียว คนที่หน้าหวานๆใส่เสื้อกันหนาวสีแดงๆคนนั้น  ”   หนุ่มรุ่นพี่หันขวับไปมองหาคนที่มีลักษณะอย่างที่เซฮุนว่า

     

    “ นั่นมัน ผู้ชายนี่?!   ”  ชานยอลเผลอหลุดปากเสียงดัง  จนคนที่มาด้วยต้องใช้ฝ่ามือตระครุบอย่างรวดเร็ว

     

    “ ชู่ว! นี่ห้องสมุดนะครับ เบาๆสิ  ...ก็ใช่สิครับ เพราะเป็นผู้ชายไงเลยอยากได้คำปรึกษาจากพี่  ”   เซฮุ่นมุ่นหัวคิ้วแล้วขยายความให้รุ่นพี่ของตน ดวงตากลมโตของชานยอลเบิ่งกว้างด้วยความเข้าใจในที่สุด  เขาพยักหน้าเป็นเชิงว่า เขารู้แล้วและอีกฝ่ายควรจะปล่อยมือที่ปิดปากของเขาอยู่ออกได้สักที  ซึ่งเซฮุนก็คลายมือออกอย่างรวดเร็ว

     

    “ แล้วนายจะให้พี่ทำยังไง?  ”  

     

    “  วันนี้แค่อยากให้พี่มาเห็นตัวจริงก่อนแค่นั้นเอง  ”  เซฮุนตอบอ้อมแอ้มด้วยความกลัวว่ารุ่นพี่ของเขาอาจจะโกรธที่ทำให้เสียเวลา

     

    “ ก็น่ารักดีนี่  แล้วนายรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง?  ” 

     

    “ ผมรู้ทุกอย่าง ”   ชายหนุ่มรุ่นน้องตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง

     

     

    -*-*-*-*-*-*-

     

    คริสมาถึงหน้าหอสมุดกลางโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน   ร่างสูงควานหาโทรศัพท์ภายในกระเป๋ากางเกงที่ๆมันควรอยู่ แต่มือของเขากลับสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า

     

    “ ให้ตายเถอะ  ทำไมวันนี้ดวงซวยแบบนี้นะ  ”   ชายหนุ่มสถบเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาวางโทรศัพท์เครื่องนั้นไว้ข้างประตูตู้เย็นตอนก้มเก็บเศษแก้ว 

     

    “ เฮ้อ  ”

     

    คริสซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถอย่างหัวเสีย เขาถอนหายใจหนักๆกับความประมาทของตนเอง 

    แล้วแบบนี้ชานยอลจะหาเขาเจอได้ยังไง? ’  

     

    เสื้อสูทที่วางพาดอยู่ตรงเบาะข้างถูกเจ้าของฝ่ามือหนารวมมาไว้แนบออก   คริสเอื้อมมือไปยังเบาะหลังเพื่อคว้าเอาร่ม  เมื่อได้ของที่ต้องการชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถ   แล้ววิ่งฝ่าสายฝนที่เริ่มลงเม็ดไปยืนรออยู่หน้าหอสมุด เพื่อไม่ให้คลาดกับคนที่เขานัด

    “ ยืนรอมันตรงนี้แหละ คงไม่โชคร้ายขนาดหากันไม่เจอหรอกนะ  ”   เขาปลอบใจตัวเองก่อนยืนพิงพนังของอาคารหอสมุด โชคดีที่ฝนตกไม่มาก เขาจึงยังไม่มีปัญหาเรื่องฝนสาด  ดวงตาคมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กำลังร่ำไห้ด้วยรอยยิ้ม

     


    “ อย่าร้องไห้ในวันสำคัญของผมเลย ..  ”

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-

    ซ่า..  เสียงฝนที่เริ่มตกหนักขึ้น ทำให้ชานยอลหันรีหันขวางอย่างกังวล  หลังจากฟังรายละเอียดเรื่องเด็กหนุ่มที่ใส่เสื้อสีแดงคนนั้นที่รุ่นน้องตรงหน้าสาธยายเป็นมหากาพย์ให้ฟังเป็นเวลานานสองนาน  เซฮุนเล่นเล่าตั้งแต่กรุ๊ปเลือดไปจนถึงอาหารที่ชอบเล่นเอาเขาตกใจอยู่เหมือนกัน  ไม่คิดว่ารุ่นน้องจะเป็นหนักถึงขนาดนี้

     

    “ เป็นอะไรรึเปล่าครับรุ่นพี่?  ”   เซฮุนเอ่ยปากถามเมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย

     

    “ ฉันไม่ได้เอาร่มมา  ”   เขาตอบกลับเสียงห้วน มือเรียวยกขึ้นปัดปอยผมไปทัดไว้หลังใบหู

     

    “ ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมขับไปให้ส่งก็ได้  ”  เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตากลมเบิกจึงขึ้นอย่างดีใจ  ชานยอลพยักหน้าตกลงกับเซฮุนในทันที

