ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NEVER KNEW I NEEDED ; { Krisyeol }

    ลำดับตอนที่ #3 : 02 ; Past and pain

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 55


    cinnamon
     


    Past and pain

    { 02 }



     

    แอ๊ด ..   เสียงบานประตูเปิดออกในกลางดึก  ทำให้คนที่พึ่งหลับได้ไม่นานอย่างชานยอลสะดุ้งตื่น  ขายาวๆก้าวลงจากเตียงอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งไปยังสถานที่ ที่เป็นต้นกำเนิดเสียง

     

    “ แพคฮยอน!  ”    ชานยอลตะโกนเรียกชื่อคนที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู  จนอีกฝ่ายตกใจทำกระเป๋าใบใหญ่หลุดมือ

     

    “ ชะ.. ชานยอล ”    ใบหน้าซีดเผือดหันกลับมาหาเขา  

     

    “ นายกำลังจะไปไหน?  ”    เขาถามขณะที่เหลือบมองไปที่กระเป๋าใบใหญ่ซึ่งแพคฮยอนกำลังพยายามซ่อนมันไว้อย่างสุดความสามารถ

     

    “ ออกไปข้างนอก..  ”   คู่สนทนาตอบเสียงแผ่ว ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาเขาตรงๆ

     

    “ แล้ว..  เอากระเป๋าออกไปทำไม?   ”   

     

    “ เพราะ...  “   อีกฝ่ายสูดหายใจเข้าราวกับต้องการรวบรวมความกล้าให้ได้มากที่สุด  

     

     

     “ ฉัน   จะไม่กลับมาอีกแล้ว  ”         แพคฮยอนตอบ  ขณะที่คนฟังรู้สึกเหมือนหัวใจของตนเองได้ถูกสาปให้หลายเป็นเพียงก้อนหิน ในวินาทีนั้น ก้อนหินที่ไม่มีคุณค่าใดๆในสายตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

     

    “ ทำไม?  ” 

     

    “  เพราะฉันไม่ได้รักนาย..    ”   คำว่าไม่ได้รักที่หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ไม่ต่างอะไรจากคมมีดที่ค่อยๆกรีดเฉือนหัวใจของเขาทีละนิด

     

    “  หรือที่จริง..  ฉันไม่เคยรักนายมาตั้งแต่แรก  ”  แพคฮยอนพูดต่อ โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยว่าคนที่ต้องรับฟังนั้นต้องทนแบกรับความเจ็บปวดมากมายขนาดไหน

     

    “  พอ..  พอแล้ว  ” 

     

    “ ฉันขอโทษที่หลอกนาย ขอโทษสำหรับความเชื่อใจ ขอโทษที่ฉันรักนายไม่ได้..  ”  คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากของคนที่เขารัก เหมือนยิ่งกดย้ำให้ใบมีดกรีดลึกลงไปในใจของเขาจนเกือบมิดด้าม  รอยแผลแรกที่จะไม่มีวันเลือนหายไปจากใจ

     

    “ ได้โปรด หยุดเถอะ.... ขอร้อง หยุดสักที   ”   ชานยอลยกมือขึ้นปิดใบหู หัวใจของเขาไม่สามารถทนรับความปวดร้าวไปมากกว่านี้แล้ว

     

    “ ฉันรักพี่ชอนดุง..  ”   ชื่อของพี่ชายแท้ๆที่ลอดเข้ามาในโสตประสาททำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบถล่มลงมา มือทั้งสองข้างร่วงลงมาอยู่ข้างลำตัวอย่างอ่อนแรง  

     

    ชา..  ไปหมด

     

    ปาร์คชานยอลรู้สึก ชาไปทั้งตัวและหัวใจ...

     


    หัวใจของเขา..

    หัวใจที่ยับเยินจนแทบไม่สามารถรับความเจ็บปวดใดๆได้อีก .. แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีน้ำตาสักหยดที่ไหลลงมาอาบแก้ม

     



    เขาว่ากันว่า..

    ความเจ็บปวดที่ลึกซึ้งจนร้องไห้ออกมาไม่ได้.. มันเจ็บปวดและทรมานเสียยิ่งกว่า

    เวลาที่เราต้องร้องไห้เสียน้ำตาเพราะความเจ็บปวด..

     




    ปาร์คชานยอลพึ่งเข้าใจความรู้สึกนั้นในวันนี้ ..

    แม้ไม่มีน้ำตาสักหยด แต่เขาก็กำลังร่ำไห้  หัวใจที่พังยับเยินของเขากำลังกรีดร้องฟูมฟาย 

    แม้ไม่มีหยาดน้ำไหลออกจากดวงตา  แต่น้ำตาแห่งความเสียใจกำลังล้นทะลักอยู่ภายในทรวงอกของเขา

     

    “ พี่ขอโทษชานยอล  ”   เสียงทุ้มของปาร์คชอนดุงพี่ชายบังเกิดเกล้าที่เดินเข้ามายืนข้างๆแพคฮยอน ไม่ต่างอะไรกับการเอาน้ำเย็นจัดมาสาดให้เขารับรู้ว่านี่คือความจริง    ความจริงที่เขาไม่สามารถวิ่งหนีไปได้

     

    “ ตั้งแต่เมื่อไหร่?  ”   เขาถามด้วยเสียงสั่นเครือ  แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดมองไปยังพี่ชายของเขา

     

    “ ต้นปีที่แล้ว  ”   ปาร์คชอนดุงลบสายตาของน้องชาย ขณะที่วงแขนโอบกอดคนที่เขารักไว้อย่างปกป้อง

     

    “ พวกนาย... รักกันงั้นเหรอ?  ”   มีเพียงอาการพยักหน้าของแพคฮยอน เท่านั้นก็เป็นเครื่องยืนยันได้มากพอแล้วสำหรับชานยอล

     

    “ ฉันรู้นายรักฉัน  ชานยอล  และนายก็รักพี่ชอนดุง ได้โปรดเถอะ..  ฉันขอร้อง ถ้านายรักฉันจริงๆ ได้โปรดปล่อยฉันไป ให้ฉันมีความสุขกับความรักของฉัน  ฉันไม่สามารถฝืนหัวใจตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ”


    แล้วความรักของเขาล่ะ?  มันไม่เคยมีความหมายสำหรับแพคฮยอนเลยรึไง  คำถามผุดขึ้นในหัวใจของชานยอล  เป็นอีกครั้งที่คำพูดของอดีตคนรัก ซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายแท้ๆของเขา ทำร้ายหัวใจของเขาจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

     

    “ ไปซะ  ”   ชายหนุ่มกำหมัดแน่นอย่างอดกลั้น  ขณะเงยหน้าขึ้นสบสายตาของคนที่เขารักทั้งสองคน

     

    “ ป...  ไป!  ”  ชานยอลตะโกนจนสุดเสียง  ความรักของเขาถูกทรยศโดยคนสองคนที่เขารักมากที่สุด 

    ไม่ต่างอะไรกับหัวใจ  โลกที่เคยเต็มไปด้วยสีสันและความสุขของชานยอลไม่หลงเหลืออีกแล้ว  ..

     

    “ พี่..  ขอโทษ  ”   ปาร์คชอนดุงหันกลับมาอีกครั้ง  ริมฝีปากหนาขยับช้าเป็นถ้อยคำขอโทษ 

     

    แต่ทว่าหัวใจของเขาไม่สามารถที่จะให้อภัยได้ในตอนนี้..  ความเจ็บปวดที่ได้รับมันมากมายจนบดบังความรักที่สองพี่น้องเคยมีให้กันจนไม่หลงเหลือที่ว่างใดๆ

     

    ไม่เอาแล้ว... 

     

    ไม่เอาอีกแล้ว..

     


                  พอกันทีกับสิ่งที่เรียกว่าความรัก..  มันก็เป็นเพียงแค่ความเจ็บปวดและคำหลอกลวงเท่านั้น ..



                  ไม่เอาอีกแล้ว....    พอกันที...      ในโลกใบนี้ยังมีใครอีกไหมที่เขาจะสามารถเชื่อและวางใจให้เข้ามาดูแลหัวใจที่บาดเจ็บดวงนี้ได้...

     



                   คงไม่มีอีกแล้ว.. 

     

      โลกแห่งความเจ็บปวดและความเสียใจปิดประตูลงกลอนขังเขาไว้ในนั้น..  โซ่ตรวนที่เรียกว่าความรักตรึงเขาไว้ให้จมอยู่แต่กับความโศกเศร้า..    มีเพียงเสียงหัวใจที่ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดเท่านั้นที่ดังสะท้อนกลับไปกลับมา  


                    ชานยอลเดินกลับไปยังห้องนอนของเขาโดยใช้พนังสีขาวเป็นเครื่องช่วยพยุง ..  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทิ้งตัวลงกับเตียงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง..

     

    หยาดน้ำตาที่เขาอดทนกลั้นเอาไว้เมื่อครู่ไหลลงมาไม่ขาดสาย..

     

    ต่อจากนี้.. 

     

    ปาร์คชานยอลจะไม่เหลือหัวใจไว้ให้ใครอีก...