     

    “ แล้วเรื่องแผนการของเรา ไว้ค่อยวางแผนกันอีกทีนะ  ”  ชานยอลตบบ่าของรุ่นน้องเบาๆ แล้วมองไปที่หนุ่มน้อยหน้าหวานที่ตกเป็นเป้าหมายอีกครั้ง

     

    “ ขอบคุณมากครับพี่ชานยอล  เรากลับกันเถอะ  ”   มือเรียวของเซฮุนเอื้อมมาฉุดให้เขาลุกขึ้น

     

    “ อื้ม  ”    ชานยอลยิ้มรับ แล้วเดินตามรุ่นน้องไป   ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูชายหนุ่มก็หยุดเดินเอาเสียดื้อๆ คนที่จูงมืออยู่ด้านหน้าจึงหันกลับมาถามด้วยความแปลกใจ

     

    “ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?  ”

     

    “  เปล่าหรอก ฉันแค่รู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง  ”  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลตอบพลางล้วงกระเป๋ากางเกง เมื่อพบว่าทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ยังอยู่ครบ จึงเลิกสงสัยไปในที่สุด

     

    “ ฮยองครับ ผมกลับมาแล้ว  ”   ชานยอลตะโกนเรียกหาคนในบ้าน 

     

    “  ฮยองอยู่รึเปล่า?   ” เป็นครั้งที่สองที่ไม่มีใครตอบคำถามของเขา  มือเรียวถูกันเพื่อหาไออุ่น  ชานยอลไม่ค่อยชอบช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้สักเท่าไหร่มันพาลทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดในตอนนั้นแทบทุกครั้ง



    ซ่า
    ! ครืน!  แสงสีขาวสว่างแวบเข้ามาทางหน้าต่าง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าดังลั่นจนเขาสะดุ้งโหยง


    กริ๊ก   มือเรียวควานหาสวิตซ์ไฟท่ามกลางความมืดจนพบ บ้านทั้งบ้านสว่างโร่ขึ้นมาทันตา



    “ ไปไหนของเขา  ”   ชายหนุ่มเกาหัวอย่างหงุดหงิดขณะเดินไปยังห้องครัว



    ทันทีที่ไฟในห้องครัวเปิดขึ้น ภาพโต๊ะอาหารที่อีกฝ่ายจัดไว้รอปรากฏขึ้นตรงหน้า  ความรู้สึกผิดเข้าทิ่มแทงหัวใจของปาร์คชานยอลเข้าอย่างจัง  ดวงตากลมโตมองวันที่ที่โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ 

    “ ยังนับอยู่อีกเหรอ..  ”    ว่าแต่ว่า.. จัดอาหารไว้ แล้วทำไมตัวคนไม่อยู่ล่ะ



    ตรู๊ด..  ตรู๊ด.... 

     ครืด... ครืด....   เสียงสั่นของวัตถุทำให้ชานยอลนึกขึ้นได้

     

    เคร้งโทรศัพท์เครื่องงามในมือของเขาร่วงลงพื้นจนฝาครอบแตกกระจาย  ปาร์คชานยอลวิ่งอย่างเร้วที่สุดเพื่อไปยังหน้าบ้าน


    “ เซฮุน
    !  ”   เขาตะโกนเรียกพร้อมโบกไม้โบกมือจนรถที่กำลังเคลื่อนที่หยุดลง  


    “ เเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับพี่ชานยอล?  ”   เซฮุนเปิดกระจกลงถามชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเมื่อถอยรถมาถึงปากประตูบ้านอีกครั้ง


    “ ไปส่งพี่ที่หน้าหอสมุดตอนนี้ได้ไหม?   ”   ใบหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายทำเอาเซฮุนพูดอะไรไม่ออก


    “ คะ..ครับ  ”  ชายหนุ่มได้แต่เปิดประตูให้รุ่นพี่ของเขากลับมานั่งในรถตามเดิม และมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆเขาพึ่งจากมาอีกครั้ง

     

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    หนาว..  ความหนาวเย็นในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเข็มนับพันเล่มที่่กำลังทิ่มแทงตัวเขา   ราวกับทุกอย่างกลายเป็นน้ำแข็ง คริสพยายามกัดฟันเพื่อไม่ให้เกิดอาการสั่น เสื้อสูทที่เขาคว้ามาตอนลงจากรถถูกนำมาคลุมตัวเพื่อกันฝน 

                 จากสายฝนในตอนแรกกลายเป็นห่าฝนขนาดใหญ่  ที่กำบังของเขาไม่สามารถป้องกันได้อีกต่อไปสายฝนสาดเทมาโดนตัวของเขาจนเปียกปอน เสื้อเชิ้ตสีขาวลู่ลงแนบเนื้อ  นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขายืนอยู่ตรงนี้  ยิ่งนานยิ่งรู้สึกว่าสมองขาวโพลนไปหมด  มือของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