     

     

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    “  เอ่อ  พี่ชานยอลครับ  รุ่นพี่ครับ  ”  เซฮุนขานชื่ออีกฝ่าย พลางโบกมือหย็อยๆในระดับสายตาของอีกฝ่าย

    “ หะ หา?  ”   ชานยอลสะดุ้งโหยง

    “ เอ่อ เมื่อกี้ที่ผมถาม.. คือ  ” 

    “ ไม่เป็นไรหรอก..  เลิกกันไปนานแล้วล่ะ  ”   รอยยิ้มบางๆถูกยกมาปกปิดร่องรอยความเศร้า ชื่อของคนๆนั้นยังคงตามหลอกหลอนเขาจนถึงทุกวันนี้   แม้เวลาจะผ่านมาสองปีกว่าแล้วก็ตาม ความรู้สึกเจ็บปวดในตอนนั้นไม่ได้เลือนหายไปจากใจของเขาเลยแม้แต่น้อย

    “ อ่า  ผมขอโทษนะครับ  ”  เซฮุนรับรู้ได้ถึงกระแสความเศร้าในคำตอบที่ได้รับ  ชายหนุ่มอยากจะทึ้งหัวตัวเองซะเดี๋ยวนั้น  เขาไม่น่าถามอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ต้องคิดมากเลย

    “ ไม่เป็นไรหรอกน่า นายถามทำไมหรอ?  ”    ชานยอลถามกลับ

    “ ผมแค่อยากขอคำปรึกษาครับ  ”   ใบหน้าขึ้นสีอ่อนๆของชายหนุ่มรุ่นน้องทำให้เขาเข้าใจในทันที

    “  ปรึกษาเรื่อง?  ”     ชานยอลลองหยั่งเชิงถามไปงั้นๆ เขารู้ดีแก่ใจว่าเรื่องที่เซฮุนต้องการปรึกษานั้นคือเรื่องอะไร

     

    “ ผม...... แอบชอบคนๆนึงอยู่ครับ  ”

     

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    “ เอาชิ้นนั้นครับ  ”   คริสพูดพลางชี้ไปที่เค้กในตู้กระจก   รอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากปรากฏขึ้นยามนึกถึงสิ่งที่จะกลับไปทำ

    เพียงนึกภาพรอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้  ใบหน้าที่ขึ้นสีน้อยๆ กับคำพูดที่ชอบพูดจากวนโมโห  คริสก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

     

    ดูเหมือนว่า ปาร์คชานยอล  มีอิทธิพลกับหัวใจของเขามากเกินไปแล้ว

     

    “ เรียบร้อยค่ะ  ”  เสียงพนักงานที่ยื่นกล่องเค้กให้เรียกให้คริสหลุดจากความคิดของตน มือหนาเอื้อมไปรับของสำคัญมาถือไว้อย่างหวงแหน

    “ ขอบคุณมากครับ  ”   เขาส่งยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเดินออกจากร้าน ร่างสูงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปตามทาง   
    จนกระทั่ง...


    "  อึก.. "   ชายหนุ่มผมสีทองหม่นครางด้วยความเจ็บปวด มือข้างที่ว่างยกขึ้นกุมเสื้อสูทจนยับยู่


    ถึงแม้เขาจะถูกความเจ็บปวดเล่นงานจนแทบจะเดินต่อไม่ไหว..  แต่ถึงอย่างนั้น  แขนอีกข้างของชายหนุ่มก็ยังกอดกล่องเค้กไว้อย่างระมัดระวัง

     

    “ ไม่เป็นไร..  แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก  ”   เขาพึมพำกับตนเองขณะใช้เสาไฟเป็นเครื่องช่วยยันกายขึ้นก้าวเดินต่ออีกครั้ง

     

    ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มของคนเขาที่รักอีกสักครั้ง.. ขอให้ได้พูดจากปากว่าเขารักอีกฝ่ายมากแค่ไหน
    และได้ยินคำว่ารักที่ออกมาจากใจของคนๆนั้นจริงๆ แค่เพียงสักครั้งเดียว.. เท่านี้เขาก็คงไม่ต้องการอะไรอีก

     




    ...พระเจ้าครับ..

     



    ...ผมไม่ได้ร้องขอมากเกินไป...   

     ..ใช่ไหมครับ? ..

     



    ขอแค่เพียงสักครั้งที่เขาจะพูดคำว่า “ รัก ” ออกมาจากใจจริงๆ









    Let’s talk with writer ; 

    มาต่อตอนสั้นๆอย่างรวดเร็ว.. ๕๕ กำลังอยู่ในช่วงฟิตค่ะ

    ตอนนี้ไรท์เตอร์กำลังมีความสุขปนความทุกข์กับการอัพฟิคทั้งสองเรื่อง  *กุมขมับ*

    เป็นยังไงบ้างคะนักอ่านทั้งหลาย กับตอนที่สอง ?  /ตอบมาเลยนะ!}

    ปล. ขอขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ จะทันเรื่องนู้นอยู่แล้ว ๕๕

    รักคนอ่าน แต่รักคนเม้นท์มากกว่าค่ะ!

    พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ :D



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×