     

                    “ อยู่ไหนนะ.. ชานยอล  ”   ชื่อของคนๆนั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่ยังรั้งสติของเขาให้คงอยู่ 

                

                 “  บ้าจริง  ”   เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆปรือปิดลงช้าๆ  แม้จิตใจจะร้องห้ามแต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่ตอบสนองเสียแล้ว คนที่เขารอยังไม่มาเลย แล้วแบบนี้ถ้าเจ้าตัวยุ่งไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง  ลมหายใจหนักหน่วง และมือทั้งสองข้างที่กำลังสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ 

                   คริสรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายเพราะความหนาวเย็น   เขาควรจะไปรอในรถตั้งแต่แรก แต่ถ้าหากทำแบบนั้นฝ่ายที่ต้องมายืนตากฝนแบบนี้อาจจะเป็นคนที่เขารักคนนั้นก็ได้  คิดแบบนั้นชายหนุ่มจึงยิ้มบางๆออกมาในที่สุด  

     

     

    ในชั่ววินาทีที่เหน็บหนาวและทรมาน..

    สิ่งที่เขาคิดถึงก็ยังคงเป็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายเช่นเดิม..

     


    พระเจ้าครับ...

    อย่าใจร้ายนักเลย..  ได้โปรดให้ผมบอกเขาอีกสักครั้งก่อน..

     

    ริมฝีปากหนาขยับช้าๆอย่างอยากลำบาก

     

    “ พี่..รออยู่ตรงนี้นะ..ชานยอล..  ”    ภาพสุดท้ายที่ชายหนุ่มเห็นในห้วงความคิดก็ยังไม่พ้นภาพของรอยยิ้มที่เป็นเหมือนแสงตะวันสำหรับเขา  ปาร์คชานยอลกำลังส่งยิ้มมาให้เขา ยิ้มที่อีกฝ่ายมอบให้เขาด้วยหัวใจ ไม่ใช่การแกล้งทำอย่างที่เคยได้รับทุกครั้ง  

    แม้กายจะเหน็บหนาวเพียงใด แต่หัวใจของชายหนุ่มในตอนนี้กลับอบอุ่นไปด้วยความรัก

     

                 เพราะเขารักอีกฝ่ายมากเหลือเกิน  อู๋ฟานรักปาร์คชานยอลมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด ต่อให้ต้องทรมานเพราะคำว่ารักที่อาจจะไม่มีอยู่จริงของเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลคนนั้น  แต่เขาก็เลือกที่จะพันธนาการตัวเองไว้กับคำๆนั้น ผูกมัดตัวเองไว้กับความรักที่ไม่เคยได้รับการตอบรับ

     



    และเพราะว่ารัก..
     

     

    เขาจึงยังอยู่ตรงนี้ และ เพราะว่ารัก เขาจึงอยู่ตรงนี้ตลอดมา

    อยู่เคียงข้างเจ้าของกลิ่นกายที่คุ้นเคย เส้นผมสีน้ำตาลที่เขาชอบจับ คนๆเดียวกับที่เป็นเจ้าของดวงตากลมโตขี้เอาแต่ใจ
    ชายหนุ่มเลือกที่จะอยู่เพื่อดูแลหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าวของปาร์คชานยอล



    ต่อให้หัวใจของเขาต้องทรมานแค่ไหนก็ตาม..  

     



    เพื่อรอยยิ้มของนาย  ฉันยอมแลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง

     


    ..แล้วเพื่อคำว่ารักของนาย..

     


     

    ฉันต้องแลกกับอะไร?

     

     

    .. ปาร์คชานยอล ..

     

     








     

    Writer’s part :3

    โฮ.........  *แจกผ้าเช็ดหน้าให้กับนักอ่าน*  มีใครน้ำตาซึมบ้างไหมคะ? ไรท์เตอร์น้ำตาไหลเลยล่ะตอนแต่งตอนนี้

     สงสารพี่คริสมาก โธ่อู๋ฟานของน้อง *โดนตบ*    วันนี้ไรท์เตอร์รีบมาลงให้แต่เช้า เพราะต้องออกไปข้างนอก

    หลังจากอาทิตย์หน้าสปีดการอัพคงลดลงแล้วล่ะคะ งานเริ่มรุมเร้าแล้ว ชีวิตเด็กม.ปลายนี่มันวุนวายจริงๆ

    รักทุกคนมากนะคะ >3< ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอด

    มีคำแนะนำอะไรยังไงเม้นท์ทิ้งไว้ได้นะคะ ไรท์เตอร์อ่านทุกเม้นท์เลย

    ยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงฟินง่าย(?) ๕๕๕ แค่เห็นมีคอมเม้นท์มาอันสองอัน แค่นี้ก็ลุกมานั่งปั่นให้แล้วล่ะค่ะ

    ขอบคุณจริงๆนะคะ

     

    พบกันตอนหน้าค่ะ J

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×